ภาคธุรกิจกลางคืน ชง 7 ข้อให้ ‘บิ๊กตู่’ เร่งเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ขอเริ่มนำร่อง 26 จังหวัดท่องเที่ยว 1 มิ.ย. ก่อนเปิดทั่วประเทศ 1 ก.ค.

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ประกอบการสถานบริการ สถานบันเทิง ร้านค้า ร้านอาหาร และธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้รวบรวมปัญหาและข้อเสนอการฟื้นฟูและพัฒนาภาคการท่องเที่ยว รวมถึงแนวทางของภาคเอกชนหลังการเปิดประเทศ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค.ในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ เพื่อให้นำไปพิจารณาในการประชุมศบค.ชุดใหญ่

หนังสือที่ภาคธุรกิจกลางคืน จะเสนอนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง จากการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของรัฐอย่างเคร่งครัด ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากปิดกิจการถาวร เนื่องจากการขาดรายได้และขาดสภาพคล่อง รวมถึงกระทบต่อภาคแรงงาน อีกทั้งอยากให้รัฐเร่งทบทวนอุปสรรคต่อการค้าและการฟื้นตัวด้านกิจกรรม จึงได้จัดทำข้อเสนอต่อรัฐบาลและหาทางออกร่วมกัน เพื่อฟื้นฟูและส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค รวม 7 ประเด็น ประกอบด้วย

1.ยืนยันการประกาศให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่นตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2565 พร้อมเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ 

2.เตรียมพร้อมการเปิดประเทศ โดยบูรณาการการใช้กฎหมายปกติแทนการบังคับใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ภายหลังสิ้นสุดขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในวันที่ 1 มิถุนายนนี้

3.อนุญาตให้เปิดกิจการสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ได้รับรองมาตรฐาน SHA Plus หรือ Thai Stop COVID 2 Plus และขอให้เปิดกิจการแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะทดลองตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2565 เฉพาะพื้นที่นำร่องด้านท่องเที่ยว 26 จังหวัด และเปิดดำเนินการทั้งประเทศ ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2565

4.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่ร่วมกับผู้ประกอบการติดตาม และกำกับดูแลให้เป็นไปตามมาตรการโควิดฟรีเซ็ตติ้ง

5.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือกับผู้ประกอบการ ประชาชนในแต่ละจังหวัดบูรณาการรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักรู้และปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธรณสุขและป้องกันโรค

6.พิจารณาทบทวนและปรับปรุงมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้สอดรับกับสภาพการณ์ปัจจุบัน อาทิ ยกเลิกเวลาห้ามขายระหว่างเวลา 14.00 – 17.00 น. และกำหนดพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวยามค่ำคืน โดยมีเป้าหมายเป็นซอฟต์เพาเวอร์ ผลักดันให้ไทยเป็นจุดหมายสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความบันเทิงยามค่ำคืนโดยเฉพาะ รวมถึงยกเลิกการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณใกล้เคียงสถานศึกษาและหอพักใกล้เคียง และปรับปรุงมาตรการจำกัดการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ชัดเจน

7.ส่งเสริมบทบาทของผู้ประกอบการและบูรณาการด้านความร่วมกันในการขับเคลื่อนความรับผิดชอบต่อสังคม และความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว