ฟังชัดๆ 'เอกนัฏ' ย้ำ!! พรรค รทสช.ยังแน่นปึ้ก ซัดกระแสข่าวชอบตีมั่ว พร้อมสยบร้าว!! ร่วมยินดีเสี่ยเฮ้ง ส่วนปมลาออก เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล

จากรายการ 'ตรงปก ตรงประเด็น กับ...สำราญ รอดเพชร' เมื่อวันที่ 9 พ.ค.67 ได้พูดคุยกับ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ถึงประเด็นที่มีการตีข่าวแรงสั่นสะเทือนและความขัดแย้งในพรรครวมไทยสร้างชาติในขณะนี้

โดยเริ่มต้นได้มีการถามถึงการไปแสดงความยินดีรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ สุชาติ ชมกลิ่น เข้ากระทรวงฯ? เอกนัฏ เผยว่า "มีสมาชิกพรรค รทสช.ไปร่วมแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม เพราะตัวพี่เฮ้งเอง ถือเป็นที่รักของ สส.หลายคนในพรรค และจริง ๆ วันนี้ก็ไม่ได้มีคิวอะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้นัดหมายอะไรกันไปเป็นพิเศษ มีแค่เช็กดูกันว่าใครไปบ้าง ไปพร้อมกันและนำดอกไม้ไปให้กำลังใจด้วยกันเลยไหม"

เมื่อถามถึงขอบเขตของงานของ รมช. สุชาติ ในกระทรวงพาณิชย์? เอกนัฏ กล่าวว่า "เท่าที่ผมทราบจะมีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และก็ดูแลในส่วนสำนักงานแผนเรื่องยุทธศาสตร์การค้า แล้วก็มีสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและพัฒนาองค์กร หรือ ITD เป็น 3 หน่วยงานครับ"

เมื่อถามว่า รมช.สุชาติ มีความหนักใจกับภารกิจโดยเฉพาะในเรื่องของการค้าต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน? เอกนัฏ เผยว่า "ท่านไม่มีความหนักใจเลย เพราะด้วยความที่มีพื้นฐานเป็นนักธุรกิจอยู่แล้ว บวกกับเป็นคนที่มีสไตล์การทํางานที่ชัดเจน จึงไม่กังวลใด ๆ อย่างสมัยที่พี่เฮ้งเป็นรัฐมนตรีแรงงานก็เป็นรัฐมนตรีที่มีผลงานโดดเด่นมาก เพราะความเป็นคนที่หนักแน่นและมีความตั้งใจในการทํางานสูง จึงทำให้ผลงานต่าง ๆ มีผลลัพธ์สูง"

เมื่อถามถึงกรณี รมช.คลัง กฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออกจากตำแหน่ง? เอกนัฏ กล่าวว่า "เรื่องนี้ผมไม่ทราบจริง ๆ ว่าเบื้องต้นลึกหนาบางเป็นอย่างไร และเราก็ไม่อยากไปซ้ำเติมความรู้สึกของท่านรัฐมนตรีด้วย เพียงแต่พวกเราก็ได้คุยกับท่าน ให้กําลังใจท่านแล้วก็รู้สึกเสียดาย ว่ากระทรวงการคลังจะต้องสูญเสียบุคลากรที่มีคุณภาพไป เพราะท่านเองก็เป็นอดีตปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า หากมีการพูดคุยกันในอำนาจการทำงานอย่างชัดเจนและคุยกันดี ๆ ก็คงไม่น่านำมาสู่ปัญหาใด ๆ"

เมื่อถามว่าถ้าเป็น เอกนัฏ จะตัดสินใจแบบนี้หรือไม่? เอกนัฏ ตอบว่า "คงเปรียบเทียบกันอย่างนั้นไม่ได้ เพราะที่มาที่ไปต่างกัน ซึ่งผมเข้าใจว่าท่านกฤษฎาเอง เดิมท่านก็เป็นข้าราชการที่ทำงานในกระทรวงฯ มานาน และเหตุการณ์นี้อาจจะมีเรื่องภายในที่กระทบต่อความรู้สึกด้วยหรือไม่อย่างไร ก็ถือว่าเราต้องเคารพการตัดสินใจของท่าน"

