Tuesday, 2 July 2024
กรมการขนส่งทางบก

เตรียมให้พร้อม !!! กรมการขนส่งทางบก เตรียมประมูลทะเบียนรถเลขสวย รูปแบบพิเศษ ครั้งแรก ดีเดย์ 7 เม.ย.65  "ศักดิ์สยาม" เชิญผู้ที่มีความชื่นชอบป้ายทะเบียนพิเศษ สามารถ เข้าร่วมสนับสนุนการประมูลได้เลย

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ตามที่กระทรวงคมนาคมได้มีนโยบายให้มีการประมูลป้ายทะเบียนรถที่มีรูปแบบพิเศษ ให้สามารถใช้ “คำหรือข้อความ” ตั้งแต่ตัวอักษรรวมสระแนวราบ 3 -6 ตัวเป็นหมวดอักษรในป้ายทะเบียนได้ แล้วตามด้วยเลขทะเบียนพิเศษ 301 หมายเลข โดยที่ตัวอักษรรวมตัวเลข ไม่เกิน 7 ตัว เพื่อให้ป้ายทะเบียนมีรูปแบบที่เพิ่มขึ้นอย่างที่มีในต่างประเทศและเพิ่มความมั่นคงทางการเงินแก่กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน(กปถ.)  ล่าสุดกรมการขนส่งทางบก (ขบง)จะจัดให้มีการประมูลป้ายทะเบียนรถที่มีรูปแบบพิเศษครั้งแรก ในวันที่ 7 เมษายน 65 ดังนั้น ผู้ที่มีความชื่นชอบป้ายทะเบียนพิเศษสามารถ เข้าร่วมสนับสนุนการประมูลได้เลย

ทั้งนี้ในขั้นตอนการดำเนินการนั้น ผู้ที่สนใจสามารถเสนอ “คำหรือข้อความ” ที่จะใช้เป็น “อักษรประจำหมวดทะเบียนรถและเลขทะเบียน” ผ่านทาง www.tabienrod.com  ภายในวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 65 นี้ เพื่อรวบรวมเสนอคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนนำออกประมูลต่อไป หากเลยกำหนดคำที่ท่านเสนอจะต้องนำไปประมูลในครั้งถัดไป
ส่วนขั้นตอนการ เข้าร่วมประมูล “คำหรือข้อความ+เลขทะเบียน” ที่คณะอนุกรรมการฯ ได้ให้ความเห็นชอบตามที่มีผู้อื่นเสนอไว้แล้ว โดยลงทะเบียน+วางหลักประกัน+เสนอราคา ใน “คำหรือข้อความ+เลขทะเบียน” ตามที่ท่านสนใจ โดยคาดว่าจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 65 เป็นต้นไปจนถึงวันปิดประมูล คือวันที่ 7 เมษายน 65 

‘รวย 9999’ ครองแชมป์ จบการประมูลที่ 18.5 ล้าน ‘กรมขนส่ง’ คาดโกยรายได้เข้า กปถ. กว่า 100 ล้าน

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 เมษายน ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดประมูลหมายเลขทะเบียนรถที่มีลักษณะพิเศษ สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน ครั้งแรกของประเทศไทย เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ครอบครองป้ายทะเบียนรถลักษณะพิเศษ ที่มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า การจัดประมูลครั้งนี้ มีผู้สนใจเข้าร่วมการประมูลจำนวน 273 ราย จำนวน 84 หมายเลข ผ่านทาง 2 ช่องทาง ได้แก่ ประมูลทางวาจาด้วยตนเอง และ ประมูลทางอินเทอร์เน็ตที่ผ่านเว็บไซต์ www.tabienrod.com สำหรับการประมูลครั้งนี้มีหมายเลขที่ไฮไลต์ ได้แก่ “รวย 9999” มีผู้สนใจลงทะเบียน 33 ราย ราคาเสนอเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท เสนอราคาไป 424 ครั้ง จบการประมูลไปที่ราคา 18,560,000 บาท ใช้เวลาประมูล 45 นาที โดยผู้ประมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่ชื่อ Whatever เป็นผู้ชนะการประมูล

