Friday, 29 March 2024
เสกสกล

‘แรมโบ้’ ซัด กลับ ‘โทนี่’ ตอนเป็นนายกฯ ทำอะไรเพื่อประเทศบ้างนอกจากผลงานโกงกินบ้านเมืองถูกดำเนินคดี หนีไปต่างประเทศ ตั้งข้อสังเกตที่ออกมาโจมตีนายกฯ ประยุทธ์เพราะกลัวเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านอดกลับประเทศ

14 ตุลาคม นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมเสวนาในคลับเฮาส์ของกลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย ในหัวข้อ ‘7 ปีพัง ขออีก 5 ปีคงพินาศ ฮัลโหลคนไทยไว้ใจประยุทธ์ได้หรือ’ โดยระบุว่าการเข้ามาบริหารประเทศของนายกฯ ประยุทธ์ แม้จะอยู่มา 7 ปี แต่ได้ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองหลายอย่าง พัฒนาประเทศ และแก้ไขปัญหาหลายอย่างแม้กระทั่งปัญหาของน้องสาวนายโทนี่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ก่อเอาไว้ เพราะนายกฯ ประยุทธ์ เห็นความสำคัญของคนไทยทุกคน และเห็นใจชาวนาที่ได้รับกรรมจากโครงการรับจำนำข้าว

นายเสกสกล ยังระบุว่า นายโทนี่ก็เคยเป็นนายกฯ มา 2 สมัยเช่นกัน แต่ตนเองยังไม่เคยเห็นผลงานว่าได้พัฒนาประเทศที่โดดเด่นหรือแก้ไขปัญหาใดให้กับพี่น้องประชาชน จนกลายเป็นที่ฮือฮาเลยแม้แต่โครงการเดียว แต่ที่โดดเด่น และโด่งดังกว่าผลงานที่ประเทศชาติ และประชาชนได้ประโยชน์กลับเป็นผลงานการโกงชาติ โกงแผ่นดิน ทุจริต เอื้อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง มากมายมหาศาล แม้แต่โครงการกองทุนหมู่บ้าน ที่ดูเหมือนจะเป็นโครงการที่ทำให้ชาวบ้านได้เข้าถึงแหล่งเงินทุน แต่ท้ายที่สุดก็พังไม่เป็นท่า เพราะกลายเป็นกู้กันเอง ช่วยกันเอง จนทำให้กองทุนเหล่านั้นสูญเปล่า 

“เสกสกล” โว ปชช.หนุน “นายกฯ”เปิดประเทศ ชี้ สร้างรายได้เข้าประเทศ พร้อมเหน็บ "ปลอดประสพ" แนะบิ๊กตู่แก้น้ำท่วม แล้วทำไม ตอนเป็นรมต.บริหารน้ำไม่ทำ ปล่อยท่วมใหญ่ปี54

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนสนับสนุนและมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่นายกรัฐมนตรี ประกาศเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัวสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดส เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวภายในประเทศ ให้ประชาชนค้าขายมีรายได้ มั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศรอวันที่จะเปิดประเทศเช่นกัน และมั่นใจว่าศบค.จะมีมาตรการรองรับการเปิดประเทศ ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นจำนวนมากอีก ซึ่งจากการจัดอันดับหลายแห่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็น 1 ในประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก  จึงขอให้ประชาชนไว้วางใจได้ว่ารัฐบาล ศบค. กระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินการด้วยความรัดกุมอย่างดีที่สุดและขอให้ประชาชนทุกคน ทุกภาคส่วนร่วมมือกับรัฐบาลในการรับนักท่องเที่ยวพร้อมกับและดูแลตัวเองตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลงให้ได้ 

