Friday, 28 June 2024
เชียงใหม่

‘ตุ๊กตุ๊ก-รถแดงเชียงใหม่’ โอด!! ใกล้วิกฤต หลังแอปฯ ต่างชาติเกลื่อนเมือง ชี้!! รายได้หด-รายจ่ายเท่าเดิม ฟาก ‘ชาวเน็ต’ ซ้ำ!! “ทำตัวเองล้วนๆ”

(13 พ.ค.67) กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันในโลกออนไลน์จำนวนมาก หลังจากที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพและข้อความลงในกลุ่ม “กลุ่ม เชียงใหม่108 CM108” ที่มีสมาชิกมากกว่า 1.4 หมื่นคน โดยระบุว่า... 

“ตุ๊กตุ๊ก รถแดงเชียงใหม่ ตอนนี้ใกล้ถึงทางตันพอหมดฤดูกาลท่องเที่ยวแทบจะขายรถ รายที่เช่าก็ต้องคืนรถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายทางครอบครัว ตกงาน ส่วนใหญ่จะเป็นคนวัยเกษียณ

สาเหตุหลักก็คือ แกร๊บต่างชาติเกลื่อนเมือง ซึ่งตอนนี้เยอะมากในเมืองเชียงใหม่ เทียบกับสมัยก่อนที่ยังไม่มีแกร๊บเข้ามาตุ๊กตุ๊ก รถแดงพอจะลืมตาอ้าปากได้บ้าง แต่ตอนนี้หน้ามือเป็นหลังมือ

ถึงทางตันไปต่อไม่ได้ อนาคตคงเหลือแต่ภาพถ่ายและอนุสรณ์ตั้งโชว์หน้าร้านอาหาร อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลยครับ

อยากวิงวอนหลายฝ่ายให้ช่วยกันกู้ชื่อเสียงตุ๊กตุ๊ก รถแดงของบ้านเรากลับคืนมาดังเดิมจะดีมากก่อนที่มันจะสายไปครับ”

หลังจากโพสต์ไปไม่นาน มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น

- “ก่อนอื่นปรับปรุงที่คนขับรถก่อนเลย เจอมากับตัว รถแดงจากกาดสวนแก้วมาขนส่งช้างเผือก อู้เมือง 20.- พูดไทย 50.- จากกาดสวนแก้วไปเชียงใหม่แลนด์ 80.- ขากลับนั่งอีกคันมา 50.- รอบสุดท้ายที่ตัดสินใจบ่นั่งรถแดงอีกเลย มากัน 5 คน ขึ้นหน้าธนาคารปากซอย ตวด.มาปั๊มเชลข้างกาดสวนแก้ว บอกจะเอาคน 50.- ตัดสินใจพากันเตวมาเอาเจ้า ตั้งแต่หั้นมาก่บ่ขึ้นอีกเลยรถแดง”

- “ทำตัวเองครับ ผมมาจากเชียงใหม่ครั้งแรกนั่งตุ๊ก ๆ ไปธุระตกลงราคาเรียบร้อยขับไประหว่างทางตอนช่วงดึกเขาไปเจอฝรั่งกำลังยืนอยู่ข้างทางอยู่ดี ๆ ก็เบรครถแล้วหยุดไปถามไถ่แล้วไล่ผมลงตรงนั้นเอาฝรั่งไปแทนผมก็จำไม่ลืมจนทุกวันนี้ 7 ปีมาแล้วที่ไม่เคยกลับไปนั่งตุ๊ก ๆ ส่วนรถแดงผมขึ้นจากแยกไนท์พลาซ่าแล้วมาลงหน้าโรงพยาบาลราชเวชเรียกเก็บเงินผมเป็นร้อยแต่คนอื่นลงจุดเดียวกันและนั่งมาไกลกว่าผมจ่ายแค่ 40 บาทรู้สึกว่าโดนเอาเปรียบไหมครับนั่งระยะทางมาสั้นกว่าเขาแต่เราเรียกเขาแล้วเขาจอดรับกลับมาเรียกเก็บเรา 100 บาทเพียงเพราะว่าเป็นคนต่างถิ่น”

“เรียก…ไม่มีแบ่งแยกคนเชียงใหม่คนต่างจังหวัดราคาเท่ากัน นักท่องเที่ยวไม่ใช่โง่ เทศกาลก็ฉวยโอกาสขึ้นราคาโขกสับคนไทยด้วยกัน แต่…คงราคาเดิมอาจจะเพิ่มนิดหน่อยแต่ยอมรับได้ แล้วใครเขาจะไปใช้รถแดง ส่วนตัวนั่ง… บริการดีพูดจาดีนี่กดทิปให้ด้วย”

“ล่าสุด จะเหมากลับสันกำแพง…เจอรถแดงบอก 500 กด… จ่ายแค่ 215 บาท เป็นคุณจะเลือกอะไรครับ คิดแต่ให้คนอื่นกู้ชื่อเสียง แต่รถแดงกลับไม่คิดจะกู้ชื่อเสียงตัวเอง อย่าคิดว่าตัวเองเป็น ‘สัญลักษณ์’ ของเชียงใหม่แล้วมาบอกให้คนอื่นมาอุ้มครับ รถแดงเป็นเอกชนครับ ไม่ปรับตัวตามโลกก็ดับหายไป”

“สองแถวที่กรุงเทพ ต้องแข่งกะอะไรบ้าง แต่ที่สุดแล้ว ราคาเขาชัดเจน ไม่โขกราคา เขาถึงว่า ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน รับสภาพไปจ้าววว”

“คอมเม้นเป็นเอกฉันท์ ที่วิกฤตเพราะตัวเองทั้งนั้น”

“นี่ไม่รู้ตัวจริง ๆ เหรอ หรือตีมึนแล้วไปโทษแต่…”

“ล่าสุดไปเที่ยวแถว Zoey กลับดึกเรียกรถในแอพไม่มีสักคัน เจอตุ๊ก ๆ ผ่าน เราก็บอกจะไปรวมโชค นางบอก 500 ครับ (กูนี่โบกมือบ๊ายบายเลย)”

