‘เอกนัฏ’ ย้ำ ‘หน.-เลขาฯพรรค’ ทำงานร่วมกันได้ดี แบ่งหน้าที่กันลงตัว ทุกคนในพรรคสามัคคีกลมเกลียว เป็นครอบครัวเดียวกัน

(12 พ.ค.67) เมื่อเวลา 13.50 น. ที่โรงแรมรีเจ้นท์ชะอำบีชรีสอร์ท อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมสัมมนาพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้ เลื่อนจากกำหนดการเดิมที่วางไว้เนื่องจากตรงช่วงเทศกาลสงกรานต์ และอยู่ระหว่างการปรับคณะรัฐมนตรี แต่บังเอิญที่มาตรงกับการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่พรรครทสช.เป็นเจ้าภาพ และการสัมมนาครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้พูดเรื่องภายในพรรค โดยประเด็นสำคัญจะเกี่ยวข้องกับภารกิจของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างพลังงาน เพื่อลดต้นทุนให้ประชาชน โดยมีบางเรื่องที่ทำและเกิดผลแล้วแต่บางเรื่องต้องใช้เวลาดำเนินการ จึงต้องนำเรื่องนี้มาพูดกับสส.เพื่อนำไปสื่อสารให้ประชาชนรับทราบ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้า การพิจารณาบุคคลมาเป็นรัฐมนตรีแทนนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จะพิจารณาโควตาคนนอกหรือจากสส.ในพรรค นายเอกนัฏ กล่าวว่า ในการสัมมนาวันนี้ไม่มีการพูดคุยเรื่องดังกล่าว และไม่เคยเอาเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีมาหารือในที่ประชุมสส. แล้ววันนี้ไม่ได้กำหนดอยู่ในหัวข้อสัมมนา ส่วนเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่างนั้น เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ว่าจะให้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยังเป็นโควต้าของพรรคหรือไม่ หรือหากจะเปลี่ยนเป็นกระทรวงอื่นต้องมีการพิจารณาหารือถึงผู้ที่เหมาะสม ทั้งนี้การเข้าร่วมรัฐบาลมีเงื่อนไขแค่ไม่เอาพรรคที่ผลักดันให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องไม่แตะหมวดหนึ่ง หมวดสอง และมาตราอื่น ที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามทุจริต ดังนั้นจะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงไหนขึ้นอยู่กับแกนนำรัฐบาลจะมอบให้รับผิดชอบกระทรวงใด และพรรคต้องหาบุคคลที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งนั้นไปทำงาน ทั้งเรื่องคุณสมบัติและประสบการณ์ โดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็นโควตาภาคใด รวมถึงต้องลงตัวในภาพรวมของรัฐบาลด้วย ทั้งนี้ไม่ว่าจะให้ดูแลกระทรวงใดก็ทำงานเต็มที่ เห็นได้จากกระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม ที่รัฐมนตรีของพรรคทำงานอย่างหนัก ตัวอย่างเช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีบทบาทเต็มที่ ปฏิบัติภารกิจได้หลายเรื่อง สะสม และสะสางปัญหาที่หมักหมมในกระทรวงได้หลายเรื่อง

เมื่อถามย้ำว่าตำแหน่งที่ยังว่าง จำเป็นต้องเป็นสส.หรือมาจากคนนอกได้ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นสส. เมื่อครั้งที่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ก็มองว่านายกฤษฎา มีความเหมาะสม ทั้งนี้ยังไม่รู้ว่าตำแหน่งที่ว่างจะไปลงที่ตรงไหน โดยตำแหน่งรมช.สามารถไปลงตรงไหนก็ได้ ขึ้นอยู่กับการเจรจาพูดคุย  ทั้งนี้ตนมองว่าตำแหน่งรมช.ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องรีบพิจารณา แต่ยืนยันว่าการปรับครม.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในเวลานี้นิ่งแล้ว ขอย้ำว่าภายในพรรคเวลานี้ไม่มีปัญหาอะไรตามที่มีข่าว