นอกจากนี้นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก อวดผลงานเจรจากับคณะสมัชชาคนจนเปิดเขื่อนปากมูลพร้อมบอกความลับแก้ปัญหาน้ำท่วม ว่า การแก้ไขปัญหาน้ำของรัฐบาลนายกฯประยุทธ์ ไม่ได้แก้ไขปัญหาเฉพาะบางจังหวัด แต่ทำทั่วประเทศที่ประสบปัญหา วางโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม พัฒนาแหล่งน้ำ รัฐบาลได้เร่งดำเนินการโครงการแก้มลิงทั่วประเทศ ในพื้นที่ 65 จังหวัด  บริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง เพื่อใช้เป็นแก้มลิงขนาดใหญ่ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ชะลอน้ำหลาก และได้มีการจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี พ.ศ.2561 – 2580 เป็นครั้งแรกที่มีการดำเนินงานจากทุกหน่วยงาน โดยตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ผ่านมามีความก้าวหน้าโดยลำดับ ส่งผลให้สถิติความเสียหายภัยจากน้ำลดลงอย่างชัดเจน 

"เสกสกล" ตีแสกหน้า "ปู" สุมหัว "ปลอดกับโต้ง" ออกคลิปน้ำท่วม'54 แก้ตัวน้ำขุ่นๆ ฟอกตัวอย่างไม่เกรงใจประชาชน โยนบาปให้คนอื่น 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เผยแพร่คลิป “น(า)ทีวิปโยค : 10 ปีมหาอุทกภัย” ย้อนรอยเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยนายเสกสกล ได้ออกมาเปิดเผยว่า อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ และอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณคิดเพื่อไทยทำอีกหลายคน โดยเฉพาะนายปลอดประสพ สุรัสวดีและนายกิตติรัตน์  ณ ระนองอดีตรองนายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์พาดพิง กล่าวหาหน่วยงานรัฐ รวมไปถึงพยายามแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ฟอกตัวอย่างไม่เกรงใจประชาชนที่ทุกข์ระทมขมขื่น มีชีวิตเหมือนตกนรกทั้งเป็นหลายเดือนจากการบริหารจัดการน้ำไร้ประสิทธิภาพในยุคนั้น 
 
ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์น้ำท่วมปี 2554 ยาวข้ามปีไปถึง 2555  คนไทยจำได้ดี น้ำท่วมกินพื้นที่กว่า 36 ล้านไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 65 จังหวัด ไล่ตั้งแต่เชียงใหม่ลงมาถึง กทม. ประชาชนเดือดร้อนกว่า 12 ล้านคน คนตายอย่างน้อย 815 คน มีคนไทยกว่า 5 ล้านคน กลายเป็นผู้อพยพ  คนงานเกือบ 650,000 คน ตกงานหรือได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีนักวิชาการธนาคารโลกประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ 1.425 ล้านล้านบาท

แต่มาวันนี้นางสาวยิ่งลักษณ์กับพวกกลับหน้ามึนถึงขนาดออกมาโยนขี้ให้คนอื่นไปทั่ว ไม่เห็นความบกพร่องผิดพลาดของพวกตนเลย พยายามแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ด้วยวาทกรรมเดิมๆ ทั้งๆ ที่ความจริง รัฐบาลยิ่งลักษณ์แถลงนโยบายในวันที่ 23 สิงหา 2554 หากใส่ใจกับการแก้ปัญหาจริงๆ เหมือนการออกพาสปอร์ตและแก้ปัญหาให้พี่ชาย ทักษิณ ชินวัตร ที่หนีคดีอยู่ ย่อมจะสามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนทุเลาลงได้มากกว่านี้หลายเท่านัก 

สถานการณ์น้ำท่วมปี54 ส่งสัญญาณมาจากพายุไหหม่า และนกเต็น ตั้งแต่เดือน มิ.ย. และ กค. 2554 มีสถานการณ์น้ำท่วม ประชาชนเดือดร้อนจำนวนมาก แต่ยิ่งลักษณ์มัวแต่นวยนาด กว่าจะลงมือแก้ปัญหาจริงๆ จังๆ ก็กลางเดือนกันยา 54  กว่าจะตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยก็เดือนตุลา54 ใช้สนามบินดอนเมืองเป็นศูนย์ แล้วสุดท้ายขนาดดอนเมืองยังปล่อยให้ท่วม แล้วชีวิตชาวบ้านจะเหลืออะไร นั่นเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากของคนไทย ที่ต้องทนอยู่กับนายกฯโง่ๆ และรัฐบาลหุ่นเชิดที่คอยแต่รับคำสั่งจากคนแดนไกลอย่างแท้จริง

