Saturday, 22 June 2024
พัชรวาท

'พัชรวาท' ตั้งเป้าปีหน้า 'สวนสัตว์เชียงใหม่' ปั๊มเม็ดเงินเกือบ100 ล้านบาท หลังเพิ่มสัตว์นานาชนิด ดึงดูดนักท่องเที่ยว

มีกิจกรรมหลากหลาย พร้อมชวนคนไทยหนาวนี้ ปักหมุดเที่ยวจุดแลนด์มาร์ค “แหล่งเรียนรู้ อนุรักษ์ วิจัย สัตว์ป่า” เชิญชวนสักการะ “พระนวพุทธมหาบารมี” พระพุทธรูปองค์แรกของไทยที่บูรณะจากชิ้นส่วนองค์เดิมสมัยล้านนา 

พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ลงพื้นที่เชียงใหม่เพื่อมอบนโยบายเรื่องไขปัญหาหมอกควัน ตนยังได้ไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานและรับฟังการบรรยายพิเศษของสวนสัตว์เชียงใหม่ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พร้อมนั่งรถชมพื้นที่โดยรอบสวนสัตว์เชียงใหม่ สามารถเข้าชมสัตว์ได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นมา สวนสัตว์เชียงใหม่ได้เพิ่มความหลากหลายของสัตว์มากขึ้น เพื่อส่งมอบความสุขให้นักท่องเที่ยวและผู้มาเยือน โดยมีโซนสัตว์แอฟริกา อาทิ ยีราฟ ที่ได้รับมอบเพิ่มมาใหม่ 1 ตัว ชื่อเดิมว่า "น้องแหว่ง" หรือ "น้องต้นคูน" เพศผู้ อายุ 6 ปี 1 เดือน และ ม้าลาย ชื่อ "ต้นหนาว" เพศผู้ อายุ2 ปี11 เดือน  ตลอดจนสัตว์อื่นๆ ซึ่งได้รับทราบจากรายงานว่าสวนสัตว์เชียงใหม่ในปีนี้มีรายได้ถึง 79.50 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผน และในปีหน้าตั้งเป้าไว้ที่ 97 ล้านบาท

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนยังได้ร่วมกิจกรรม “แอ่วเหนือ ม่วนหนาว สุดว้าว ที่สวนสัตว์เชียงใหม่” “Chiangmai Zoo Winter Land” ณ บริเวณด้านหน้าส่วนจัดแสดงหิมะเทียม (Snow Buddy Winter Land) และนั่งรถบริการไปสักการะองค์ “พระนวพุทธมหาบารมี” ณ โบราณสถานวัดกู่ดินขาว ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ ซึ่งเป็นองค์ที่ตนเคยเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2562 สำหรับองค์พระนวพุทธมหาบารมีองค์นี้ มีความพิเศษ เพราะเป็นการบูรณะพระพุทธรูปองค์แรกของประเทศไทยที่ใช้นวัตกรรมการบูรณะโดยใช้ชิ้นส่วนเดิมเป็นองค์ประกอบขึ้นเป็นองค์พระ เพื่อให้มีความศักดิ์สิทธิ์และรักษาองค์พระเดิม ภายหลังที่ได้พบชิ้นส่วนพระอุระที่หลงเหลือจากสมัยล้านนา

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า การมาตรวจเยี่ยมสวนสัตว์เชียงใหม่ในครั้งนี้ ได้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดร่วมมือกัน จนทำให้สวนสัตว์มีการพัฒนาอย่างมาก เป็นแหล่งเรียนรู้ อนุรักษ์ วิจัย สัตว์ป่า และเป็น Landmark แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เชื่อว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับจังหวัดอีกทางหนึ่งด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ อยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนเดินทางมาเที่ยวสวนสัตว์แห่งนี้ รับรองว่าจะประทับใจไม่รู้ลืม ทางสวนสัตว์จะมีกิจกรรมมากมาย อาทิ ช่วงปลายเดือนนี้ จะมีกิจกรรมลอยกระทงในสโนว์บัดดี้ เดือนธ.ค.จะมีกิจกรรมเกิดวันไหนไปสวนสัตว์ และหมอกบนดินถิ่นล้านนา เป็นต้น