“จอดรถให้มันถูกที่ให้เป็นก่อน เกะกะมาก อยากจอดไหนจอด”

“โลกมันคือการแข่งขัน คุณแค่ต้องปรับตัวสู้กับเค้า ไม่ใช่มางอแง… หรือสู้เค้าไม่ได้ ก็แค่เข้าร่วม…มันจะไปยากอะไร”

“พฤติกรรมนำพาชะตาชีวิต”

เชียงใหม่-ทึ่ง!!คนแห่เที่ยวสวนสัตว์เชียงใหม่ ยอดรายได้ทะลุ 1.4 ล้านบาท

นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ช่วงหยุดยาววันพืชมงคล 3 วัน นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวได้เข้าชมสวนสัตว์เชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้เก็บรายได้มากถึง 1,400,000 บาท เพียง 3 วันเท่านั้น สูงสุดในรอบ 15 ปีซึ่งเฉลี่ยปีละ 550,000บาท ในช่วงวันพืชมงคลของทุกปี จากการสอบถามผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ทราบว่า สวนสัตว์ฯได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวหลาก หลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีการปรับรูปแบบการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับสัตว์มากขึ้น 

เช่น มีการจำหน่ายคูปองเพื่อนำคูปองไปรับอาหารสัตว์ตามจุดที่กำหนดได้แก่ ฮิปโปโปเตมัส สัตว์แอฟริกา  สัตว์ตระกูลกวาง และช้างพัง 3 เชือก มีการจัดทัวร์รอบสวนสัตว์ให้กับนักท่องเที่ยวมีผู้นำชมเสมือนไปทัวร์ต่างประเทศ และกิจกรรมทัวร์หลังบ้านให้อาหารฝูงเพนกวินที่น่ารัก ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความชื่นชอบและมาเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งช่วงนี้สวนสัตว์เชียงใหม่ได้ทำการเปิดสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ เชียงใหม่ ซู อควาเรียม ทะเลบนดอย กับความหลากหลายของสายพันธุ์ปลานานาชนิด ตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของสัตว์น้ำต่างๆ คลายร้อนที่สโนว์บัดดี้วินเทอร์แลนด์ สัมผัสอุณหภูมิ -10 องศาเซลเซียส ภายในสวนสัตว์ยังมี กิจกรรมต่างๆ ให้บริการอีกมาก ชม การแสดงพฤติกรรมสัตว์ multi animal behavior 

ที่น่ารักของสัตว์ สักการะพระนวพุทธมหาบารมี พระศรีสักยมุนีสัตตะบุรีลวบูชา ที่โบราณสถาณวัดกู่ดินขาว อายุมากกว่า 1,000 ปี ถ่ายรูปสถานที่ต่างๆ ภายใต้การจัดภูมิทัศน์ให้สอดคล้องกับธรรมชาติที่มีอยู่ในพื้นที่อีกด้วย สวนสัตว์เชียงใหม่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยคุณภาพทุกด้านเพื่อยังคงเป็นสวนสัตว์ฯ ลำดับต้นๆของเมืองไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเชียงใต้ และยังคงเป็น“สวนสัตว์แห่งความสุขของทุกชีวิต“ ด้วยกิจกรรมหลากหลายราคาประหยัด"คนมีความสุข สัตว์สุขภาพดี” ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ กล่าวทิ้งท้ายและขอบพระคุณนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือน ที่มาเยี่ยมชม ในครั้งนี้

นภาพร/เชียงใหม่

เชียงใหม่-ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าว " ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่ "

ตำรวจภูธรภาค 5  แถลงข่าวการจับกุมเยาวชนหัวหน้าแก๊งวัยรุ่นป่วนเมือง ของ สภ.หางดง และการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่น(คลองแม่ข่า) ของ สภ.เมืองเชียงใหม่ " ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่ "

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2567  เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.กฤตธาพล  ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ,พล.ต.ต.วรพงศ์  คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ,รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ,ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ผกก.สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการตาม "ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่" พร้อมทั้งได้แถลงข่าวการจับกุมเยาวชนหัวหน้าแก๊งวัยรุ่นป่วนเมืองของ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ และการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่น (คลองแม่ข่า) ของ สภ.เมืองเชียงใหม่จ.เชียงใหม่  ณ ห้องประชุมชั้น 3 สภ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

โดยมีรายละเอียดดังนี้
สรุปผลการจับกุมบุคคลต่างด้าว  “ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่”
ได้ปิดล้อมตรวจค้นหอพัก ในพื้นที่ สภ.เมืองเชียงใหม่   จำนวน   6  แห่ง   ผลการปิดล้อมตรวจค้น ได้จับกุม ผู้กระทำความผิดบุคคลต่างด้าว   รวมจำนวน 27 คน  เป็นชาย 20 คน หญิง 7 คน  ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