เมื่อถามกรณีการลาออกของ รมช.คลัง มีผลแล้วใช่หรือไม่ แล้วยับยั้งได้หรือไม่? เอกนัฏ เผยว่า "ในทางการเมือง การลาออกไม่เหมือนข้าราชการ หากแสดงตนว่าจะลาออกแล้ว ก็เท่ากับออก อย่างผมเองตอนมีการชุมนุมแล้วประกาศลาออกบนเวที ก็มีผลตั้งแต่วันนั้นเลยครับ ส่วนใบลาออกเป็นเพียงพิธีการเฉย ๆ ครับ"

เมื่อถามว่า การบ้านก็ต้องไปตกอยู่ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ในการหาคนเข้าไปดูแลต่อตามโควตาหรือไม่? เอกนัฏ เผยว่า "ต้องขอยกเทียบเช่นนี้ กรณีรัฐมนตรีต่างประเทศลาออกกับรัฐมนตรีช่วยคลังลาออก จะมีความต่างตรงที่ การขาดไม่ได้ และต้องมีผู้มาดูแลโดยเร่งด่วน ซึ่งก็หมายความว่า ในส่วนของ รมช.ยังไม่ได้มีความเร่งรีบขนาด รมว. เพียงแต่ตรงนี้ก็ยังเป็นโควตาของ รทสช.อยู่ ยังสามารถรอได้ หรือถ้ามองว่าไปดูแลในส่วนอื่น เช่น รองนายกฯ / รัฐมนตรีประจําสํานักนายกฯ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการอื่น ที่เหมาะสมต่อการทำงาน เพื่อให้ไม่เกิดปัญหาซ้ำรอยก็ได้"

เมื่อถามถึงกรณีที่สื่อพยายามโยงใยว่า การลาออกของท่านกฤษฎา กับท่านสุพัฒนพงษ์ ในจังหวะเดียวกัน เป็นเหตุบังเอิญ หรือเพราะทั้ง 2 ท่านมีการพูดคุยกัน และตัดสินใจถอนสมอจากพรรคฯ หรือไม่? เอกนัฏ เผยว่า "ประเด็นนี้มั่วมาก ๆ เพราะเหตุผลในการลาออกของท่านกฤษฎากับท่านสุพัฒนพงษ์ เป็นคนละเรื่องเลย กรณีท่านกฤษฎาออกไม่ได้มีความขัดแย้งหรือมีปัญหาอะไรกับพรรคเลยนะครับ หากแต่พูดกันตรงไปตรงมา มันก็สืบเนื่องมาจากการแบ่งงานในกระทรวงการคลังนั่นแหละ ส่วนความสัมพันธ์กับท่านและพรรคฯ นั้นดีมาก ๆ...

"...ส่วนกรณีของท่านสุพัฒนพงษ์ ผมต้องเรียนแบบนี้ว่า หากยังจำกรณีท่าน แรมโบ้-เสกสกล ได้ ในวันนั้นท่านลาออกจากสมาชิกพรรคไป ก็เพื่อที่จะไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจการนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าท่านต้องเตรียมไปดํารงตําแหน่งที่ไหนหรือไม่ที่จะต้องเป็นกลางทางการเมือง ซึ่งท่านก็มีเปรยว่าเกี่ยวกับด้านพลังงาน ทำให้การลาออกจากสมาชิกพรรคในครั้งนี้ ก็เพื่อความสง่างามในอนาคตของท่านด้วยครับ"

เอกนัฏ กล่าวอีกว่า "สําหรับพรรครวมไทยสร้างชาติหัวหน้าพรรคท่านพีระพันธุ์กับผมยืนยันมาตลอดว่าคนสําคัญที่สุด ก็คือ โหวตเตอร์ของพรรค ไม่มีใครสำคัญกว่าประชาชนอีกแล้ว ฉะนั้นเมื่อมีกรณีที่พยายามสั่นสะเทือนความมั่นคงของพรรค โดยเอาประเด็นท่านสุพัฒนพงษ์และท่านกฤษฎามาโยง เราก็ต้องเรียนตรงๆ ว่ามันไม่มีอะไรเชื่อมมาถึงปัญหาในพรรคเลย เพราะพรรคก็ต้องเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ความสัมพันธ์ของพวกเราก็ยังดีเช่นเดิม โทรหากันเช่นเดิม...