รองลงมาคือ หมายเลข “รวย 8888” มีผู้สนใจลงทะเบียน 14 ราย ราคาเสนอเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท เสนอราคาไป 320 ครั้ง จบการประมูลไปที่ราคา 11,100,000 บาท ใช้เวลาประมูล 45 นาที โดยมี น.ส.วาสนา อินทะแสง หรือ เมย์ กรรมการบริษัทรีโว่เมด (ไทยแลนด์) จำกัด อายุ 37 ปี เป็นผู้ชนะการประมูล 

ทั้งนี้ เมื่อเสร็จสิ้นการประมูลแล้วผู้ชนะการประมูลจะต้องชำระค่าหมายเลขทะเบียนที่ประมูลได้ให้ครบถ้วนภายใน 30 วัน

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการประมูลในครั้งนี้ จะได้เงินเข้ากองทุนความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมเสริมสร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน รวมทั้งสนับสนุนเป็นค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการที่ประสบภัยจากการใช้รถใช้ถนน ซึ่งในปัจจุบันมีเงินอยู่ในกองทุนฯ ประมาณ 4,000 ล้านบาท

นายจิรุตม์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ขบ. ได้เริ่มเปิดให้ประมูลป้ายทะเบียนสวย ตั้งแต่ปี 2546-2565 หรือกว่า 19 ปี พบว่าป้ายทะเบียน 3 อันดับ ที่ราคาสูงสุด ได้แก่ อันดับ 1 หมายเลข 8กก 8888 ราคา 28,100,000 บาท รองลงมา 1กก 1111 ราคา 25,000,000 บาท

และ ป้ายทะเบียนพิเศษ รวย 9999 ราคา 18,560,000 บาท และเป็นป้ายที่มีสถิติราคาสูงสุดในการประมูลป้ายทะเบียนพิเศษ

อดีตรมต.ท่องเที่ยวฯ อึ้ง!! บริการภาครัฐยุคใหม่ไวเว่อร์!! ทำใบขับขี่ไม่ถึง 15 นาที จนไม่มีเวลาแต่งหน้าทาปาก

ไม่นานมานี้ คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา / ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย และประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว เผยถึงโฉมใหม่งานบริการของภาครัฐที่สะดวกสบายและทันสมัยที่ตนได้สัมผัสเอง ระบุว่า...

ขอชื่นชมหน่วยงานที่ดูแลใบขับขี่นะคะ เพิ่งไปเปลี่ยนใบขับขี่จากใบเก่า สมัยเป็นกระดาษแล้ว seal หน้าหลัง มาเป็นรุ่นบัตรแข็งปัจจุบัน ต้องไปทำด้วยตัวเอง ใช้เวลาไม่ถึง ๑๕ นาทีเสร็จ!!! เร็วมาก ๆ จนตกใจ 

เดินเข้าไปบอกว่าจะเปลี่ยนเป็นบัตรใหม่ เขาดูแค่บัตรเก่าและบัตรประชาชน แล้วให้บัตรคิวเดินขึ้นมาชั้น ๒ พอขึ้นไปมีเจ้าหน้าที่ดูบัตรคิว แล้วบอกเราว่า “น้องเดินตามเส้นเขียวไปนะ” 

เราเดินตามเส้นเขียวไป ก็เจอโต๊ะถ่ายรูปทำบัตรเรียงยาวไปเลย เหมือนทำหนังสือเดินทาง เราไปนั่ง ยื่นบัตร เขาคีย์ข้อมูล แล้วพิมพ์ให้เราเช็คว่าถูกต้องมั้ย เสร็จแล้วถ่ายรูปเลย 

เรานึกว่าจะมีเวลาทาลิปสติก ผัดแป้ง แต่งหน้า ไม่มีค่ะ เพราะมันเร็วมาก ตั้งตัวไม่ติด เขาบอกยกไหล่ซ้ายขึ้น กดไหล่ขวาลง เอียงคอนิดนึง ถ่ายเสร็จ นั่งรอบัตรซัก ๒ นาที จบขบวนการ ได้บัตรใหม่ หน้าซีดๆ ของเรา 

