รัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอตั้งกองทุนการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศไทย และดูแลหากประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยในประเทศไทย ชงมาตรการจ่ายคนละครึ่งช่วยแรงงานภาคท่องเที่ยว 4 แสนคน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติครั้งที่ 1/2564 ถึงมาตรการการช่วยเหลือการท่องเที่ยวในช่วงสถานการณ์โควิด -19 ว่า ในการประชุมวันนี้เป็นเรื่องนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติและเรื่องกองทุนการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศไทย และดูแลหากประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยในประเทศไทย คล้ายกับภาษีซาโยนาระของประเทศญี่ปุ่น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวว่า เมื่อเข้ามาในประเทศไทยและประสบอุบัติเหตุบริษัทประกันที่นักท่องเที่ยวทำไว้จะต้องดูแลตามขั้นตอนจนกระทั่งกลับประเทศ

เมื่อถามว่าค่าใช้จ่ายการทำประกัน ฝ่ายใดจะเป็นผู้รับผิดชอบ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวต้องเป็นผู้จ่าย โดยประเมินว่านักท่องเที่ยว 1 คนจะต้องจ่าย 10 ดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลและกรณีเสียชีวิต ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยงและกีฬาจะเก็บเงินส่วนนี้เข้ากองทุน และที่ผ่านมาก็อยากมีกองทุนของตัวเองเพื่อใช้เยียวยาผู้ประกอบการการท่องเที่ยว โดยที่ประชุมวันนี้จะหารือในเรื่องนี้ด้วย หากได้รับความเห็นชอบจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ความเห็นชอบต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงการท่องเที่ยว มีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างไรบ้าง นายพิพัฒน์ กล่าวว่า จากการหารือกับสมาคมต่าง ๆ เช่น สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สมาคมโรงแรม สมาคมการจัดประชุม ได้ข้อสรุปว่าจะมีการผ่อนผันดอกเบี้ยเงินต้น การเข้าถึงซอฟท์โลน และช่วยเหลือแรงงานในภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะในภาคส่วนโรงแรม จากนี้จะไปหารือกับกระทรวงแรงงานเพื่อช่วยเหลือแรงงานประมาณ 4 แสนคน ในลักษณะการแบ่งจ่ายคนละครึ่ง รัฐบาลจ่าย 50 เปอร์เซ็นต์ ผู้ประกอบการจ่าย 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 2 เดือน คือเดือนก.พ.และมี.ค. โดยมีเงื่อนไขผู้ประกอบการจะต้องไม่ปลดพนักงานออก จะเยียวยา

เมื่อถามว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ติดตามการช่วยเหลือสายการบินที่เคยเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องซอฟท์โลนหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงคมนาคม ก็สอบถามไปยังกระทรวงการคลัง รวมถึงยังมีการหารือในครม.หลายครั้ง คาดว่าจะเยียวยาได้ทันก่อนที่จะเริ่มมีการเดินทาง ขอย้ำว่ารัฐบาลจะไม่ปล่อยและใครทิ้งไว้ข้างหลังเหมือนที่นายกฯ พูดไว้