‘ยูเครน’ สร้างโรงเรียนใต้ดิน ดึงการศึกษาคืนเยาวชน กลายเป็นห้องเรียนในหลุมหลบภัยที่แรกของประเทศ

(3 ต.ค. 66) สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่กินเวลายาวนานเกือบ 3 ปี ทำวิถีชีวิตของชาวยูเครนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด หนีไม่พ้นกลุ่มเด็กเล็กวัยเรียนของยูเครน ที่หลายโรงเรียนจำเป็นต้องหยุดการเรียน การสอน เพราะอยู่ในเขตสู้รบ ในขณะที่อีกหลายแห่งจำเป็นต้องเปิดการสอนผ่านทางออนไลน์เท่านั้น

จึงเป็นเรื่องน่าเศร้า ที่เด็กๆ ยูเครนต้องจำใจจากบรรยากาศห้องเรียน เสียงกระดาน และฝุ่นชอล์ก เพียงเพราะความขัดแย้งรุนแรงในโลกของผู้ใหญ่

วันนี้ รัฐบาลท้องถิ่นเมืองคาร์คีฟจึงตัดสินใจสร้างโรงเรียนใต้ดิน ที่เปิดการเรียน การสอนแบบชั้นเรียนเต็มรูปแบบ ที่มีห้องเรียนมากกว่า 60 ห้อง ที่สามารถรองรับนักเรียนได้ถึง 1,000 คน นับเป็นโรงเรียนใต้ดินแห่งแรกของยูเครนอย่างเป็นทางการ

โดยทางการเมืองคาร์คีฟได้ดัดแปลงพื้นที่ภายในสถานีรถไฟใต้ดิน มาปรับสร้างเป็นโรงเรียนที่นักเรียนสามารถเข้ามานั่งเรียนได้อย่างปลอดภัย แม้จะมีสัญญาณเตือนภัยการโจมตีทางอากาศบนภาคพื้นดินก็ตาม 

‘อิฮอร์ เทเลคอฟ’ นายกเทศมนตรีเมืองคาร์คีฟ ได้โพสต์ข้อความลงใน Telegram กล่าวว่า มั่นใจในความปลอดภัยของโรงเรียนใต้ดินแห่งแรกในคาร์คีฟมาก และโรงเรียนในหลุมหลบภัยแห่งนี้จะช่วยให้เด็กๆ นับพันคน มีโอกาสเรียนหนังสือในบรรยากาศที่มีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับเพื่อนร่วมชั้น และ ครู ได้อีกครั้งหนึ่ง

‘คาร์คีฟ’ เป็นเมืองทางภาคตะวันออกที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในยูเครน และตั้งอยู่ห่างจากพรมแดนรัสเซียเพียง 35 กิโลเมตรเท่านั้น เมืองนี้เคยมีประชากรถึง 1.4 ล้านคน ก่อนเกิดสงครามระหว่าง 2 ชาติ อีกทั้งยังเคยเป็นเป้าหมายสำคัญของกองกำลังรัสเซีย ถึงแม้วันนี้คาร์คีฟจะสงบลงมากแล้ว แต่ยังมีสัญญาณเตือนภัย และการโจมตีทางอากาศเกิดขึ้นไม่เว้นในแต่ละวัน

ส่วนระบบขนส่งทางรถไฟใต้ดินของเมืองนี้ เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1975 นับเป็นเมืองที่ 2 ของยูเครนถัดจากกรุงเคียฟ ที่มีระบบรถไฟใต้ดินใช้ ปัจจุบันมีสายรถไฟ 3 สาย เปิดบริการ 30 สถานี โดยสถิติผู้ใช้งานรถไฟใต้ดินเมืองคาร์คีฟในปี 2018 มีมากถึง 223 ล้านคน

ต่อมาในปี 2022 ระหว่างที่เกิดการสู้รบระหว่างกองทัพยูเครน และรัสเซีย ในเมืองคาร์คีฟอย่างหนัก รถไฟใต้ดินถูกนำมาใช้เป็นหลุมหลบภัยของชาวเมืองนับแสนคน ทำให้ อิฮอร์ เทเลคอฟ นายกเทศมนตรี เกิดความคิดที่จะปรับเอาพื้นที่สถานีรถไฟใต้ดินบางส่วนมาเปิดสอนเด็กๆ ระหว่างหลบภัย

ก่อนจะพัฒนากลายเป็นชั้นเรียนทดลอง ที่นำหลักสูตรในโรงเรียนมาสอนอย่างจริงจังซึ่งนอกจากวิชาหลักที่ใช้สอนอย่าง คณิตศาสตร์ ภาษายูเครน ภาษาอังกฤษ และกิจกรรมสันทนาการเสริมแล้ว ยังเพิ่มทักษะการป้องกันตัวด้วยการเชิญตำรวจเข้ามาอธิบายวิธีการหาที่หลบอย่างปลอดภัย เมื่อได้ยินสัญญาณเตือนภัยการโจมตีทางอากาศอีกด้วย

‘โอฮา เดเมนโก’ ผู้อำนวยการสำนักงานด้านการศึกษาของเมืองคาร์คีฟ กล่าวว่า การที่เด็กเล็กๆ ขาดการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนวัยเดียวกัน หรือกับบรรดาครูอาจารย์ที่โรงเรียนนานๆ อาจส่งผลต่อทักษะทางสังคมของเด็ก นอกจากนี้ เด็กๆ ยังมีภาวะเครียด จากผลกระทบของสงคราม จึงมีความจำเป็นที่ต้องดึงเด็กๆ กลับสู่ชั้นเรียนแบบปกติให้เร็วที่สุด

หลังจากที่ทดสอบห้องเรียนในหลุมหลบภัยมาแล้วหลายเดือน วันนี้ทางการเมืองคาร์คีฟจึงตัดสินใจเดินหน้า ขยายชั้นเรียนนำร่องโรงเรียนแห่งนี้ เป็นโรงเรียนใต้ดินเต็มรูปแบบแห่งแรกของประเทศ และจะนำหลักสูตรที่ทันสมัยที่สุดมาใช้ในโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งนายกเทศมนตรีให้คำมั่นสัญญาว่า จะไม่ตัดงบประมาณด้านการพัฒนาโรงเรียนแม้แต่เหรียญเดียว อีกทั้งยังตั้งเป้าผลักดันให้คาร์คีฟเป็นเมืองอัจฉริยะที่สุดในยูเครนอีกด้วย

แม้เสียงสงคราม และ สนามรบยังไม่จบ แต่อนาคตของเด็กๆ ชาวยูเครนยังต้องดำเนินต่อไป ที่ไม่อาจรอจนถึงวันสิ้นสงครามได้ แต่การศึกษาของเด็กๆ ในวันนี้สำคัญเสมอ

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์


อ้างอิง : The Guardian / Wikipedia