Sunday, 30 June 2024
BYD

‘อ.ต่อตระกูล’ แง้ม!! รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของ BYD จะใช้แบตเตอรี่โซเดียมไอออนแทนลิเทียมเป็นครั้งแรก

(7 เม.ย. 66) ‘อ.ต่อตระกูล’ รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า...

ข่าวดี ๆ วันศุกร์

BYD ประกาศโฉมหน้ารถ EV ขนาดเล็ก ชื่อ ‘ซีกัล’ (Seagull) ราคาคาดการณ์ 3-4 แสนบาท ประกาศเปิดตัวที่จีนวันที่ 18 เมษายน นี้

ทว่าไฮไลต์อยู่ที่ จะเป็นรถไฟฟ้า คันแรก ที่จะใช้แบตเตอรี่โซเดียมไอออน แทนแบตเตอรี่ลิเทียม

‘บีวายดี’ เผย รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น atto 3 ขายดีสุดในไทย 3 เดือนซ้อน เดินหน้าสร้างโรงงานผลิตในไทย รองรับฐานการตลาดอาเซียน

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 66 สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานว่า เซี่ยงไฮ้ ซีเคียวริตีส์ นิวส์ (Shanghai Securities News) หนังสือพิมพ์หลักทรัพย์ สังกัดสำนักข่าวซินหัว รายงานเมื่อไม่นานนี้ว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น บีวายดี อัตโต 3 (Atto 3) ของบีวายดี (BYD) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำสัญชาติจีน ขึ้นแท่นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในประเทศไทยเป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน โดยมียอดจดทะเบียนรถรุ่นนี้ 2,434 คันในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ในไตรมาสแรกของปี 2023 มีรถยนต์รุ่นอัตโต 3 จดทะเบียนในไทยรวม 5,542 คัน คิดเป็นร้อยละ 37.5 ของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดที่จดทะเบียนในไทยในช่วงเวลาเดียวกัน

บีวายดี กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่รถยนต์รุ่นนี้เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อเดือนตุลาคม 2020 ช่วงระหว่างวันที่ 1 พ.ย. - 12 ธ.ค. ก็มียอดสั่งซื้อมากถึง 10,305 คัน โดยบริษัทบีวายดี ส่งมอบรถยนต์อัตโต 3 ในประเทศไทยแล้วทั้งสิ้น 11,539 คัน

‘BYD Dolphin’ เคาะราคาแล้ว 6.9 แสนบาท ล็อตแรกพร้อมส่งมอบให้ผู้จอง 17 ก.ค. นี้

เมื่อวานนี้ (6 ก.ค. 66) บริษัท Rêver Automotive จำกัด  เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าอีวี รุ่นที่ 2 เป็นรุ่นที่ถัดมาจากรุ่น ATTO 3 ซึ่งขายดีตีตลาดอย่างถล่มทลาย ด้วยยอดขายกว่าหมื่นคันภายในระยะเวลาอันสั้นไม่กี่เดือน ‘BYD Dolphin’ รถไฟฟ้าสไตล์ Hatchback ขนาดเล็ก ได้เปิดตัวพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยได้เปิดตัวมาพร้อมกันทั้งสิ้น 2 รุ่น เริ่มต้นกันที่รุ่น BYD Dolphin Standard Range ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดย่อมเยา 95 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ขนาด 44.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้รถไฟฟ้าใหม่คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดที่ 410 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จไฟระบบ DC ได้สูงสุด 60 กิโลวัตต์ ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 12 วินาที

ส่วนรุ่นท็อปสุด BYD Dolphin Extended Range รถใหม่ 2023 เป็นรถไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังแรงระดับ 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ BYD Blade Battery ขนาด 60.48 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้รถไฟฟ้าใหม่คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดที่ 490 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จไฟระบบ DC ได้สูงสุด 80 กิโลวัตต์ ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 7 วินาที

