“บิ๊กตู่” ยืนยัน พื้นที่ 5 จังหวัด ที่ยังมีความสับสนและให้ข่าวไม่ตรงกัน ยังไม่ใช่การล็อกดาวน์ พร้อมเผย สั่งจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพิ่ม 35 ล้านโดส ให้พอกับคนไทยเกือบ 60 ล้านคน

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงข่าว ผ่านทางเพจเฟซบุ๊กไลฟ์ ไทยคู่ฟ้า โดยยืนยันว่า สำหรับพื้นที่ 5 จังหวัด ที่ยังมีความสับสนและให้ข่าวไม่ตรงกัน ยืนยันว่าไม่ใช่การล็อกดาวน์ ซึ่งการล็อกดาวที่เคยทำมาก่อนหน้านี้นั้น คือการห้ามเดินทาง อยู่แต่ภายในบ้าน บ้านเมืองเหมือนบ้านร้าง แต่เรายังไม่ไปถึงตรงนั้นเพราะเรามีมาตรการที่เข้มข้น ทั้งมาตรการการเข้าพื้นที่และมาตรการอื่นๆ ยืนยันว่าไม่ใช่การล็อกดาวน์ แต่หากวันข้างหน้า ยังแก้ปัญหาไม่ได้อีกก็คงต้องล็อกดาวน์ อันนี้ต้องพูดให้ชัดเจน

“อยากให้ทุกคนที่เข้าไปเล่นพนันยังบ่อนการพนันต่างๆ ขอให้เข้าไปสู่ระบบการคัดกรองโรค ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ลงโทษ เพื่อรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัวและสังคม และ ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานหนักและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันเดียวกันนี้ได้มีการพิจารณาและอนุมัติงบประมาณให้กับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเป็นการเตรียมเงินงบประมาณรองรับเรื่องของวัคซีนระยะแรกสำหรับการจัดซื้อวัคซีน 2,000,000 โดส โดยในปลายเดือนมีนาคม เราจะได้รับวัคซีนเข้ามา ประมาณ 80,000 โดส สำหรับประชาชนประมาณ 400,000 คน และในเดือนเมษายนเราจะได้เพิ่มอีก 1,000,000 โดส เพียงพอกับประชาชน 500,000 คน และปลายเดือนพฤษภาคม เราจะได้เพิ่มมาอีก 26,000,000 โดส โดยทั้งหมดต้องผ่านมาตรฐานขององค์การอาหารและยา (อย.) ทั้งไทยและต่างประเทศ

และวันนี้มีการสั่งจองเพิ่มวัคซีนไว้อีกจำนวน 35,000,000 โดส รวมทั้งหมดเราจะมีวัคซีนเกือบ 60,000,000 คนที่จะได้รับการฉีดวัคซีนตามระยะเวลาที่เราได้วัคซีนเข้ามา ซึ่งจะเพียงพอกับประชาชนตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะต้องมีการฉีดจำนวนคนละสองโดส ห่างกัน 4 สัปดาห์ โดยจะเป็นการทยอยฉีดตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรค โดยเฉพาะผู้ที่อยู่หน้างานใกล้ชิด บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ตรวจสอบคัดกรอง หรือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงซึ่งต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อรุนแรง กลุ่มประชาชนสูงอายุ กลุ่มประชาชนที่มีโรคเรื้อรัง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของภารเอกชน อาทิ ธุรกิจเอกชนหรือโรงพยาบาลเอกชน เปิดโอกาสให้จัดหาได้แต่จะต้องมีมาตรฐานการรับรอง และภายใต้ควบคุมการใช้จาก อย. ทั้งในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจกระทรวงการคลังสำนักงบประมาณและสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พิจารณาดูแลเรื่องผลกระทบต่างๆที่จะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามเมื่อผู้สื่อข่าวถามนายกรัฐมนตรีว่าที่ไม่ใช้คำว่าล็อกดาวน์ 5 จังหวัดเพราะเกรงว่าจะต้องจ่ายเงินเยียวยาตามที่มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบเพียงว่า พูดไปหมดแล้ว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิค-19 ว่า ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ ไปพิจารณาว่าจะช่วยเหลืออย่างไรในช่วง 2 เดือนนี้

ส่วนมาตรการที่ช่วยเหลือเดิมอยู่แล้ว ก็ต้องยืดระยะเวลาออกไป เช่น โครงการเที่ยวด้วยกัน ที่มีการจ่ายค่ามัดจำที่พักไปแล้ว ก็ขอให้ยืดระยะเวลา โดยเบื้องต้น ได้มีการปรึกษาหารือกับผู้ประกอบการแล้ว ทั้งนี้ย้ำว่า จะต้องช่วยเหลือประชาชนทุกคนให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่เฉพาะบางพื้นที่ ซึ่งมาตรการต่างๆ ที่จะออกมาต้องใช้เงินอีกจำนวนมาก และยืนยันว่าขณะนี้รัฐบาลยังมีเงินเพียงพออยู่

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงความสับสนเกี่ยวกับโครงการคนละครึ่งที่มีการเผยแพร่ว่ามีการเก็บภาษีของผู้ที่ได้รับสิทธิ์โดยระบุว่า ไม่ทราบว่าข้อมูลดังกล่าวมาจากไหน เพราะรัฐบาลออกมาตรการออกมาก็เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน จะไปเก็บภาษีได้อย่างไรก็ไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือให้ทำความเข้าใจให้ดี เพราะวันนี้ต้องร่วมมือกัน