สถานีตำรวจภูธรหางดง จังหวัดเชียงใหม่  จับกุมหัวหน้าแก๊ง SOHOT
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 สถานีตำรวจภูธรหางดง ได้รับแจ้งกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุคือ นายณัฐพงค์ หรือเฟรก คำแก้ว (หัวหน้าแก๊งค์ Sohot) ซึ่งนายณัฐพงค์หรือเฟรกฯ เคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นมาแล้วหลายครั้ง และยังเคยใช้อาวุธปืนข่มขู่ผู้อื่น สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หางดง  ได้ทำการสืบสวนติดตามไปถึงบริเวณบ้านพักของนายณัฐพงค์ หรือเฟรกฯ ที่บ้านเลขที่ 35/3 หมู่ที่ 11 ต.บ้านแหวน อ.หางดง จว.เชียงใหม่ พบนายณัฐพงค์ หรือเฟรกฯ บริเวณบ้านพัก ลักษณะท่าทางมีพิรุธ รีบหลบเข้าไปในบ้านพัก จึงมีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรว่ามีทรัพย์สินซึ่งมีไว้เป็นความผิด ประกอบกับมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนินช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ ทรัพย์สินนั้นจะถูกโยกย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวและขอทำการตรวจค้น นายณัฐพงค์ หรือเฟรกฯ ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้น และเป็นผู้นำตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบกระสุนปืนลูกซองขนาด 12 จำนวน 2 นัด และปลอกกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 1 ปลอก ซุกซ่อนอยู่บริเวณในตู้เสื้อผ้า ชั้นบน ข้างที่นอนของนายณัฐพงค์ หรือเฟรกฯ สอบถามนายณัฐพงค์ หรือเฟรกฯ รับว่ากระสุนปืนและปลอกกระสุนปืนของกลางดังกล่าวเป็นของตน ยอมรับว่ากระสุนปืนดังกล่าวได้มาจากเพื่อนชื่อนายวุฒิ  ไม่ทราบชื่อ สกุลจริง บุคคลต่างด้าวเชื้อชาติไทยใหญ่ สัญชาติเมียนมา เมื่อประมาณ 1 เดือนเศษที่ผ่านมา จึงได้จับกุมตัวพร้อมของกลาง ดำเนินคดีในข้อหา มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งพนักงานสอบสวน  สภ.หางดง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สภ.เมืองเชียงใหม่ จับกุมกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกายผู้อื่น บริเวณคลองสะพานแม่ข่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2567 เวลาประมาณ 01.00 น. ได้มีกลุ่มวัยรุ่นชายจำนวน 6 คน รุมทำร้ายร่ายกายนายประวิทย์ฯ ซึ่งเป็นครูสอนมวย เป็นเหตุให้นายประวิทย์ฯ ได้รับบาดเจ็บ ตามที่ได้เผยแพร่ไปตามสื่อโซเชียล นั้นฃ

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2567 นายประวิทย์ ฯ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว จากนั้นชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายจำนวน 6 นายที่หลบหนีไป โดยสามารถติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้จำนวน 5 ราย หลบหนี  1 ราย  ดังนี้
1. นายอาหลู่ ไม่มีนามสกุล อายุ 18 ปี สัญชาติเมียนมาร์จับได้ที่บ้านพัก ต.ขี้เหล็ก อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่
2. นายฉลอม ไม่มีนามสกุล อายุ 20 ปีสัญชาติเมียนมาร์จับได้ที่ริมถนนราชวิถี อ.ศรีภูมิ อ.เมือง จว.เชียงใหม่
3. นายอาเล หลีจ๊ะ อายุ 18 ปี สัญชาติเมียนมาร์ จับได้ที่ริมถนนระแกง ซ.2 ใกล้คลองแม่ข่า
4. นายอาเบ ไม่มีนามสกุล อายุ 20 ปีสัญชาติเมียนมาร์จับได้ที่ริมถนนระแกง ซ.2 ใกล้คลองแม่ข่า
5. นายอาเล ไม่มีนามสกุล อายุ 18 ปีสัญชาติเมียนมาร์จับได้ที่ริมถนนระแกง ซ.2 ใกล้คลองแม่ข่า
6. นายอาส่า ไม่มีนามสกุล อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมาร์(หลบหนี)

โดยแจ้งข้อกล่าว “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 6 นาย เป็นบุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียรมาร์ ที่ลักลอบหลบหนีเข้ามายังประเทศไทยโดยใช้ช่องทางธรรมชาติและเข้ามาหาทำงานรับจ้างทั่วไปในตัวเมืองเชียงใหม่ ติดต่อกับกลุ่มบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาก่อนเพื่อขอทำงานและพักอาศัย ไม่มีที่พักอาศัยเป็นหลักแหล่งและเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อยๆ

ตำรวจภูธรภาค 5 ขอยืนยันว่ามีความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชนและยังคงเน้นย้ำในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ทั้งนี้หากพบเห็นอาชญากรรมหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดโปรดแจ้ง 191 ตลอดเวลา 24ชั่วโมง หรือแจ้งผ่านไลน์ ผบช.ภ.๕ ไอดี @police5 

เชียงใหม่-ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าวการจับกุมแก๊งวัยรุ่นก่อเหตุปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้อื่น และการจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ต่อเนื่องใน 5 พื้นที่

วันที่ 16 พ.ค.67 เวลา 11.00 น.พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวสมิตระกูล รอง ผบช.ภ.5, รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ,รอง ผบก.สส.ภ.5, ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ และ ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.5 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งวัยรุ่น จำนวน 3 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้อื่น ในพื้นที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ และการจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ต่อเนื่องใน  5  พื้นที่  ได้แก่ สภ.สันป่าตอง, หางดง, หนองตอง, ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ และ สภ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่  

โดยมีรายละเอียด ดังนี้
คดีที่ 1  คดีปล้นทรัพย์ ฯ ของ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์  จับกุมผู้ต้องหา 3 คน คือ นายอนุเดช หรือ บังพีท นายพลาธิป หรือออคิด และ ด.ช.น้ำหนึ่ง  โดยเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2567  เวลาประมาณ 05.30 น. นายกังสชิต ฯ และนายทักษ์ดนัย ผู้เสียหาย จำนวน 2 คน เล่นสเก็ตพื้นที่ของเอกชน อยู่ที่เขต ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่  ได้มีคนร้ายซึ่งเป็นชายวัยรุ่น จำนวน 3  คน ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาบริเวณลานสเก็ต หนึ่งในคนร้าย  ได้ใช้อาวุธมีดทำร้ายฟันผู้เสียหายบริเวณหน้าผาก  และทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทั้งสองได้รับบาดเจ็บ และคนร้ายได้หยิบทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้เสียหายที่ไปประกอบด้วย บุหรีไฟฟ้า, บุหรี่ยี่ห้อ LM แดง จำนวน 1 ซอง, น้ำดื่มเอสรสลิ้นจี่ จำนวน 2 ขวด, แก้วเยติ  จำนวน 1 ใบ