หลายฝ่ายถอดบทเรียนตรงกัน ว่าปัญหาใหญ่ส่วนหนึ่งในอุทกภัยปี 54 นอกจากน้ำท่วมเยอะสูงสุดในประวัติศาสตร์แล้วยังมีประสิทธิภาพต่ำของรัฐบาล ที่ทำงานมุ่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นหลัก แต่ขาดความรวดเร็วและคิดไม่รอบด้านขาดการวางแผนและเตรียมการป้องกันที่ดี  แย่งซีนกันทำงาน เอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา  การสื่อสารในยามวิกฤตล้มเหลวสิ้นเชิง อย่างการแถลงข่าวของ”ปลอดประสพ สุรัสวดี” ที่เป็นหัวหน้าทีมปฏิบัติการของศปภ.เมื่อ 13 ตุลาคม 2554 ผ่านการถ่ายทอดสดทางทีวี บอกว่าขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในปทุมธานีเริ่มวิกฤต จึงขอเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ปทุมธานีและใกล้เคียงอพยพมาอยู่ที่ดอนเมือง จนสร้างความปั่นป่วนไปทั่ว แล้วหลังจากนั้น น้ำก็ท่วมศูนย์ ศปภ.ถึงบันไดเครื่องบิน จนต้องย้ายหนี เป็นภาระของสังคมเสียอีก แม้แต่ของบริจาคประชาชน ยังมุบมิบ ติดป้ายเอาหน้าหาเสียง อมทั้งของหลวงของราษฎร ตัวนายกฯ ก็อ่านแถลงการณ์ผิดๆ ถูกๆ เป็นที่น่าเวทนาแก่ใจของคนไทยในขณะนั้น 

นายกิตติรัตน์เองก็ทำได้เพียงไปร้องไห้กับนักลงทุนต่างชาติ ผลสำรวจออกมา ชาวบ้านจดจำชัดเจนว่าใครช่วย ใครเป็นที่พึ่งในยามนั้นมากที่สุด คือ ทหาร –จิตอาสาหรืออาสาสมัครภาคประชาชนและสื่อมวลชน ยิ่งกว่านั้น การมาฟอกตัวเรื่อง พรก.น้ำ 3.5 แสนล้านบาท ก็เป็นการบิดเบือน เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น โครงการน้ำที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เร่งรัดผลักดัน ทำโครงการเป็นโมเดลต่างๆ เป็นการเอาโครงการประเภทร้อยพ่อพันแม่มามัดรวมกันเป็นกลุ่มๆ แล้วให้เอกชนเข้ามายื่นข้อเสนอ ยื่นราคารับเหมา โดยไม่มีราคากลางตามกฎหมายปกติ งดเว้นระเบียบราชการ แต่ตั้งกรอบงบเอาไว้ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท ต้องครหาส่อทุจริต 
ผลประมูลปรากฏว่า กลุ่มเค-วอเตอร์จากเกาหลีใต้คว้าชิ้นปลามันไปครอง

'เสกสกล' อัด 'ทักษิณ' เศรษฐีขี้โกง แนะจับตา อยากกลับมามีอำนาจ ลบคดีตัวเอง

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีนายทักษิณ ชินวัตร ออกรายการในคลับเฮ้าส์ โจมตีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กับรัฐบาล หาว่าแก้ปัญหาแบบกู้มาแจก เหมือนเอาปลามาให้ เอาแต่บอกให้ประชาชนพอเพียง ว่า ช่วงนี้พี่น้องคนอีสานอาจจะต้องทนกับนักการเมืองน้ำเน่าที่สลับหน้ากันลงไปพ่นคำหวานหาเสียง อาทิ นักเรียนนอกพระเอกลิเก - คุณหญิงตกกระป๋อง - มาจนถึงเศรษฐีขี้เหนียวและขี้โกง สังเกตดูคนพวกนี้จะคิดถึงคนอีสานก็ต่อเมื่อหวังผลประโยชน์จากคนอีสาน ต่างจากนายกฯประยุทธ์ ที่ปากไม่หวาน ไม่ได้เรียนจบนอก แต่ตีนติดดิน ลูกย่าโมโคราช คลุกฝุ่นทำงานจริง ลุยแก้วิกฤตร่วมกันกับพี่น้องคนไทยจากของจริง มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่ทั่วโลกมีวิกฤตที่ไม่เคยเจอมาก่อน 

