บลูมเบิร์ก รายงานว่า มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ตรัสถึงการพัฒนาเส้นทางที่เรียกว่า ‘เดอะไลน์’ (The Line)

ความยาว 170 กิโลเมตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเมืองแห่งอนาคต ‘นีออม’ (Neom) หรือบริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศซาอุฯ ติดกับทะเลแดง มูลค่าหลายแสนล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับ ‘นีออม’ นั้นเป็นโครงการชิ้นเอกของมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ที่เปิดตัวไปช่วงเดือนตุลาคม ปี 2017 โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก พลิกโฉมมาก้าวเป็นศูนย์กลางของโลกด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีรวมทั้งธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงยังต้องการปั้นให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว บนครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 26,500 ตารางกิโลเมตร เพื่อใช้ดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก

เมื่อเมืองนี้เริ่มมีความชัดเจนขึ้น ทาง มกุฎราชกุมาร จึงต้องการต่อยอดให้เมืองนี้ไม่มีถนน และ ไม่มีรถแม้แต่คันเดียว โดยใช้ ‘เดอะไลน์’ หรือเส้นทางสายสีเขียวเป็นหัวหอก เพื่อเชื่อมต่อคนให้เข้าสู่เมืองที่ครบวงจรและเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างไว้ในนั้น เพียงเดินทางด้วยการ ‘เดิน’ ไม่เกิน 5 นาที ภายใต้บรรยากาศที่ห้อมล้อมไปรอบด้วยต้นไม้และธรรมชาติ

นอกจากนี้ยังมีการนำ ‘ระบบขนส่งความเร็วสูงพิเศษและการเคลื่อนย้ายอัตโนมัติ’ ที่เชื่อมไปสู่เมืองภายนอกได้ในระยะเวลาไม่เกิน 20 นาที ภายใต้ระบบพลังงานสะอาดอีกด้วย

ทั้งนี้คาดว่าโครงการดังกล่าวได้ใช้งบประมาณไปหลายแสนล้านเหรียญสหรัฐ (ระหว่าง 2 – 5 แสนล้าน) สามารถรองรับผู้อยู่อาศัย 1 ล้านคน และช่วยสร้างงานได้ราว 360,000 - 380,000 ตำแหน่งภายในปี 2030 และก่อให้เกิดมูลค่าด้านจีดีพีของประเทศภายในปี 2030 ราว 1.8 แสนล้านริยัลซาอุดีอาระเบีย หรือ 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด ยังย้ำอีกว่า เมืองแห่งอนาคตนี้จะเป็นการ ‘การปฏิวัติเพื่อมนุษยชาติ’ ด้วยปริมาณรถยนต์ ถนน และการปล่อยมลพิษในเมืองเป็นศูนย์ แม้จะมีเสียงวิพากย์วิจารณ์ว่า เมืองสีเขียวแห่งนี้ สร้างขึ้นจากการเผาผลาญน้ำมันปริมาณมหาศาลก็ตาม

ปัจจุบันซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกน้ำมัน แต่ก็มีแผนที่จะลดการผลิตน้ำมันและหันไปใช้พลังงานหมุนเวียนแทนโดยตั้งเป้าที่จะเป็นประเทศสีเขียวในอนาคต โดยล่าสุดได้ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2021

ทิศทางนี้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ซาอุดีอาระเบีย 2030 (Saudi Vision 2030) เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันในประเทศ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือผลักดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการลงทุนที่ไม่ใช้น้ำมัน และตั้งเป้าที่จะผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนร้อยละ 50 ภายในปี 2030หลังจากซาอุดีอาระเบียค่อนข้างมีข้อได้เปรียบในการผลิตพลังงานทดแทนโดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์เนื่องจากมีพื้นที่กว้างใหญ่และภูมิอากาศแจ่มใส โดยกระทรงพลังงานจะทำหน้าที่ดูแลการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและโครงการพลังงานทดแทนแห่งชาติ


แหล่งที่มา: เพจ ลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป

https://www.neom.com/en-us

https://www.youtube.com/watch?v=eXEnS-u3fAY

https://www.reuters.com/.../saudi-crown-prince-launches…