Friday, 19 April 2024
NEWSFEED

‘ลิซ่า’ คอนเฟิร์ม!! เตรียมปรากฏตัวใน ‘The White Lotus’ ซีรีส์ชื่อดังของ HBO จ่อบินลัดฟ้ามาถ่ายทำที่เมืองไทย

(13 ก.พ.67) หลังจากปล่อยให้แฟนชาวไทยรอลุ้นอยู่นาน ในที่สุดก็มีการคอนเฟิร์มเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าซีรีส์ตลกร้าย เสียดสีประเด็นสังคมอย่าง The White Lotus ซีรีส์จาก HBO จะมาถ่ายทำที่ประเทศไทย

ล่าสุดวันนี้ก็เซอร์ไพรส์คอซีรีส์และแฟน K-pop อีกครั้ง เพราะมีการยืนยันผ่านทางค่าย LLOUD เผยว่า ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล จะร่วมแสดงในซีรีส์ The White Lotus ในซีซั่น 3 ด้วย

นับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น สาวลิซ่า โลดแล่นในวงการซีรีส์ ท่ามกลางแฟน ๆ ที่ตั้งตารอชมบทบาทใหม่ในอุตสาหกรรมบันเทิงของเธอ

สำหรับซีรีส์ The White Lotus เป็นออริจินัลซีรีส์ของ HBO ฝีมือการเขียนบทและกำกับโดย Mike White ซึ่งกวาดรางวัลมากมาย เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้คนที่เข้าพักในโรงแรมหรู ก่อนจะเจอเหตุการณ์สุดอลเวงที่คาดไม่ถึง

ตัวซีรีส์เต็มเปี่ยมไปด้วยการจิกกัด เสียดสีประเด็นในสังคม ผ่านตัวละครที่มีความหลากหลาย ทั้ง เพศ เชื้อชาติ ชนชั้น และความเชื่อ

โดยในซีซั่น 3 นี้ มีการเปิดเผยรายชื่อนักแสดง มีนักแสดงไทยมาโชว์ฝีมือ ได้แก่ ‘ดอม เหตระกูล’ ‘เมธี ทับทิมทอง’ มีกำหนดเริ่มถ่ายทำในเดือนกุมภาพันธ์ที่กรุงเทพฯ, ภูเก็ต และเกาะสมุย

‘Miami Hotel’ โรงแรมสุดวินเทจกลางกรุง อายุเกือบ 60 ปี หมุดหมายถ่ายทำซีรีส์ดัง ‘The Serpent’ จาก Netflix

เมื่อปลายปี 2022 (พ.ศ. 2565) ศาลสูงเนปาลได้ประกาศปล่อยตัว ‘ชาร์ลส์ โสภราช’ ฆาตกรต่อเนื่อง 30 ศพ เจ้าของฉายา ‘นักล่าอสรพิษ’ และ ‘นักฆ่าบิกินี’ ผู้ถูกคุมขังเกือบ 20 ปี ออกจากเรือนจำเนปาลด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ

การประกาศปล่อยตัวครั้งนี้ทำให้ผู้คนนึกย้อนถึงวีรกรรมสุดเหี้ยมโหดของชายที่ชื่อ ‘ชาร์ลส์ โสภราช’ ที่ครั้งหนึ่งเคยเข้ามาในประเทศไทย และก่อเหตุฆาตกรรม มีเหยื่อเคราะห์ร้ายกว่า 14 ราย เท่านั้นยังไม่พอยังได้ลงมือฆาตกรรมเหยื่อในประเทศอื่น ๆ เช่น เนปาล อินเดีย มาเลเซีย ฝรั่งเศส อัฟกานิสถาน ตุรกี และกรีซ คาดว่ามีเหยื่อทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 30 ราย

เรื่องราวของ ‘ชาร์ลส์ โสภราช’ ถูกนำมาทำละคร นวนิยายหลายครั้ง ในปี 2563 ก็ได้ถูกหยิบยกมาทำเป็นซีรีส์ในชื่อ ‘The Serpent’ หรือ ‘นักฆ่าอสรพิษ’ ออกฉายทาง Netflix มีจำนวน 8 ตอน โดยสถานที่ถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ส่วนใหญ่อยู่ใน ‘ประเทศไทย’

วีรกรรมของ ‘ชาร์ลส์ โสภราช’ ในประเทศไทยเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1970 ทำให้กองถ่าย The Serpent ต้องคัดเลือกโลเคชันถ่ายทำอย่างพิถีพิถัน เพื่อภาพที่ฉายออกมาจะได้ทำหน้าที่พาผู้ชมย้อนเวลาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

หนึ่งในโลเคชันสวย ๆ ในซีรีส์ The Serpent ก็คือโรงแรม ‘Miami Hotel’ โรงแรมยุค Mid Century Vintage ตั้งอยู่ซอยสุขุมวิท 13 ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ ซึ่งมีหลายฉากหลายซีนที่ถ่ายทำกันที่โรงแรมแห่งนี้ ซึ่งต้องขอบอกเลยว่า แต่ละฉากที่ออกมา สวยงาม และสมจริงสุด ๆ ส่วนจะมีฉากไหนบ้าง ต้องตามไปดูใน Netflix กันนะ

ภาพระหว่างถ่ายทำซีรีส์ในปี 2563

สำหรับ ‘Miami Hotel’ ก่อตั้งโดยคุณบัญชา และคุณมาลี แซ่ตั้ง (ตัณศิริชัยยา) เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1965 (พ.ศ. 2508) ส่วนเหตุผลที่ใช้ชื่อว่า ‘Miami Hotel’ ก็เพราะในช่วงนั้นมีชาวต่างชาติเริ่มเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น รวมทั้งทหารอเมริกันที่เดินทางมาพักผ่อนที่ไทยก่อนจะไปปฏิบัติภารกิจในสงครามเวียดนาม (ยุคสงครามเวียดนาม) เจ้าของกิจการโรงแรมในสมัยนั้นจึงนิยมหยิบชื่อเมืองต่าง ๆ ในสหรัฐฯ มาตั้งเป็นชื่อโรงแรม จุดประสงค์ก็เพื่อต้องการต้อนรับลูกค้าต่างชาติ และก็ง่ายต่อการจดจำด้วย

แต่เหตุผลไม่ได้มีเพียงเท่านี้ อีกสาเหตุก็คือ ในปีที่เปิดดำเนินกิจการโรงแรม ได้มีการจัดประกวดนางงามจักรวาลที่หาดไมอามี่ สหรัฐฯ และในปีนั้นนางงามตัวแทนประเทศไทยคือ ‘อภัสรา หงสกุล’ ซึ่งสามารถคว้ามงกุฎนางงามจักรวาลคนแรกของประเทศไทยด้วย ทำให้ชื่อเสียงประเทศไทย และไมอามี่ กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

นอกจากนี้ โลโก้ของโรงแรมยังได้แรงบันดาลใจมาจากมงกุฎนางงามจักรวาลอีกด้วย

แม้ว่า ‘Miami Hotel’ จะเปิดให้บริการมายาวนาน ผ่านยุคสมัยและกาลเวลามาเกือบ 60 ปี แต่ในปัจจุบันก็ยังคงดำเนินกิจการ ต้อนรับลูกค้าอยู่ แต่การตกแต่งภาย วัสดุ สี และบรรยากาศยังใกล้เคียงกับโรงแรมเมื่อแรกสร้าง มีการบำรุงรักษา และต่อเติมอาคาร ให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของอาคารสาธารณะ แต่ก็ไม่ได้ลดทอนคุณค่าทางสถาปัตยกรรม 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ ‘Miami Hotel’ ได้รับเลือกเป็น 1 ในงานอนุรักษ์มรดกทางสถาปัตยกรรมและชุมชน จาก สมาคมสถาปนิกสยาม ปี 2563 ด้วย

สำหรับใครที่อยากไปตามรอยซีรีส์ The Serpent หรือกำลังมองหาโรงแรมเก๋ๆ พักผ่อนช่วงวันหยุด ก็สามารถโทรสอบถาม-จองห้องได้ที่เบอร์ 02 253 5611 หรือติดตามรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/thaimiamihotel

การได้เห็นสถานที่ในประเทศไทย กลายเป็นหมุดหมายถ่ายทำภาพยนตร์หรือซีรีส์ต่างชาติ ก็รู้สึกภูมิใจไม่น้อย หนึ่งสิ่งที่ชัดเจนคือดีใจที่ประเทศไทยในมุมต่าง ๆ ได้เผยโฉมสู่สายตาชาวโลก แม้จะถูกดัดแปลง ตกแต่ง เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทถ่ายทำก็ตาม แต่เชื่อหาก เมื่อชาวต่างชาติ หรือแม้แต่คนไทยด้วยกันเห็น ก็คงต้องกลับมาเยือนกันสักครั้งเป็นแน่

‘บอสณวัฒน์’ ประกาศขึ้นค่าตัว ‘อิงฟ้า’ 1 มี.ค.นี้ หลังเปิดตัวเล่นซีรีส์ กระแสตอบรับล้นหลาม

หลังจากที่ อิงฟ้า วราหะ ได้ร่วมเงินเปิดตัวซีรีส์เรื่องใหม่ของ OneD Original 2024 ในเรื่อง ‘บางกอกคณิกา’ ซึ่ง อิงฟ้า วราหะ ได้รับบทเป็น ‘กุหลาบ’ โสเภณีสาวสวยในสมัยรัชกาลที่ 5 เรียกได้ว่ากระแสการเปิดตัวปังมากและมีเสียงชื่นชมในโลกโซเชียลกันอย่างมากมาย มีแฟนคลับที่ไปซัปพอร์ตอย่างล้นหลาม