'ตร.' เริ่มบังคับใช้ระบบตัดคะแนนใบขับขี่ สร้างวินัย เพิ่มความปลอดภัย ลดอุบัติเหตุ

โฆษก ตร.เผย เริ่มบังคับใช้วันนี้ ระบบตัดคะแนนใบขับขี่ ความผิดหลักตัดคะแนนทันทีที่ฝ่าฝืน ส่วนความผิดอื่น ๆ จะตัดเมื่อไม่ชำระค่าปรับ ถ้าถูกตัดเหลือ 0 จะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต 90 วัน หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน

(9 ม.ค. 66) เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึง การตัดคะแนนใบขับขี่ ที่มีผลบังคับใช้วันนี้ (9 ม.ค.2566) ว่า “ระบบบันทึกคะแนนความประพฤติ" กำหนดไว้ใน ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับระบบการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ พ.ศ.2565 ซึ่งออกตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 142/1 เป็นความร่วมมือของ 4 หน่วยงาน คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการขนส่งทางบก ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)

ผู้ที่มีใบอนุญาตขับขี่แต่ละคน จะมีคะแนนความประพฤติคนละ 12 คะแนน หากทำผิดตามกฎจราจรในข้อหาที่ระบุไว้ จะถูกตัดคะแนนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด เช่น กลุ่มความผิดหลักที่เป็นปัจจัยในการเกิดอุบัติเหตุ (20 ฐานความผิด) จะถูกตัดคะแนนเมื่อทำผิดทันที ได้แก่

- ตัด 1 คะแนน เช่น ขับรถเร็วเกินกำหนด, ไม่สวมหมวกนิรภัย, ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย, ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย, ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ
- ตัด 2 คะแนน เช่น ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร (ฝ่าไฟแดง)
- ตัด 3 คะแนน เช่น ขับรถชนแล้วหนี
- ตัด 4 คะแนน เช่น เมาแล้วขับ, ขับรถในขณะเสพยาเสพติด

ส่วนกลุ่มความผิดอื่น ๆ 42 ฐานความผิด ตามบัญชีท้ายระเบียบ ความผิดกลุ่มนี้จะถูกตัดคะแนนเฉพาะกรณีไม่ชำระค่าปรับตามใบสั่งในเวลาที่กำหนดเท่านั้น เช่น ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรในทาง จอดในที่ห้ามจอด ไม่แสดงใบอนุญาตขับขี่ขณะขับรถ เป็นต้น

วิธีการตัดคะแนนนั้น จะดำเนินการโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้ระบบฐานข้อมูลใบสั่ง PTM ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการบันทึกการทำผิดกฎจราจรและตัดคะแนนในแต่ละครั้ง

โฆษก ตร. ย้ำว่า เมื่อผู้ขับขี่ถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 คะแนน จะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ หรือห้ามขับรถ เป็นเวลา 90 วัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้มีหนังสือแจ้งคำสั่งดังกล่าว และหากฝ่าฝืนไปขับรถในขณะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การตัดคะแนน มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนวินัยการขับขี่ จึงให้สิทธิผู้ที่ถูกตัดคะแนน สามารถขอคืนคะแนนได้ โดยการเข้าอบรมกับกรมการขนส่งทางบก กรณีที่คะแนนเหลือน้อยกว่า 6 คะแนน สามารถขอเข้ารับการอบรมได้ปีละ 2 ครั้ง ส่วนกรณีที่ถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 คะแนน และต้องการคะแนนกลับคืนมาทั้งหมด 12 คะแนน ก็สามารถขอเข้ารับการอบรม ซึ่งคะแนนจะมีอายุความเพียง 1 ปี เมื่อครบ 1 ปีที่กระทำผิด ระบบจะคืนคะแนนให้โดยอัตโนมัติ ประชาชนสามารถตรวจสอบคะแนนได้ 3 ช่องทาง ได้แก่

