Saturday, 20 April 2024
แสนสิริ

ชาวเน็ตถาม ‘เศรษฐา’ ออกเงินค่าลิขสิทธิ์บอลโลกกี่บาท เจ้าตัวสวน “ไม่ได้ออก-เราเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์” 

‘เศรษฐา ทวีสิน’ ซีอีโอแสนสิริ และผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ลั่น!! ที่นี่ประเทศไทยที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ชาวเน็ตถามออกเงินกี่บาท ตอบ "ไม่ได้ออก" เปรยเป็นบริษัทอสังหาฯ

(21 พ.ย.65) ทวิตเตอร์ @Thavisin ของนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความระบุว่า "ถ่ายทอดสดบอลโลก 300 ล้านได้ถ่าย 32 คู่และได้เลือกคู่เด็ดๆ ก่อน 600 ล้านได้ที่เหลือ 32 คู่ ที่นี่ประเทศไทยที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงครับ"

‘แสนสิริ’ ครองแชมป์เปิดโครงการใหม่ปี 66 เดินหน้า 52 โครงการ มูลค่ากว่า 7 หมื่นลบ.

ไม่นานมานี้ นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ในปี 2565 แสนสิริสามารถเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยประสบความสำเร็จด้วยยอดขายรวม 50,000 ล้านบาท เติบโตเกือบ 50% จากปี 2564 มียอดโอน 36,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 เช่นกัน

สำหรับในปี 2566 แสนสิริ วางแผนเปิดตัว 52 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 75,000 ล้านบาท นับเป็นการทุบสถิติการเปิดตัวโครงการใหม่ ด้วยมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือเติบโต 74% จากปี 2565 และเติบโตจากช่วงเกิดโควิด-19 ถึง 1,000% หรือ 10 เท่าตัว

ทั้งนี้โครงการใหม่ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 30 โครงการ คอนโดมิเนียม 22 โครงการ โดยตั้งเป้ายอดขายปี 2566 อยู่ที่ 55,000 ล้านบาทและตั้งเป้ารายได้รวม 40,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมถึงตั้งเป้ากำไรสุทธิที่จะทุบสถิติ ALL-Time High พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ตั้งบริษัท

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 2566 ครอบคลุมทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด, ทาวน์โฮม ในทุกระดับราคา ทุกทำเล และเจาะกลุ่ม Real demand โดยเฉพาะโครงการแนวราบ วางแผนเปิดตัว 30 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 50,700 ล้านบาท และเตรียมเปิดตัว 9 แบรนด์ใหม่ ครอบคลุมทุกกลุ่ม ส่วนโครงการแนวสูงนั้น มีแผนจะเปิดตัวคอนโดมิเนียม 22 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 24,300 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 151% จากปี 2565

“ในปี 2566 นี้แสนสิริได้ปรับภาพแบรนด์ใหม่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ในคอนเซปต์ Stay Well-Rounded คอนโดที่คิดเพื่อชีวิตดีรอบด้าน โดยนำเสนอคอนโดมิเนียมแนวคิดใหม่ใส่ใจความเป็นอยู่ที่ดีในชีวิตทุกด้าน กับแบรนด์ดีคอนโด ซีรีส์ใหม่ 5 โครงการ 5 ทำเล รวมมูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท”นายอุทัย กล่าว

ความตั้งใจแน่วแน่!! ‘เศรษฐา’ แจ้ง ‘ลางาน’ แสนสิริชั่วคราว ขอมุ่งลุยงานที่ปรึกษาฯ ให้เพื่อไทยเต็มที่

จากกรณี ครอบครัวเพื่อไทย ได้เปิดตัว ‘กุนซือ’ ประจำพรรค แต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็น ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยให้มีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย คณะทำงานของพรรคที่รับผิดชอบโครงการดังกล่าว และดำเนินการอื่นใดตามที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยมอบหมาย

(9 มี.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึงเพื่อนพนักงานในเครือแสนสิริ ลงวันที่ 8 มีนาคม 2566 ระบุว่า…

“เพื่อแสดงความตั้งใจจริง วันนี้ผมได้ลางานชั่วคราวโดยไม่รับค่าตอบแทน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้เต็มที่”

ทั้งนี้ จดหมายฉบับดังกล่าว มีเนื้อหาระบุว่า…
“ในฐานะพนักงานแสนสิริคนหนึ่ง ผมได้แสดงจุดยืนในประเด็นทางเศรษฐกิจ สังคม และการบริหารประเทศมาโดยตลอดผ่านแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า ‘แสนสิริ’ ซึ่งตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสังคม ทั้งในบทบาทของภาคเอกชน และในฐานะประชาชนคนหนึ่ง จุดยืนดังกล่าว ได้หล่อหลอมความตั้งใจที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างแน่วแน่ และก่อให้เกิดความมุ่งมั่นที่จะลงมือขยายผลให้ขอบเขตกว้างยิ่งขึ้นไปอีก

