Sunday, 30 June 2024
ชูศักดิ์ศิรินิล

'ชูศักดิ์' ชี้!! ส.ส.ย้ายพรรคพร้อมกัน 'ตามใบสั่ง' ศรัทธาพรรคการเมืองวูบ ในสายตาประชาชน

(16 ธ.ค. 65) นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีส.ส.ลาออกและย้ายพรรคพร้อมกันจำนวนมากเป็นประวัติการณ์แม้สภายังไม่หมดวาระว่า ที่ผ่านมาการย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติ ส่วนใหญ่มักจะเกิดหลังยุบสภาหรือสภาหมดอายุ และเป็นรายคน มิใช่เป็นแบบกระบวนการ กรณีที่เกิดขึ้นเวลานี้ดูจะชัดเจนว่าการลาออกเพื่อไปสังกัดพรรคใหม่ เป็นไปตามคำสั่งของพรรคที่จะย้ายไป ทราบว่าเพื่อกันปัญหาการเป็นสมาชิกพรรค 90 วัน และเพื่อความชัวร์ว่าคุณมาแน่ การลาออกและย้ายพรรคกันเป็นล็อต 30-40 คน ชัดเจนว่าเกิดจากการวางแผนกันมา โดยไม่สนใจว่ายังมีภารกิจในฐานะตัวแทนประชาชนที่ต้องทำอยู่หรือไม่ ไม่สนใจว่าประชาชนเขาเลือกเรามาให้ทำหน้าที่ในสภามีระยะเวลาสี่ปี 

“ผมเป็นส่วนหนึ่งในการสอบสวนทางวินัยจรรยาบรรณ ส.ส.หลายคน ขอบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าที่มาที่ไป คือ เพราะได้ผลประโยชน์ ได้โครงการ ได้การดูแลที่พรรคเดิมไม่อาจให้ได้ หลายคนยอมเป็นงูเห่าถ้าจะขับก็ยินดี แถมบอกให้รีบขับเร็ว ๆ แสดงว่าจริง ๆ แล้วไม่เกี่ยวกับอุดมการณ์อะไรทั้งสิ้น สภาพการเมืองเช่นนี้น่าห่วง ส่วนหนึ่งแสดงว่ารัฐธรรมนูญปราบโกงล้มเหลวสิ้นเชิง การปฏิรูปการเมืองตามรัฐธรรมนูญและนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ล้มเหลว การเมืองย้อนไปสู่ธนกิจการเมือง การเมืองแบบแจกกล้วย ดูแล้วคล้าย ๆ ก่อนยุครัฐธรรมนูญ 2540 ที่เป็นเหตุให้ตัองปฏิรูปการเมืองขนานใหญ่” นายชูศักดิ์ กล่าว

‘ชูศักดิ์’ ยกระเบียบ กกต. โต้นักกฎหมาย หลังชี้ช่องยุบ 'เพื่อไทย' ยัน!! ‘ณัฐวุฒิ’ ช่วยหาเสียงได้

(11 มี.ค. 66) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายณัฐวุฒิ วงศ์เนียม ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชนให้ความเห็นถึงกรณีที่พรรค พท.แต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นผู้ช่วยหาเสียงไม่อาจทำได้ และการติดป้ายหาเสียงของพรรค พท.มีแต่รูปน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยไม่มีนโยบายของพรรค พท.จึงอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายพรรคการเมืองและระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และอาจเข้าข่ายถูกยุบพรรคนั้น ว่าการให้ความเห็นในทางวิชาการนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้และต้องเคารพทุกความเห็น แต่ผู้ให้ความเห็นดังกล่าวควรศึกษาข้อกฎหมายให้ชัดเจนและต้องอยู่บนพื้นฐานของความไม่มีอคติด้วย กรณีการให้ความเห็นนั้นเห็นชัดเจนว่ามีความคลาดเคลื่อนจากข้อกฎหมายมาก โดยเฉพาะประเด็นดังนี้

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า 1.) กรณีที่อ้างว่า นายณัฐวุฒิ ซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมืองและถูกจำกัดสิทธิเลือกตั้งไม่อาจเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะการเป็นผู้ช่วยหาเสียงตามระเบียบ กกต. กำหนดไว้เพียงว่าเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น สำหรับนายณัฐวุฒิ แม้จะถูกห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ห้ามสมัครสมาชิกพรรคและห้ามสมัคร ส.ส. แต่ก็ยังคงเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จะเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรค พท.ได้ และพรรคก็ได้แจ้งรายชื่อนายณัฐวุฒิ เป็นผู้ช่วยหาเสียงไว้แล้ว

นายชูศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ ทำกิจกรรมทางการเมืองในนามของหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยนั้น กิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยก็ถือเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับการเผยแพร่นโยบายและกิจกรรมหาเสียงของพรรคอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่มีการกระทำใดของนายณัฐวุฒิ ที่จะถือเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำพรรค จนทำให้พรรคและสมาชิกพรรคขาดความเป็นอิสระในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเลย นอกจากนี้ คนทั่วไปก็รู้ว่านายณัฐวุฒิ เคยเป็นสมาชิกพรรค พท.มาก่อน การที่นายณัฐวุฒิ จะมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับพรรคย่อมเป็นเรื่องปกติ

“ในประเด็นนี้เข้าใจว่าผู้ที่ออกมาให้ความเห็นยังไม่เข้าใจถ้อยคำและความหมายของคำว่าถูกตัดสิทธิทางการเมือง ถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง กับถูกตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จึงได้ใช้ถ้อยคำปนเปกันไปหมด ซึ่งแม้นายณัฐวุฒิ เคยถูกจำคุกมาก่อนและยังไม่พ้น 10 ปี ตามรัฐธรรมนูญจึงถือว่าเป็นบุคคลที่ต้องห้ามใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งรวมถึงห้ามเป็นสมาชิกพรรคการเมืองตามกฎหมายพรรคการเมืองด้วย แต่เขามิได้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งแต่อย่างใด จึงไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้และเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ จึงขอให้ผู้ที่ออกมาให้ความเห็นศึกษากฎหมายให้ดีเสียก่อน” นายชูศักดิ์ กล่าว

ลุ้น!! 'ชูศักดิ์ ศิรินิล' เข้าป้ายรัฐมนตรีแทน 'พิชิต ชื่นบาน' หลังทุ่มเทให้ค่ายนี้แบบสุดลิ่ม แค่ไม่มีถุงขนมให้ใคร

ไล่เช็กชื่อบุคคลในพรรคเพื่อไทยในเวลานี้คงไม่มีใครเหมาะสมมากไปกว่า รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย ในการเข้าไปนั่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แทน พิชิต ชื่นบาน ที่ลาออกไปด้วยเหตุผลถูก 40 สว.ลงชื่อกันให้ตรวจสอบคุณสมบัติ และพิชิต ยอมเป็นม้าให้ขุนกิน

ชูศักดิ์จึงเหมาะสมยิ่งในการเข้ามาดูแลงานด้านกฎหมายให้รัฐบาล เพราะมองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็นใคร

ชูศักดิ์ อดีตอาจารย์รามคำแหง สอนวิชากฎหมาย เคยเป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์ และไต่เต้ามาจนได้รับเลือกจากชาวรามคำแหง (อาจารย์ นักศึกษา เจ้าหน้าที่) ให้เป็นอธิการบดี

‘ติงลี่’ คือฉายาที่ได้รับจากชาวรามคำแหง ด้วยรูปร่าง หน้าตา บุคลิคตอนวัยหนุ่มใกล้เคียงกับพระเอกหนังจีน ‘ติงลี่’ ไว้หนวดเหนือริมปาก เป็นอธิการบดีต่อ ‘สุขุม นวลสกุล’

ออกจากรามคำแหงก็มุ่งหน้าสู่สายการเมือง ร่วมในภารกิจผลักดันพรรคไทยรักไทยมีตั้งแต่ยุคต้น ๆ และเป็น 1 ในกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองนานถึงสิบปี

ชูศักดิ์ เมื่อพ้นจากการถูกตัดสิทธิ์ ก็ยังร่วมภารกิจกับเพื่อไทยมาโดยตลอด โดยไม่เคยได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีมาก่อนเลย ทั้ง ๆ ที่เสียสละ ทุ่มเทให้กับค่ายนี้มาโดยตลอด ไม่มีการเรียกร้อง เคลื่อนไหว กดดัน แม้จะมีโอกาสก็ตาม

แม้ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจเต็มจะมองไม่เห็น เพราะเพิ่งเข้ามาทีหลัง แต่เชื่อว่า ‘เจ้าสำนักจันทร์ส่องหล้า’ น่าจะมองเห็นกับผลงานเป็นที่ประจักษ์ ประวัติก็ไม่ด่างพล้อย เพียงแต่ไม่มีถุงขนมให้ใคร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top