Tuesday, 2 July 2024
ฐานการผลิต

‘ญี่ปุ่น’ เตรียมถอยทัพออกจากจีน เบนเข็มลุยอาเซียน ส้มหล่น!! ผลโพลเผย 76% ญี่ปุ่นเลือกซบไทย

(11 ธ.ค. 65) เมื่อไม่นานมานี้ รายการ Summary Reporter ได้เผยแพร่วิดีโอบอกเล่าเรื่องราวการลงทุนของญี่ปุ่นในจีน พร้อมระบุถึงทีท่าที่ไม่สู้ดี เนื่องจากมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่ยังเข้มข้นของจีน และแนวโน้มที่จะย้ายฐานการลงทุนกลับมาที่อาเซียน และส้มอาจหล่นที่ประเทศไทย โดยระบุไว้อย่างน่าสนใจว่า…

‘ญี่ปุ่น’ เตรียมเปลี่ยนแผนถอยทัพออกจากจีน เบนเข็มกลับสู่อาเซียน โดยมีโอกาสมากถึง 76% ที่จะกลับมาลงทุนในประเทศไทย หลังนโยนบายจีนเอาแน่เอานอนไม่ได้

ดูเหมือนนโยบายการเปิดประเทศของจีนนั้นน่าจะยังอีกยาวไกล ทำให้การทำธุรกิจในจีนดูสุ่มเสี่ยงเกินไป เพราะเอาแน่เอานอนไม่ได้สักอย่าง ในขณะที่โลกหมุนไป ทั่วโลกเปิดประเทศหมดแล้วหลังจากโควิด-19 แต่จีนยังอยู่แบบเดิมๆ คนทำธุรกิจก็แย่หนัก นำเข้าก็ไม่ไหว ส่งออกก็ไม่ได้ 

ด้วยเหตุผลนี้ทำให้หลายประเทศที่เข้าไปลงทุนในจีนต้องปรับแผนกันใหม่ เตรียมถอยทัพออกจากจีนในหลายๆ กลุ่มธุรกิจ

แต่ที่น่าจับตามองคือ ‘ญี่ปุ่น’ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าว Nikkei ของญี่ปุ่น ได้ไปสำรวจผู้ประกอบการธุรกิจหรือนักลงทุนที่เข้าไปลงทุนในจีน จากผลสำรวจระบุว่า จาก 100 แห่ง มี 78 แห่งบอกว่า ความเสี่ยงในการจัดหาชิ้นส่วนและอุปกรณ์วัตถุดิบในจีนมันเพิ่มมากขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

อีกทั้งบริษัทญี่ปุ่นประมาณร้อยละ 53% บอกว่า จะเตรียมลดการพึ่งพาในการจัดซื้อหรือการพึ่งพาอุปสงค์และอุปทานในจีนลง อย่างที่รู้กันว่าจีนเป็นโรงงานขนาดใหญ่ของโลก และโรงงานของญี่ปุ่นไปตั้งในจีนเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มบริษัทที่ผลิตเครื่องจักร จะมีการลดการพึ่งพาจีนลงถึง 60% 

ขณะที่บริษัทผู้ผลิตยานยนต์ เคมีภัณฑ์ จะลดการพึ่งพาจีนลงถึง 57% ส่วนบริษัทด้านอิเล็กทรอนิกส์จะลดการพึ่งพาจีนลง 55% ดูจากตัวเลขพวกนี้ถือว่าลดลงครึ่งๆ เลยทีเดียว

HP แบรนด์ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก  เตรียมย้ายกำลังการผลิตคอมฯ บางส่วนออกจากจีนมายังไทย

(18 ก.ค. 66) ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่จากสหรัฐอเมริกาอย่าง HP ล่าสุดได้เตรียมย้ายกำลังการผลิตสินค้าบางส่วนออกนอกประเทศจีน โดยย้ายมายังประเทศไทย เม็กซิโก เวียดนาม เนื่องจากต้องการให้ห่วงโซ่การผลิตของบริษัทไม่สะดุด

Nikkei Asia รายงานข่าวว่า HP ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ได้เตรียมย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย และประเทศเม็กซิโก และบริษัทยังเตรียมขยายกำลังการผลิตในประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน รวมถึงทั่วโลกหลังจากนี้

สื่อธุรกิจจากประเทศญี่ปุ่นได้รายงานว่า HP ได้ทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ในการย้ายฐานการผลิตมายัง 2 ประเทศนี้ โดยในประเทศไทย HP เตรียมที่จะผลิต Laptop สำหรับตลาดผู้บริโภค ขณะที่ Laptop ที่จำหน่ายให้กับองค์กรต่าง ๆ จะใช้ฐานการผลิตที่เม็กซิโก นอกจากประเทศไทยแล้ว HP ยังเตรียมย้ายกำลังการผลิตมายังเวียดนามในช่วงปีหน้าด้วย

