Tuesday, 2 July 2024
ม็อบ3นิ้ว

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความเตือนภัยสังคมกับหนังสือนิทานชุด 'นิทานวาดหวัง' ผลงานของกลุ่มม็อบ 3 นิ้วที่มีคดีติดตัวกันมากมาย จำหน่ายให้เด็กอายุ 5 ขวบ ชี้ล้างสมองเด็ก จี้ กระทรวงศึกษาฯ ตำรวจ ต้องตรวจสอบโดยเร็ว

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับการ์ตูนของกลุ่มม็อบ 3 นิ้ว ที่มีการวางขายออนไลน์ โดยพบว่าการ์ตูนดังกล่าวมีแนวความคิดในเชิงปลุกระดมและล้างสมองเด็ก ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว 'สมชาย แสวงการ' โดยได้ระบุข้อความว่า... 

“ปลุกระดมบ่มเพาะฝังรากล้างสมอง ใช้การ์ตูนครอบงำความคิดเด็ก อันตรายมากครับ ผู้มีหน้าที่ในบ้านเมือง ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รมต.ศึกษาฯ ผบ.ตร. หน่วยงานความมั่นคงอยู่ไหนกันครับ ต้องดูเนื้อหาตรวจสอบข้อกฎหมายและรีบดำเนินคดีโดยเร็วครับ ฝากการบ้านช่วยตรวจดูว่าเข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ด้วยหรือไม่ครับ”

จากการตรวจสอบเพจ 'วาดหวังหนังสือ' พบว่ามีการจำหน่ายนิทานวาดหวัง ชุด 8 เล่ม ในราคาสูงถึง 700 บาท โดยหนึ่งในหนังสือชุดนี้มีหนังสือที่ชื่อว่า '10 ราษฎร' ที่เป็นนิทานภาพไร้คำ ซึ่งมีตัวการ์ตูนหลักคือแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมาย เช่น รุ้ง ปนัสยา และ เพนกวิน พริษฐ์ ไผ่ ดาวดิน เป็นต้น

โดยทางผู้จัดทำและจำหน่ายอ้างว่าเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 5 ขวบ ถึง 112 ปี โดยหนังสือนิทานทั้ง 8 เล่ม ได้แก่ 1.) นิทานตัวไหน ตัวไม่มีหัว 2.) นิทานแค็ก แค็ก มังกรไฟ 3.) นิทาน จ จิตร 4.) นิทานเสียงร้องของผองนก 5.) นิทานแม่หมิมไปไหน 6.) นิทานเด็กมีความฝัน 7.) นิทานเป็ดน้อย และ 8.) นิทาน 10 ราษฎร ซึ่งนิทานทั้ง 8 เล่ม เป็นนิทานการเมือง เล่าเรื่องราวของการชุมนุมม็อบราษฎรผ่านภาพวาดการ์ตูน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิทย์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้เคยออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าวแล้วเช่นกัน โดยได้ระบุข้อความว่า... 

“ผลิตสื่อลงมาล้างสมองเด็กให้เป็นซอมบี้สามกีบตั้งแต่อนุบาล ประถมต้น วาดการ์ตูนมาอย่างดี รัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ รู้แล้วหรือยัง?”

‘ดร.นิว’ พารู้จัก ‘มายด์’ เด็กโข่งแห่งม็อบ 3 นิ้ว ชี้!! พูดดี-แสดงเก่ง-ฉลาดน้อย ไม่รู้ตัวกำลังถูกสนตะพาย

(17 พ.ย. 65) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง ‘ทำความรู้จักน้องมายด์สามนิ้วผ่าน 3 ข้อเรียกร้อง’

ดูเหมือนว่าน้องมายด์พึ่งจะได้รับบทพูดบทใหม่ ถึงได้ออกหน้าแสดงความห่วงใยต่อทรัพยากรของประชาชนในช่วงนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ น้องมายด์ไม่เคยออกมาช่วยกัน ทวงคืนป่าสงวนแห่งชาติสองพันกว่าไร่จากนายทุนตระกูลหนึ่งเลยแม้แต่นิดเดียว

[ ข้อ 1. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องยกเลิกนโยบาย BCG กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ที่พยายามนำเสนอเข้าที่ประชุมเอเปครับรอง เนื่องจากเป็นแนวคิดที่เอื้อประโยชน์กับกลุ่มทุนชั้นนำในประเทศ ]