ในวันนี้ ผมได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งเป็นโอกาสที่ผมจะได้ช่วยผลักดันประเทศไทยให้ดีขึ้นในเชิงโครงสร้างและนโยบาย ผมมีความตั้งใจที่จะนำประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ มาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยให้มุ่งไปข้างหน้า เร่งพัฒนาให้ประเทศไทยกลับมายิ่งใหญ่ในสายตาประชาคมโลก และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม และโอกาส ซึ่งปรากฎมากขึ้นเหลือเกินในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เศษเสี้ยว 'คำตอบประเทศ' จากพื้นฐานบุคลากรในพรรคการเมือง 'ลุงชัช' ผู้ลัดเส้นทางให้ใช้ฟรี vs แสนสิริ ผู้หาวิธีโกย 10-20 บาท ก็เอา!!

เห็นแล้วก็อดไม่ได้!! ที่อยากจะเขียนถึง หลังจากไม่กี่วันมานี้ มีการนำเรื่องดี ๆ ที่น้อยคนจะรู้ของ 'ชัช เตาปูน' หรือ นายชัชวาลย์ คงอุดม, นายประสิทธิ์ จิตราธนวัฒน์ และบริษัทบางซื่อพลาซ่า ที่เปิดเส้นทางลัดไป 'ถนนเตชะวณิช' ให้ใช้ฟรี แถมเปิดเส้นทางลัดไปถนนพระราม 6 (ตัดใหม่) ให้ใช้ฟรีด้วยเช่นกัน 

ขอบอกก่อนนะหนูๆ ไอ้ที่ที่แชร์กันเนี่ย มันไม่ใช่เหตุการณ์ที่เพิ่งจะเริ่มเกิด แต่ถนนเส้นลัดนี้ ลุงชัชแกเปิดให้ใช้มานานร่วม 40 ปีแล้วเห็นจะได้ แต่ถ้าคิดจะหยิบมาเป็นเรื่องชื่นชมในตอนนี้ก็ไม่ว่ากัน...

อันที่จริง ถ้านอกจากเรื่องการเป็นเจ้าของบ่อนที่ถูกสังคมตราหน้าในทางลบ ลุงชัชแกก็ทำหน้าที่ผู้ใหญ่ใจดีแก่คนในชุมชนย่านเตาปูน-บางซื่อ มาตลอดชั่วชีวิต

เอ่อ...เท่าที่พอจะรวบรวมได้ก็เช่น...
ส่งเด็กเรียนหนังสือ เกือบ 200 คน ปั้นอนาคตของชาติให้มาช่วยประเทศ ผ่าน 40 ปีแล้ว จบปริญญาเอก มาแล้ว 4 คน มีท่านหนึ่งเป็นรองคณบดีสัตวแพทย์ มหาวิทยาลับเกษตรฯ ซึ่งเป็นนักเรียนทุนจบจากเยอรมัน บ้างก็จบแพทย์แล้วมาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล บ้างก็จบวิศวะ บ้างก็จบพยาบาล ซึ่งไม่ต้องชดใช้ทุนคืนสักบาทแต่เงื่อนไขต้องจบมาเพื่อช่วยเหลือประเทศ

แจกข้าวมากว่า 40 ปี ตั้งแต่ปี 22 จนราคาข้าวขึ้นสูงมาก จึงต้องหันมาปลูกข้าวแบบเกษตรอินทรีย์ เพื่อเอามาแจกคนจน

เคยช่วยหม่อมคึกฤทธิ์หาเสียง ในสมัยท่านเป็นนายกฯ และได้นับถือกันเป็นพ่อ-ลูก ในบั้นปลาย มรว.คึกฤทธิ์ได้มอบสยามรัฐให้ดูแลกิจการต่อและบอกว่า "อย่าให้สยามรัฐตายตามพ่อไปนะลูก"

ช่วยเหลือแรงงานไทยในประเทศลิเบีย กว่าหมื่นคน เพื่อให้กลับเข้าประเทศเราได้ ซึ่งแต่ละคนที่กลับมาไม่ได้มีความเป็นที่อยู่ที่ลำบากมาก นายจ้างเอารัดเอาเปรียบ บ้างก็ต้องนอนในโรงเพาะเห็ด ผิวหนังติดเชื้อ ขาดสารอาหารหลายราย ให้หากินวันละมื้อ จนต่อสู้ช่วยขอวีซ่านายจ้างกลับมาได้

เคยเป็นอดีต ส.ว. ปี 43 จากการเลือกตั้ง และ ผลงานผลักดัน...ตรวจสอบ หน่วยงาน ขสมก. ซึ่งทำให้รัฐเสียหายเป็นหมื่นล้าน จนผู้บริหารต้องลาออกจากราชการและบางท่านถูกพิพากษาจำคุก และกรณีปิดโรงงานถ่านหิน เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและธุรกิจประมง ชาวประมง เกษตรกร

