Wednesday, 14 May 2025
NEWS FEED

เลขาฯสมช. เผย นายกฯ จ่อเรียกถก ศบค. ในสัปดาห์นี้ ประเมินสถานการณ์หลังสงกรานต์-รับเปิดเทอม-ปรับมาตรการเข้าออกประเทศ

เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 65 พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศปก.ศบค.) กล่าวว่า สถานการณ์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จนถึงปัจจุบันในภาพรวมถือว่าได้รับความร่วมมือจากประชาชน และภาคเอกชนเป็นอย่างดี  ในขณะที่ส่วนราชการต่างๆ ได้ทำหน้าที่อย่างแข็งขันตามนโยบายและข้อสั่งการต่างๆ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มอบไว้ โดยให้ดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ตั้งแต่การเดินทาง การจัดกิจกรรมสงกรานต์ และการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์หลังสงกรานต์

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังมีความห่วงใย และขอเน้นย้ำขอความร่วมมือประชาชน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและทุกภาคส่วน ขอให้ให้ความสำคัญกับช่วง 7 วันหลังเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ 18 ถึง วันที่ 24 เม.ย.นี้ โดยขอให้ทุกคนที่ได้ร่วมกิจกรรมและเดินทางในช่วงสงกรานต์ได้เฝ้าระวังสังเกตอาการตนเองและครอบครัว รักษาระยะห่าง หากไม่มั่นใจขอให้ตรวจ ATK ด้วยตนเอง หรือขอเข้ารับการตรวจ ณ จุดบริการที่ทางราชการจัดตั้งขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน หากพบว่าติดเชื้อขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกไว้ให้แล้ว อย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้มีการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น อย่างไรก็ตาม มาตรการที่สำคัญที่จะช่วยป้องกันได้เป็นอย่างดีคือการร่วมมือกันบริหารจัดการให้มีการทำงานที่บ้าน หรือ Work from home ของทั้งส่วนราชการและภาคเอกชน ซึ่งจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดอย่างได้ผล 

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการโรคติดต่อทุกจังหวัด และกรุงเทพมหานคร รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับ ให้จัดให้มีบริการการตรวจ ATK ให้ประชาชาเข้าถึงได้อย่างสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งให้กำกับแผนการยกระดับแผนการเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 ระดับต่างๆ ตามที่ได้เคยสั่งการไว้แล้ว ให้สามารถอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องการรับแจ้ง การคัดกรอง การบริหารจัดการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) การบริหารจัดการสถานที่กักตัวในระดับชุมชน (Community Isolation) โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนามระดับต่างๆ ตลอดจนโครงการเจอแจกจบ ที่รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ลดลงนั้น เรื่องนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามและสั่งการให้มีการเตรียมการในทุกวิถีทางมาตั้งแต่ต้น และผู้เสียชีวิตร้อยละ 90 ยังคงเป็นกลุ่มเสี่ยง เป็นกลุ่มผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งเรื่องนี้ได้กำชับให้มีการดูแลรักษาพยาบาลอย่างเต็มความสามารถเพื่อรักษาชีวิตผู้ป่วยอาการหนักมาก มีการรณรงค์ให้กลุ่มเสี่ยง (กลุ่ม 608) ได้ระมัดระวังและเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคงต้องทำความเข้าใจ และรณรงค์อย่างกว้างขวางต่อไป เพื่อป้องกันให้มีผู้เสียชีวิตจากโควิด 19 น้อยที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสื่อมวลชนทุกสาขา ช่วยการประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจและรณรงค์ให้อย่างกว้างขวางด้วย

‘ถนนลาดหญ้า’ จากชื่อสมรภูมิ สู่ถนนสายสำคัญ สายที่ 4 ของชาวฝั่งธนบุรี

ถนนลาดหญ้า
ถนนสายที่ 4 ของธนบุรี

ตั้งชื่อตามสมรภูมิลาดหญ้าในสงครามเก้าทัพ
ระหว่างพระเจ้าปดุงแห่งกรุงอังวะ และพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกแห่งกรุงเทพมหานคร

เกิดขึ้นหลังสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานีใหม่แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาเพียง 3 ปี
จบด้วยชัยชนะของกรุงเทพมหานคร

‘โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา’ โรงพยาบาลแห่งที่ 2 ของไทย ตั้งตระหง่านย่าน ‘ปากคองสาน’

โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา
โรงพยาบาลแห่งที่ 2 ของประเทศไทย
ชาวบ้านเรียกปากคลองสาน 

ตามชื่อที่ตั้งเดิมของโรงพยาบาล
เรียกหลังคาแดง เพราะมีหลังคาสีแดง
และเรียกโรงพยาบาลบ้า เพราะเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางรักษาผู้ป่วยจิตเวช

ขนาบด้วย ถนนสมเด็จเจ้าพระยา (ขวา)
ถนนสายที่ 2 ของธนบุรี

และถนนลาดหญ้า (ซ้าย)
ถนนสายที่ 4 ของธนบุรี

‘หมอธีระ’ เตือน! ‘Long COVID’ น่ากลัวกว่าที่คิด ชี้ อย่าหลงคำลวง ‘Omicron’ เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เตือนคนไทยอย่าหลงคำลวงว่าแค่หวัดธรรมดา หากติด Omicron รุนแรงน้อยกว่าเดลต้าก็จริง แต่มีโอกาสเกิดภาวะผิดปกติระยะยาว หรือ Long COVID จากเคยปกติ กลายเป็นไม่ปกติ

วันนี้ 15 เม.ย. รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 โดยระบุว่า "Long COVID is real" อย่าหลงคำลวงว่าแค่หวัดธรรมดา กระจอก เป็นแป๊บเดียวก็หาย เอาอยู่ เป็นโรคธรรมดาประจำถิ่น

"หาย ตาย และ Long COVID" เป็นสามทางที่จะเกิดขึ้นหากติดเชื้อ Omicron รุนแรงน้อยกว่าเดลต้าก็จริง

ติดแล้วป่วยมีอาการ มากกว่าไม่มีอาการ มีโอกาสปอดอักเสบ รุนแรง ใช้ท่อช่วยหายใจ มีโอกาสตาย

'ส.ส.ฐิติภัสร์' ประสาน พม.-ตร.ช่วยเด็ก 5 ขวบหนีออกจากบ้าน หลังถูกแม่ตี พบ แม่ติดสุราเรื้อรัง คุมตัวเองไม่ได้ เบื้องต้นทำข้อตกลงให้ป้าดูแล ก่อนนำตัวแม่ส่งบำบัด สัปดาห์หน้า 

จากกรณีเมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยในกรุงเทพมหานคร เข้าช่วยเหลือหนูน้อย อายุเพียง 5 ขวบ ใส่ชุดโกโกวา หนีออกจากบ้านมาอยู่ภายในซอยรามคำแหง 39  สอบถามหนูน้อยบอกว่าน้อยใจแม่ที่ทุบตีเธอ หลังร้องหิวข้าว ขณะที่ญาติๆ พากันเอือมระอาผู้เป็นแม่ วอนเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดูแลนั้น

ล่าสุด น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.กทม.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง พรรคพลังประชารัฐ ประสานเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และตำรวจ สน.วังทองหลาง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่บ้านของเด็กวัย 5 ขวบ พบว่า แม่ของเด็ก ซึ่งข้อเท็จจริงคือยาย มีอาการติดสุราเรื้อรัง เวลาเมาจะควบคุมตัวเองไม่ได้ และทำร้ายทุบตีน้อง เนื่องจากน้องงอแงและซนตามประสาเด็ก เด็กจึงหนีออกจากบ้านไปตามหาพ่อ ซึ่งคือตา แต่ตัวคุณตา ไปต่างจังหวัด จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ไปพบตัวน้องจึงพาไปโรงพักและส่งกลับบ้านเมื่อช่วงเช้า

เบื้องต้นทาง พม.ต้องการให้น้องวัย 5 ขวบอยู่ในความดูแลของ พม.แต่ทางญาติ คือ ป้าศรี ป้าของน้อง ยืนยันจะดูแลน้องเอง จึงให้ทำข้อตกลงว่า ให้น้องวัย 5 ขวบ อยู่ในความดูแลของป้าศรีชั่วคราว ไม่ให้แม่ ซึ่งก็คือ ยาย เข้ามาดูแล แล้วหากมีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายเด็กเกิดขึ้นอีก เจ้าหน้าที่ พม.จะมารับตัวเด็กไปดูแลทันที รวมทั้งให้ทางญาติประสานขอสูติบัตร ซึ่งทราบว่าอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด นำกลับมาที่ กทม.เพื่อให้เด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาและสิทธิต่างๆ ที่พึงได้รับ