“ทักษิณยังหลับหูหลับตาปั่นวาทกรรมดึกดำบรรพ์ หาว่ามีคนดูถูกคนอีสานว่าจนเพราะโง่และขี้เกียจ อยากบอกว่างึดหลาย สงสัยหนีคดีไปต่างแดนนาน จนไม่รู้ว่าบ้านเกิดเมืองนอนไปถึงไหนแล้ว มีเศรษฐีคนอีสานเกิดใหม่มากมาย มีคนอีสานประสบความสำเร็จในชีวิต ได้เป็นพระเอกหนัง นักร้อง นักแสดง นักวิทยาศาสตร์ หมอ นักธุรกิจเก่งๆ ที่เป็นคนอีสานมากมาย แล้วแผ่นดินอีสานยุคใหม่ ถ้าเอาทักษิณไปปล่อย ดีไม่ดีอาจจะหลงทางเด้อ เพราะถนนหนทางตัดใหม่มากหลาย ทางรถไฟ สนามบิน รถไฟความเร็วสูงสายแรกก็ไปทางอีสาน อีสานกำลังพัฒนาเร็วขึ้นทุกวัน พัฒนาทั้งแหล่งน้ำ ชลประทาน การทำมาหากิน มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีคนละครึ่ง แต่ยังมีนักการเมืองน้ำเน่าเสือหิวพยายามหาเสียงด้วยวาทกรรมปั่นความชิงชัง น้อยเนื้อต่ำใจ โคตรโบราณ”

นายเสกสกล กล่าวว่า ทักษิณตอนเป็นนายกฯหาเสียงด้วยการหลอกให้ชาวบ้านมาลงทะเบียนคนจน จากนั้นก็ไม่ได้อะไร  เทียบกับนายกฯประยุทธ์ให้ลงทะเบียนแล้วเติมเงินตรงเข้าบัตรสวัสดิการ ที่ชาวบ้านเรียกบัตรลุงตู่ 13 ล้านคนได้เงินทุกเดือน ไม่มีนายหน้ามากินหัวคิว รวมเป็นแสนล้านบาท  

นายเสกสกล กล่าวว่า คนอีสานเคยให้โอกาสทักษิณ ส่งน้องมาเป็นนายกฯ แต่สุดท้าย โกงจำนำข้าว เสี่ยเปี๋ยงมาหากินข้าวจีทูเจี๊ยะ รัฐมนตรีข้าราชการติดคุกระนาว ตัวเองช่วยน้องสาวหนีเอาตัวรอด ทิ้งหนี้โกงจำนำข้าวไว้หลายแสนล้าน รัฐบาลลุงตู่ต้องมาตามใช้หนี้ ปัจจุบันเหลือสองแสนกว่าล้านบาท ต้องเสียเงินปีละ 2-3 หมื่นล้านทยอยใช้หนี้ไปทุกปี ยังมีหน้ามาหาเสียง หวังหลอกรับประทานอีกหรือ

นายเสกสกล กล่าวว่า ทักษิณขี้โม้ อวดโง่ แขวะเศรษฐกิจพอเพียง เพราะคำว่าพอเพียงใช้ได้ทุกสถานการณ์ ทุกอาชีพ ไม่ว่าจะมีมากหรือน้อย รวยหรือจน คือการใช้ชีวิตอย่างพอประมาณสมเหตุสมผล แน่นอนว่าคนที่มันโกงอย่างไม่เคยพอ ย่อมไม่มีวันเข้าใจ ส่วนนายกฯประยุทธ์ ทำงานทั้งแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หาปลามาให้พี่น้องประชาชน และยังสนับสนุนเครื่องมือให้หาปลาเอง กำลังเดินหน้าพัฒนาประเทศไทย ทุกภูมิภาค และภาคอีสานก็เดินหน้ามาไกลแล้ว 

“แรมโบ้” ยุ ปชช. ต้าน “ม็อบ 3 นิ้ว” เคลื่อนไหว ชี้ทำลายบรรยากาศดี ช่วงเปิดประเทศ ซัด พวกหนักแผ่นดิน