ต่อมาวันที่ 13 พ.ค.67 เวลาประมาณ 23.00 น. ได้ทำการสืบสวนทราบว่าคนร้ายทั้ง 3 คน คือ นายอนุเดช หรือ บังพีท นายพลาธิป หรือออคิด และ ด.ช.น้ำหนึ่ง  เจ้าหน้าที่ ตำรวจจึงได้นำตัวนายพลาธิปฯ และ ด.ช.น้ำหนึ่ง ฯ มาซักถามปากคำ โดยทั้ง 2 ยอมรับว่าได้ร่วมกันกับนายอนุเดช หรือ บังพีท ก่อเหตุจริง ต่อมาเมื่อวันที่ 15 พ.ค.67 ได้ทำการจับกุมตัวนายอนุเดช หรือบังพีช ตามหมายจับของ ศาลจังหวัดเชียงใหม่  พร้อมควบคุมตัวนายพลาธิป หรือออคิด และ ด.ช.น้ำหนึ่ง  มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 2 จับกุมตัวนายจักรกฤษ ฯ ภูมิลำเนา ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จว.เชียงใหม่ ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ จำนวน 5 ครั้ง ได้ทรัพย์สิน 1  ครั้ง เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2567 ในพื้นที่ สภ.หนองตอง ครั้งแรก ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกูปปี้ไอ สีชมพู ไปก่อเหตุที่เขต สภ.สันป่าตอง ไม่ได้ทรัพย์สิน 
ครั้งที่สอง ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกูปปี้ไอฯ ไปก่อเหตุที่เขต สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ ไม่ได้ทรัพย์สินไปแต่อย่างใด 

ครั้งที่สาม เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2567 เวลาประมาณ 13.30น. ใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำ ไปใช้ก่อเหตุ ในเขตพื้นที่ สภ.หนองตอง จ.เชียงใหม่ เมื่อ ได้ทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท นำไปขายที่ร้านทองจำชื่อ ภายในห้างในพื้นที่ ต.ช้างเผือก ในวันเดียวกับวันที่ก่อเหตุ 
ครั้งที่สี่ เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2567 เวลาประมาณ 16.00น. ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำฯ ไปก่อเหตุในเขตพื้นที่ สภ.ช้างเผือกจ.เชียงใหม่ แต่ไม่ได้ทรัพย์สิน 
ครั้งที่ห้า เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2567 เวลาประมาณ 18.50น. ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำฯ ไปก่อเหตุในพื้นที่ สภ.เมืองลำพูน แต่ไม่ได้ทรัพย์สิน 
รวมก่อเหตุทั้งหมด 5 ครั้ง ได้ทรัพย์สินไปเพียงครั้งเดียว คือ เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2567 ในพื้นที่ สภ.หนองตอง 

ตำรวจภูธรภาค 5 ขอยืนยันว่ามีความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชนและยังคงเน้นย้ำในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ทั้งนี้หากพบเห็นอาชญากรรมหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดโปรดแจ้ง 191 ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หรือแจ้งผ่านไลน์ ผบช.ภ.5 ไอดี @police5 

เตรียมดำเนินคดี เจ้าของหมา ‘โกลเดินรีทรีฟเวอร์’ หลังนำมาปล่อยทิ้ง ล่าสุด!! ขอรับ ‘น้องจิว’ คืนแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ฯ ยังไม่ไว้ใจ กลัวนำไปปล่อยที่อื่น

(18 พ.ค. 67) ความคืบหน้าของกรณีที่มีผู้นำสุนัขเพศผู้สายพันธุ์โกลเดินรีทรีฟเวอร์ มาปล่อยทิ้งไว้กลางชุมชน ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุดนั้น 

นายภาวิต บุญชละ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสันผีเสื้อ ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ติดตามจากภาพของกล้องวงจรปิดของเทศบาล และหาหลักฐานจากกล้องหน้ารถ จนได้ภาพจากกล้องหน้ารถที่สวนทางกับรถกระบะที่นำหมามาปล่อย ซึ่งพบว่าน้องหมานั่งอยู่ท้ายกระบะโผล่หน้าออกมาทางด้านซ้ายฝั่งคนขับ รถคันดังกล่าวขับเข้ามาในซอยถนนสันผีเสื้อ บริเวณที่รกร้างด้านหน้าของเทศบาลสันผีเสื้อ และเลี้ยวเข้าไปในซอยประมาณ 100 เมตร และหลังจากนั้นก็ได้รับการยืนยันจากชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ว่ามี พบเห็นชายสูงวัยลงมาเปิดกระบะท้ายและปล่อยหมาลงมาจากรถทิ้งไว้ในบริเวณที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะขึ้นรถขับหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุไป

หนึ่งในผู้พบเห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ตนนั้นขายอาหารอยู่บริเวณปากซอยพบเห็นรถกระบะคันดังกล่าวท่าทางมีพิรุธพยายามจอดรถและเลี้ยวเข้าซอย ซึ่งมีการขับรถวนเวียนอยู่แถวบริเวณจุดที่จะนำน้องหมามาปล่อยอยู่หลายครั้ง หลังจากนั้นก็เลี้ยวเข้าซอยก่อนนำน้องหมาลงจากรถแล้วก็ขับรถออกไปโดยไม่มีการจอดรับน้องหมาแต่อย่างใดซึ่งตามปกติ บริเวณซอยนี้จะไม่มีคนเข้าเพราะมีบ้านคนข้างในเพียงหลังเดียวเท่านั้น หลังจากขับรถออกไปน้องหมาก็วิ่งตามและรถก็ไม่จอดแต่อย่างใดจนทำให้น้องหมานั้นวิ่งหลบเข้าไปที่อยู่ข้างสวนและพนักงานของเทศบาลก็เข้ามาพบแล้วก็แจ้งเทศบาลต่อไป

นายภาวิต บุญชละ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสันผีเสื้อ เปิดเผยว่า หมาตัวนี้น้องกู้ชีพของเทศบาลตำบลสันผีเสื้อได้ไปพบเห็นกำลังวิ่งตามรถกระบะอยู่หน้าเทศบาลซึ่งดูจากภาพแล้วเจ้าของนั้นไม่หยุดรถให้น้องหมาขึ้นรถซึ่งสันนิษฐานได้ว่าเป็นการนำหมามาปล่อย ทางเทศบาลจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดกล้องรถต่าง ๆ จากผู้หวังดีเพื่อเช็กทะเบียนรถแล้วก็ติดต่อไปยังเจ้าของแล้วก็เช็กรูปพรรณสัณฐานว่ามีการเลี้ยงหมาลักษณะดังกล่าวจริงหรือไม่