BCG (Bio-Circular-Green) Economy เป็นแนวคิดบูรณาการทางเศรษฐกิจ ที่ได้รวบรวมแนวคิดทางเศรษฐกิจที่หลากหลายมาไว้ด้วยกัน แล้วมุ่งเน้นนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยเสริมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม Bio Economy - เศรษฐกิจชีวภาพ Circular Economy - เศรษฐกิจหมุนเวียน Green Economy - เศรษฐกิจสีเขียว

นับได้ว่าเป็นแนวคิดที่ทันสมัยและเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในโลกยุคใหม่นี้เป็นอย่างมาก มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและกระจายรายได้ อีกทั้งยังสอดคล้องกับกระแสประชาคมโลกในการเผชิญหน้ากับวิกฤตปัญหาโลกร้อนอีกด้วย

ตลอดจน BCG ยังเป็นวิสัยทัศน์ที่ได้รับการยอมรับโดย APEC มาก่อนหน้านี้แล้วเสียด้วยซ้ำ เห็นได้จากเอกสารให้ความรู้ของ APEC ฉบับนี้ https://www.apec.org/publications/2022/08/understanding-the-bio-circular-green-(bcg)-economy-model

ไม่นึกว่าคนที่ร่ำเรียนวิศวกรรมโยธาจะขาดความรู้ความเข้าใจต่อแนวคิดสิ่งแวดล้อมพื้น ๆ เช่นนี้ ได้ข่าวว่าน้องมายด์อายุ 26 ปีแล้ว แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เรียนหนังสือในระดับปริญญาตรีจบแล้วหรือไม่ แสดงถึงความไม่รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบต่อตนเอง

[ ข้อ 2. พลเอกประยุทธ์ ไม่มีความชอบธรรมที่จะลงนามข้อตกลงร่วมกับผู้นำกลุ่มเอเปค และต้องยุติบทบาทการเป็นประธานในที่ประชุมโดยทันที ]

ถ้าพลเอกประยุทธ์ไม่มีความชอบธรรม ผู้นำและตัวแทนต่างชาติทั้งหมดก็คงไม่เดินทางมาร่วมในการประชุมในครั้งนี้หรอก ตัวน้องมายด์เองใหญ่มาจากไหน ถึงได้ทำตัวกร่างและกล้ามาออกคำสั่งผู้นำนานาชาติไม่ต่างจากเด็กโข่งที่เป็นเผด็จการทางความคิด

แถมน้องมายด์ยังฉลาดน้อยและอาจตกเป็นเครื่องมือในการสร้างสถานการณ์รุนแรง เพราะวันที่ 18 พ.ย. นี้ น้องมายด์ไม่มีความจำเป็นต้องออกมาก่อม็อบสร้างปัญหาเลย เดี๋ยว 19 พ.ย. ก็จะมีพิธีส่งมอบการเป็นเจ้าภาพ APEC แก่สหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว

ดังนั้น การออกมาอ้างว่าต้องการหยุด APEC จึงเป็นเพียงแค่โฆษณาชวนเชื่อที่ดูน่าตลกขบขันเสียมากกว่า และไม่ใช่เจตนาที่แท้จริงของคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังม็อบอีกด้วย เพราะถ้าต้องการหยุด APEC จริง ต้องหยุดตั้งนานแล้ว ไม่ใช่จะมาหยุดในวันท้าย ๆ แบบนี้

[ ข้อ 3. พลเอกประยุทธ์ ต้องยุบสภา เปิดทางให้มีการเลือกตั้ง จัดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง อันจะทำให้ได้มาซึ่งผู้นำปประเทศที่สง่างาม คู่ควรกับการเป็นเจ้าภาพในการประชุมประชาคมโลกในอนาคต ]

อีกไม่นานพลเอกประยุทธ์ก็จะหมดวาระแล้ว ส่วนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ไม่ได้นำไปสู่การสร้างประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งพยายามช่วงชิงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และคอยชี้นำอย่างบิดเบือน มีแต่จะสร้างความแตกแยกครั้งมโหฬารเท่านั้น

การเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้ว #ราษฎรหยุดAPEC2022 โดยมีน้องมายด์เป็นนักแสดงนำกับ 3 ข้อเรียกร้อง จึงเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนน้อย มีแต่จะขัดขวางความเจริญและบั่นทอนผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ

อีกทั้งการใช้ม็อบสร้างสถานการณ์กดดันนำไปสู่ความรุนแรง จงใจเคลื่อนไหวต้องการให้เกิดการเผชิญหน้า สร้างเงื่อนไขให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปราบปราม แล้วนำภาพมาขยายผลอย่างบิดเบือน ก็เป็นวิธีการสกปรกเดิม ๆ ที่ม็อบสามนิ้วกระทำมาโดยตลอด

‘อ.ไชยันต์’ ชี้ ศาสดาทางการเมืองไม่ต่างจากพ่อค้ายา ใช้เด็กเป็นเครื่องมือ ตอบแทนแค่เศษเงิน

(9 ส.ค. 66) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Chaiyan Chaiyaporn’ ระบุว่า…

ผู้ที่ให้การสนับสนุน-อยู่เบื้องหลังเยาวชนที่ออกมาประท้วงด้วยอาการและอารมณ์ที่รุนแรง จนน่าเป็นห่วงสุขภาพจิตของพวกเยาวชนเหล่านั้น คือ ผู้ที่มีจิตใจอำมหิตมาก

ใช้ช่วงชีวิตและอนาคตของเด็กเป็นเครื่องมือไปสู่สิ่งที่พวกตนต้องการ โดยพวกตนเท่านั้น คือ ผู้ได้ประโยชน์ที่แท้จริง

ส่วนเด็กเหล่านั้น ได้แค่เศษ ที่ไม่มีวันคุ้มค่ากับช่วงชีวิตและอนาคตที่จะต้องเสียไป ผู้ที่ให้การสนับสนุน-อยู่เบื้องหลังนี้ ไม่ต่างจากพวกค้ายาเสพติดที่ทำให้เด็กติดยา แล้วใช้เด็กวิ่งยา ขายยาฯ

เด็กเหล่านี้ถูกทำให้ไม่เชื่อว่า จะมีใครที่จะดีหรือหวังดีต่อพวกเขาจริง ๆ นอกจาก ‘ผู้ที่ให้การสนับสนุนเหล่านั้น’

เด็กจะทำทุกอย่างเพื่อได้รับคำชมและค่าขนมจาก ‘ศาสดา’ ผู้ที่ทำตัวเป็นศาสดาทางการเมือง-ผู้นำมาซึ่งแสงอันเจิดจรัส ที่ทำให้เยาวชนได้ตาสว่าง ปลดปล่อยพวกเขาจากการถูกกดทับกดขี่ พวกศาสดาเหล่านี้ไม่ต่างจากพวกค้ายาเสพติด

‘ศาลอาญา’ พิพากษาจำคุก ‘เสี่ยวเป้า’ 3 ปี  ฐานร่วมม็อบ 3 นิ้ว ร้องเพลงหมิ่น-ใส่ร้ายสถาบันฯ

(20 มิ.ย.67) บัญชี X ของ ‘TLHR / ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

ศาลอาญาพิพากษาคดี #ม112 ของ ‘เสี่ยวเป้า’ เหตุร้องเพลง ‘โชคดีที่มีคนไทย’ หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 65 เห็นว่ามีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดเหลือจำคุก 2 ปี

เห็นว่าจำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน ไม่ได้มีพฤติการณ์เป็นแกนนำ ให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญา ไว้ 2 ปี คุมประพฤติ 1 ปี รายงานตัวต่อศาลทุก 3 เดือน และบำเพ็ญประโยชน์ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้กรณีดังกล่าว วรินทร์ทิพย์ วัชรวงษ์ทวี หรือ ‘เสี่ยวเป้า’ อายุ 53 ปี ถูกแจ้งกระทำความผิดในข้อหา ‘หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ’ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากเหตุร้องเพลง ‘โชคดีที่มีคนไทย’ บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2565 โดยมี ‘อานนท์ กลิ่นแก้ว’ แกนนำกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เป็นผู้แจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ประชาชื่น

โดยพฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหา คือ วรินทร์ทิพย์ ได้ร้องเพลงชื่อว่า ‘โชคดีที่มีคนไทย’ บริเวณหน้าเรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ และมีการไลฟ์สดผ่านช่องยูทูป ผู้กล่าวหาเห็นว่ามีเนื้อหาใส่ร้ายป้ายสี หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายทําให้พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 และรัชกาล 10 เสื่อมเสียพระเกียรติ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top