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (8 ม.ค. 67) ณวัฒน์ อิสรไกรศีล บอสใหญ่แห่งมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ก็ได้ประกาศขอปรับค่าตัว อิงฟ้าวราหะ โดยระบุว่า “ปังมาก MGI ขอปรับขึ้นค่าตัว อิงฟ้า สำหรับงานอีเวนต์และพรีเซนเตอร์ของอิงฟ้า เริ่มตั้งแต่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไปครับ ใครได้เรตปัจจุบันต้องคอนเฟิร์มภายในสิ้นเดือนนี้ครับ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ”

'เพจดัง' แชร์ทัศนคติดีๆ จากรายการ 'มาวินฟินเฟ่อร์' ร้านไหนไม่ดัง ต้องผลักดัน ร้านไหนไม่เจ๋งจริง ก็ไม่ต้องซ้ำเติม

(6 ก.พ.67) จากเพจ 'หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ' ได้โพสต์ข้อความจากบทสัมภาษณ์ของ 'วิน-มาวิน ทวีผล' นักแสดงนายแบบและพระเอกตัวจริงของ 'ตู่ ปิยวดี มาลีนนท์' ผู้จัดคนเก่งแห่งอาณาจักรมาลีนนท์ ซึ่งทั้งคู่ได้มาร่วมทำรายการด้วยกันชื่อ 'มาวินฟินเฟ่อร์' ระบุว่า...

"...ผมคุยกับตู่เสมอว่า ถ้าร้านไหนดัง ๆ เราจะไม่ไปเหยียบถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ อย่างเช่นเค้าเรียนเชิญมา เราถึงจะยอมไป เพราะว่าเค้าดังแล้วเราจะไปทำไม เค้าไม่ต้องมีเรา เค้าก็มีโอกาส...

"แต่คนที่เค้าไม่มีโอกาสคือ คนที่อยู่ข้างทางครับ บางทีเราขับรถผ่าน เห็นรถเข็นตายายขายกันสองคนก็จะแบบลงไปชิมซิว่าอร่อยไหม ถ้าอร่อยเราก็ถ่ายเลย พอถ่ายเสร็จผมก็จะบอกตายายว่า ตายายไม่รู้จักผมไม่เป็นไร แต่ตั้งตัวและเตรียมตัวไว้นะครับ พรุ่งนี้มันจะเกิดบางอย่างเกิดขึ้นกับเค้า...

"และเวลาที่ผมไปร้านไหน ถ้าเค้าไม่มีโอกาส ผมไม่เคยไปครั้งเดียว ผมไปหลายครั้ง เอาจนกว่าเค้าจะมีตัวตนให้ได้ เราต้องสร้างเค้าให้ได้ การสร้างคือสร้างให้เค้ามีอาชีพ ให้เค้ายั่งยืน ถ้าเมื่อไหร่เค้ายั่งยืนได้ ผมจะมีความสุขมาก..."

#หัวใจและทัศนคติดีมาก ♥️

ศาลเจ้ากวนอู หลักสอง!! ศาลเจ้าดังคู่เมืองตรัง  'คนจีน-สิงคโปร์' ต่างนิยมมาทำพิธีแก้ชงประจำปี

'ศาลเจ้ากวนอู หลักสอง' ตั้งอยู่ที่ถนนห้วยยอด ตรงข้ามโชว์รูมโตโยต้าเมืองตรัง จ.ตรัง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 นาที ซึ่งคนตรังจะคุ้นกันในชื่อ 'โรงพระ หลักสอง' เนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงหลักกิโลเมตรที่ 2 ก่อนเข้าตัวเมืองตรังพอดิบพอดี

ที่มาของศาลเจ้าแห่งนี้ เริ่มจากชาวจีนกวางตุ้งนามว่า นายจุงหว่าซัน ซึ่งมาอาศัยอยู่ในเมืองตรังเกิดล้มป่วยเรื้อรังอยู่นาน ต่อเมื่อขอพรจากเทพกวนอูก็สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยจนหายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยความศรัทธานับถืออย่างมาก นายจุงหว่าซัน พี่ชายของนายพาก วัฒนะจันทร์ (ตระกูลวัฒนะจันทร์ในปัจจุบัน) จึงบริจาคที่ดินสวนมะพร้าวริมถนนห้วยยอดของตนเอง เพื่อสร้างเป็นศาลเทพเจ้ากวนอู และได้อัญเชิญเทพกวนอูเข้าประทับในปี พ.ศ.2515 จากนั้นมาศาลเจ้าพ่อกวนอูหลักสอง ก็กลายเป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวบ้านในท้องถิ่นมาจนถึงทุกวันนี้