เกิดและเติบโตในสลัมย่านเตาปูน และปัจจุบันก็ยังอยู่ที่เดิม และคอยให้ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ ชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยากที่มาร้องขอเกือบทุกวัน

สำเร็จการศึกษาจาก นิติศาสตร์ รามคำแหง ใช้เวลาแค่ 3 ปีครึ่งและสำเร็จปริญญาโท สาขา เศรษฐศาสตร์และการบริหาร

วันหนึ่งไปมอบรั้วโรงเรียน เห็นเด็กดื่มน้ำขุ่นๆ กลัวจะเป็นนิ่ว จึงสร้างโรงกรองน้ำดื่ม ปัจจุบันได้บริจาคเพื่อสร้างโรงกรองน้ำดื่มกว่า 200 โรงเรียนแล้ว

ปลูกบ้านให้คนจนอยู่กว่า 200 หลังคาเรือน เพราะสาเหตุจากที่ชาวบ้านถูกไล่ที่ แล้วก็เรื่องการเปิดถนนส่วนบุคคลให้ชาวบ้านได้ใช้สัญจรฟรี มากว่า 40 ปี ตรงเส้นทางลัด 'เตชะวนิช-พระราม 6' แม้จะสามารถเก็บค่าผ่านทางได้ก็ตาม (หากวันนึงๆ ท่านเก็บค่าผ่านทางคงได้เยอะเลย)

แน่นอนว่า ช่วงนี้เป็นช่วงเข้าสู่ห้วงเวลาแห่งการเลือกตั้ง แล้วลุงชัช แกก็มีสังกัดเป็นตัวเป็นตนร่วมกับ รวมไทยสร้างชาติ ที่มีลุงตู่ร่วมขบวนอยู่ จะเรียกว่ากองเชียร์ เอามาอวยช่วยกัน ก็คงเป็นปกติวิสัย

***แต่บังเอิญ ไอ้เรื่องการเมือง มันก็มักมาพร้อมมากับเรื่องน้ำเน่า เพราะถ้ามีคนหนึ่ง 'ดี' มันก็ต้องมีอีกหนึ่งองค์ประกอบ 'เลว' โผล่ออกมาให้เกิดความสมดุลกัน...

ที่ว่าเช่นนี้เพราะ...พลันที่ชาวเน็ตบางส่วนดันเอา 'น้ำใจ' ส่วนนี้ของลุงชัชมาเผย ก็มีชาวเน็ตปากมากไม่น้อยมาเฉลยเชิงเปรียบกับ 'น้ำจิ้ม' ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศ ที่มียอดขายระดับแสนล้าน และกำไรเป็นหมื่นล้านต่อปี แต่กลับเรียกเก็บเงินค่าผ่านทางสะพานข้ามคลองพระโขนงจากประชาชน แม้แต่ผู้ซื้ออาคารชุดในโครงการของบริษัท ยังไม่เว้น!!

กทม. สั่งหยุดเก็บค่าผ่านทาง ‘ข้ามคลองพระโขนง’ พร้อมให้รื้อป้อมเก็บเงิน เปิดเป็นสาธารณะใช้สอยร่วมกัน

(30 มี.ค.66) ที่อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตดินแดง นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (ปลัด กทม.) เปิดเผยถึงกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องต่อผู้ว่าฯ กทม.เพื่อขอให้ตรวจสอบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กรณีการการสร้างสะพานข้ามคลองพระโขนง หรือสะพานแสนสำราญ บนพื้นที่โครงการ T77 บริเวณซอยสุขุมวิท 77 เพื่อออกสู่ถนนปรีดีพนมยงค์ 2 เขตวัฒนา ภายหลังมีการสร้างเสร็จแล้วปรากฏว่า มีการตั้งตู้เก็บค่าผ่านทาง ซึ่งไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ว่า ทาง กทม.มีการสืบหาข้อเท็จจริง โดยทำหนังสือสอบถามไปยัง สำนักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ทาง สผ.ตอบกลับมาว่า EIA ดังกล่าว ไม่ได้ระบุให้มีการจัดเก็บค่าผ่านสะพานและถนนภาวะจำยอมแต่อย่างใด และกำหนดมาตรการจัดทำป้าย เพื่อแสดงให้บุคคลภายนอกพื้นที่โครงการได้ทราบว่าถนนภาวะจำยอมดังกล่าว มีสภาพใช้ประโยชน์เป็นถนนสาธารณะเปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถใช้สัญจรได้

‘ถาวร’ ชี้ ‘แสนสิริ’ ต้องชดใช้แก่ผู้จ่ายค่าผ่านทางสะพานแสนสำราญ หลัง กทม.สั่งรื้อด่านเก็บเงิน ลั่น!! ต้องทำให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน

(31 มี.ค. 66) จากกรณี บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) สร้างสะพานข้ามคลองพระโขนง หรือ สะพานแสนสำราญ บนพื้นที่โครงการ T77 บริเวณซอยสุขุมวิท 77 เพื่อออกสู่ถนนปรีดีพนมยงค์ 2 เขตวัฒนา ภายหลังสร้างเสร็จ ได้ตั้งตู้เก็บค่าผ่านทางด้วย ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา กทม.จะออกหนังสือให้รื้อถอนตู้เก็บเงินค่าผ่านทาง และยกเลิกการเก็บเงินทั้งหมด

นายถาวร เสนเนียม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงเรื่องดังกล่าว ระบุว่า…

“คำสั่งต้อง เด็ดขาด!!! ‘กทม.’ สั่ง ‘แสนสิริ’ รื้อด่านอย่างเดียวไม่พอครับ
วันนี้เห็นข่าว กทม.สั่ง ‘แสนสิริ’ รื้อด่านเก็บค่าขึ้นสะพาน ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ใช้รถใช้ถนนที่ต้องใช้สะพานแห่งนี้อยู่ครับ

แต่ยังชี้ให้คนทำผิดว่า หากไม่เห็นด้วยให้คัดค้านได้ การคัดค้านเป็นการใช้สิทธิตามที่มีอยู่ในกฎหมาย ทุกคนรู้ แต่ กทม. กำลังชี้โพรงให้กระรอก การกระทำผิดของผู้เก็บเงินจากประชาชนโดยผิดกฎหมาย กทม. ว่าไง? จะดำเนินการอย่างไรกับผู้กระทำผิด

'แสนสิริ' ประกาศกำไรไตรมาสแรกปี 66 ฟาดรายได้ทะลุ 1,582 ล้านบาท โต 423%

(16 พ.ค.66) นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2566 แสนสิริมีรายได้รวมในไตรมาสแรกปี 2566 อยู่ที่ 8,505 ล้านบาท โตขึ้น 63% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ผลงานมาจากรายได้จากการขายโครงการที่โดดเด่นในทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย นำด้วยรายได้จากการขายคอนโดมิเนียม ที่ในไตรมาสนี้เติบโตสูงสุดถึง 217% หรือโกยรายได้ 2,717 ล้านบาท รายได้หลักมาจากโครงการเอ็กซ์ที พญาไทที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มมีการโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงเดือนธันวาคมของปี 2565 ที่ผ่านมา ตามด้วยโครงการเอ็กซ์ที ห้วยขวาง, โอกะ เฮ้าส์ และเอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา นอกจากนี้ ยังมีคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสนี้ คือ เดอะ มูฟ บางนา

ในไตรมาสนี้ แสนสิริยังมีรายได้จากการขายโครงการแนวราบ ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและมิกซ์ โปรดักส์ โดยแชมป์รายได้จากโครงการบ้านเดี่ยว ได้แก่ โครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา, โครงการบุราสิริ วัชรพล, โครงการเศรษฐสิริ จรัญ-ปิ่นเกล้า2, โครงการเศรษฐสิริ พระราม 5 และโครงการสราญสิริ รังสิต ส่วนรายได้จากการขายโครงการทาวน์โฮม เติบโตขึ้นถึง 104% โดยเฉพาะความสำเร็จในลักซ์ชัวรี่ เรสซิเดนท์แนวคิดใหม่ ‘เดมี สาธุ 49’ พร้อมกันนี้ยังสร้างผลงานในโครงการที่อยู่อาศัยแบบมิกซ์โปรดักส์ ที่รวมบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ในโครงการเดียว ตอบรับแนวคิดการอยู่อาศัยแบบ Feel Just Right ความพอดีที่ลงตัวภายใต้แบรนด์ “อณาสิริ” ที่ประสบความสำเร็จและสร้างรายได้ที่โดดเด่นต่อเนื่องในปีนี้เช่นเดียวกัน อาทิ โครงการ อณาสิริ บางใหญ่, โครงการอณาสิริ กรุงเทพ-ปทุมธานี และโครงการอณาสิริ ติวานนท์ - ศรีสมาน เป็นต้น

นอกจากรายได้ที่โดดเด่นในทุกโปรดักส์แล้ว กำไรขั้นต้นจากการขายโครงการที่อยู่อาศัยยังคงสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ประกอบกับในไตรมาสนี้ แสนสิริมีการบันทึกกำไรจากการขายกิจการโรงเรียนสาธิตพัฒนา และการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าและบริษัทร่วม ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาสแรกของปี 2566 เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยแสนสิริมีกำไรสุทธิ 1,582 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นขึ้นถึง 423% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรสุทธิสูงถึง 18.6% ของรายได้รวม ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากจากอัตรากำไรสุทธิที่ร้อยละ 5.8 ของรายได้รวมในไตรมาสแรกของปี 2565