"...ฉะนั้นกับกระแสที่เกิดขึ้น ผมจึงมองว่าไร้สาระมาก จับแพะชนแกะกันเก่ง ถึงขนาดที่ว่า ผมไปนั่งคุยกับท่านหัวหน้าพีระพันธุ์ ด้วยระยะเวลาประมาณชั่วโมงนึง ก็เสี้ยมกันออกมาว่า หัวหน้ากับผมแตกกัน มันไร้สาระมาก ... ถามหน่อยว่าผมไปที่ทําเนียบ ต้องพูดคุยข้อราชการกับท่านหัวหน้า จะให้ผมคุยกี่นาที ถึงจะไม่ประเด็นหรือไม่เกิดสัญญาณความขัดแย้ง  เพราะในความเป็นจริง เราคุยกันตลอดครับเราคุยกันตลอดไม่ใช่แค่ที่ทําเนียบ ผมกับท่านมีการโทรศัพท์ปรึกษากันแทบทั้งวัน เพื่อตกผลึกประเด็นต่างๆ อย่างรวดเร็ว"

เอกนัฏ กล่าวอีกว่า "ท่านหัวหน้ากับผมร่วมกันสร้างรวมไทยสร้างชาติมากันสองคนตั้งแต่ไม่มีอะไร ผมพูดตลอดเหมือนเสื่อผืนหมอนไป วันนั้นก็มีกันอยู่สองคน แล้วเมื่อมีคนเห็นความตั้งใจของเรา ก็มาร่วมงานอยู่เป็นจํานวนมาก จนเราสร้างระบบรากฐานให้พรรคได้อย่างมั่นคงถึงตอนนี้...

"หัวหน้ากับผมมีความตั้งใจมีความแน่วแน่ที่จะไม่ทําให้ประชาชนต้องผิดหวัง โดยการทำงานของเราสองคนเนี่ย เป็นการทำงานแบบแบ่งหน้าที่กัน ท่านหัวหน้าซึ่งเป็นผู้นํา ก็ต้องสร้างกระแสให้กับพรรค สร้างความเชื่อมั่นให้กับพรรค ส่วนผมก็เป็นแม่บ้านคอยเก็บกวาด คอยดูแลเอาใจใส่ สส. และเรื่องของประเด็นภายในต่างๆ เราแบ่งหน้าที่กันตามที่ประสาชาวบ้านเรียกว่า 'แบ่งบทกันเล่น'"

เมื่อถามว่า รทสช. ยังต้องมี 'บิ๊กตู่-ท่านพีและขิงเอกนัฏ' อยู่ด้วยกันแน่นอน? เอกนัฏ ยืนยันว่า "แน่นอนครับ ไม่ว่าวันไหนก็อยู่ด้วยกันครับ ถ้ามีหัวหน้าพีระพันธุ์ ก็ต้องมีเลขาฯ เอกนัฏ ที่ผมกล่าวเช่นนี้ เพราะท่านหัวหน้าเป็นคนดีมาก ท่านเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตแล้วก็มีความแน่วแน่ในการทํางาน ผมเชื่อว่าประเทศจะได้ประโยชน์จากการมีผู้นําแบบท่านพีระพันธุ์ อย่างบทบาทของท่านในกระทรวงพลังงานวันนี้ ท่านกำลังทําในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เราทุกคนต่างก็ให้กําลังใจแล้วก็ซัพพอร์ตท่านเต็มที่"