ในอดีต ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยและเดินทางมาให้เทพกวนอูได้รักษา จะพำนักค้างแรมที่เรือนคุณธรรม ซึ่งเป็นอาคารอเนกประสงค์ 1 ชั้น ที่ทางศาลเจ้าสร้างไว้บริการประชาชนที่เดินทางมาจากสถานที่ไกลๆ เพื่อมาขอพรและเคารพสักการะ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย  60 ปีผ่านไป ปัจจุบันเรือนคุณธรรมได้ถูกบูรณะปรับปรุงใหม่ด้วยเงินบริจาคของลูกหลานและผู้มีจิตศรัทธา เพื่อรองรับการช่วยเหลือประชาชนในรูปแบบต่างๆ 

จากประตูทางเข้าศาลเจ้ากวนอูหลักสอง เมื่อเดินเข้ามาจากประตูหน้าทางเข้าศาลเจ้า เราจะเห็นต้นงิ้วสูงใหญ่โดดเด่นเป็นสง่า ซึ่งขึ้นเองตามธรรมชาติเด่นตระหง่านอยู่ทางขวามือทางเข้า และเนื่องจากองค์เทพเจ้ากวนอู หรือ กวน ยฺหวี่ (關羽) ผู้มีใบหน้าสีแดงนั้นเป็นเทพแห่งความซื่อสัตย์ ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่าต้นงิ้วใหญ่ต้นนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้ทุกคนมีความซื่อสัตย์สุจริตในการดำรงชีวิต

แม้ในจังหวัดตรังจะมีศาลเทพกวนอูอยู่ด้วยกันหลายแห่ง แต่ศาลเจ้าพ่อกวนอูหลัก 2 ก็ถือเป็นศาลเก่าแก่ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งก่อสร้างตามสถาปัตยกรรมแบบจีนตอนใต้ ภายในศาลนั้นเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าและพระโพธิสัตว์หลายพระองค์ ซึ่งได้แก่เทพกวนอู ที่อยู่ในปางสำเร็จเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ รายล้อมด้วยบริวาร คือ 'กวนเป๋ง' ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรม (ขวา) และ 'จิวฉอง หรือ จิวชัง' ซึ่งเป็นขุนศึกคู่ใจ (ซ้าย) ประทับอยู่ในศาลองค์ประธาน ตามด้วยศาลรองประธานซึ่งเป็นที่ประทับของเทพไฉ่สิ่งเอี๊ย หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ และเทพฮั่วท้อเซียงซือ หรือหมอฮูโต๋ อีกทั้งบริเวณรอบๆ ยังมีจุดไหว้พระและองค์เทพอื่นๆ อีก เช่น พระม้าเช็กเทา ศาลเจ้าแม่กวนอิม และพระสังกัจจายน์ เป็นต้น

ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวจีน เทพกวนอูได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ ความกตัญญูรู้คุณ ความกล้าหาญ และคุณธรรม โดย กวนอู เป็นหนึ่งในยอดขุนพลในวรรณกรรมเรื่องสามก๊กที่มีชีวิตอยู่เมื่อราว 1,800 ปีก่อน ตามประวัติเล่าว่า องค์กวนอูเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคัมภีร์พิชัยสงคราม ต่อมาได้ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับเล่าปี่ และร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาจนสร้างวีรกรรมมากมาย 

ภายหลังกวนอูพลาดท่าโดนฝ่ายซุนกวนจับตัวได้ ซุนกวนพยายามหว่านล้อมให้ท่านยอมสวามิภักดิ์ แต่ด้วยความซื่อสัตย์และภักดีต่อเล่าปี่ทำให้ท่านปฏิเสธ ท่านจึงถูกประหารพร้อมกับกวนเป๋งผู้เป็นบุตรบุญธรรม

ด้วยคุณธรรมตามตำนานที่กล่าวมา ชาวจีนจึงยกย่ององค์กวนอูขึ้นเป็นเทพแห่งความซื่อสัตย์และจงรักภักดี โดยมักทำพิธีบูชาก่อนออกทะเลไปค้าขายต่างบ้านต่างเมืองเสมอ เพราะเชื่อกันว่าการยึดถือความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ รักเพื่อนพ้อง และยึดมั่นในคุณความดี จะช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัยและทำการค้าขายสำเร็จดังหวัง 

นอกจากความศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้ากวนอูอันเป็นที่เลื่องชื่อลือชาให้คนมากราบไหว้แล้ว ศาลเจ้ากวนอูแห่งนี้ ยังโด่งดังในเรื่องการทำพิธีแก้ชง เพื่อสะเดาะเคราะห์ประจำปี ตามแบบฉบับจีนโบราณ ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ชาวจีนและชาวสิงคโปร์เป็นอย่างมาก ซึ่งชาวสิงคโปร์บางคณะได้เดินทางมาเพื่อสักการะศาลเจ้าแห่งนี้เป็นประจำทุกปีอีกด้วย

ศาลเจ้ากวนอูหลักสองแห่งนี้ จึงถึงเป็นอีกหนึ่งมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่ลูกหลานชาวตรังได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ปัจจุบัน ได้มีการบูรณะหอเทวดาและการวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังที่หอเทวดา ด้วยศิลปะแบบจีนโบราณ โดยจิตรกรมือหนึ่งของ จ.ตรัง อายุ  80 ปี เพื่อสืบทอดศิลปะและมรดกทางวัฒนธรรมนี้ไว้จนชั่วลูกชั่วหลาน

ท่านใดที่อยากแวะมาไหว้เทพเจ้ากวนอูเพื่อขอพรเพื่อเสริมสิริมงคล หรือสนใจมาเที่ยวชมศิลปะและวัฒนธรรมแบบจีน สามารถมาได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00 น. จนถึง 17.00 น. 