ซึ่งต่อมาได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับเจ้าของหมาซึ่งถือว่ากรณีนำหมามาปล่อยนั้นมีความผิดตามกฎหมายซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดีส่วนตัวน้องหมานั้นอยู่ในความดูแลของเทศบาลตำบลสันผีเสื้อในช่วงบ่ายทางปศุสัตว์อำเภอก็จะมาดูแลเรื่องสุขภาพของน้องแต่จากการประเมินเบื้องต้นสุขภาพแข็งแรงดีซึ่งจากการสอบถามและทราบชื่อน้อง ‘จิว’ และมีการเรียกชื่อก็ทำให้มีปฏิกิริยาที่ดีขึ้นรับประทานอาหารได้สุขภาพร่าเริงแจ่มใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ล่าสุดได้มีเจ้าของ น้องหมาเข้ามาติดต่อกับเทศบาลยืนยันที่จะรับตัวน้องกลับไปเลี้ยงและยืนยันชัดเจนว่าไม่ได้มีการนำมาปล่อยแต่จากการตรวจสอบพยานหลักฐานแวดล้อมซึ่งประเมินได้ว่าเป็นการนำมาปล่อยอย่างชัดเจน ทางเทศบาลจึงไม่มั่นใจว่าจะคืนน้องหมาให้เจ้าของหรือไม่ เพราะเกรงว่าหากปล่อยคืนให้กับเจ้าของก็จะนำมีการไปปล่อยยังพื้นที่อื่นอีก โดยหลังจากนี้ก็จะมีการประสานมูลนิธิเกี่ยวกับการดูแลสัตว์ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป

เชียงใหม่-สถาบันวิจัยและพัฒนา CMRU ดันสินค้าOTOP ยกระดับชุมชนฉลาดรู้อย่างสร้างสรรค์ด้วยกลไกการขับเคลื่อนจากมหาวิทยาลัยสู่ชุมชน

รศ.ดร.ชาตรี มณีโกศล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ให้เกียรติเป็นประธานในกิจกรรมสรุปงานโครงการยกระดับชุมชนฉลาดรู้อย่างสร้างสรรค์ด้วยกลไกการขับเคลื่อนจากมหาวิทยาลัยสู่ชุมชน โครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กลุ่ม Area Based ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ณ ลานโปรโมชั่น ชั้นG ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ดำเนินการส่งเสริมกิจกรรมการสร้างรายได้จากเศรษฐกิจโดยการสร้างพื้นที่สร้างสรรค์โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน มีบทบาทในการส่งเสริมนโยบายและกลไกสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ ซึ่งภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีบทบาทในการร่วมลงทุนและสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ ดังนั้นจึงได้ดำเนินการส่งเสริมการสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ที่มีอัตลักษณ์ท้องถิ่นล้านนา เช่น หัตถกรรม สถาปัตยกรรม สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ให้เกิดพื้นที่ที่มีการสร้างรายได้จากเศรษฐกิจฐานราก นำไปสู่การทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน 

โดยมีสินค้าที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและรูปแบบผลิตภัณฑ์ตลอดระยะเวลาของโครงการ ทั้งสิ้น 12 ราย ได้แก่  ทองน้ำหนึ่ง,ทิพย์สมุนไพร,เศรษฐีเรือนทอง เชียงใหม่,ลำลนา,แอนนิมอล์,กลุ่มเป่าแก้ว พนาไพร,ชนกฝ้ายแพรไหม,สไบทอง,สุภิญญ์ ผ้าฝ้าย,วิสาหกิจชุมชนหมื่นสารบ้านวัวลาย,กาแฟขุนช่างเคี่ยน และห้างหุ้นส่วนจำกัด Amazing Tea

ภายในงานมีกิจกรรม การแสดงศิลปวัฒนธรม กิจกรรมworkshop การสัมนาถอดบทเรียนการดำเนินโครงการ การนำเสนอผลงานนักศึกษาที่ได้รางวัลชนะเลิศจากการเขียนแผนประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ภายในโครงการ และการแสดงสินค้าของผู้ประกอบการเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ

นภาพร/เชียงใหม่

เชียงใหม่-คณะพัฒนาการท่องเที่ยว ม.แม่โจ้ ต่อยอดโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ฯ จัดเสวนาพร้อมโชว์เคสผลงานผู้ผ่านการฝึกอบรม รุ่น 2

คณะพัฒนาการท่องเที่ยว ม.แม่โจ้ ต่อยอดโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ฯ จัดเสวนาพร้อมโชว์เคสผลงานผู้ผ่านการฝึกอบรม หลักสูตรการจัดการท่องเที่ยว เชิงสุขภาพและนวัตกรรมฯ รุ่น 2 ตามนโยบายการปฏิรูปอุดมศึกษาไทย

คณะพัฒนาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัดงานเสวนาวิชาการ “Transitioning from Journeys to Growth: Enhancing Tourism via Shared Experiences” เพื่อเผยแพร่ผลงานผู้ผ่านการฝึกอบรมโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร การจัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและนวัตกรรม ภายใต้โครงการผลิตบัณทิตพันธุ์ใหม่ เพื่อสร้างกำลังคนที่มีสมรรถนะสูงสำหรับอุตสาหกรรม New Growth Engine ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และปฏิรูปการอุดมศึกษาไทย เน้นผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว เกษตรกร ตัวแทนผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน มุ่งพัฒนาทักษะด้านการคิดเชิงสร้างสรรค์ ต่อยอดธุรกิจด้านการเกษตร อาหาร สุขภาพ การท่องเที่ยว และนวัตกรรมบริการ นำไปสู่โอกาสในการพัฒนาผลงานต้นแบบไปสู่ธุรกิจเชิงพาณิชย์ พร้อมพัฒนาภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

