Sunday, 30 June 2024
วลาดิมีร์_ปูติน

รัสเซียนำ จีนหนุน ร่วมสกัดจลาจลในคาซัคสถาน หลังผู้นำคาซัคฯ เชื่อ!! มีก๊วนต่างชาติจ่อล้มรัฐบาล

จากเหตุการณ์ประท้วงครั้งใหญ่ในคาซัคสถานไม่นานมานี้ ที่นำไปสู่การก่อเหตุจลาจลอย่างหนักมาร่วม 1 สัปดาห์ ส่งผลให้นายคาสซิม-โฌมาร์ต โทคาเยฟ ผู้นำคาซัคสถาน ต้องส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากรัสเซียผ่านองค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน (CSTO) พันธมิตรทางทหารที่มีประเทศสมาชิก 6 ประเทศ โดยที่มีรัสเซียเป็นแกนนำ 

แน่นอนว่า หลังจากที่กองกำลัง CSTO ได้ยกพลกว่า 2,500 นายเข้าไปช่วยปราบจลาจลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์ในเมืองต่างๆ ก็เริ่มคลี่คลาย แม้จะมีรายงานผู้เสียชีวิตถึง 160 ราย และถูกจับกุมไปแล้วมากกว่า 8,000 คนก็ตาม  

เกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ด้านผู้นำคาซัคสถานได้ออกมากล่าวผ่านสื่อ โดยเขาเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการกระทำรัฐประหารเพื่อโค่นอำนาจรัฐบาลปัจจุบันอย่างแน่นอน และได้จับกุมตัว นายคาริม มาสซิมอฟ อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง และความมั่นคง ในข้อหาทรยศ และอยู่เบื้องหลังแผนการรัฐประหารครั้งนี้ในเวลาต่อมา

ตัดมาทางด้าน วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ก็ประกาศชัยชนะที่สามารถนำความสงบกลับสู่คาซัคสถานได้ และพร้อมที่จะเริ่มทยอยถอยทหารของกองกำลัง CSTO ออกจากคาซัคสถานต่อไป 

อย่างไรก็ตาม ฟากประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ก็ตั้งคำถามว่าทำไมผู้นำคาซัคสถานต้องขอให้ทางรัสเซียเป็นแกนนำจัดกองทัพเข้าไปช่วยปราบปรามเหตุจลาจลในประเทศ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการประท้วงของชาวคาซัคสถานในเรื่องการปรับขึ้นราคาน้ำมัน 

ด้านคาสซิม-โฌมาร์ต โทคาเยฟ ผู้นำคาซัคสถาน จึงได้ออกมากล่าวว่า เหตุที่ต้องเรียกกองหนุนจากองค์กร CSTO เนื่องจากคาซัคสถานก็เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกที่ใหญ่เป็นอันดับสอง และเขามองว่าเหตุการณ์จลาจลครั้งนี้มีความไม่ปกติ มีกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธข้ามชาติแอบแฝงเข้ามาปะปน จนทำให้เหตุการณ์บานปลายกลายเป็นความรุนแรง ถึงขั้นเผาสถานที่ราชการ ปล้นสดมร้านค้า และธนาคาร จึงต้องรีบจัดการอย่างเร่งด่วนที่สุด 

‘ปูติน’ ออกกฤษฎีกา ‘ฮุบทรัพย์สินมะกัน’ หากสหรัฐฯ ยึดทรัพย์รัสเซีย ตอบโต้การยึดสินทรัพย์รัสเซียในแบงก์อเมริกันที่ปันไปช่วยเหลือยูเครน

เมื่อวานนี้ (23 พ.ค. 67) สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียลงนามกฤษฎีกา กำหนดให้รัฐบาลเตรียมระบุสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงพันธบัตรที่อาจถูก 'ยึด' เพื่อนำมาชดเชยความเสียหาย ในกรณีที่รัฐบาลสหรัฐฯ มีคำสั่งอายัดหรือยึดทรัพย์สินของรัสเซียในอเมริกา

โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นจากคณะผู้เจรจาของกลุ่มชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ หรือ G7 ได้มีการพูดคุยกันมานานหลายสัปดาห์แล้วว่าจะดึงเอาทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกชาติตะวันตกอายัดไว้หลังเกิดสงครามในยูเครน ซึ่งมีทั้งในรูปสกุลเงินหลักและพันธบัตรรัฐบาลรวมมูลค่าราว 300,000 ล้านดอลลาร์ ออกมาใช้ประโยชน์อย่างไรได้บ้าง

แม้การตอบโต้แบบ 'ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน' จะเป็นเรื่องยากสำหรับรัสเซีย เนื่องจากมูลค่าการลงทุนจากต่างชาติที่ลดน้อยลงมาก แต่เจ้าหน้าที่และนักเศรษฐศาสตร์แสดงความกังวลผ่านรอยเตอร์สในเดือนนี้ว่า มอสโกอาจจะหันไปใช้วิธียึดเงินสดของพวกนักลงทุนเอกชนแทน

กฤษฎีกาของ ปูติน ระบุว่า สหพันธรัฐรัสเซียหรือธนาคารกลางรัสเซียสามารถร้องขอให้ศาลรัสเซียพิจารณาได้ว่าทรัพย์สินของรัฐถูกยึด ‘โดยปราศจากความชอบธรรม’ หรือไม่ เพื่อเปิดทางไปสู่การเรียกร้องเงินชดเชย จากนั้นศาลจะมีคำสั่งบังคับชดเชยในรูปสินทรัพย์และทรัพย์สินของสหรัฐฯ ที่มีอยู่ในรัสเซีย ตามบัญชีรายชื่อซึ่งคณะกรรมาธิการว่าด้วยการจำหน่ายสินทรัพย์ต่างชาติได้จัดทำเอาไว้

ในบรรดาทรัพย์สินของสหรัฐฯ ที่อยู่ในข่าย 'ถูกยึด' ได้นั้นรวมถึงตราสารหนี้ หุ้นในบริษัทของรัสเซีย อสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์ และกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินต่างๆ

ดมิตรี เมดเวเดฟ อดีตผู้นำรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันเป็นรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยอมรับเมื่อเดือนที่แล้วว่า รัสเซียมีทรัพย์สินของรัฐบาลอเมริกันอยู่ในมือไม่มากนัก ดังนั้นมาตรการตอบโต้จึงต้องเป็นไปแบบ 'อสมมาตร' โดยเน้นที่ทรัพย์สินของเอกชนเป็นหลัก

กฤษฎีกาของ ปูติน ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า ทรัพย์สินของบุคคลที่อยู่ในการควบคุมของสหรัฐฯ อาจตกเป็นเป้าหมายได้ แต่ก็ไม่ได้ให้นิยามชัดเจนว่า 'ภายใต้การควบคุมของสหรัฐฯ' นั้นจะพิจารณาจากหลักเกณฑ์ใด

ทรัพย์สินของนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึงบุคคลและกองทุนขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ถูกจัดเอาไว้ในบัญชีพิเศษ ‘Type-C’ ที่รัสเซียประกาศใช้ หลังจากที่ส่งทหารรุกรานยูเครนเมื่อเดือน ก.พ. ปี 2022 จนถูกสหรัฐฯ และบรรดาพันธมิตรตะวันตกคว่ำบาตรอย่างหนัก

เงินสดในบัญชี Type-C นี้จะไม่สามารถถูกยักย้ายถ่ายโอนออกนอกรัสเซียได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐบาลมอสโก

สหรัฐฯ เองก็ได้ผ่านกฎหมายอนุญาตให้รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน สามารถยึดทรัพย์สินรัสเซียที่มีอยู่ในธนาคารอเมริกัน และส่งมันไปช่วยเหลือยูเครน ในความเคลื่อนไหวที่มอสโกประณามว่า 'ผิดกฎหมาย'


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top