ผู้พิทักษ์ป่า รับข่าวดีปีใหม่ "พัชรวาท" เผย กรมบัญชีกลางอนุมัติให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนลาดตระเวนนอกเวลาเพิ่ม สูงสุดเดือนละ 3,000 บาท

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ขอแสดงความยินดีกับเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ปฏิบัติหน้าที่ เดินลาดตระเวนเพื่อป้องกันปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ ที่ได้รับข่าวดีในปีใหม่นี้ โดยกรมบัญชีกลางได้อนุมัติให้กรมอุทยานฯเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษจากเงินอุทยานแห่งชาติ ในการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ ในอัตราชั่วโมงละ 50 บาท วันละไม่เกิน 4 ชม. เป็นการกำหนดอัตราค่าตอบแทนใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานลาดตระเวนจริง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้พิทักษ์ป่าและครอบครัว ดังนี้ 

1. ปฏิบัติงานลาดตระเวนไม่น้อยกว่า 14 คืนต่อเดือน ให้ได้รับค่าตอบแทนพิเศษ ในอัตรา 2,000 บาทต่อเดือน 
2. ปฏิบัติงานลาดตระเวนไม่น้อยกว่า 17 คืนต่อเดือน ให้ได้รับค่าตอบแทนพิเศษ ในอัตรา 2,500 บาทต่อเดือน 
3. ปฏิบัติงานลาดตระเวนไม่น้อยกว่า 20 คืนต่อเดือน ให้ได้รับค่าตอบแทนพิเศษ ในอัตรา 3,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ สำหรับการปฏิบัติงานลาดตระเวนไม่ถึง 14 คืนต่อเดือน จะไม่ได้รับค่าตอบแทนพิเศษในเดือนนั้น สำหรับการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษแก่เจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่า จะสามารถดำเนินการได้ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2567 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าของกรมอุทยานฯ ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั้งทางบกและทางทะเล ออกตรวจลาดตระเวน ป้องกันปราบปราม รวมทั้งจัดทำฐานข้อมูลทรัพยากร ซึ่งหากพบการกระทำความผิดจะมีการตรวจสอบ ตรวจยึด เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย รวมไปถึงการกระทำความผิดนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี โดยภารกิจดังกล่าวเจ้าหน้าที่จะต้องรับความเสี่ยงเผชิญภัยอันตราย เสี่ยงภัยธรรมชาติและภัยคุกคามจากผู้กระทำผิด ดังนั้น จึงเป็นการปรับปรุงค่าตอบแทนให้เหมาะสมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่

“พัชรวาท” เปิดงาน “วันช้างไทย” ชู “ขุนพลแห่งนักรบประจำชาติ”

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่จังหวัดลำปาง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางไปเป็นประธานพิธีวันช้างไทย ประจำปี 2567 จัดขึ้นโดยสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง โดยมีนายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง  นายสุกิจ จันทร์ทอง ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ให้การสนับสนุนการจัดงานวันช้างไทยให้การต้อนรับ 

โดย พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ช้างไทย เป็นสัตว์มงคลที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเกี่ยวข้องกับสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ วิถีชีวิตแห่งช้างไทย ยังผูกพันกับคนไทยอย่างแนบแน่น ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งในยามศึกสงครามและยามสงบสุข ปัจจุบันช้างไทย ประสบกับสภาวะวิกฤตต่าง ๆ มากมาย ปัญหาช้างล้นป่า เนื่องจากพื้นที่ป่าในประเทศลดลง ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง หรือโรคอุบัติใหม่ในช้าง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขและการช่วยเหลือเพื่ออนุรักษ์ช้างให้อยู่ร่วมกับคนได้อย่างมีความสุข 