อาจารย์ ดร.กีรติ ตระการศิริวานิช คณบดีคณะพัฒนาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดเผยว่า โครงการการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรการจัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและนวัตกรรมในครั้งนี้ เป็นการ ต่อยอดโครงการผลิตบัณทิตพันธุ์ใหม่ฯ ที่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2566 โดยผู้เข้ารับการฝึกอบรมครั้งนี้ถือเป็นรุ่นที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรม มีความรู้ ความเข้าใจ ในองค์ประกอบของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ พฤติกรรมการท่องเที่ยวที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงสามารถพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวและออกแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพบนฐานความรู้ความเข้าใจสุขภาวะแบบองค์รวม ให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว โครงการการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการฯ ในครั้งนี้ มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 40 คน 

ประกอบด้วย ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว เกษตรกร ตัวแทนผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน โดยตลอดระยะเวลาการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเป็นเวลา 4 เดือนนั้น นำมาสู่การจัดงานเสวนาวิชาการและนิทรรศการเผยแพร่ผลงานผู้ผ่านการฝึกอบรม เพื่อนำเสนอผลการเรียนรู้ของผู้ผ่านการฝึกอบรมตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยมีการจัดแสดงผลงานจำนวน 35 ผลงานในรูปแบบนิทรรศการ ซึ่งเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้เพื่อต่อยอดธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากผู้ประกอบธุรกิจโดยตรง อันจะนำไปสู่โอกาสในการพัฒนาผลงานต้นแบบไปสู่ธุรกิจเชิงพาณิชย์ อีกทั้งเป็นการสร้างเครือข่ายให้กับกลุ่มผู้ประกอบการที่อาจมีความสนใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เป็นผลงานการเรียนรู้ของผู้ผ่านการฝึกอบรมของหลักสูตรต่อไป

ผู้ช่วยศาสตราจารย์พาวิน มะโนชัย รักษาการแทนรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ประธานในพิธีเปิด กล่าวว่า โครงการการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการฯ นี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่จะสามารถนำความรู้ไปต่อยอดธุรกิจ พัฒนาสร้างสรรค์ผลงานของตนเอง ซึ่งหลักสูตรการจัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและนวัตกรรม เป็นหลักสูตรที่จะสามารถสร้างบุคลากรทางการท่องเที่ยวให้เป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม สามารถสนองตอบต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป 

โดยมุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพซึ่งเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่จะสามารถพลิกฟื้นสร้างการเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ผู้ที่จบการศึกษาจากหลักสูตรนี้จะเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในตัวแปรสำคัญของภาคธุรกิจการท่องเที่ยว เข้าใจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะคุณภาพแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวสมัยใหม่ เป็นผู้ที่ผ่านกระบวนการ Upskill/Reskill พร้อมต่อการทำงานเพื่อพัฒนาภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน

สำหรับงานจัดงานเสวนาวิชาการ “Transitioning from Journeys to Growth: Enhancing Tourism via Shared Experiences” เพื่อเผยแพร่ผลงานผู้ผ่านการฝึกอบรมโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร การจัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและนวัตกรรม ภายใต้โครงการผลิตบัณทิตพันธุ์ใหม่ เพื่อสร้างกำลังคนที่มีสมรรถนะสูงสำหรับอุตสาหกรรม New Growth Engine ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และปฏิรูปการอุดมศึกษาไทย จัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมนานาชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย  พิธีเปิดโครงการฯ การจัดนิทรรศการแสดงผลงานการเรียนรู้และต้นแบบผลงานของผู้ผ่านการฝึกอบรม,  การเสวนา หัวข้อ “เกษตร อาหาร สุขภาพ ท่องเที่ยว: กุญแจสำคัญสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานการจัดการอย่างรับผิดชอบ” โดย คุณศิริวิมล กิตะพาณิชย์ ผู้ก่อตั้งไร่รื่นรมย์, การนำเสนอผลงาน การทำงานเชิงพื้นที่จากการลงพื้นที่ศึกษาเรียนรู้ ณ ตำบลบ่อแก้ว อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ โดย นักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา ร่วมกับ นักศึกษาจากคณะพัฒนาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และพิธีมอบประกาศนียบัตรสำหรับผู้ผ่านการฝึกอบรมฯ นักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา และนักศึกษาจากคณะพัฒนาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยแม่โจ้  โดยมีผู้เข้าร่วมอบรม คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ร่วมงานกว่า 80 คน 

ภาพ-ข่าว นภาพร  ขัติยะ

เชียงใหม่-คณะพยาบาล มช. MOU พัฒนาวิจัยและนวัตกรรมร่วมกับ Yonsei University

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ร่วมกับ Yonsei University มหาวิทยาลัยชั้นนำของสาธารณรัฐเกาหลี นำโดย Professor Dr. Eui Geum Oh, Dean, College of Nursing, Yonsei University ในโอกาสนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จุฑารัตน์ มีสุขโข รองคณบดีด้านวิจัย นวัตกรรมและบูรณาการพันธกิจสากล พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.วันเพ็ญ ทรงคำ รองคณบดีด้านพัฒนาการศึกษาปริญญาตรี ร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อพัฒนางานวิจัย สร้างสรรค์นวัตกรรมทางการพยาบาล รวมทั้งส่งเสริมโอกาสการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้แก่นักศึกษาและคณาจารย์บนเวทีระดับนานาชาติ ตลอดจนกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองสถาบัน ณ Yonsei University กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี เมื่อวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน 2567

พัฒนชัย/เชียงใหม่ 

เชียงใหม่-สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่รุกจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่น "Chiang Mai WOW"