‘แบมแบม’ ขึ้นแท่น ‘House Ambassador’ ของ Louis Vuitton แถมเป็นผู้ชายคนแรกของไทย-อาเซียน ที่ได้รับการแต่งตั้ง!!

(2 ก.พ.67) ถือเป็นข่าวดีของแฟนคลับ เมื่อ WWD ได้รายงานว่า แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล ที่ได้รับเลือกให้เป็น House Ambassador ระดับโลกคนล่าสุดของ LOUIS VUITTON หลังได้ร่วมงานกับแบรนด์ภายใต้เครือ LVMH มาแล้วหลายโปรเจกต์

ย้อนกลับไปเมื่อกลางปี 2022 แบมแบมก็ได้มาแสดงที่อาฟเตอร์ปาร์ตี้ของแฟชันโชว์ Spin-off คอลเลกชัน Fall/Winter 2022 ที่กรุงเทพฯ

ก่อนที่ปี 2023 แบมแบม ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในแขกคนสำคัญเพื่อไปดูแฟชันโชว์ครั้งแรกของ Pharrell Williams ในฐานะครีเอทีฟไดเรกเตอร์ฝั่งสินค้าเสื้อผ้าผู้ชายที่ปารีสกับคอลเลกชัน Spring/Summer 2024

พร้อมการสร้างมูลค่าสื่อสูงถึง 3.1 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 109 ล้านบาท อีกทั้งยังได้รับเลือกให้อยู่ในวิดีโอ Show Impression ที่เผยแพร่ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของแบรนด์

ในปีนี้แบมแบมก็ได้ไปดูแฟชันโชว์ Louis Vuitton อีกครั้งเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา กับคอลเลกชัน Fall/Winter 2024 ซึ่งเขาก็ได้รับเลือกให้ไปอยู่ในวิดีโอ Show Impression ของแบรนด์ที่มียอดชมเกิน 6 ล้านวิวแล้ว

ซึ่ง แบมแบม เป็นผู้ชายคนแรกของประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้ถูกแต่งตั้งในตำแหน่งนี้ คนไทยคนแรกที่ได้ตำแหน่ง คือ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Louis Vuitton ได้แต่งตั้งศิลปินเอเชียและ K-Pop หลายคนเพื่อมาเป็นแอมบาสเดอร์ ไม่ว่าจะเป็น J-Hope วง BTS, วง RIIZE, ฟีลิกซ์ วง Stray Kids, วง LE SSERAFIM, ฮเยอิน วง NewJeans และ แจ็กสัน หวัง เพื่อนร่วมวง GOT7

นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2023 Louis Vuitton ได้ปรับให้ตัวแทนของแบรนด์ทั่วโลกได้รับชื่อตำแหน่ง ‘House Ambassador’ เหมือนกันหมดทุกคน ตั้งแต่ เอมมา สโตน, เซ็นเดยา จนถึงแบมแบม ซึ่งจะไม่มีการเรียกว่า Friend of the House หรือ Global Brand Ambassador อีกต่อไป

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

📌รางวัลที่ 1: 607063

 📌รางวัลเลขหน้า 3 ตัว: 943, 454

 📌รางวัลเลขท้าย 3 ตัว: 591, 544

 📌รางวัลเลขท้าย 2 ตัว: 09

 📌รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1: 607062, 607064

 📌รางวัลที่ 2 : 779424, 166521, 808878, 376456, 851911

 📌รางวัลที่ 3 : 545456, 053669, 087418, 831569, 516593, 697943, 678876, 113069, 535443, 772652

 📌รางวัลที่ 4: 471627, 783463, 609558, 587566, 737293, 206816, 156102, 058236, 198247, 166931, 634141, 030830, 826063, 037206, 331311, 880249, 421727, 914433, 185741, 491440, 685863, 703523, 226331, 520713, 538407, 255118, 676743, 477468, 068121, 656613, 093784, 117545, 693752, 090487, 901593, 804429, 873398, 572213, 426517, 974231, 254032, 644810, 377270, 011437, 569388, 430848, 547540, 515514, 275169, 854418

 📌รางวัลที่ 5: 806005, 077800, 183946, 228155, 876294, 330957, 105442, 821585, 524558, 788018, 827213, 121357, 742620, 816255, 237210, 850809, 146086, 400000, 610485, 428347, 707558, 371062, 753839, 803654, 612248, 428102, 757312, 227701, 134084, 138365, 133415, 573490, 712435, 226283, 273458, 415333, 787397, 018319, 746170, 253246, 674744, 135643, 645769, 286895, 792696, 962169, 277134, 628966, 697599, 960133, 253134, 736618, 157589, 762505, 709475, 896872, 235734, 949607, 337451, 903203, 102554, 976303, 347262, 102461, 831270, 901032, 740915, 782185, 645693, 791261, 883034, 675167, 374634, 292246, 175489, 295214, 300996, 179712, 638807, 227677, 068966, 628800, 689244, 615358, 550513, 806863, 953743, 318668, 486337, 835260, 990230, 860217, 763491, 112169, 260793, 743328, 506213, 673741, 323652, 534711

‘ลิซ่า’ เปิดช็อตประวัติศาสตร์ กระทบไหล่ ‘รีฮันนา’ ศิลปินในดวงใจ

(29 ม.ค. 67) เรียกได้ว่าเป็นซีนที่แฟนคลับรอคอยมานานระหว่าง ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BlackPink’ กับนักร้องตัวแม่อย่าง ‘รีฮันนา’ ที่ล่าสุดทางฝั่งของไอดอลสาวชาวไทย ได้ขอโพสต์ภาพลงในอินสตาแกรม เมื่อได้ประกบศิลปินในดวงใจที่เคยยกให้เป็นแรงบันดาลใจด้านดนตรีของตนเอง

โดยในงาน 2024 Gala Des Pièces Jaunes ที่ได้จัดขึ้นที่ Accor Arena ในกรุงปารีส เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยมีศิลปินเกาหลีทั้ง ลิซ่า และ Stray Kids ขึ้นแสดงด้วย รวมถึงศิลปินชื่อดังอีกมากมายทั้ง Maroon5, ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์, เจ บัลวิน, A$AP Rocky ฯลฯ

แต่หนึ่งในผู้ชมการแสดงที่เรียกเสียงกรี๊ดได้ดังสนั่นฮอลล์ตกยกให้ รีฮันนา นักร้องสาวที่ตอนนี้ผันตัวไปเป็นแม่ค้า ขายเครื่องสำอางจนขึ้นแท่นเศรษฐินี เพราะแฟนคลับรู้ดีว่า รีฮันนา คือศิลปินที่ ลิซ่า ชื่นชมและให้ความเคารพเป็นอย่างมาก

งานนี้หลังจากเฝ้ารอภาพถ่ายซีนประกบคู่กันของทั้ง รีฮันนา และ ลิซ่า ก็ยังไม่มีทีท่าจะปล่อยออกมาแต่อย่างใด จนกระทั่งไอดอลสาวขอจัดเอง โพสต์ภาพคู่ยืนใกล้ชิด ลงในอินสตาแกรม ซึ่งภาพดังกล่าวก็กลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียลทันที พร้อมกับแซวว่า “2 แม่ค้าผู้ยิ่งใหญ่ได้ประกบกันแล้ว“

โดย ลิซ่า เองนับเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่ไม่ว่าจะหยิบจับหรือใส่เสื้อผ้าเครื่องประดับชิ้นไหน ของเหล่านั้นจะขายหมดเกลี้ยงทันที ส่วนทางด้าน รีฮันนา ที่เปิดแบรนด์เครื่องสำอาง Fenty Beauty ก็ขายดีและเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก

อย่างไรก็ตามคาดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งคู่โคจรมาเจอกัน เพราะก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ลิซ่า เคยได้รับเชิญให้ไปร่วมงานวันเกิดของอเมริกันแร๊ปเปอร์ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง เจย์-ซี เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งในงานดังกล่าว รีฮันนา ก็ไปร่วมงานด้วยเช่นกัน

‘ลิซ่า’ คว้าอันดับ 2 ‘100 Global Fashion Icons of 2023’ ผู้ทรงอิทธิพลทางแฟชั่นระดับโลก ทีมดาราไทยติดลิสต์เพียบ!!

เปิดรายชื่อซูเปอร์สตาร์ไทยติดในลิสต์ ‘100 Global Fashion Icons of 2023’ โดย ‘ลิซ่า’ คว้าอันดับที่ 2 ส่วนทางด้านหนุ่ม ‘ไบร์ท’ คว้าอันดับที่ 11 โดยเป็นการเสนอชื่อเข้าชิง และมีการโหวตจากทั่วโลก ให้กับเหล่าไอคอนคนดังที่โดดเด่นมีสไตล์ อิทธิพลต่อวงการแฟชั่น

ซูเปอร์สตาร์เมืองไทยไม่ธรรมดาจริงๆ ทำเอาวงการแฟชั่นทั่วโลกต่างให้ความสนใจกันมากมาย เพราะว่าล่าสุด ‘The Global Choice’ ได้มีการจัดอันดับของไอดอล และซูเปอร์สตาร์ที่มีผลต่อวงการแฟชั่นระดับโลกทั้งชายและหญิง รวมกัน 100 คน หรือ ‘100 Global Fashion Icons of 2023’ ที่มีสไตล์โดดเด่น มีอิทธิพลทางแฟชั่นระดับสากล โดยในรายชื่อดังกล่าว มีซูเปอร์สตาร์ ดารา นักแสดง และไอดอลเมืองไทยติดลิสต์ ‘100 Global Fashion Icons of 2023’ หลายคน มาดูกันว่าในลิสต์รายชื่อนี้จะมีเหล่าคนดังบ้านเราคนไหนบ้าง?