การดีไซน์นั้นถือได้ว่ามีความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์โดยได้แรงบันดาลใจมาจากรูปร่างของ โลมา ที่มีทั้ง ตา ปาก และ รูปทรง ของตัวรถ และเมื่อตอนขับด้วยความที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งมีความเงียบ ดังนั้นก็จะมีเสียงของโลมา “อุ๋ง อุ๋ง” เพื่อบอกเตือนผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนนร่วมกัน และก็ยังมีเสียงเตือนหากลืมคาดเข็มขัดนิรภัยที่เป็นเสียงราวกับอยู่ในท้องทะเลอีกด้วย

สำหรับ BYD Dolphin เปิดราคาไว้กับทั้ง 2 รุ่นดังนี้...
•BYD Dolphin Standard Range ราคา 699,999 บาท
•BYD Dolphin Extended Range ราคา 859,999 บาท

ทั้งนี้ รถไฟฟ้า BYD Dolphin เปิดรับจองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ตัวแทนจำหน่ายทุกแห่ง และจะเริ่มส่งมอบคันแรกให้แก่ผู้จองได้ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

หนุ่มเจ้าของรถไฟฟ้า BYD ป้ายแดง ไม่ติดใจ หลังบริษัทดูแลอย่างดี ได้รถสำรองมาใช้ รอสืบสาเหตุ

(4 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุไฟไหม้รถไฟฟ้าขณะจอดชาร์จแบตเตอรี่ บริเวณจุดจอดชาร์จหน้าห้างแห่งหนึ่ง ถนนนิตโย เขตเทศบาลนครอุดรธานี พบเป็นรถทะเบียนป้ายแดง มีควันลอยออกมาจากฝากระโปรงรถ โดย นายวิ เจ้าของรถ เผยว่าซื้อรถคันนี้มาได้ 1 สัปดาห์ ในราคาประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ปกติจะชาร์จแบตเตอรี่อยู่ที่บ้าน และตามจุดชาร์จที่มีบริการ

ล่าสุด พ.ต.ท.กุศล สิทธิขันแก้ว ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นสอบปากคำเจ้าของรถเอาไว้แล้ว และให้เจ้าของรถนำเอารถเข้าไปที่ศูนย์ เพื่อรอเจ้าหน้าที่วิศวกรของบริษัทมาตรวจสอบหาสาเหตุของไฟไหม้ครั้งนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบสักพัก

ด้าน นายวิ เจ้าของรถ เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ว่า ตอนนี้บริษัทนำรถเข้าไปที่ศูนย์ เพื่อให้ทางวิศวกรของบริษัทตรวจสอบ ตนยังไม่ทราบว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบนานขนาดไหน ต้องรอบริษัทติดต่อมาอีกครั้ง ส่วนประกันของรถจะต้องรอการตรวจสอบของบริษัท เพื่อจัดการรับผิดชอบ

นายวิ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวาน ทางบริษัทเอารถเข้าศูนย์ แล้วให้ตนเอารถสำรองมาใช้ไปจนกว่าจะทำการตรวจสอบ และซ่อมบำรุงเสร็จสิ้น โดยรถที่บริษัทเอามาใช้ก็ยังเป็นรถไฟฟ้าหมือนเดิม ความรู้สึกตนไม่ได้กลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบเดิมขึ้นอีก ตนรู้สึกพอใจที่บริษัทมาดูแลเบื้องต้นเป็นอย่างดี รอเพียงการตรวจสอบหาสาเหตุที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน ก็จะรู้ว่าบริษัทจะทำยังไงต่อไป

BYD แถลงผลตรวจสอบรถยนต์ไฟฟ้าควันพุ่งขณะชาร์จ พบความเสียหายบริเวณชุดสายไฟเชื่อมแบตฯ-น้ำยาแอร์รั่ว

(5 ก.ย. 66) จากกรณีเหตุรถยนต์ไฟฟ้า BYD ATTO 3 มีควันบริเวณฝากระโปรงหน้า ขณะจอดชาร์ตแบตเตอรี่อยู่บริเวณจุดจอดชาร์ตหน้าห้างแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครอุดรธานี...ล่าสุด บริษัท เร-เว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ได้อัปเดตการตรวจสอบฉบับที่ 2 โดยข้อสรุปเบื้องต้นจากทีมวิศวกร BYD ระบุว่า…

