'อ.พงษ์ภาณุ' ติง 'ธปท.' ไร้ความรับผิดชอบ ค้านรัฐปรับกรอบเงินเฟ้อ ยัน!! ควรจะทำนานแล้ว ไม่ถือเป็นการแทรกแซงนโยบายการเงิน

(20 มิ.ย.67) อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ กล่าวถึงกรณีเมื่อวานนี้ ผู้ว่า ธปท. ออกมาค้านการปรับกรอบเงินเฟ้อ โดยอ้างเหตุผลต่าง ๆ ซึ่งล้วนฟังไม่ขึ้นและสะท้อนถึงการขาดวุฒิภาวะและการไร้ความรับผิดชอบของ ธปท. ในยุคนี้ แถมยังขู่ว่าจะไม่ขอต่อสัญญาเป็นผู้ว่าการต่ออีก 1 สมัย ว่า...

"ผมเห็นว่าท่านพูดถูกข้อหลังอยู่ข้อเดียว เพราะถึงจะอยากอยู่ต่อรัฐบาลก็คงจะไม่ต่อสัญญาให้ ความจริงท่านควรจะไปตั้งนานแล้ว เพราะ ธปท. ภายใต้การนำของท่านล้มเหลวในการดำเนินนโยบายการเงินมาอย่างต่อเนื่องทุกปี เงินเฟ้อหลุดกรอบที่ตกลงไว้กับรัฐบาลเป็นประจำจนไม่รู้จะมีเป้าเงินเฟ้อไว้ทำไม มีการเล่นการเมืองในการดำเนินนโยบายการเงินเกินกว่าเหตุ สังเกตได้จากการดีเลย์การขึ้นดอกเบี้ยในปี 2565 ในยุครัฐบาลเผด็จการ ในขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกขึ้นดอกเบี้ยกัน เป็นเหตุให้เงินเฟ้อไทยในปี 2565 ขึ้นไปสูงที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง แล้วจึงมาเร่งขึ้นดอกเบี้ยหลังการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม 2566 เมื่อมีรัฐบาลประชาธิปไตยแล้ว ทำให้ไทยมีเงินเฟ้อติดลบ สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล"

อ.พงษ์ภาณุ กล่าวอีกว่า "ดังนั้นนโยบายปรับกรอบเงินเฟ้อ (Inflation Targets) ของรัฐบาลจึงมีความเหมาะสม และไม่ถือเป็นการแทรกแซงนโยบายการเงินแต่อย่างใด และก็ควรจะทำมานานแล้ว เมื่อมีการดำเนินการผิดเป้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ธปท.ยังคงมีอิสระอย่างเต็มที่ในด้านการดำเนินการและเครื่องมือ (Operational and Instrumental Inddependence) แต่ไม่สามารถทำอะไรตามใจชอบแบบไร้ขอบเขตและไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม (Accountability) เหมือนเช่นที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความเคยตัวและการใช้อำนาจในทางที่ผิด (Abuse of Power)"

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังและ ธปท. ควรที่จะร่วมพิจารณากันอย่างรอบคอบและเป็นการภายใน และไม่ใช่ออกมาคัดค้านผ่านสื่ออย่างที่ผู้ว่า ธปท. ทำ เพราะอาจมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดได้ จึงไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าการออกข่าวลักษณะเช่นนี้จะประสงค์ดีหรือประสงค์ร้ายต่อประเทศชาติ