เริ่มความปังกับอันดับที่ 2 ‘ลิซ่า Blackpink’ ครองตำแหน่ง ‘Global Brand Ambassador’ ถึง 2 แบรนด์ดังสุดลักซ์ชัวรี่อย่าง ‘BVLGARI’ และ ‘CELINE’

อันดับที่ 11 ‘ไบร์ท วชิรวิชญ์’ ด้วยความฮอตและการันตีด้วยคุณภาพจากหลายๆ ด้าน ทำให้ ‘ไบร์ท’ ถูกเลือกเป็น Brand Ambassador คนแรกแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตอนใต้ ของ Burberry รวมทั้งปี 2023 ที่ผ่านมา ‘ไบร์ท’ ได้เดินสายร่วมงานและรับรางวัล ทั้งในไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

อันดับที่ 15 ‘วิน เมธวิน’ ได้รับการแต่งตั้งเป็น ‘Brand Ambassador’ ของแบรนด์ ‘PRADA’ แถมยังเป็นพรีเซนเตอร์ดังๆ จากหลายสินค้า จนนับไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว

อันดับที่ 25 ‘อาโป ณัฐวิญญ์’ มีตำแหน่ง ‘House Ambassadors’ ของแบรนด์ ‘Dior’ และ ‘Friend of Piaget’ จากแบรนด์นาฬิกาและเครื่องประดับสัญชาติสวิส

อันดับที่ 31 ‘ใหม่ ดาวิกา’ รับตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ‘Gucci’ ฝั่งแฟชั่น และ ‘Gucci Beauty’ คนแรกของประเทศไทย พ่วงตำแหน่ง ‘FRIEND of BVLGARI’ อีกด้วย

อันดับที่ 38 ‘กลัฟ คณาวุฒิ’ นักแสดงชาวไทย มีตำแหน่ง ‘Friend of Brand Onitsuka Tiger’ และ ‘Friend of Gucci’

‘แพรรี่’ เตือนสติ!! ไม่มีพระปางไหนช่วย ‘ปลดหนี้’ ได้ ขนาดพระยังบิณฑบาตหาเลี้ยงชีพ ชี้!! ควรไปทำงาน

(26 ม.ค.67) กลายเป็นไวรัลในข้ามคืน เมื่ออินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังอย่าง ‘แพรรี่ ไพรวัลย์’ หรือ ‘ไพรวัลย์ วรรณบุตร’ ได้ออกมาโพสต์คลิป ฟาดกระแส ‘พระพุทธรูปปางปลดหนี้’ ในวัดแห่งหนึ่งที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ทำให้มีประชาชน กำลังศรัทธาแห่ไปกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล และหวังให้ช่วยปลดหนี้ในยุคเศรษฐกิจไม่ดีกันเป็นจำนวนมาก

โดยระบุว่า “ล่าสุดเห็นพระพุทธรูปปางปลดหนี้ของอาจารย์ท่านหนึ่ง คนแห่ไปไหว้เยอะมาก ไม่ได้ไหว้เพราะเชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้านะ แต่ไหว้เพราะชื่อรุ่นที่เรียก

อยากหมดหนี้ก็ไปทำงานค่ะ ทำงานเสร็จเก็บเงินใช้หนี้เขาก็หมด ไม่ใช่ไหว้พระ ไม่มีพระรูปไหนช่วยได้ พระไม่มีเงิน พระพุทธเจ้าตอนพระองค์บวชได้ทิ้งสมบัติไปหมด เหมือนท่านบ้วนน้ำลายทิ้ง

ขนาดพระราหุลไปขอยังไม่ได้โภคสมบัติเลย แต่พระองค์จับบวชเณรให้อริยทรัพย์ที่มั่นคง ติดตัวเป็นพระอรหันต์ ให้หมดกิเลส ถ้าให้โภคทรัพย์ ปีบเดียวหมด ใช้ไม่ดีเดี๋ยวก็หมด ขนาดลูกในไส้ท่านยังไม่ให้เลย แล้วเราเป็นใครจะไปขอ

หลวงพ่อรุ่นปลดหนี้ คิดว่าท่านจะให้เหรอ ถ้าท่านพูดได้ท่านคงบอกให้ไปทำงาน ตั้งใจทำงาน เก็บเงิน แบ่งส่วนหนึ่งไว้กินไว้ใช้