สำหรับไฮไลท์ของไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เพื่อตอกย้ำผู้นำตลาดลักซ์ชัวรีที่แสนสิริได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้ามาโดยตลอด แสนสิริยังเตรียมเปิดตัวโครงการ “นาราสิริ พหล – วัชรพล” ที่สุดของโครงการบ้านเดี่ยวลักซ์ชัวรี่ในปีนี้ บนที่สุดของทำเลศักยภาพแห่งใหม่ ที่กำลังเป็นที่จับตาของกลุ่มตลาดลักซ์ชัวรี่ เชื่อมต่อขยายจากถนนเลียบทางด่วน-รามอินทรา ในราคา 35-70 ล้านบาท ถ่ายทอดปรัชญาด้าน Brand Taste-Maker ลงรายละเอียดในทุกดีเทลของความเป็นฝรั่งเศส รวมถึงส่วนกลางที่มีพื้นที่มากถึง 6 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 5,100 ล้านบาท เตรียมเปิดตัววันที่ 24-25 มิถุนายนนี้

นอกจากนี้ แสนสิริยังคงรุกเดินหน้าต่อเพื่อรองรับแผนการเติบโตในปี 2566 เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ โดยหุ้นกู้ที่จะเสนอขายครั้งนี้เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป สำหรับหุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยระหว่าง [4.00-4.10]% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยระหว่าง [4.45-4.55]% ต่อปี ผ่าน 10 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) หุ้นกู้ทั้ง 2 ชุดจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง โดยหุ้นกู้และบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ ‘BBB+’ แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่ (Stable)” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 และคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 1-2 และ 6 มิถุนายน 2566 นี้ ด้วยเงินจองซื้อขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 1,000 บาท เพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของแสนสิริ ที่เป็นแบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ซึ่งไม่ใช่เพียงเฉพาะการพัฒนาที่อยู่อาศัยเท่านั้น แสนสิริยังมองถึงความสำคัญในด้านการลงทุนที่ต้องทั่วถึงและเท่าเทียมกัน โดยการระดมทุนเพื่อรุกเดินหน้าธุรกิจในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในแผนธุรกิจที่คาดว่าจะทำให้แสนสิริสร้างผลประกอบการเป็น New High ได้ต่อเนื่องจากปีก่อน” นายอุทัย กล่าวปิดท้าย

แสนสิริ กวาดยอดขายครึ่งปี 25,000 ล้านบาท อานิสงส์โครงการบ้านหรู - คอนโดพร้อมอยู่ ดีเกินคาด

แสนสิริเผยผลงานครึ่งแรกปี 66 แข็งแกร่งด้วย ยอดขาย 25,000 ล้านบาท โต 37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขาย 18,300 ล้านบาท หลังได้อานิสงส์โครงการลักซ์ชัวรี และคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ผลตอบรับดีเกินคาด

นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ครึ่งปีแรกของปี 2566 นับเป็นปีที่ท้าทายสำหรับแสนสิริอย่างมาก จากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ประกอบกับภาวะดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ดี แสนสิริ มองล่วงหน้าถึงสถานการณ์และมีความพร้อมรองรับความผันผวนของภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ไว้แล้ว จึงวางกลยุทธ์ต่างๆ ตามความเหมาะสม ส่งผลให้สามารถสร้างผลงานเป็นที่น่าพอใจ โดยในครึ่งปีแรก แสนสิริสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 25,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 37% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

โดยโครงการเปิดตัวใหม่ ทำยอดขายดีเกินคาดในทุกโครงการ นำแชมป์ด้วยโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี อย่างนาราสิริ พหล -วัชรพล และ บูก้าน กรุงเทพกรีฑา ที่สามารถสร้างยอดขายได้ดีมาก ต่อยอดความสำเร็จจากการส่งมอบบ้านเดี่ยวในระดับซุเปอร์ลักซ์ชัวรีจากแสนสิริ ในโครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา และบูก้าน โยธินพัฒนา ซึ่ง Sold out ปิดการขายอย่างรวดเร็ว ในช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้จากความต้องการบ้านในระดับลักซ์ชัวรี ที่ยังมีดีมานด์อยู่มาก ประกอบกับกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อต่อเนื่อง ทำให้ทั้ง 2 โครงการ ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวก ได้ผลตอบรับที่ดี รวมถึงโครงการเศรษฐสิริ ดอนเมือง ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามสนามบินดอนเมืองและใกล้โรงเรียนนานาชาติ ฮาร์โรว์ ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีเกินคาดเช่นกัน 

ล่าสุดแสนสิริได้เปิดตัว แคมปัส คอนโด ใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โครงการ ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ปรากฏว่ามียอดจองแล้วถึง 80% แสดงให้เห็นว่าครึ่งแรกของปีนี้โครงการเปิดใหม่ได้รับผลตอบรับที่ดีในทุกโครงการ รวมถึงโครงการแนวราบอีกหลายโครงการ เช่น สราญสิริ ราชพฤกษ์ 345 และ อณาสิริ ศรีนครินทร์-แพรกษา เป็นต้น

ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ หรือ Ready to Move เริ่มกลับมาขายดี สะท้อนให้เห็นว่าตลาดคอนโดมิเนียมกำลังกลับมาหลังจากช่วงก่อนโควิดและหลังโควิดมีการดูดซับช้าลง ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีกับตลาดคอนโดมิเนียมเป็นอย่างมาก เนื่องจากคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่เป็นตัวชี้วัดที่ดีในตลาด Real Demand เพราะกลุ่มลูกค้าซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่า ไม่ได้เป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไรหรือมีดีมานด์เทียมในยอดขายของคอนโดมิเนียมกลุ่มดังกล่าว โดยในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาแสนสิริสามารถทำยอดขายได้ดี จนทำให้ยูนิตสร้างเสร็จพร้อมขาย (Stock) ของคอนโดมิเนียมลดลงเหลือเพียง 8,100 ล้านบาทจากStock ในต้นปีที่ 11,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่าแสนสิริมี Absorption ที่ดีที่สุดในตลาด สำหรับกลุ่มคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ภายใต้แบรนด์ The Base, The Line, The Muve, XT, dcondo และ CondoMe เป็นต้น โดยในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ แสนสิริยังได้เตรียมปิดการขายอีก 12 โครงการ ในคอนโดมิเนียมกลุ่มแบรนด์นี้  

นอกจากนี้ แสนสิริยังสร้างวินัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กระแสเงินสดเป็นเรื่องสำคัญ การมียูนิต สร้างเสร็จพร้อมขาย หรือ Stock ลดลงเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้แสนสิริสามารถชำระคืนเงินกู้ธนาคารจากโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ได้ 100% ซึ่งหมายถึง แสนสิริไม่มีภาระหนี้ที่ต้องชำระคืนในกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ซึ่งการมีวินัยทางการเงินนับเป็นปรัชญาสำคัญของแสนสิริในการดำเนินธุรกิจมาตลอดเวลาเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา ทำให้แสนสิริอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่ดีและมีคุณภาพ เป็นที่วางใจของธนาคารและนักลงทุนเสมอมา ทั้งนี้ การคืนหนี้ได้เร็วกว่ากำหนดก็เท่ากับว่าแสนสิริ สามารถลดค่าใช้จ่ายทางด้านการเงินไปในตัวอีกด้วย โดยปัจจุบันแสนสิริมีสภาพคล่องอยู่กว่า 17,000 ล้านบาท ถือเป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความแข็งแกร่งด้านการเงินมากที่สุด

สำหรับไฮไลต์แผนธุรกิจครึ่งปีหลัง แสนสิริจะรุกบ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริอย่างต่อเนื่อง จากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และการตอบรับที่ดีของตลาดบ้านระดับลักซ์ชัวรีและซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี แสนสิริจึงเดินหน้าเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ เศรษฐสิริ เพิ่มอีก 10 โครงการ มูลค่ารวม 21,900 ล้านบาท ครอบคลุมทุกทำเล ทั้ง รามอินทรา สายไหม เสรีไทย บางนา ราชพฤกษ์ พรานนก และ พุทธมณฑล สาย 1 เป็นต้น ซึ่งนับเป็นโครงการที่มีมูลค่าสูง ซึ่งเมื่อรวมกับโครงการคอนโดมิเนียมที่จะทยอยเปิดตัวใหม่อีกกว่า 10 โครงการในช่วงครึ่งหลังของปีจากสถานการณ์ดีมานด์ตลาดคอนโดมิเนียมทยอยฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน แสนสิริจึงมีโอกาสที่จะทำยอดขายได้เกินเป้า 55,000 บาท ตามแผนที่วางไว้ในช่วงต้นปี

“แสนสิริยังคงวางเป้าหมายในการพัฒนาโครงการตอบรับความต้องการลูกค้าในทุกเซกเมนต์ อย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด  “YOU Are Made For Life” ซึ่งกลยุทธ์ในการเปิดตัวสินค้าในแต่ละกลุ่ม สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม โดยใช้ข้อมูลทางตลาดเป็นตัวชี้นำ ทั้งนี้ ในปีนี้แสนสิริจะเน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในกลุ่มลักซ์ชัวรีที่ยังคงได้ผลตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้จากตลาดคอนโดมิเนียม ที่เริ่มฟื้นตัวชัดเจนขึ้น จะยิ่งส่งผลดีต่อยอดขายและผลประกอบการของบริษัทฯ ขณะที่ การจัดตั้งรัฐบาลที่เสร็จสิ้นแล้ว ประกอบกับการท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้าสู่ใกล้ระดับก่อนโควิดในช่วงครึ่งปีหลัง ที่จะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว และนับเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จึงทำให้แสนสิริมั่นใจว่าเรายังคงมีผลการดำเนินงานที่ On Track ในการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่กับยอดขายและผลประกอบการที่ดีที่สุดของบริษัทฯ ต่อไปในปีนี้ ” นายวิชาญ กล่าว