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มราษฎร นำโดยรุ้ง น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เมื่อวันที่31 ต.ค.ที่แยกราชประสงค์ว่า ตนเชิญชวนประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่ม 3 นิ้ว ออกมาประณามการชุมนุม เนื่องจากทำให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อน ในขณะที่ประเทศไทยกำลังจะเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว รวมถึงจะทำให้ประชาชน พ่อค้า แม่ค้า ภาคธุรกิจ มีรายได้  แต่มีกลุ่มม็อบ 3 นิ้วออกมาชุมนุม ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินทางเข้ามายังประเทศไทยด้วย และทำให้ประชาชนเสียโอกาสทำมาหากิน 

นายเสกสกล กล่าวว่า การที่แกนนำออกมาเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษการเมืองและยกเลิกมาตรา 112 เป็นเรื่องที่ไม่สมควรเพราะหากมีการกระทำความผิดก็ต้องได้รับโทษ หากไม่ลงโทษถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หากกล้าที่จะทำความผิดต้องกล้าที่จะถูกลงโทษ ขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก็คงไม่ยอมให้มีการยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 

และการออกมาชุมนุมในขณะนี้ และจะเคลื่อนไหวมายังทำเนียบรัฐบาลเป็นการทำลายประเทศ ทำลายประชาชนที่กำลังจะได้รับโอกาสจากการเปิดประเทศ โดยไม่นึกถึงคนทั้งประเทศเอาแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก ขอเรียกร้องให้หยุดการเคลื่อนไหว และให้ผู้อยู่เบื้องหลังม็อบ 3 นิ้วที่คิดว่าจะได้ประโยชน์จากการสนับสนุนเป็นอีแอบอยู่เบื้องหลัง ควรหยุดพฤติกรรมนี้ และหันมาช่วยกันทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองรุ่งเรืองบ้าง

“แรมโบ้” อัด “เพื่อไทย” หนุนม็อบสามกีบคิดล้มล้างสถาบัน กล้าเสนอแก้ ม.112และ116 ก็ต้องชัดเจนแล้ว จะได้ป่าวประกาศบอกประชาชนคนไทยทั่วประเทศว่า อย่าไปเลือกพรรคหนักแผ่นดินที่คิดล้มล้างสถาบันฯ

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงพรรคเพื่อไทย ประกาศพร้อมนำข้อเสนอแก้กฎหมายมาตรา 112 และ 116 เข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา โดยระบุว่าการที่จะเสนอแก้กฎหมาย 2 มาตรานี้เข้าสภาฯ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพียงเพราะผลประโยชน์ และสำหรับปกป้องการกระทำความผิดของบางกลุ่มหรือพรรคการเมืองบางพรรคเท่านั้น การกระทำเช่นนี้จะทำให้คนไทยที่รักสถาบันหูตาสว่างขึ้นว่าพรรคเพื่อไทยที่แท้ก็คืออีแอบที่เกี่ยวข้องเรื่องการคิดจาบจ้วงก้าวล่วงของม็อบสามกีบและคณะราษฎรตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างนั้นใช่ไหม

ขณะเดียวกัน ม.112 และ116 ตนเองพูดมาตลอดว่าไม่เคยไปใช้รังแกใคร มีแต่คนกลุ่มนี้วิ่งเข้าใส่เพื่อท้าทาย ม.112 และ116 ทำผิดกฎหมายฝ่าฝืนตั้งใจเย้ยฟ้าท้ากฎหมายบ้านเมืองเองจึงต้องมีความจำเป็นต้องคงไว้ ถ้ายกเลิกกฎหมายมาตราดังกล่าว รับรองได้เลยว่า คนชั่วๆคนเลวๆ คนหนักแผ่นดินพวกนี้จะเหิมเกริมก้าวร้าวจนเป็นบ้านเมืองเกิดกลียุค ลุกเป็นไฟ กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างแน่นอน 