ส่วนหนึ่งทยอยจ่ายหนี้ ใช้หนี้เก่าไม่สร้างหนี้ใหม่ ยังไงก็หมด ไม่ใช่หนี้เก่ายังไม่ใช้ หนี้ใหม่ก่อเรื่อยๆ ทุกวัน 10 พระพุทธเจ้าก็ช่วยคุณไม่ได้ค่ะ

จะมาปางปลดหนี้ปลดสินอะไรล่ะ คนเราถ้าเป็นแบบนี้ทุกคนก็ไม่ต้องสนใจแล้ว วันๆ เอาแต่ก่อหนี้สร้างหนี้ จะแก้หนี้ก็ไปไหว้พระ มันก็ขัดกับหลักเหตุปัจจัย ไม่ถูกตามหลักอริยสัจ ทุกข์ใดใครก่อคนนั้นก็ต้องแก้ ใครจะไปช่วยได้ หนี้คุณเป็นคนยืมก็ต้องใช้ ใครจะไปใช้แทน

พระพุทธเจ้าไม่มีสมบัติแล้ว จะเอาสมบัติไหนมาใช้หนี้ให้ ไม่มีคำสอนในศาสนาไหนที่พระมาใช้หนี้ให้ฆราวาส อย่าไปไหว้กัน ไม่มีพระพุทธรูปปางไหนปลดหนี้ให้ได้ ไม่อยากเป็นทุกข์ก็ก่อหนี้ให้น้อย ก่อหนี้เฉพาะเรื่องที่จำเป็นที่สุด ก่อหนี้อันไหนใช้อันนั้นก่อน อย่าก่อหนี้ไปเรื่อย

บางคนก่อหนี้เหมือนมี 10 มือ คนเดียวมีแค่ 2 มือ เดือนหนึ่งทำงานได้หลักหมื่น ก่อหนี้หลักแสนหลักล้าน เมื่อไหร่จะใช้หนี้หมด ก่อเดียวที่ควรจะก่อ คือ ก่อร่างสร้างตัว ไม่ใช่ก่อหนี้ก่อสิน

ก่อให้มันน้อยๆ จะได้ไม่ต้องลำบากพระ จะได้ไม่ต้องมีพระรุ่นปลดหนี้ แถมทำเหมือนรู้ยุคนี้คนเป็นหนี้เยอะ ก็เลยสร้างให้กราบไหว้กัน

ถ้าขอกำลังใจ ขอความเข้มแข็ง ขอสติปัญญาจากพระได้ค่ะ แต่กลับบ้านก็ต้องจัดการตัวเองทั้งนั้น ไม่มีพระองค์ไหนตามเรากลับบ้านมา พระประธานท่านก็อยู่ในโบสถ์ วิหาร วัด ท่านให้ได้อย่างมากธรรมะ แง่คิด ปฏิบัติตามธรรมะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ที่ยึดเหนี่ยว กลับมาบ้านก็ตัวเราแก้ไขจัดการเอง”

พร้อมกันนี้ แพรรี่ ยังได้ออกมาโพสต์ข้อความเพิ่มเติมในเฟซบุ๊กด้วยว่า…

“พระพุทธรูปมีอยู่แค่ปางเดียวเท่านั้นค่ะ นั่นก็คือปางปลดทุกข์ ไม่มีหรอกค่ะ ปางปลดหนี้ มีทุกข์อ่ะ พระท่านช่วยได้ เพราะท่านมีธรรมะให้เราเอาไว้สำหรับปลอบประโลมใจ
มีธรรมะแล้วจิตใจมันก็เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว มันก็อยากจะสู้ อยากจะหันกลับมาอยู่ในทางที่เป็นสัมมาชีพ อยากจะทำงานเก็บเงิน ใช้หนี้ใช้สิน แล้วสุดท้ายมันก็จะหมดหนี้ค่ะ แล้วสุดท้ายมันก็จะปลดหนี้ได้ค่ะ

มีหนี้ต้องทำงานใช้หนี้เท่านั้นค่ะ จัดการหนี้เก่า ไม่ขยันสร้างหนี้ใหม่ มีวินัยในการอดออม ชีวิตดีขึ้นแน่นอนนะคะ

มีหนี้ แต่ไม่มีความรับผิดชอบ ต่อให้มีพระพุทธเจ้า 10 พระองค์ ท่านก็ช่วยใครไม่ได้หรอกค่ะ

ปล. ขนาดพระท่านยังต้องบิณฑบาตเลี้ยงชีพเลย”

งานนี้เมื่อแชร์ออกไปชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นสนั่น ทั้งในมุมมองชื่นชมแพรรี่ ที่ออกมาพูดเตือนสติผู้คนแบบตรงไปตรงมา พร้อมสนับสนุนให้ยึดหลักไม่สร้างหนี้ ก็จะหมดหนี้ไปเอง ขณะที่บางส่วนก็ไม่เห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top