‘เศรษฐา’ เปิด ‘เมืองน่าเที่ยว’ เร่งเดินหน้าอย่างเต็มสูบ เพื่อผลักดันให้ไทย เป็นศูนย์กลาง การท่องเที่ยวของโลก

(8 มิ.ย.67) ที่ตลาดจริงใจมาร์เก็ต ต.ป่าตัน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สวมเสื้อลายช้าง เป็นประธานพิธีเปิดงาน ‘เปิดเมืองน่าเที่ยว’ พร้อมด้วย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และคณะ

นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานเปิดเมืองน่าเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายหลัก IGNITE THAILAND ของรัฐบาล เพื่อคืบคลานไปสู่จุดมุ่งหมายหลักให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของโลก เราทราบกันดีอยู่แล้วประเทศไทยเป็นเมืองน่าเที่ยวในหลายๆ โพลหลายสำนักบอกเรามีจุดแข็ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัฒนธรรม อาหารการกิน เกาะที่มีความสวยงาม วัฒนธรรม ประเพณี ซึ่งเป็นจุดขายหลักของไทยและวันนี้เรามาอยู่จังหวัดเชียงใหม่หรือเป็นเมืองหลวงใหญ่ของการที่เรามีวัฒนธรรม ประเพณี ดีงามมาโดยตลอด ในอดีตเชื่อว่าทุกคนทราบดีอยู่แล้วก่อนที่จะมีโควิด 19 การท่องเที่ยวเป็นธงเรือใหญ่ แต่เหตุการณ์ที่ไม่พึงเกิดขึ้นคือโควิด 19 ทำให้มีปัญหามาอย่างต่อเนื่อง การท่องเที่ยวสะดุดมาโดยตลอด แต่รัฐบาลนี้โดยเฉพาะภายใต้การนำของ นายเสริมศักดิ์ ตระหนักดีถึงความสำคัญที่จะต้องมาช่วยปลุกตลาดการท่องเที่ยวขึ้นมา โดยเรามี 5 กลยุทธ์ ซึ่งคิดตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ

“การท่องเที่ยวของไทยจะเดินหน้าไปอย่างเต็มสูบไม่ใช่มีสถานที่ดีอย่างตลาดจริงใจหรือมีนิทรรศการต่างๆ หรือมีคอนเสิร์ตเฟสติวัลระดับโลกมาเล่นอย่างเดียว การที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาตั้งแต่ก้าวแรกเหยียบแผ่นดินไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสายการบิน ซึ่งปัจจุบันมีราคาแพง ฉะนั้นการท่องเที่ยวก็ลดน้อยลง รัฐบาลให้ความตระหนักดีถึงเรื่องนี้ พยายามลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง วิธีการเข้าเมืองต้องสะดวกสบาย ไม่ใช่เข้ามาถึงแล้วติดอยู่ที่ตรวจคนเข้าเมืองระยะเวลานาน เรื่องนี้เราดูตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ และผมจะเดินทางไปจังหวัดลำพูน ลำปาง ดูการท่องเที่ยวเชิงอารยธรรมศิลปะสร้างสรรค์ และวิถีชีวิตเรามา Kick Off กันตรงนี้ไม่ใช่แค่ภาคเหนืออย่างเดียว ภาคใต้เราก็จะไปใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และภาคอีสานเรื่องของวัฒนธรรมพื้นเมืองของแต่ละภูมิภาค เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ“ นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า หวังอย่างยิ่งว่าความมุ่งมั่นของรัฐบาลจะส่งผลให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ใน ห่วงโซ่การท่องเที่ยวมีรายได้ที่ดีขึ้น มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ถือเป็นการคิดใหญ่ และจะทำอย่างต่อเนื่อง ขอให้ทุกท่านร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการโปรโมทการท่องเที่ยว สุขทันทีที่เที่ยวไทย สร้างความทรงจำที่ประทับใจอย่างไม่รู้ลืมตลอดไป

จากนั้นเวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมตลาดจริงใจมาร์เก็ต นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ และน่าน) โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ และน่าน เข้าร่วม นอกจากนี้ยังมี สส.เพื่อไทย นายรังสรรค์ มณีรัตน์ สส.ลำพูน นายธนาธร โล่ห์สุนทร สส.ลำปาง นายทรงยศ รามสูต สส.น่าน นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ สส.น่าน น.ส.ศรีโสภา โกฏคำลือ สส.เชียงใหม่ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ และนายนิยม วิวรรธนดิฐกุล สส.แพร่