1.) เว็บไซต์ E-Ticket PTM ซึ่งพัฒนาโดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สามารถตรวจสอบใบสั่งค้างชำระ จ่ายค่าปรับ ตรวจสอบคะแนนความประพฤติ และตรวจสอบสถานะใบขับขี่
2.) แอปพลิเคชัน ขับดี (KHUB DEE) ซึ่งพัฒนาโดย NT เพื่อให้บริการข้อมูลข่าวสาร และตรวจสอบใบสั่งค้างชำระ และคะแนนความประพฤติ และดำเนินการด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่อันเป็นประโยชน์ต่าง ๆ ที่ทันสมัย
3.) แอปพลิชัน เป๋าตัง ให้บริการชำระค่าปรับผ่านระบบออนไลน์

‘สุวรรณภูมิ’ ลงดาบ!! ‘แท็กซี่’ ถอนสิทธิ์ ห้ามวิ่งรับผู้โดยสาร เหตุ ไม่กดมิเตอร์ โกง นทท.ไต้หวัน แถมปลอมแปลงเอกสาร

‘สุวรรณภูมิ’ ลงโทษหนัก รถแท็กซี่ไม่กดมิเตอร์ และ นักท่องเที่ยวไต้หวัน ถอนสิทธิ์ให้บริการในสนามบินทันที และแจ้ง ขบ. ลงโทษด้วย แจงเก็บค่า Surcharge 50 บาท ให้ผู้ขับขี่โดยตรงไม่ใช่รายได้ของสนามบิน

(19 มี.ค. 66) จากกรณีที่มีสื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ นำเสนอข้อมูลกรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันที่ใช้บริการรถแท็กซี่ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) โดนเรียกเก็บอัตราค่าบริการในราคาเหมาจ่ายและอ้างว่าอัตราค่าบริการดังกล่าว

ทางท่าอากาศยานเป็นผู้ให้เรียกเก็บจากผู้โดยสาร พร้อมทั้งมีการนำเสนอภาพอัตราค่าโดยสารในราคาเหมาจ่ายตามระยะทางโดยใส่โลโก้ของ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กำกับในใบแสดงราคาด้วยนั้น

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เรียกผู้ขับขี่แท็กซี่ดังกล่าว มาสอบสวนและตรวจสอบตามหลักฐาน ให้คำให้การของผู้ขับขี่ยอมรับว่า กระทำความผิดจริง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงได้พิจารณาลงโทษขั้นสูงสุด โดยการยกเลิกรหัสสมาชิกของผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งจะทำให้

ผู้ขับขี่รายนี้ไม่สามารถนำรถแท็กซี่เข้ามารับผู้โดยสารใน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้อีกต่อไป โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ส่งข้อมูลการกระทำความผิดให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) พิจารณาบทลงโทษแก่ผู้ขับขี่คนดังกล่าวด้วย เนื่องจากพิจารณาแล้วว่า การกระทำของผู้ขับขี่รถแท็กซี่รายนี้ นอกจากจะสร้างความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของสนามบินแล้ว ยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยด้วย

เตือนภัย มิจฉาชีพสร้างเพจกรมการขนส่งทางบกปลอม หลอกเหยื่อโอนเงินค่าต่อและทำใบอนุญาตขับขี่

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัย มิจฉาชีพสร้างเพจเฟซบุ๊ก และไลน์ของกรมการขนส่งทางบกปลอม แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หลอกลวงให้ประชาชนโอนเงินค่าทำใบอนุญาตขับขี่ และต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะ ดังนี้