วันที่ 19 มิถุนายน 2567 สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่จัดงานแถลงข่าวการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงเดือนกรฏาคม - กันยายน 2567  "Chiang Mai WOW" โดยมีนายวีระพงศ์  ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน โดยมีนายศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ , ว่าที่ร้อยเอก สันติพงษ์ บุลยเลิศ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ,นายเก่ง ชัยวารินทร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ ,นายวุฒิชัย วีระมาชา เลขานุการคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่ และนายพงศธร เลากิตติศักดิ์ ประธานประสานงานสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย 8 จังหวัดภาคเหนือ ร่วมแถลงข่าว ตั้งเป้ากระตุ้นจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวตลอดทุกเดือนและทุกปี ณ ห้องประชุมศิริโพธิ์ โรงแรมศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปา เชียงใหม่

นายศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2567 เริ่มต้นด้วยการจัดงานเทศกาลอาหารฮาลาลเชียงใหม่ ปี 2567 ในเดือนกรกฎาคม 2567 เป็นปีที่ 2 ที่ทางสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดกิจกรรมขี้น โดยในปีนี้ทางคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่ ให้คำปรึกษา ถือเป็นการต่อยอดการจัดกิจกรรมเทศกาลอาหารฮาลาลจากปีที่แล้ว

ร้านอาหารฮาลาลที่เข้าร่วมกิจกรรมและจัดทำพิกัดร้านในปีนี้มีจำนวน 50 ร้าน ซึ่งจะทำการประชาสัมพันธ์พิกัดร้านในปลายเดือนมิถุนายนนี้ และในวันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม 2567 จะมีการจัดกิจกรรมเทศกาลอาหาร ฮาลาล ณ โรงแรมศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปา เชียงใหม่ กิจกรรมช่วงเช้าเป็นการจัดการอบรมหัวข้อ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาหาร ฮาลาล ให้กับสมาชิกของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่, สมาคมร้านอาหาร สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่ ทุกท่านที่ผ่านการอบรมจะได้รับใบ certificate การฝึกอบรม  และกิจกรรมช่วงบ่ายเป็นพิธีมอบใบประกาศนียบัตร   สำหรับร้านอาหารที่เข้าร่วมกิจกรรมเทศกาลอาหารฮาลาลเชียงใหม่ ปี 2567 และหลังจากนั้นจะมีบูธอาหารฮาลาลหลากหลายชนิดที่มาร่วมกิจกรรมให้ทุกท่านที่มาร่วมงานในวันดังกล่าวได้ทดลองชิมกัน

นายศุภมิตร กล่าวต่อว่า โครงการถัดมาที่จะจัดขึ้นคือ โครงการฟ้าม่วน (โครงการการบูรณาพัฒนาและต่อยอดอากาศสะอาดภาคเหนือ) ด้วยการผนึกพลังของหลายเครือข่าย "เพื่อสร้างความร่วมมือและเครือข่ายในการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5" ประกอบด้วย โครงการฟ้าม่วน ร่วมกันระหว่าง สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่, สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดภาคเหนือตอนบน, สำนักงานตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่, วสท.สาขาภาคเหนือ 1, สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และภาคเอกชนในการมีส่วนร่วมเพื่อแก้ไข และบรรเทา ปัญหาฝุ่น pm 2.5 จึงได้จัดตั้งโครงการสาธารณประโยชน์นี้ขึ้น มีแนวทางการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก พร้อมทั้งการสร้างองค์ความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนในการรับมือ และป้องกันดูแลสุขภาพให้ปลอดภัยจากฝุ่น pm2.5  ซึ่งโครงการฟ้าม่วนได้ดำเนินโครงการมาแล้วตั้งแต่ปี 2566 และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องในจังหวังเชียงใหม่ และจะขยายพื้นที่เครือข่ายไปยังจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย ปาย แม่ฮ่องสอน และพะเยา ต่อไป

ทั้งนี้โครงการฟ้าม่วนได้จัดกิจกรรมกอล์ฟการกุศลฟ้าม่วน ที่จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2567 เวลา 11:00 – 20:00 น. ณ สนาม Alpine Golf Resort Chiang Mai ชิงถ้วยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รายได้จากการทำกิจกรรมจะนำมาทำห้องปลอดภัยให้แก่กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ภาคเหนือจำนวน 72 ที่ และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา  6 รอบ โดยร่วมทำบุญ ผ่านบัญชี โครงการฟ้าม่วน (วสท.สาขาภาคเหนือ1) ธนาคารออมสิน สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า  และติดตามรายละเอียดกิจกรรมโครงการ ได้ที่เพจเฟสบุ๊คฟ้าม่วน

ต่อด้วยการ จัดกิจกรรมตักบาตรโชติกา เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์-สามเถร 99 รูป ในวันเสารที่ 10 สิงหาคม 2567 เวลา 7:00 น. ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เพื่อถวายพระราชกุศลในช่วงวันเฉลิมพระชนมาพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กิจกรรมตักบาตรโชติกาเป็นการทำบุญตักบาตรรอบพระเจดีย์โบราณ อายุกว่า 600 ปี ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จัดเป็นประจำทุกวันเสาร์ เวลา 7:00 น. ซึ่งกิจกรรมนี้เริ่มมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ทางสมาคมได้เตรียมอาหารแห้ง  นมถั่วเหลือง และน้ำดื่มไว้จำหน่าย รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว แบ่งถวายวัดเจดีย์หลวง, บริจาคให้โรงพยาบาลนครพิงค์ และสถานสงเคราะห์บ้านเด็กอ่อนเวียงพิงค์

สุดท้ายเป็นการจัดมหกรรมการประกวดการอนุรักษ์พระเครื่อง,พระบูชาเหรียญคณาจารย์, เครื่องรางยอดนิยมทั่วประเทศ โดยสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กำหนดจัดกิจกรรมขึ้นในวันที่ 14-15 กันยายน 2567 ณ เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่แอร์พอร์ต นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ยังกล่าวอีกว่า"สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ต้องการให้มีกิจกรรมทางด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ตลอดทุกเดือนตลอดทั้งปีไม่ว่าจะเป็นช่วงไฮซีซั่นหรือช่วงโลว์ซีซั่น เราอยากให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาร่วมกิจกรรมทางการท่องเที่ยวกระตุ้นเงินสะพัดในทุกธุรกิจ ทั้งภาคบริการ การท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ร้านของฝาก รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ"