 “ขอขอบคุณ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จังหวัดลำปาง และหน่วยงานต่างๆ  ที่สนับสนุน  และเข้าร่วมงานวันช้างไทยในปีนี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงบุญคุณและเชิดชูขุนพลแห่งนักรบหรือช้างไทย ได้ตระหนักถึงความสำคัญของช้างไทย และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ช้างให้คงอยู่ อีกทั้งยังเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน ในการอนุรักษ์และบริบาลช้างทุกท่าน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในอนาคตความเป็นอยู่ของช้างไทย จะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด”พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าว 

จากนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ลั่นฆ้องชัยเพื่อเป็นการเปิดงานและมอบรางวัลการจัดประกวดซุ้มอาหารช้าง และรางวัลควาญช้างดีเด่น ประจำปี 2567 พร้อมทั้งร่วมเลี้ยงอาหารช้างบนสะโตกใหญ่ โดยมีช้างเข้าร่วมพิธีมากกว่า 100 เชือก ทั้งนี้ภายในงานมีกิจกรรมที่เล็งเห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของช้างไทย เช่น การบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฮ้องขวัญช้าง ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับช้างที่ล้มไปแล้วและตักบาตรร่วมกับช้าง ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.พัชรวาท ยังได้ไปเยี่ยมและถ่ายภาพกับพลายศักดิ์สุรินทร์ที่รักษาอาการบาดเจ็บ ซึ่งพบว่าอาการดีขึ้นตามลำดับ  

พัชรวาท เชิญชวนประชาชนทั่วประเทศร่วมกันปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียว ช่วยลดโลกเดือด เนื่องในวันต้นไม้ประจำปีของชาติ 2567

(21 พฤษภาคม 2567) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ จัดกิจกรรมวันต้นไม้ประจำปีของชาติ ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชาของทุกปี โดยมี พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธี และผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกิจกรรม พร้อมกับได้ปลูกต้นรวงผึ้ง บริเวณด้านหน้ากรมป่าไม้ 

พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2532 อนุมัติให้วันวิสาขบูชาของทุกปีเป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ และมีการจัดกิจกรรมเป็นประจำทุกปี เพื่อปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ โดยรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้มีการปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งจะก่อให้เกิดความรัก ความหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งเป็นการอนุรักษ์และเพิ่มคุณค่าของพื้นที่ป่าไม้ รวมถึงช่วยป้องกันและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ลดมลภาวะจากฝุ่นและหมอกควัน ช่วยลดภาวะโลกร้อน โดยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ จังหวัดเพชรบุรี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบกล้าไม้มหามงคล "ต้นหัวใจเศรษฐี" ให้กับนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทุกท่าน เนื่องในวันต้นไม้ประจำปีของชาติ 2567 ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศ ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและช่วยลดโลกร้อน โดยใช้โอกาสวันสำคัญในวันนี้

ด้านนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ในปีนี้กรมป่าไม้จัดกิจกรรมวันต้นไม้ประจำปีของชาติ 2567 พร้อมกันทั่วประเทศ โดยสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ทุกสำนัก และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้สาขาทุกสาขา ยังได้ร่วมกันจัดกิจกรรมวันต้นไม้ประจำปีของชาติ ปี 2567 ในวันนี้ โดยการจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้กรมป่าไม้ ยังได้เตรียมกล้าไม้เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่สนใจได้นำกลับไปปลูกตามที่อยู่อาศัย วัด โรงเรียน พื้นที่สาธารณประโยชน์ ตามความเหมาะสม โดยสามารถติดต่อขอรับกล้าไม้ได้ที่ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ กรมป่าไม้ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมเป็นส่วนสำคัญในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ต้นไม้ให้คงอยู่เป็นทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ทรงคุณค่าตลอดไป 

และในโอกาสวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ยกเว้นค่าบริการในการเข้าไปท่องเที่ยวพักผ่อนในวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 สำหรับบุคคลชาวไทยพร้อมยานพาหนะที่เข้าไปใช้บริการในป่านันทนาการ 3 แห่ง ได้แก่ ป่านันทนาการหินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ ป่านันทนาการน้ำตกเขาอีโต้ จังหวัดปราจีนบุรี และป่านันทนาการทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จังหวัดยะลา โดยพื้นที่ป่านันทนาการทั้ง 3 แห่ง จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมจากประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้ขยายตัวเพิ่มยิ่งขึ้น และช่วยส่งเสริมการศึกษาเรียนรู้ทางธรรมชาติให้แก่ประชาชนควบคู่ไปกับการพักผ่อนหย่อนใจในพื้นที่ป่านันทนาการได้อย่างเต็มที่

"พัชรวาท” อ้าแขนรับกองถ่ายระดับโลก ดึงอุทยานฯไทยร่วมฉาก พร้อมกำชับการถ่ายทำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม-ปล่อยคาร์บอนต่ำ"

จากกรณีที่สื่อมวลชนเผยแพร่ข่าว จะมีการถ่ายทำภาพยนตร์ดังระดับโลกในประเทศไทย ซึ่งมีการขออนุญาตถ่ายทำในสถานที่ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติทางทะเลด้วยนั้น

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่อุทยานแห่งชาติไทย ถูกเลือกให้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ดังระดับโลก เพราะนอกจากจะทำให้สถานที่ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติในประเทศไทย เป็นที่รู้จักของต่างประเทศ ยังส่งผลที่ดีต่อการท่องเที่ยวในประเทศ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนรอบแนวเขตอุทยาน และการท่องเที่ยวภายในจังหวัดนั้นด้วย นอกจากนี้ได้กำชับให้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญต้องไม่กระทบและเกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงต้องเป็นการถ่ายทำภาพยนตร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน หรือคาร์บอนต่ำ ตลอดจนการรบกวนสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด

ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มีหนังสือแจ้งมายังกรมอุทยานแห่งชาติฯ ระบุว่า “คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดีทัศน์  ได้อนุญาตให้ SAGA Productions Limited สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ สร้างภาพยนตร์เรื่อง “SAGA”  ระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน – 16 กรกฎาคม 2567 ระบุสถานที่ถ่ายทำประกอบด้วยกรุงเทพมหานคร จังหวัดพังงา จังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดตรัง” 

สำหรับกรณีดังกล่าวข้างต้น บริษัท เปสตัน ฟิลม์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประสานงานการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ได้ยื่นขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ 3 แห่ง คือ บริเวณหาดซันเซท เกาะกระดาน อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง เป็นระยะเวลา 5 วัน บริเวณน้ำตกห้วยโต้ อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา จังหวัดกระบี่ ระยะเวลา 3 วัน และบริเวณเขาตาปู เกาะสองพี่น้อง เกาะนากายะ อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จ.พังงา ระยะเวลา 5 วัน โดยมีการจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตถ่ายทำภาพยนต์และวางหลักประกันความเสียหายระหว่างถ่ายทำตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว 

จากการพิจารณาการเข้าถ่ายทำภาพยนตร์ดังกล่าว ซึ่งผ่านคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์มาแล้วว่ามีเนื้อหาและรูปแบบที่ไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาในการถ่ายทำภาพยนตร์ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตต้องไม่มีการปิดกั้นพื้นที่การถ่ายทำ  มีการควบคุมเรื่องเสียง อุปกรณ์และเทคนิคต่างๆคำนึงถึงความปลอดภัย และต้องไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือรบกวนสัตว์ป่า ในการสร้างฉาก จัดแต่งสภาพพื้นที่จะต้องไม่มีการขุดเจาะ หรือเปลี่ยนแปลงพื้นที่ถ่ายทำและสภาพธรรมชาติที่มีอยู่ดั้งเดิม ให้เกิดความเสียหายหรือเสื่อมสภาพของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และไม่รบกวนนักท่องเที่ยวที่เข้าเที่ยวชมธรรมชาติ รวมถึงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขและการควบคุมที่กำหนดอื่นๆ โดยให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแต่ละแห่งเป็นผู้แทนในการกำกับดูแลการถ่ายทำให้เป็นไปตามระเบียบที่กำหนดอย่างเคร่งครัด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top