ขอเรียนแจ้งความคืบหน้ากรณีรถยนต์ไฟฟ้า BYD ATTO 3 มีควันเกิดขึ้นบริเวณฝากระโปรงหน้า ขณะกำลังชาร์จไฟ DC อยู่ที่สถานีชาร์จไฟนั้น ในวันนี้ทางทีมวิศวกรบีวายดีและเรเว่ ได้เร่งทำการตรวจสอบทุกระบบ ทุกอุปกรณ์เพื่อหาสาเหตุจากเหตุการณ์ในครั้งนี้อย่างเต็มที่

ข้อสรุปเบื้องต้นจากทีมวิศวกรมีวายดีและเรเว่ ที่ได้ตรวจเช็คจากสภาพภายนอก บริเวณพื้นที่ใต้ฝากระโปรงรถด้านหน้า พบความเสียหายบริเวณชุดสายไฟที่เชื่อมต่อไปยังแบตเตอรี่ 12 โวลต์ ซึ่งอาจทำให้เกิดความร้อน ส่งผลไปยังท่อแอร์ได้รับความเสียหายจนทำให้น้ำยาแอร์รั่วออกมา และเกิดควันจากน้ำยาแอร์ที่ผสานกับความร้อนในบริเวณดังกล่าวแต่ไม่เกิดเปลวไฟแต่อย่างใด

ในส่วนของระบบอื่น ๆ เช่น Control Module ที่ใช้ควบคุมกระแสไฟ ชุดสายไฟและจุดเชื่อมต่อสายไฟที่ควบคุมแบตเตอรี่แรงดันสูง ช่องเสียบชาร์จไฟ และตัวแบตเตอรี่แรงดันสูง ไม่ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม ทางทีมวิศวกรของบีวายดีและเรเว่กำลังเร่งตรวจสอบหาข้อพิสูจน์เพิ่มเติมในทุกระบบของรถให้มั่นใจอย่างครบถ้วน

ขั้นตอนต่อจากนี้ ทางบีวายดีและเรเว่เตรียมนำชื้นส่วนอะไหล่ใหม่ เปลี่ยนและทดแทนส่วนที่ได้รับความเสียหาย จนรถสามารถเข้าโหมด ON พร้อมเปิดใช้งานตามปกติ เพื่อให้สามารถใช้เครื่องมือพิเศษตรวจวิเคราะห์การทำงานของรถอย่างละเอียดต่อไป

BYD เปลี่ยนรถคันใหม่ให้ลูกค้าที่ชาร์จรถ EV แล้วเกิดควัน ด้านเจ้าของรถเผย ยังเชื่อมั่นในรถยนต์ไฟฟ้าและจะใช้งานต่อไป

จากกรณี รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ BYD รุ่น ATTO3 เกิดควันจากฝากระโปรงหน้าขณะทำการชาร์จไฟฟ้า บริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งทาง บีวายดี และ บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ ในฐานะผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ BYD ได้ส่งทีมเข้าตรวจสอบ พร้อมออกแถลงการณ์ 2 ฉบับดังข่าวที่นำเสนอไปก่อนหน้า

(8 ก.ย.66) รายงานข่าวจากเพจ จส.100 ระบุว่า ทางเจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุ ได้รับการติดต่อจากบีวายดีและเรเว่ ในการมอบรถยนต์ BYD รุ่น ATTO3 คันใหม่ให้เพื่อทดแทนคันเดิมที่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น โดยระบุว่า หลังจากเกิดเหตุได้มีการนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดโดยวิศวกร และแจ้งเบื้องต้นว่ารถคันดังกล่าวได้เปลี่ยนอะไหล่ที่มีปัญหา ทำการสตาร์ทรถ และชาร์จทั้ง AC และ DC ได้เป็นปกติแล้ว แต่ทาง บริษัทฯ ก็ยังยืนยันจะมอบรถไฟฟ้า BYD Atto3 คันใหม่ให้ ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการตกแต่งติดฟิล์มให้เหมือนคันเดิม ก่อนจะนัดส่งมอบในวันอาทิตย์ที่ 10 ก.ย.66 นี้