นภาพร  / เชียงใหม่ 

เชียงใหม่-สมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ จัดงานวัน”มัคคุเทศก์ไทย ประจำปี 2567”

วันที่ 21 มิถุนายน 2567 เวลา 9.00 น. ณ วิหารหลวง วัดสวนดอกพระอารามหลวง   สมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ จัดงานวันมัคคุเทศก์ไทย ประจำปี 2567  โดยมี นายสิทธิศักดิ์ อภิกุลชัยสุทธิ์ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธี นางพิกุล เรืองไชย นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ กล่าวรายงาน ถึงความสำคัญของวันมัคคุเทศก์ พร้อมด้วย รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ นายกสมาคมในภาคีเครือข่ายการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ทุกสมาคม  มัคคุเทศก์ทุกๆภาษา และแขกผู้มีเกียรติร่วมงานเป็นจำนวนมาก

นายสิทธิศักดิ์ อภิกุลชัยสุทธิ์ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า "วันมัคคุเทศก์ไทย" ตรงกับวันที่ 21 มิถุนายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันประสูติของ พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โดยตลอดพระชนม์ชีพ ท่านทรงรับราชการ ประกอบพระกรณียกิจด้วยพระปรีชาสามารถ และด้วยความอุตสาหะ ได้ทรงเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยในพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระเชษฐา ได้ตรัสชมว่าทรงเป็นเสมือน "เพชรประดับพระมหาพิชัยมงกุฎ"พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเป็นอัจฉริยะบุรุษ ทรงประกอบพระเกียรติคุณเป็นอันมาก 

ในด้านการศึกษา ทรงเป็นองค์ปฐมอธิบดีกรมศึกษาธิการ ในด้านการปกครอง ทรงเป็นองค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้บัญชาการทหารบก เป็นองคมนตรี อีกทั้งทรงพระปรีชาสามารถโดดเด่นใน ด้านการต่างประเทศ ด้านการสาธารณสุข ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศิลปวัฒนธรรม ทรงได้รับพระสมัญญานามเป็น "พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์และโบราณคดีไทย" และ "พระบิดาแห่งมัคคุเทศก์ไทย" และที่น่าภาคภูมิใจอย่างที่สุดในนามปวงชนชาวไทย คือ พระองค์ได้รับการสดุดีจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และ วัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก และเป็นคนแรกของประเทศไทยที่ได้รับการยกย่องพระเกียรติระดับโลกนี้

การจัดงานในวันมัคคุเทศก์ไทยนี้ นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่ทางสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสมาคม มัคคุเทศก์ในประเทศไทย ที่มีความโดดเด่นในการจัดงานเพื่อรำลึกถึงท่านตลอดมา และจัดต่อเนื่องอย่างสมพระเกียรติตลอดทุกปี การจัดงานในวันนี้จึงเป็นการแสดงออกของสมาชิกมัคคุเทศก์จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีความกตัญญูรู้คุณ แสดงความรำลึกถึงองค์พระบิดาแห่งมัคคุเทศก์ไทย ผู้มีคุณูปการต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่ได้สร้างรายได้สำคัญให้กับประเทศ และประชาชนคนไทยหลายภาคส่วน

นางพิกุล เรืองไชย นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ กล่าวว่า ด้วยในวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2505 ครบรอบ 100 ปีชาตกาล องค์การยูเนสโก ได้ถวายสดุดีพระองค์เป็น บุคคลสำคัญของโลก และเป็นคนแรกของประเทศไทยที่ได้รับตำแหน่งนี้ ได้รับการขนานนามว่า "บิดาแห่งประวัติศาสตร์และโบราณคดีไทย" นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังได้กำหนด วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปีเป็น "วันดำรงราชานุภาพ" และในปี พ.ศ.2549 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ยกย่องพระองค์เป็น "พระบิดามัคคุเทศก์ไทย"

สมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ ได้เห็นความสำคัญในบทบาทของ มัคคุเทศก์ไทยซึ่งเป็นบุคลากรสำคัญในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่ทำรายได้หลักเข้าสู่ประเทศ จึงได้ดำเนินการจัดงานวันมัคคุเทศก์ไทย ต่อเนื่องทุกปี เป็นวาระและภารกิจสำคัญที่สมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ได้ตั้งปณิธานยึดมั่นในการดำเนินงาน และสานต่อสืบไป เพื่อตระหนักถึงความสำคัญแห่งพระบิดามัคคุเทศก์ไทย ผู้มีคุณปการต่อการท่องเที่ยวไทย และเป็นผู้มีอัจฉริยภาพมองการณ์ไกลในการค้นคว้าข้อมูลด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี ซึ่งมัคคุเทศก์ไทยได้ใช้ตำราของพระองค์ท่านเป็นข้อมูลบรรยายการนำเที่ยวมาถึงทุกวันนี้ 

เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงในพระกรุณาธิคุณแห่งองค์พระบิดามัคคุเทศก์ไทย พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ผู้มีคุณูปการต่อการประสิทธิ์ประสาทตำราวิชาความรู้ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และองค์ความรู้หลากหลายให้กับมัคคุเทศก์ไทย ซึ่งมัคุเทศก์ได้ศึกษาค้นคว้าเจริญรอยตามพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่าน

การจัดกิจกรรมวันมัคคุเทศก์ เป็นการน้อมถวายความกตัญญต่อองค์บิดามัคคุเทศก์ไทยอย่างหาที่สุดมิได้ โดยในภาคเช้าเป็นส่วนของพิธีการ การวางพานพุ่ม พิธีสงฆ์และในภาคบ่ายเป็นการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ในบริเวณวัดสวนดอก พระอารามหลวง กวาดลานวัด ทำความสะอาด บริเวณวัด ห้องน้ำ และจุดสำคัญอื่นๆอีกด้วย

พัฒนชัย/เชียงใหม่


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top