ที่สื่อไปตีความว่าแตกแยกหรือมีปัญหา ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงสักเรื่อง ในข้อเท็จจริงบรรยากาศในพรรค เป็นไปอย่างดี ทุกคนตั้งตั้งใจทำงานเพื่อพรรค เพื่อส่วนรวม เพื่อประเทศ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพลักษณ์ที่ถูกจับตามองว่าเลขาฯพรรคกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ เป็นทีมเดียวกัน เลขาฯพรรค กล่าวว่า ทุกคนรวมทีมกับเลขาฯพรรค ทุกคนในพรรคเป็นคนของเลขาฯพรรคอยู่แล้ว รวมถึงหัวหน้าและเลขาฯพรรคก็แท็กทีมกันเช่นเดียวกัน 

ผมเคยบอกแล้ว ถ้ามีพีระพันธุ์ ก็ต้องมีเอกนัฏ ถ้ามีเอกนัฏ ก็ต้องมีก็ต้องพีระพันธุ์ เราทำงานเหมือนเป็นคนเดียวกัน แต่แบ่งหน้าที่กัน เป็นเรื่องปกติ ยืนยันว่านายพีระพันธุ์ จะเป็นหัวหน้าพรรค ไม่ว่าสื่อจะตีความอย่างไร แต่เราจับมือทำงานและพูดคุยกันทุกเรื่อง ส่วนตนทำหน้าที่เป็นกรมการเมือง เป็นแม่บ้านพรรค ดูแลเอาใจใส่คนในพรรค ทำให้ทุกคนในพรรคสามัคคีกลมเกลียว พรรคเรามาจากหลายพรรคการเมืองแต่วันนี้ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน

เมื่อถามย้ำว่า นายพีระพันธุ์ จะเป็นหัวหน้าพรรคไปจนครบรัฐบาลนี้หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนสนับสนุนนายพีระพันธุ์ ล้านเปอร์เซ็นต์ แต่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเลขาฯพรรค เราไม่ได้ตั้งตัวเองขึ้นมา แต่มาจากการรับเลือกของที่ประชุมใหญ่พรรค ดังนั้นตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค สามารถเปลี่ยนได้ตามมติที่ประชุมใหญ่ ตามข้อบังคับพรรค เวลานี้พรรคเดินหน้าทำงานต่อไม่มีปัญหาอะไร จึงต้องขอความยุติธรรมให้กับเราบ้าง

เมื่อถามกรณีที่มีกระแสข่าว นายกฤษฎา เตรียมลาออกจากสมาชิกพรรค นายเอกนัฏ กล่าวว่า ไม่ทราบ บางคนเมื่อเสร็จภารกิจนี้แล้ว ต้องการไปทำอย่างอื่น เช่น เป็นบอร์ดบริหารรัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรอื่น มีสิทธิไปทำงานตำแหน่งอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้  ทั้งนี้หลังจากนายกฤษฎา ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี รู้สึกเสียดาย และได้พูดคุยให้กำลังใจบ้าง รวมถึงสมาชิกบางคนที่ลาออกไปแล้วเช่น นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ก็ยังได้พูดคุยและมีสัมพันธ์อันดี และอนาคตหากมีโอกาสกลับมาทำงานร่วมกันก็ทำได้

ต่อมาเมื่อถึงเวลา15.30 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค ก็ได้เปิดงานสัมมนา โดยในงานนี้มีบรรยายหัวข้อ ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง พลังงานไทย โดยรวมไทยสร้างชาติ’ โดยมีกรรมการบริหารพรรค บุคคลสำคัญของพรรค รวมทั้งสส. และรัฐมนตรีเข้าร่วมงานนี้กันมากมายหลายท่าน อาทิ

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค นายชื่นชอบ คงอุดม กรรมการบริหารพรรค นายเจือ ราชสีห์ ผู้บริหารพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.นครสวรรค์ นายสุพล จุลใส สส.ชุมพร นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา

โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานในที่ประชุมได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องโครงสร้างพลังงาน เพื่อให้สส.ได้นำไปชี้แจงให้กับประชาชนในพื้นที่ พร้อมเปิดโอกาสให้สมาชิกได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นและสะท้อนปัญหาในการทำงาน