‘แสนสิริ’ ร่อนแถลง ไขข้อกังขา ‘เศรษฐา’ ยัน!! ‘ซื้อ-ขายที่ดิน’ ถูกต้องตามกฎหมาย

(3 ส.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวพาดพิงนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) ขณะที่ดํารงตําแหน่งเป็นผู้บริหารสูงสุด และกรรมการของ บริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน) ได้มีส่วนร่วมในการหลีกเลี่ยงภาษีในการซื้อขายที่ดินของแสนสิริเป็นเหตุให้รัฐต้องสูญเสียรายได้เป็นเงินหลายร้อยล้านบาทนั้น

ต่อมาบริษัท แสนสิริฯ ได้ออกหนังสือแถลงการณ์โดยชี้แจงว่า สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแปลงดังกล่าวระหว่างแสนสิริกับผู้ขาย กำหนดให้ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบภาษีอากร ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดประกอบกับเป็นหน้าที่ตามกฏหมายของผู้ขายในการเสียภาษีอากรข้างต้นด้วย แสนสิริมีหน้าที่ชำระราคาให้ครบถ้วนตามที่ตกลงกัน และรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเท่านั้น แสนสิริไม่ได้รับรู้หรือเกี่ยวข้องในวิธีการหรือการดำเนินการใดๆ ทางภาษีอากรของผู้ขายตามที่ได้มีการกล่าวอ้างดังกล่าว และไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ จากการประหยัดภาษีและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ของผู้ขาย

แถลงการณ์ ระบุต่อว่า ในการซื้อขายที่ดินของแสนสิรินั้น นายเศรษฐา ขณะที่เป็นผู้บริหารสูงสูดและกรรมการของแสนสิริ จะมีส่วนร่วมเฉพาะในขั้นตอนการอนุมัติจัดซื้อที่ดิน โดยพิจารณาจากตัวเลข และข้อมูลที่ทีมสรรหาที่ดินของแสนสิริได้จัดทำ และนำเสนอ ให้ที่ประชุมผู้บริหารเพื่อพิจารณาและนำเสนอคณะกรรมการของบริษัทเพื่ออนุมัติการซื้อที่ดินและการลงทุนตามลำดับ

นายเศรษฐาในฐานะที่เป็นผู้บริหารสูงสุดและกรรมการของแสนสิริจึงอนุมัติเพียงแค่ราคาและมูลค่าเงินลงทุนเท่านั้น ส่วนการทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน การชำระราคา และการโอนกรรมสิทธิ์จะเป็นหน้าที่ของทีมสรรหาที่ดินที่จะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการและประสานงานทั้งหมด

แถลงการณ์ ระบุด้วยว่า ภายหลังจากที่แสนสิริได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายและวางมัดจำซื้อที่ดินไปแล้วเป็นระยะเวลาหลายเดือน ก่อนถึงกำหนดการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ขายเป็นผู้แจ้งความประสงค์เกี่ยวกับรายละเอียดวิธีการโอนกรรมสิทธิ์และชำระราคาส่วนที่เหลือให้ทราบว่าต้องการแยกโอนเฉพาะส่วนตามรายชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามที่เป็นข่าว ทีมสรรหาที่ดินซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการตามสัญญาพิจารณาแล้วเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวสามารถดำเนินการได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และยังคงเป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญา อีกทั้งไม่กระทบกระเทือนต่อการที่แสนสิริจะได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยสมบูรณ์ตามสัญญาที่ตกลงกัน และไม่ได้ทำให้แสนสิริต้องได้รับความเสียหายหรือมีภาระค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติมจากที่ตกลงไว้แต่อย่างใด ทีมสรรหาที่ดินจึงตัดสินใจดำเนินการตามที่ผู้ขายแจ้งให้ทราบ

แถลงการณ์ ระบุอีกว่า แสนสิริ ชำระราคาที่ดินแปลงดังกล่าวเกือบทั้งหมด โดยเช็คและแคชเชียร์เช็ค มีการชำระเป็นเงินสดเพียง 301,000 บาท ไม่ได้มีการชำระเงินสดจำนวนมากตามที่ได้มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด การที่เจ้าพนักงานที่ดินบันทึกว่า การซื้อขายที่ดินมีการชำระด้วยแคชเชียร์เช็ค ส่วนที่เหลือชำระเป็นเงินสดนั้น เป็นเพราะแสนสิริได้ชำระเงินมัดจำให้แก่ผู้ขายตามสัญญาจะซื้อจะขายเสร็จสิ้นไป ก่อนวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินหลายเดือนก่อนหน้า ทางปฏิบัติตามปกติของกรมที่ดินจะบันทึกส่วนต่างของค่าที่ดินที่ไม่มีการแสดงสำเนาแคชเชียร์เช็ค ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ว่าเป็นการชำระด้วยเงินสด

แถลงการณ์ ระบุว่า การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าว เป็นการดำเนินการที่กรมที่ดินโดยเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และได้มีการชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีธุรกิจเฉพาะ/อากรแสตมป์ ตามที่มีการเรียกเก็บเรียบร้อยแล้ว และแสนสิริได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามราคาที่ตกลงซื้อขายกัน