ซึ่งเจ้าของรถคันดังกล่าวได้ระบุเพิ่มเติมอีกว่า ในช่วงแรกหลังเกิดเหตุมีความกังวลอยู่บ้าง แต่หลังจากนี้ มองว่าเป็นอุบัติเหตุและเชื่อมั่นในรถยนต์ไฟฟ้าและจะใช้งานต่อไป

‘รถยนต์ไฟฟ้าจีน’ ผงาด!! ครองอันดับ 1 ในตลาดยานยนต์ ผลจากการศึกษา-ความมุ่งมั่นทางวิทย์ฯ จนกลบทุกข้อกังขา

(29 ก.ย. 66) นายพงศ์พรหม ยามะรัต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Pongprom Yamarat' ระบุว่า…

5-6 ปีก่อน ผมเคยบอกเพื่อน ๆ ในวงการรถยนต์ว่ารถยนต์จีนน่ากลัวนะ วันนึงจะมาแย่ง market share บนโลกได้มากมาย

แต่คำตอบคือ รถจีนหนะเหรอ? แล้วก็หัวเราะกัน

สิ่งที่ผมพยายามบอกทุกคนก็คือ นี่คือเคล็ดไม่ลับในการพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดดของจีน

‘การศึกษา’ และ ‘ความมุ่งมั่นทางวิทยาศาสตร์’ ยังไงหละครับ

เมื่อเห็นจุดเด่นตรงนี้ ก็เดาอนาคตไม่ยาก ผมพูดจนเพื่อนผมชอบบอกว่า ผมโปรจีน จริง ๆ เปล่า ผมแค่ชื่นชมญาติเรา และอยากให้ไทยทำแบบนั้นบ้างต่างหาก

ข่าวรถยนต์วันนี้ไม่มีอะไรดังไปกว่าการเปิดราคา BYD Seal แล้ว BYD Seal เป็นรถไฟฟ้า 100% ที่ค่าย BYD เคยเอามายั่วน้ำลายเมื่อตอนต้นปี แล้วเอามาเปิดตัววันนี้ ในราคาช็อกตลาด

BYD เป็นเจ้าตลาดรถ EV ในจีนมานาน ผมเคยโพสต์ไปว่า Warren Buffet เคยเลือกซื้อหุ้นบริษัทนี้ แต่ไม่ซื้อหุ้น Tesla 

จุดเด่น BYD คือเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ ที่มาทำรถยนต์ เทคโนโลยีแบตจึงเด่น ในต้นทุนที่ถูกกว่าชาวบ้าน

จุดขาย BYD Seal นี่แหละครับที่น่าสนใจ

วันนี้เค้าไม่สนใจตลาดรถ ‘ราคาถูก แต่คุณภาพต่ำ’ แต่มาเน้น ‘ราคาเอื้อมถึง ในคุณภาพที่ดีกว่าคู่แข่ง’ หรู คุณภาพสูง แข็งแรง เทคโนโลยีเยี่ยม ทนทาน ใช้งานง่าย ในราคาสบายกระเป๋า อุปกรณ์ภายในพรีเมียม ประตู ที่วางแขน บุนุ่มหมด เบาะหน้าหลัง เน้นตัวใหญ่ นั่งสบาย ไม่ลดต้นทุน

เอาจริง ๆ คือเบาะให้มาใหญ่ สบายกว่า Mercedes C-E กับ Tesla อีก

BYD Seal ใหญ่กว่า Tesla 3 ไม่มาก แต่ภายในใหญ่สู้ Camry, Accord ได้

จุดเด่นของแบตเตอรี่เค้าคือ High performance + วิ่งได้ไกล + ทนทาน + fitting กับรถง่าย + ไม่ติดไฟ 
ในขณะที่แบตรถ EV เกือบทุกยี่ห้อในโลก ติดไฟนะครับ

ราคาที่เปิดตัวมาเมื่อ 6 โมงเย็น ถือว่าทำค่ายรถญี่ปุ่นช็อกทันที เริ่ม 1.325 ล้าน จนถึง 1.599 ล้าน ราคานี้ ตั้งแต่ Honda Civic, Honda Accord, Toyota Corolla, Toyota Camry, Mazda 3 สะเทือนหนักแน่
ตัว 1.599 ล้าน เป็น dual motors 530 แรงม้า แรงบิด 670 nm. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที
นั่นคือไล่ Porsche, Lamborghini ได้แล้ว

