ศรีสุวรรณ จรรยา เผยคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรียกไปให้ถ้อยคำเพิ่มเติม กรณี ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ และคณะก้าวหน้า เข้าข่ายสมคบกันดำเนินกิจการเฉกเช่นพรรคการเมืองหรือไม่

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมฯ ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อขอให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวนคณะผู้ก่อตั้งคณะก้าวหน้าทั้งหมด รวมทั้งผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. ทั่วประเทศในนามคณะก้าวหน้า ว่าเข้าข่ายสมคบกันในการดำเนินกิจการเช่นเดียวกันกับพรรคการเมืองตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 (พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560) ม.111 หรือไม่ หากพบว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือมีความผิด ให้ดำเนินการเอาโทษทางกฎหมายและเพิกถอนสิทธิในการสมัคร อบจ.ด้วย

ล่าสุด ประธานกรรมการสืบสวนและไต่สวน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้มีหนังสือด่วนที่สุดมายังผู้ร้อง เพื่อไปให้ถ้อยคำพร้อมพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง อันเกี่ยวกับพฤติการณ์หรือการกระทำของคณะผู้ก่อตั้งหรือกรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ว่ามีลักษณะการดำเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมืองอย่างไรบ้างด้วย โดยให้ผู้ร้องไปให้ถ้อยคำในวันพฤหัสที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2563 นี้ เวลา 13.30 น.

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า "สืบเนื่องมาจากกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และน.ส.พรรณิการ์ วานิช ได้ร่วมกันตั้งคณะก้าวหน้าขึ้นมาโดยมีการกำหนดตำแหน่งประธาน กรรมการ และเลขาธิการ โดยมีภาพเครื่องหมายของคณะเช่นเดียวกันกับพรรคการเมือง และดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เฉกเช่นเดียวกับพรรคการเมือง .

เช่น การจัดประชุมเปิดตัวผู้สมัคร และส่งคนสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(นายก อบจ.) และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(ส.อบจ.) กว่า 42 จังหวัด ทั่วประเทศในนามกลุ่มก้าวหน้า โดยใช้สัญลักษณ์หรือโลโก้กลุ่มในสื่อหาเสียงต่าง ๆ และนายธนาธร นายปิยบุตร และน.ส.พรรณิการ์ ก็ไปร่วมปราศรัย เดินรณรงค์หาเสียงเฉกเช่นเดียวกันกับพรรคการเมืองด้วยเช่นกัน"

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า พฤติการณ์หรือการกระทำดังกล่าวของนายธนาธร นายปิยบุตร และน.ส.พรรณิการ์ กับพวก จึงเป็นการสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปดําเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง จึงอาจเข้าข่ายมีความผิดตาม พรป.พรรคการเมือง 2560 ม.111 ที่บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปดําเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง หรือผู้ใดดําเนินการไม่ว่าด้วยวิธีใดให้เข้าใจว่าเป็นพรรคการเมืองโดยมิได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 5 ปี"