ในปีที่ผ่านมา HP ได้ขายเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไปมากถึง 55.2 ล้านเครื่อง และในจำนวนดังกล่าวมีเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ผลิตนอกประเทศจีนอยู่ราว ๆ 3 ถึง 5 ล้านเครื่อง

สำหรับประเทศไทยนั้นมีซัพพลายเออร์ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่หลากหลาย ทำให้ HP ตัดสินใจเลือกไทยเป็นฐานการผลิตอีกแห่ง ขณะที่เม็กซิโกถือเป็นฐานการผลิตสินค้าสำคัญในอเมริกาเหนือ และยังมีข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

ปัจจุบันสหรัฐอเมริกาถือเป็นตลาดสำคัญของ HP เนื่องจากคำสั่งซื้อราวๆ 31% ขณะที่ตลาดในประเทศจีนนั้นมีสัดส่วนไม่ถึง 8% ของยอดขายของบริษัท เนื่องจากคู่แข่งอย่าง Lenovo รวมถึง Huawei ครองตลาดในประเทศจีนแทบเบ็ดเสร็จ

สาเหตุที่ทำให้ HP ต้องย้ายกำลังการผลิตบางส่วนออกนอกประเทศจีน บริษัทได้ให้เหตุผลเนื่องจากต้องการให้ห่วงโซ่การผลิตสินค้าของบริษัทมีความยืดหยุ่น เพื่อป้องกันการหยุดชะงักของภาคการผลิต และต้องการที่จะตอบสนองลูกค้าที่มีอยู่ทั่วโลก

นอกจากผู้ผลิตอย่าง HP แล้ว Dell ซึ่งเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่อีกรายก็ได้เตรียมที่จะย้ายกำลังการผลิต 20% ของสัดส่วนการผลิตทั้งหมดมายังประเทศเวียดนาม รวมถึงเปลี่ยนผ่านการผลิตสินค้าที่พึ่งพาชิปจากประเทศจีนด้วย ขณะที่ผู้ผลิตรายอื่น เช่น Apple เองก็ตั้งเป้าที่จะกระจายกำลังการผลิตไปยังเวียดนามหรืออินเดียด้วย

อย่างไรก็ดีบริษัทได้กล่าวว่ายังให้ความสำคัญกับฐานการผลิตในเมืองฉงชิ่งของจีนอยู่ โดยฐานการผลิตนี้เปิดตัวในช่วงปี 2008 และเป็นฮับในการผลิต Laptop สำคัญของบริษัทด้วย

ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทหลายแห่งได้เตรียมการที่จะย้ายฐานการผลิต หรือแม้แต่ย้ายกำลังการผลิตออกนอกประเทศจีน หลังจากที่จีนได้ใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าทั่วโลก ตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงของใช้ในชีวิตประจำวัน และยังรวมถึงความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่อาจกระทบกับการทำธุรกิจหลังจากนี้ได้

‘ฉางอัน’ พร้อม!! ทุ่ม 9,800 ล้าน ตั้งโรงงานผลิต ‘EV-แบตเตอรี’ ในไทย เป้ากำลังผลิต 1 แสนคันต่อปี เซ็นสัญญาแต่งตั้งดีลเลอร์แล้ว

เมื่อไม่นานนี้ ‘ฉางอัน ออโตโมบิล’ จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับพันธมิตรทางธุรกิจตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย (ดีลเลอร์) โดยพิธีดังกล่าวจัดขึ้นที่เมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ภายใต้แนวคิด ความร่วมมือแบบเปิด ผลประโยชน์ร่วมกัน และความร่วมมือแบบ ‘win-win’ เพื่อสร้างตัวแทนจำหน่ายระดับสากลสำหรับประเทศไทย

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา บริษัท ฉางอัน ออโตโมบิล ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ได้ประกาศการตัดสินใจลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

ซึ่งเป็นการลงทุนตั้งโรงงานแห่งแรกนอกประเทศจีนโดยมีมูลค่าการลงทุนราว 9,800 ล้านบาท เพื่อให้เป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาประเภท BEV, PHEV, REEV (Range Extended EV) และแบตเตอรี่ กำลังการผลิตในระยะแรก 1 แสนคันต่อปี

กระทั่งในช่วงเดือน สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ฉางอัน ออโตโมบิล (Changan Automobile) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทในประเทศไทยครอบคลุมถึงบริษัทจัดจำหน่าย โรงงานประกอบรถยนต์ รวมถึงโรงงานผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่ เพื่อเป็นการรองรับและตอบสนองแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าโดยได้รับหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจอย่างเป็นทางการจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ให้จัดตั้งบริษัทนิติบุคคลเพื่อประกอบการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top