ในหลวง พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชพิธีสงกรานต์ ประจำปีพุทธศักราช 2565

15 เม.ย.2565 - เวลา 10.21 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในการพระราชพิธีสงกรานต์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง

ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร โดยเสด็จในการนี้ด้วย


เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงหอพระสุราลัยพิมาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระสุหร่าย สรงพระพุทธรูปสำคัญต่าง ๆ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ และทรงสรงพระบรมสารีริกธาตุ จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระสยามเทวาธิราช แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยังหอพระธาตุมณเฑียร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ ทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ ทรงสรงน้ำพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ ทั่วทุกพระโกศ ทรงกราบที่พระแท่นหน้าเครื่องราชสักการะ เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ พานทองสองชั้นบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร รัชกาลที่ 1 - รัชกาลที่ 9 ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา พระสงฆ์ถวายศีลและถวายพรพระ

‘เซินเจิ้น’ ลบภาพจำ จาก ‘เมืองนักก๊อป’ ยกระดับสู่เมืองเทคโนโลยี สร้างเศรษฐีหน้าใหม่

เพจ “ลึกชัดกับผิงผิง” สื่อที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศจีน เปิดเผยว่า เมืองเซินเจิ้น เมืองที่มีมหาเศรษฐีมากเป็นอันดับ 3 ของโลก กำลังดึงบุคลากรดีเด่นจากทั่วโลก 

เมื่อ 3 ปีก่อน นายราจ ออสวาล นักธุรกิจชาวอเมริกัน ไปทำธุระที่เมืองเซินเจิ้นที่อยู่เขตภาคใต้ของจีน รู้สึกประทับใจมากต่อเมืองนี้ จึงตัดสินใจย้ายมาอยู่เมืองเซินเจิ้น และก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีขึ้นมา เขากล่าวว่า ในที่อื่นๆ ของจีนหรือเอเชีย ยากที่จะเห็นเมืองนวัตกรรมสร้างใหม่แบบนี้ ชาวเมืองแห่งนี้มีความมั่นใจต่ออนาคต 

เมื่อกว่า 40 ปีก่อน เมืองเซินเจิ้นยังเป็นหมู่บ้านประมง แต่ปัจจุบันเป็นศูนย์เทคโนโลยีที่ได้รับการขนานนามว่า “ซิลิคอนแวลลีย์แห่งประเทศจีน” มหาเศรษฐี เมืองนี้รวยขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยแซงหน้านครนิวยอร์ก กลายเป็นเมืองที่มีมหาเศรษฐีมากเป็นอันดับ 3 ของโลก 

ตามบัญชีรายชื่อ “มหาเศรษฐีโลกประจำปี 2022 หูรุ่น” (Hurun Global Real Estate Rich List 2022) ปัจจุบัน กรุงปักกิ่งเป็นเมืองที่มีมหาเศรษฐีจำนวน 144 คนมากเป็นอันดับ 1 ของโลก นครเซี่ยงไฮ้ 121 คนเป็นอันดับ 2 เมืองเซินเจิ้น 113 คน จัดอยู่อันดับ 3 นครนิวยอร์ก 110 คน เป็นอันดับ 4 กรุงลอนดอน 101 คน จัดอยู่อันดับที่ 5 

'โบว์ ณัฏฐา' มอง!! ดราม่าคุกคามทางเพศกับแรงต่อยอดของสังคมไทย แนะ!! เลี่ยงนำคำตอบของตนไปวนใส่ความคิดของผู้อื่น

'โบว์-ณัฏฐา มหัทธนา’ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

กรณีการคุกคามทางเพศที่เป็นข่าวอยู่นั้นคงแทบไม่เหลือคำถามอะไรมากมาย สิ่งที่น่าสนใจ คือ สังคมจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร ซึ่งก็คงมีอีกหลายคนช่วยกันต่อยอดไปในประเด็นต่างๆ ขอให้กำลังใจทุกคนที่กำลังต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม ซึ่งบางครั้งจะเป็นการต่อสู้ในหลายมิติ ซึ่งต้องอาศัยความแข็งแกร่งภายในและการสนับสนุนจากคนรอบตัวที่ยืนระยะได้ 

สิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้ คือ ความเห็นที่ทิ่มแทงทำร้ายคุณจะโดดเด่นขึ้นมาในสายตาและประทับอยู่ในหัวใจของคุณ แต่สิ่งที่มีมากกว่านั้น คือ แรงใจสนับสนุนที่คุณอาจมองข้ามหรือเห็นไม่ชัดเท่า อย่าลืมมองสิ่งที่มีค่าเหล่านั้นให้เห็นด้วย

ส่วนตัวค่อนข้างสนใจทัศนคติของคนในสังคมเกี่ยวกับ “การมีส่วนในความผิด” ของผู้เสียหายเมื่อมีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น อันที่จริงในแวดวงที่ทำงานกับเรื่องเหล่านี้ก็มีการพูดถึงกันไปอย่างลึกซึ้งแล้วในประเด็น “Victim Blaming” ส่วนตัวไม่ได้มีความรู้หรือความเห็นจะต่อเติมอะไรกับกลุ่มคนที่มีความตระหนักรู้เรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว และไม่ได้มองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่าเราไม่ควรด่วนตัดสินใครไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหายหรือผู้ถูกกล่าวหา แต่อยากพูดกับคนทั่วๆ ไปที่ยังมีความคิดเหล่านี้เป็นอัตโนมัติอยู่...

“ไปคอนโดเขาแล้วคิดว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเนี่ยนะ”
“ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“ถ้าไม่มีใจจะขึ้นรถไปด้วยทำไม” 
“ก็ไปหาเขาเอง” 

สุดท้ายก็หนีไม่รอด!! จับได้แล้ว! โจรชิงทอง 153 บาท ในห้างโลตัสโคราช ตำรวจตามรวบตัวได้ที่พัทยา อ้างก่อเหตุเพราะไม่มีเงินใช้

จากกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกเดี่ยวเข้าชิงทรัพย์ทองรูปพรรณน้ำหนักรวม 153 บาท มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ภายในห้างทองเยาวราชกรุงเทพ บริเวณชั้น 1 ภายในห้างโลตัส สาขานครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เหตุเกิดเวลาประมาณ 13.20 น. ของวันที่ 12 เม.ย. 2565

ความคืบหน้าคดีล่าสุดเมื่อเวลา 04.00 น. ของวันที่ 15 เม.ย. 2565 รายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผบก.สส.ภ.3 พร้อมชุดสืบสวนของ บก.สส.ภ.3 ชุดสืบสวนของ กก.สส.ภ.จว.นครราชสีมา และชุดสืบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ได้ร่วมกันติดตามจับ นายกิตติพงษ์ หรือ เบส อายุ 28 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา โดยจับตัวได้ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างนำตัวนายกิตติพงษ์ ขยายผลติดตามทองคำรูปพรรณที่ได้จากการชิงทรัพย์ และสอบสวนสาเหตุที่ก่อเหตุชิงทรัพย์

เรือธง ‘Moskva’ ของรัสเซียจมทะเลดำ เป็นลำที่ 2 ในสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังระเบิดรุนแรงจนไฟลุกไหม้

สำนักข่าว Tass รายงานโดยอ้างแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซียว่า เรือลาดตระเวนติดอาวุธนำวิถี Moskva ซึ่งเป็นเรือหลักของกองเรือทะเลดำของรัสเซียที่ใช้โจมตียูเครนทางทะเล จมลงในทะเลดำแล้ว หลังจากเกิดระเบิดรุนแรงจนไฟลุกไหม้

“ระหว่างการลากจูงเรือ Moskva กลับเข้าสู่ท่าเรือ เรือได้สูญเสียการทรงตัวเนื่องจากความเสียหายที่ตัวเรือได้รับจากการเกิดไฟไหม้เพราะอาวุธระเบิด ในสภาพทะเลที่มีคลื่นลมเรือจึงจมลง” กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุ

กระทรวงกลาโหมย้ำว่ามีการอพยพลูกเรือออกจากเรือแล้ว แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติม

ก่อนหน้านี้ ได้เกิดคววามสับสนเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเรือ Moskva ที่ลอยลำในทะเลดำ โดยฝั่งรัสเซียอ้างว่าเกิดไฟไหม้ขึ้นบนเรือ ส่งผลให้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่อยู่บนเรือระเบิดอย่างรุนแรง ทำให้เรือเสียหายอย่างหนัก แต่ฝั่งยูเครนบอกว่า ได้ยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือเนปจูน 2 ลูกใส่เรือ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top