โหดมาก วันแรก ยอดจองเกือบ 900 คันแล้ว ราคานี้ ใครกำเงินแถว ๆ นี้ ผมว่ามีเขวไป BYD กันทั้งเมือง
นี่แหละครับ

ประเทศที่เจริญเพราะความมุ่งมั่นด้านการวิจัย และวิทยาศาสตร์ยังไงหละครับ

BYD ฟันยอดขายเดือน 8 พาผงาดอันดับ 4 ของโลก  เหตุ 'กระแสรถไฟฟ้าบูม-ส่งรถใหม่' สู่ตลาดต่อเนื่อง

(17 ต.ค.66) เว็บไซต์ CarNewChina.com ได้เปิดเผยว่า จากการรวบรวมยอดขายรถยนต์ใน 37 ตลาดใหญ่ของโลกในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่ามีความน่าสนใจอย่างมาก โดยนอกจากตลาดจะมียอดขายอยู่ที่ 5.55 ล้านคันแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อแยกตามแบรนด์แล้ว จะพบว่า BYD ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของจีน สามารถทำยอดขายแซงหน้า Ford และ Hyundai ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 4 ของโลกสำหรับยอดขายในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการเปิดเผยยอดขายในเชิงตัวเลขออกมา แต่ระบุว่าเป็นการวัดจากส่วนแบ่งยอดขายที่เกิดขึ้นในเดือนนั้นๆ โดย BYD ทำตัวเลขของส่วนแบ่งทางตลาดอยู่ที่ 4.8% เหนือจากเจ้าของเดิมอย่าง Hyundai และ Ford อยู่ที่ 0.5 และ 0.6% ตามลำดับ และเบียดกับอันดับ 3 คือ Honda ด้วยตัวเลขที่ห่างกันเพียง 0.1% เท่านั้น

สำหรับเหตุผลที่ทำให้ BYD สามารถทำยอดขายในเดือนสิงหาคมได้นั้น เป็นผลมาจากความต้องการรถยนต์พลังไฟฟ้าในตลาดต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ BYD เองเริ่มส่งผลผลิตใหม่ๆ ของตัวเองออกมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีที่แล้ว รวมถึงการขยายตลาดออกสู่ประเทศต่างๆ ซึ่งช่วยทำให้ยอดขายในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมถึง 5% สวนทางตลาดรถยนต์ในจีนที่กำลังประสบปัญหาในเรื่องยอดขายที่ไม่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลความต้องการที่ลดลง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อ BYD

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนก็ยังเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นผลมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงใดช่วงหนึ่ง และทาง BYD พยายามที่รุกตลาดอยู่แล้วด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีความคุ้มค่าออกสู่ตลาด เมื่อความต้องการ 2 ส่วนมาสอดคล้องกันก็เลยทำให้เกิดตัวเลขยอดขายที่ดีขึ้น และยังต้องดูและติดตามถึงความคงที่ในเรื่องของการสร้างยอดขายของแบรนด์กันต่อไปว่า BYD จะยังรักษาตัวเลขของการเติบโตได้มากน้อยแค่ไหน

ขณะเดียวกัน หากมองในเรื่องของ The Most Valuable Car Company หรือบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดนั้น BYD กลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่ได้รับการประเมินและมีตัวเลขในส่วนนี้ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดสามารถแซง Volkswagen ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 ของโลก ต่อจาก Tesla และ Toyota ที่อยู่ในอันดับ 1 และ 2 โดยเป็นบริษัทรถยนต์จีนเพียงรายเดียวในท็อปเท็นลิสต์

สำหรับ BYD ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 ในฐานะผู้ผลิตแบตเตอรี่และเข้าสู่ตลาดรถยนต์ในปี 2003 ซึ่งตอนนั้นพวกเขามีรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นทางเลือกที่มีอยู่ในตลาด ก่อนที่จะผันตัวมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ซึ่งในปัจจุบันพวกเขาเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดในจีน

ปัจจุบัน BYD เป็นผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนเพียงรายเดียวที่ติดอันดับ 10 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกตามมูลค่าตลาด ผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่รายอื่นๆ ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้แก่ Li Auto, Nio และ Xpeng แต่พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้เพิ่มพวกเขาเข้าไปในรายการ 'การเพิกถอนก่อนจดทะเบียน' พร้อมด้วยอีกกว่า 80 รายจากบริษัทจีน สิ่งนี้ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ใช้มาตรการตอบโต้ เช่น Nio เปลี่ยนไปจดทะเบียนในสิงคโปร์แทน

Grab จับมือพาร์ตเนอร์ให้กู้ซื้อรถอีวี BYD 'ไม่ดูประวัติการเงิน-เงินดาวน์' ขอแค่ประวัติขับ Grab และหักผ่อนรายวันจากค่าบริการ เริ่มต้นปี 67

(30 ต.ค. 66) เมธิณี อนวัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการเดินทางและบริหารพาร์ตเนอร์คนขับ แกร็บ ประเทศไทย เปิดเผยว่า แกร็บเตรียมผนึกความร่วมมือกับ Moove ผู้ให้บริการด้านสินเชื่อยานยนต์ และ Rever Automotive ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD 

เปิดโอกาสให้พาร์ตเนอร์คนขับสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อใช้ให้บริการรับส่งผู้โดยสารในโปรแกรม 'ผ่อนขับรับรถ' (Drive-to-Own)

ทั้งนี้ไม่ต้องใช้ประวัติทางการเงิน แต่จะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจากประวัติในการให้บริการกับแกร็บ คือ พาร์ตเนอร์คนขับไม่ต้องวางเงินดาวน์ และสามารถผ่อนจ่ายได้แบบรายวันผ่านการหักรายได้จากการให้บริการในแต่ละวัน

สำหรับความพิเศษของโปรแกรมสินเชื่อที่มีระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 72 เดือนนี้ และยังมีสิทธิประโยชน์เสริมอื่น ๆ อาทิ ฟรีค่าซ่อมบำรุงรถ รวมถึงครอบคลุมการทำประกันรถยนต์ ประกันสุขภาพและประกันชีวิตให้กับพาร์ตเนอร์คนขับ

อย่างไรก็ตาม โปรแกรมดังกล่าวจะเริ่มเปิดให้พาร์ตเนอร์คนขับแกร็บสามารถจองรถยนต์ไฟฟ้าจาก BYD ได้ในได้ในช่วงต้นปี 2567 และคาดว่าจะทำให้พาร์ตเนอร์คนขับสามารถเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 5,000 คันภายในปี 2568 

'สังคมออนไลน์' ยกนิ้ว!! 'BYD-CHANGAN-Tesla' แบรนด์รถยนต์ EV มาแรงที่สุดในโซเชียลไทย

(27 ธ.ค.66) ตลาดรถ EV มาแรง ดาต้าเซ็ต เจาะข้อมูลในโซเชียลมีเดีย พบคนไทยพูดถึงรถ EV คึกคักรับเทรนด์คนยุคใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พบ 3 แบรนด์ดังได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่ BYD, CHANGAN และ Tesla โดยมีการกล่าวถึง (Mention) และ เอ็นเกจเมนต์ (Engagement) มากที่สุด

ปัจจุบันความนิยมรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ในไทยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2566 จากข้อมูลของรอยเตอร์พบว่าไทยมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยมีสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสอดคล้องกับงาน Motor Expo 2023 ครั้งที่ 20 พบว่ายอดจองรถยนต์ EV ถล่มทลายมาก โดยเฉพาะ BYD ที่เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนซึ่งมียอดจองสูงเป็นอันดับ 1 ในงาน

ทั้งนี้ บริษัท ดาต้าเซ็ต จึงได้ใช้เครื่องมือ DXT360 แพลตฟอร์มติดตามข่าวสารและเสียงของผู้บริโภค (Social Listening) เก็บข้อมูลบน Social Media ระหว่างวันที่ 15 พ.ย.- 16 ธ.ค. 2566 เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มีการพูดถึงบนสังคมออนไลน์ว่าสอดคล้องกับแบรนด์รถที่มียอดจองสูงจากงาน Motor Expo 2023 หรือไม่