ที่ผ่านมาจากการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบการรับแจ้งความออนไลน์ พบว่ามีผู้เสียหายจำนวนหลายรายถูกมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อเป็นค่าทำใบอนุญาตขับขี่ใหม่ และค่าต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ที่สิ้นสุดการอนุญาตแล้ว ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก และไลน์ที่มิจฉาชีพสร้างปลอมขึ้นมาเพื่อให้คล้ายคลึงกับเพจเฟซบุ๊ก และไลน์ของกรมการขนส่งทางบกจริง โดยเพจปลอมดังกล่าวใช้บัญชีชื่อว่า “กรมการขนส่ง” ภายในเพจได้ใช้รูปภาพ และตราสัญลักษณ์ของกรมการขนส่งทางบก นำรูปภาพ และคัดลอกเนื้อหาจากเพจกรมการขนส่งทางบกจริงมาใช้หลอกลวงประชาชน โดยมีการประกาศเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปแอดไลน์ปลอมติดต่อกับเจ้าหน้าที่โดยตรง อ้างว่าสามารถต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ได้ทันที ไม่ต้องรอคิวนาน นอกจากนี้ยังตั้งรูปภาพโปรไฟล์เป็นรูปของผู้บริหารกรมการขนส่งทางบก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถืออีกด้วย กระทั่งเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อติดต่อไปทางไลน์กรมการขนส่งปลอมแล้ว มิจฉาชีพจะให้ส่งข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ เช่น ภาพถ่ายบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ รูปถ่าย และหลอกให้ชำระค่าบริการ ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก  

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้ หรือแอบอ้างหน่วยงานราชการต่างๆ มาหลอกลวงประชาชน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบในด้านงานป้องกันปราบปราม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ

ที่ผ่านมา บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ

‘กรมการขนส่งทางบก’ ชวน ‘คนไทย’ ลดพฤติกรรมเสี่ยง ดึง ‘แจ๊ส’ ชวน 2 ล้อปลอดภัย ใส่สวมหมวกกันน็อก

‘กรมการขนส่งทางบก’ จับมือขวัญใจวัยรุ่น ‘แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก’ ส่งเพลง ‘กันก่อนน็อก’ เอาใจสาวกสองล้อ ชวนลดพฤติกรรมเสี่ยง สร้างค่านิยมใหม่ ขับขี่รถจักรยานยนต์ปลอดภัย สวมหมวกกันน็อก ลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะและสมอง

(16 ต.ค.66) ณ อาคาร GPS กรมการขนส่งทางบก จัดงานแถลงข่าวโครงการ ‘รณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย เพื่อป้องกันและลดความรุนแรงจากการเกิดอุบัติเหตุ’ เปิดตัวมิวสิควิดีโอ ‘กันก่อนน็อก’ จับมือขวัญใจวัยรุ่นไทย ‘แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก’ หรือ ‘แจ๊ส ชวนชื่น’ เอาใจสาวกสองล้อทั้งประเทศ พร้อมร่วมกิจกรรม Dance Challenge ผ่านสื่อออนไลน์และแพลตฟอร์ม TikTok เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัยด้วยการสวมหมวกนิรภัย ป้องกันและลดความรุนแรงจากการเกิดอุบัติเหตุ