แถลงการณ์ ระบุอีกว่า จากข้อเท็จจริงที่ชี้แจงมาข้างต้น จะเห็นได้ว่านายเศรษฐา ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุด และกรรมการของแสนสิริในขณะนั้น ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาผลประโยชน์ของบริษัทครบถ้วนแล้ว และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและรับรู้ขั้นตอนวิธีการในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามที่กล่าวข้างต้น เพราะเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นภายหลังการทำสัญญาจะซื้อจะขายและอยู่ในความรับผิดชอบของทีมสรรหาที่ดินที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการที่ต้องจัดการให้เป็นไปตามสัญญาและถูกต้องตามกฎหมาย ธุรกรรมการซื้อขายที่ดินของแสนสิริดังกล่าว เป็นการซื้อขายที่ดินตามปกติในธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป บริษัทฯ ขอยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล ถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส และตรวจสอบได้ จึงขอชี้แจงมา ณ ที่นี้

‘เด็กเพื่อไทย’ ไว้อาลัยให้ความน่าเชื่อถือของ ‘ชูวิทย์’ หลังพาดพิง ‘เศรษฐา’ ปมดรามาซื้อขายที่ดินแสนสิริ

เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 66 ดร.กฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้สมัคร สส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้แชร์ข่าวกรมที่ดินได้ออกมาชี้แจง กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง พาดพิงนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย (พท.) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารสูงสุดและกรรมการของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มีส่วนร่วมในการหลีกเลี่ยงภาษีในการซื้อขายที่ดินของแสนสิริ เป็นเหตุให้รัฐต้องสูญเสียรายได้เป็นเงินหลายร้อยล้านบาท พร้อมโพสต์ข้อความผ่านเพจ ‘ดร.ตั้น กฤชนนท์ อัยยปัญญา’ ระบุว่า…

“RIP ความน่าเชื่อถือท่านชูวิทย์ เมื่อวานนี้ผมได้ทราบข่าวที่น่าเศร้า เพราะท่านชูวิทย์ฮีโร่นักแฉในดวงใจของผมได้ประกาศว่า ท่านป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ จึงถือโอกาสแสดงความเสียใจและเป็นห่วงมา ณ ที่นี้

นอกจากนี้แล้ว ผมยังได้ทราบถึงความไม่สบายใจของท่านชูวิทย์เกี่ยวกับประเด็นของท่านเศรษฐา เรื่องการซื้อที่ดินของบริษัทแสนสิริที่ท่านชูวิทย์ไม่สบายใจ ว่าเป็นกระทำโดยมิชอบหรือไม่ และจะส่งผลถึงภาพลักษณ์ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ต้อง ‘ซื่อสัตย์สุจริต’ หรือไม่ ผมขออธิบายดังนี้ครับ

ในประเด็นแรกเรื่องการเสียภาษีซื้อขายที่ดินนั้น กรมที่ดินได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า ‘เป็นภาระโดยตรงของผู้ขาย’ และโดยที่ผู้ซื้อไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และวิธีปฏิบัติดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมาย เพราะได้มีการเสียภาษีต่างๆ ในวันโอนที่ดินครบถ้วน ส่วนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของแต่ละคน เป็นสิ่งที่ผู้ขายแต่ละคนต้องรับผิดชอบในรอบปีภาษีของแต่ละคน ซึ่งหากมีการไม่ชำระก็เป็นเรื่องที่กรมสรรพากรต้องจัดการ ผู้ซื้อไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ครับ

ประเด็นถัดมาในส่วนของราคาซื้อขายที่ดินนั้น ทุกๆ ท่านคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ราคาซื้อขายที่ดินนั้นเป็นความพึงพอใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ไม่ได้จำเป็นต้องซื้อขายกันตามราคาประเมินแต่อย่างใด ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายแล้ว บริษัทแสนสิริจำเป็นต้องซื้อในราคาที่ผู้ขายพึงพอใจ ไม่ได้เป็นการทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด ท่านชูวิทย์สบายใจได้ครับ

ประเด็นสุดท้าย ที่ท่านชูวิทย์ได้แสดงความห่วงใยถึงผู้ถือหุ้นบริษัทแสนสิริว่า ‘ผู้ถือหุ้นเจ๊ง’ นั้น ตามข้อมูลงบการเงินจาก ตลท.ในปี 2562 ที่มีการซื้อขายที่ดินนั้น บริษัทแสนสิริมีกำไรสุทธิ 2,392.44 ล้านบาท ท่านชูวิทย์สบายใจได้ครับ

สุดท้ายนี้ หวังว่าท่านชูวิทย์คงสบายใจได้ในทุกๆ ประเด็น หากท่านจะจากไปในอีกแปดเดือนก็คงจะจากไปอย่างหมดห่วง ด้วยความห่วงใยครับ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top