เมื่อพิจารณาข้อมูลจาก Social Media ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่า แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดใน 3 อันดับแรกจะมีความสอดคล้องกับยอด Engagement ที่ทางแบรนด์ได้รับ ซึ่งใน 3 อันดับ เป็นแบรนด์จากรถยนต์ EV ทั้งหมด โดยอันดับหนึ่ง คือแบรนด์ BYD มีการถูกกล่าวถึง (Mention) และมียอด Engagement มากที่สุด รองลงมาเป็นแบรนด์น้องใหม่ Changan และสุดท้าย คือแบรนด์ Tesla เป็นอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับ

>> 10 แบรนด์ที่มีการกล่าวถึงมากที่สุด (By Mention)

1. BYD 19.6%
2. CHANGAN 14.7%
3. Tesla 11.6%
4. AION 10.3%
5. GWM 9.2%
6. MG 8.4%
7. NETA 7.8%
8. Hyundai 7.5%
9. Honda 3.0%
10. อื่น ๆ 7.9%

>> 10 แบรนด์ที่มีการกล่าวถึงมากที่สุด (By Engagement)

1. BYD 22.3%
2. CHANGAN 17.3%
3. Tesla 12.8%
4. Honda 9.4%
5. AION 7.7%
6. NETA 6.1%
7. GWM 5.4%
8. MG 4.4%
9. Hyundai 3.7%
10. อื่น ๆ 10.9%

>> Top 3 แบรนด์รถไฟฟ้าที่ได้รับความสนใจสูงสุด

BYD เรียกได้ว่าเป็นที่ฮือฮาในสังคมออนไลน์หลังจาก แบรนด์ BYD แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่จากจีนได้ทำการปล่อยคลิปสาธิตโหมด ‘Emergency Float Mode’ ที่จะเป็นโหมดที่ตัวรถจะทำการขับบนผิวน้ำได้แบบอัตโนมัติ เมื่อรถตกน้ำ และจะพาผู้โดยสารในรถกลับขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย โดยจะเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่จะมาในรถ SUV ไฟฟ้า ตัว Top ของทางแบรนด์อย่าง YangWang U8 ที่เปิดตัวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ความคิดเห็นส่วนใหญ่ชื่นชมการพัฒนาเทคโนโลยี และตื่นเต้นกับฟีเจอร์ดังกล่าวพร้อมทั้งรอติดตามที่จะได้เห็นการเทสฟีเจอร์นี้จากประสบการณ์ผู้ใช้จริง

CHANGAN รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนอีกแบรนด์หนึ่งที่กำลังมาแรงไม่แพ้ BYD เห็นได้จากการเอ็นเกจกับคอนเทนต์ ‘รีวิวเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่นใหม่จากฉางอัน’ ที่เปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา จาก YouTube Account Autilifethailand Official ที่ได้การเอ็นเกจสูงสุด และกวาดยอดวิวไปกว่า 340K แสดงให้เห็นความเป็นที่นิยม เนื่องจากโดดเด่นในด้านเทคโนโลยีและความแรงของรถที่ขับเคลื่อนกำลังสูงสุด 190 kW เทียบเท่า 258 แรงม้า นอกจากนั้นฉางอันยังตีตลาดไทยด้วยเรื่องของความคุ้มค่า โดยการมอบสิทธิพิเศษ มูลค่ารวมกว่า 250,000 บาท เช่น ฟรีประกันภัยชั้น 1, รับประกันแบตเตอรี่และบำรุงรักษาฟรี นาน 8 ปี, บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. นาน 8 ปี, ฟรีที่ชาร์จรถที่บ้าน และอื่น ๆ

Tesla แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ายุโรปที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ คงไม่พ้น Tesla โดยในช่วงเดือนที่ผ่านมาจากโพสต์เด่นพบการเปิดตัว Cybertruck หรือ รถกระบะไฟฟ้ารุ่นแรกของ Tesla สิ่งที่น่าสนใจในรถยนต์รุ่นนี้ก็คือฟีเจอร์ Powershare ที่ทำให้สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับรถคันอื่นหรือบ้านได้สูงสุด 9.6kW ความคิดเห็นต่างให้ความสนใจฟีเจอร์ดังกล่าวเป็นอย่างมากจึงได้รับฉายาในโซเชียลมีเดียว่า ‘พาวเวอร์แบงค์เคลื่อนที่’ โดยโพสต์ดังกล่าวได้รับ Engagement สูงกว่า 7,428 ครั้ง