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ปัจจุบันอุบัติเหตุทางถนนก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน สาเหตุจากพฤติกรรมการขับขี่ที่ประมาท อยู่ในวัยคึกคะนอง ไม่เคารพกฎจราจร และไม่สวมหมวกนิรภัย กรมการขนส่งทางบกเล็งเห็นถึงความสำคัญของการลดพฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ สร้างพฤติกรรมและค่านิยมความปลอดภัยใหม่ โดยให้การสวมหมวกนิรภัยเป็นเป้าหมายสำคัญ โดยได้มีการผลิตและเผยแพร่มิวสิควิดิโอ เพลง ‘กันก่อนน็อก’ เพื่อรณรงค์ให้เกิดพฤติกรรมการสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่ ซึ่งได้จับมือกับนักร้องและตลกชื่อดัง ‘แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก’ หรือ ‘แจ๊ส ชวนชื่น’ เป็นตัวแทนสื่อสารกับวัยรุ่น ในฐานะรุ่นพี่ที่ต้องการเตือนสติรุ่นน้อง ให้รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี อะไรควรทำและไม่ควรทำ พร้อมเป็นผู้นำชวนวัยรุ่น ชาวติ๊กต๊อก และผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ร่วมเต้นร่วมร้อง ผ่านกิจกรรม Dance Challenge แจกหมวกนิภัย และเสื้อยืด ‘กันก่อนน็อก’ รุ่นลิมิตเต็ด ออกแบบโดย ‘แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก’ ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกคาดหวังว่าหลังจากเผยแพร่มิวสิควิดีโอ ‘กันก่อนน็อก’ แล้ว จะทำให้เยาวชน วัยรุ่น และประชาชนผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์บนถนน ตระหนักถึงประโยชน์และพลังของการใส่หมวกกันน็อก ทำให้การใส่หมวกกันน็อก เข้าไปอยู่ในใจ และชีวิตประจำวันของวัยรุ่นไทย เป้าหมายเพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน และลดการสูญเสียในกลุ่มเด็กเยาวชนผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า การร่วมกันสร้างจิตสำนึกให้เด็กและเยาวชนตระหนักถึงความปลอดภัยทางถนน โดยมุ่งเน้นไปที่การขับขี่รถจักรยานยนต์ เป็นเรื่องสำคัญที่กรมการขนส่งทางบกดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ด้วยเข้าใจถึงความจำเป็นในการใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการเดินทาง และต้องสร้างความเข้าใจควบคู่กันด้วยว่า ผู้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นผู้ใช้รถที่มีเกราะกำบังน้อยกว่าผู้ใช้รถประเภทอื่นๆ จึงมีความเปราะบางต่อการบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตมากกว่า จึงจำเป็นต้องได้รับการปกป้อง จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่จะปกป้องตนเอง การสร้างและปลูกฝังพฤติกรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ปลอดภัย เน้นการสวมหมวกนิรภัยทั้งคนขับ คนซ้อนทุกครั้ง จึงเป็นเป้าหมายสำคัญ ซึ่งต้องมีการขับเคลื่อนให้เห็นความสำคัญในการสร้างจิตสำนึกตั้งแต่วัยเด็ก ปลูกฝังให้เกิดความเคยชิน กระตุ้นให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญในเรื่องนี้เช่นกัน เพราะการเกิดอุบัติเหตุหนึ่งครั้งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมทั้งต่อผู้ขับขี่ ครอบครัว สังคม 

สำหรับเพลง ‘กันก่อนน็อก’ เป็นเพลงจังหวะสนุกสนาน ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิต วิถีสาวกสองล้อ ความมันส์ความสนุก เพื่อน ความรัก ความฝัน และปลุกใจให้ทุกคนกลับมาปกป้องชีวิตตัวเองด้วยการใส่หมวกกันน็อกก่อนขับขี่ ติดตามรับชมมิวสิควิดีโอ ‘กันก่อนน็อก’ ได้จากทุกช่องทางออนไลน์ “ขับขี่ปลอดภัย by DLT” ของกรมการขนส่งทางบก

‘สุริยะ’ รับลูกนโยบายนายกฯ สั่ง ‘ขบ.’ เร่งแก้ไขปัญหาแท็กซี่ทั้งระบบ พร้อมยกระดับการให้บริการขนส่ง-การเดินทางของ ปชช.ให้ดียิ่งขึ้น

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 67 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยต่อการใช้บริการในระบบรถโดยสารสาธารณะรถแท็กซี่ จึงได้มอบนโยบายเร่งด่วนให้กระทรวงคมนาคม เร่งดำเนินการแก้ไขการให้บริการรถแท็กซี่ให้ประชาชนสามารถใช้บริการที่ดี สะดวก ปลอดภัย และมีราคาที่เหมาะสม พร้อมทั้งเร่งหาสาเหตุปัญหารถแท็กซี่ปฏิเสธการให้บริการประชาชน ในระหว่างชั่วโมงเร่งด่วน หรือในช่วงเวลาที่มีการจราจรติดขัดด้วย

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้ขานรับของนโยบายนายกรัฐมนตรี จึงสั่งการให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมมอบหมายให้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ไปดำเนินการศึกษาวิจัยแนวทางการพัฒนาคุณภาพ ในการให้บริการรถแท็กซี่ทั้งระบบ รวมถึงการวิจัยในเรื่องอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม สะท้อนต่ออัตราค่าครองชีพในปัจจุบัน และไม่เป็นการรบกวนต่อค่าครองชีพของประชาชน

สำหรับกระบวนการศึกษาในขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาแผนการดำเนินการ รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นจากสมาคมผู้บริโภค สมาคมชมรมผู้ให้บริการรถแท็กซี่ รวมถึงหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อระดมความเห็นจากทุกฝ่าย นำมาปรับปรุงพัฒนาทั้งในส่วนของการให้บริการ และในส่วนของการรับบริการ ในระบบแท็กซี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้ ขบ. ไปพิจารณาถึงแนวทางอื่นๆ ควบคู่ตามไปด้วย เพื่อให้ระบบการให้บริการเป็นไปตามระบบสากล มีความทันสมัย และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน เพื่อยกระดับการให้บริการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุดต่อไป ต่อยอดเศรษฐกิจอุตสาหกรรมขนาดกลาง และขนาดย่อมของประเทศไทยได้อย่างดีต่อไป

‘ขนส่ง’ จัดประมูล ทะเบียนรถ เลขสวยพิเศษ กวาดรายได้ 56 ล้านบาท สุดปัง!! ‘มังกร 1’ ทะลุ 5.5 ล้านบาท เสนอราคาถึง 230 ครั้ง จนได้ผู้ชนะ

เมื่อวานนี้ (15 มิ.ย.67) นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมฯ โดยกองทุนเพื่อความปลอดภัย ในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) จัดการประมูลหมายเลขทะเบียนรถที่มีลักษณะพิเศษ ครั้งที่ 7 ของประเทศไทย ณ อาคาร GPS ชั้น 3 กรมการขนส่งทางบก

การประมูลในครั้งนี้มาในคอนเซ็ปต์เหนือระดับสำหรับ ‘คนพิเศษ’ มีผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูลทางวาจา และประมูลผ่านระบบอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีหมายเลขทะเบียนรถที่มีลักษณะพิเศษออกประมูลจำนวน 53 หมายเลข

ส่วนหมายเลขทะเบียนที่ได้รับความนิยมจากผู้สนใจสูงสุด คือ ‘มังกร 1’ มีผู้ประมูลร่วมเสนอราคาถึง 230 ครั้ง จนได้ผู้ชนะประมูลในราคา 5,540,000 บาท รองลงมา ได้แก่ หมายเลขทะเบียน ‘เฮง 4444’ ประมูลได้ในราคา 1,960,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีหมายเลขทะเบียนที่ได้รับความนิยมมาก เช่น ‘ต้น 8888’ ประมูลได้ในราคา 1,680,000 บาท ‘เฮง 88’ ประมูลได้ในราคา 1,620,000 บาท และ ‘ชอบ 1111’ ประมูลได้ในราคา 1,600,000 บาท

อีกทั้งยังมีหมายเลขทะเบียนที่ประมูลได้ในราคาเกิน 1 ล้านบาท อาทิ ‘หล่อ 9999’ ประมูลได้ในราคา 1,560,000 บาท ‘โชคดี 777’ ประมูลได้ในราคา 1,520,000 บาท และ ‘สุขสบาย 1’ ประมูลได้ในราคา 1,460,000 บาท

ทั้งนี้ มียอดเงินรายได้จากการประมูลนำเข้ากองทุนกปถ. รวมทั้งสิ้น 56,000,000 บาท โดยผู้ชนะการประมูลจะได้ครอบครองป้ายทะเบียนรถลักษณะพิเศษ ซึ่งมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร เป็นป้ายทะเบียนที่มีชื่อหรือความหมาย ตรงกับความต้องการ ที่ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แผ่นป้ายแตกต่างจากป้ายทะเบียนปกติ ตัวแผ่นป้ายไม่มีรอยดุนและไม่มีขอบ มีลวดลายกราฟิกและสามารถโอนเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ให้ผู้อื่นหรือโอนเป็นมรดกได้

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อว่า ได้นำเงินรายได้จากการประมูลหมายเลขทะเบียนรถที่มีลักษณะพิเศษสนับสนุนกิจกรรมเสริมสร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนมาอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาล โครงการนักเรียนรุ่นใหม่มีใบขับขี่ รวมถึงสนับสนุนค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน ฯลฯ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top