หลังรับฟังรายงานสรุปการท่องเที่ยวจากผู้ว่าราชการจังหวัด เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ และน่าน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความจริงแล้วที่ผู้ว่าฯเชียงใหม่รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามากกว่าช่วงก่อนโควิด ระยะเวลาการอยู่ยาวขึ้นเล็กน้อย แต่ส่วนตัวอยากให้อยู่นานขึ้นอีก จ.เชียงใหม่ เด่นด้านวัฒนธรรม ประเพณี เครื่องเขินเครื่องเงิน ต่างๆ เชื่อว่าเราเด่นชัดอยู่แล้ว แต่ในช่วง 7-8 เดือนเปลี่ยนไปเยอะ สนามกอล์ฟเป็นสวรรค์ของนักกอล์ฟ เรามีหลายสนาม ฝากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ไปดูตรงนี้ด้วย รวมถึงการไปมาหาสู่เป็นเรื่องที่สำคัญ อยากให้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่าง AOT Airline ต่างๆ ถ้ามีการเข้ามาจากนักท่องเที่ยวประเทศนั้นๆอาจจะเพิ่มสล็อตการบินเข้าประเทศให้ได้มากยิ่งขึ้น เหนือสิ่งอื่นใดเวลาเขาเข้ามาแล้วต้องได้รับความสะดวกสบายและความปลอดภัยด้วย จึงขอฝากไว้มีฝ่ายความมั่นคงเข้ามาประชุมครั้งนี้ ขอเน้นย้ำตรงนี้ให้ดี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กีฬาปีนเขาที่มีการเสนอ เพราะมีคนนิยมชมชอบสูงมาก ตรงนี้เห็นด้วยและเข้าใจว่าเวลานักท่องเที่ยวมาครั้งหนึ่งนานมาก นอกจากนี้ยังมีที่จ.ราชบุรีอีก ที่ตนไปประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร เขางูก็สามารถทำให้เป็นที่ปีนเขาได้ ทีมงานกำลังทำอยู่ว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง แต่ในส่วนของเชียงใหม่ ผู้ว่าฯบอกว่าอยู่ในความดูแลและความรับผิดชอบสามารถที่จะเปิดใหม่ได้ ก็ขอให้ดำเนินการตรงนี้ด้วย

นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่เป็นที่สงสัย จ.ลำพูนมีศักยภาพสูง เข้าใจที่เสนอมาที่มีสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนเยอะมาก อัตลักษณ์ วัฒนธรรม มีความโดดเด่น เรื่องของการไปมาหาสู่เราชัดเจน มีสนามบินที่เชียงใหม่ ซึ่งเหนือสิ่งอื่นใดต้องยอมรับและต้องมาดูมหภาพใหญ่ของเศรษฐกิจว่าจริงๆแล้วผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ของจังหวัดอยู่ต่ำมาก และตกลงเรื่อยๆ คนก็ย้ายออกเยอะ กลายเป็นเมืองมีแต่คนแก่เหมือนไม่มีชีวิตชีวา ต้องย้ำว่าตรงนี้คือปัญหาใหญ่ของจ.ลำพูน แต่ข้อดีเรามีศักยภาพสูง อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้าง เชื่อว่าวันนี้หลังจากไปดูพื้นที่พบปะกับผู้ว่าราชการจังหวัดและทีมงานของตนได้ทำการบ้านมา จะมีการเสนออะไร หลายๆอย่างสามารถปรับโฉมจ.ลำพูนให้เป็นเมืองน่าเที่ยวได้ ซึ่งอาจจะต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น อาจต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างหลายอย่าง โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้เชื่อว่าจะมีทางออกมาเสนอกันต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงจังหวัดลำปาง ว่า มีศักยภาพสูงแต่เรื่องถนนที่ขอมา ได้มีการพูดคุยแล้วอยู่ในงบฯปี 68 และ 69 ซึ่งเสร็จแน่นอน และขอสนับสนุนให้ฟื้นกิจกรรมสารถีรถม้า ส่วนจ.แพร่ เป็นเมืองเสริมไม่ใช่มาแข่งขันกัน แต่พูดว่าเมืองรองเป็นการได้ค่า ให้เป็นเมืองน่าเที่ยวดีกว่า ดูแล้วมีอัตลักษณ์และวัฒนธรรมที่ดี ตรงนี้ยินดีสนับสนุนอย่างเต็มที่

นายเศรษฐา กล่าวว่า ขณะที่ จ.น่าน ตนสนับสนุนเป็นเมืองมรดกโลกตั้งแต่ตนเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็พยายามจะผลักดันควบคู่กับการอัปเกรดสนามบินให้สามารถบินได้ในเวลากลางคืน เป็นเมืองคู่แฝดหลวงพระบาง นักท่องเที่ยวจะได้มาจากหลวงพระบางและทางเมืองน่านด้วย ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญนโยบายหลักของรัฐบาลอยากให้คนมาเที่ยวจากลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซียด้วย ทั้งนี้ถ้า จ.น่านเป็นมรดกโลกได้ อย่างอื่นก็จะตามมา โดยเฉพาะสนามบินที่ต้องการให้เป็น International ซึ่งการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งต่อไป อาจจะขอให้ทีมงานสั่งการในที่ประชุมครม.ให้กระทรวงวัฒนธรรม ผลักดันให้จ.น่านเป็นเมืองมรดกโลก ซึ่งเชื่อว่านายเสริมศักดิ์ได้เดินเรื่องไว้แล้ว

“อยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นกลไกหนึ่งขับเคลื่อนและเป็นตัวกลางในการประสานทุกฝ่ายทำงานขับเคลื่อนข้าราชการและส่วนต่างๆ พร้อมฝากองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ซึ่งอบจ. ก็เป็นส่วนสำคัญอยากให้มีการประสานงานให้ดี” นายกรัฐมนตรี กล่าว