>> ส่องความคิดเห็นใน Social Media

จากภาพรวมเสียงสะท้อนของผู้บริโภคที่มีต่อรถยนต์ EV และรถยนต์สันดาปนั้น พบว่าปัจจุบันเสียงส่วนใหญ่มีแนวโน้มไปในทิศทางเชิงบวกต่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งนี้พบว่าเหตุผลที่คนส่วนใหญ่เลือกซื้อรถยนต์ EV ได้แก่

1. ความคุ้มค่าและความประหยัด
2. ดีไซน์ของรถที่มีความทันสมัย
3. เทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือ AI ของตัวรถ
4. ลดมลพิษทางอากาศ

แต่อย่างไรก็ตามผู้บริโภคบางส่วนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับรถยนต์ EV ในด้านต่าง ๆ เมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาป ได้แก่

1. ปัญหาแบตเตอรี่
2. ความเพียงพอของสถานีชาร์จ
3. คุณภาพการใช้งาน
4. ราคาของประกันรถที่อาจแพงกว่ารถยนต์สันดาป

จากแบรนด์รถยนต์ EV ของ BYD ที่มีการกล่าวถึง (Mention) และยอด Engagement มากที่สุดเป็นอันดับ 1 พบว่า เหตุผลส่วนใหญ่ที่คนเลือกใช้รถยนต์ BYD จะสอดคล้องกับเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ที่คนเลือกใช้รถยนต์ EV ทั้งในเรื่องของดีไซน์รถ และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งนวัตกรรมด้านความปลอดภัยและความบันเทิง และยังเพิ่มความสามารถที่ทำให้ผู้คนสามารถนอนหลับบนรถได้ สุดท้ายในเรื่องของราคาที่มีความหลากหลายสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง

>> ยักษ์ใหญ่ไอทีจีนลงเล่นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

รู้หรือไม่? แบรนด์เทคโนโลยี 2 เจ้าดังของจีน ก็ได้มาเล่นตลาดรถอีวีด้วย อย่าง Xiaomi ล่าสุดได้มีการเปิดตัวรถ รุ่น SU 7 และ Huawei ร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์ Chery Auto เปิดตัว S7 ภายใต้แบรนด์ Luxeed

ทั้งนี้ ความต้องการรถยนต์ EV ที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคนั้นได้สร้างความสะเทือนให้กับผู้ผลิตรถยนต์สันดาปเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดจากสถิติของ Forbes ที่เผยยอดการผลิตรถยนต์สันดาปในปี 2566 เทียบกับปี 2565 นั้นลดลงถึง 8% ผู้ผลิตหลายรายหันมาผลิตรถ EV กันมากขึ้น ล่าสุดทางแบรนด์รถยนต์จากค่ายใหญ่ เช่น Honda และ Toyota ก็ได้เริ่มมีการผลิตรถยนต์ EV ออกมา โดยทาง Honda ได้ออกรถยนต์ EV คือ รุ่น e:N1 และ ทาง Toyota คือ รุ่น bZ4X ซึ่งจากทาง 2 ค่ายใหญ่ที่ได้มีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การเลือกซื้อรถยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค จึงคาดว่าแนวโน้มในอนาคตจะมีการผลิตรถยนต์ EV เพิ่มมากขึ้นจากทั้งหลายแบรนด์ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้เองทางรัฐบาลไทยจึงมีนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

ข้อมูลทั้งหมดที่นำมาวิเคราะห์หา Insight รวบรวมผ่าน DXT360 แพลตฟอร์มติดตามข่าวสารและเสียงของผู้บริโภค (Social Listening) ของบริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด (dataxet:infoquest) โดยเก็บข้อมูลระหว่าง 15 พ.ย. - 16 ธ.ค. 2566


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top