นายเสกสกลยังตั้งข้อสังเกตว่าการที่พรรคเพื่อไทยออกมาสนับสนุน เสนอแก้กฎหมาย ม.112 และ116 นั้น อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้อาจสนับสนุนกลุ่มเคลื่อนไหวม็อบ 3 นิ้วอยู่เบื้องหลัง แต่พอรู้ว่าจะเคลื่อนไหวไม่สำเร็จจึงออกมาเปิดเผยตัวและใช้ความเป็นนักการเมือง ใช้สภาฯ เป็นช่องทางในการแก้ไขกฎหมายแทน

นอกจากนี้ตั้งแต่ได้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายใหญ่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคด้วย พรรคเพื่อไทย จึงทำให้พรรคเพื่อไทยรีบเสนอแก้กฎหมาย เพื่อเป็นการเอาใจนายใหญ่ด้วยหรือไม่ หรือนายใหญ่สั่งมา ต้องกล้าเอาความจริงออกมาพูด

“แรมโบ้” เห็นด้วย สำนักวิจัยซูเปอร์โพลเรื่องไม่ต้องการให้นำสถาบันกษัตริย์และการแก้ ม. 112 มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง อัด “เพื่อไทย- ก้าวไกล"หากนำมาชูหาเสียงอย่าหวังชนะถล่มทลาย เพราะประชาชนไม่เอาด้วย

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกับผลสำรวจสำนักวิจัยซูเปอร์โพลเรื่อง ม.112 ที่พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 98.5  การมีอยู่ของสถาบันกษัตริย์เป็นส่วนสำคัญของความสัมพันธ์เชิงลึกของคนในชาติและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในเชิงประวัติศาสตร์  นอกจากนี้เกือบร้อยละ 99.1 ไม่ต้องการให้นำสถาบันกษัตริย์และการแก้ ม. 112 มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง หาคะแนนเสียงและแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว เพราะจะทำให้สร้างความแตกแยกขัดแย้งในชาติ

จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศรักและศรัทธา และมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และจะไม่ยอมให้ใครนำเรื่องสถาบันไปแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเองหรือทางการเมืองของพรรคการเมือง

นายเสกสกล ยังอยากให้ฝ่ายค้านได้รู้จักคิดและฟังเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศบ้าง ว่าประชาชนมีความต้องการอะไร และการที่พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ต้องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้นตนเองมั่นใจว่าคนไทยทั้งประเทศไม่ยอมอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันการที่พรรคเพื่อไทย- พรรคก้าวไกล จะชูเรื่อง 112 ในการหาคะแนนนิยมของพรรคนั้นก็เป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างมาก เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย หากมีการเลือกตั้งครั้งหน้ามั่นใจว่าคงไม่ชนะแบบถล่มทลายอย่างที่คุยไว้แน่นอน

"แรมโบ้" ซัด "ปิยบุตร" โพสต์เฟซบุ๊กเข้าข่ายข่มขู่ศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบคณะราษฎรหรือไม่ พร้อมแนะทำผิดต้องกล้ารับผิด หากรับกฎหมายไทยไม่ได้ ก็อย่าอยู่บนผืนแผ่นดินไทยเลยดีกว่า

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความในเฟซ บุ๊กให้จับตาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัยว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบคณะราษฎร จะปิดประตูปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ พร้อมยกวลี ปากกาอยู่ที่มัน-ประธานศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกา เขียนคำพิพากษาจนพาประเทศสหรัฐไปสู่สงครามกลางเมือง 

โดยนายเสกสกลระบุว่าการออกมาโพสต์ของนายปิยบุตรเช่นนี้ เข้าข่ายการข่มขู่การพิจารณาของศาล และยิ่งเป็นการยุยงให้เกิดความกระด้างกระเดื่องท้าทายอำนาจตุลาการ ที่คนไทยส่วนให้ยอมรับกติกาอยู่ภายใต้กฎหมาย

นายเสกสกลยังไม่แปลกที่นายปิยบุตร ร้อนรนรีบออกมาโพสต์เฟซบุ๊กเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมานายปิยบุตร ก็มักจะออกมาพูดเรื่องการปฏิรูปสถาบัน ก้าวล่วง จาบจ้วงสถาบันไม่หยุด และถูกมองอยู่เบื้องหลัง เป็นอีแอบการเคลื่อนไหวของกลุ่มคณะราษฎร ม็อบสามกีบ เพราะหวังว่าจะได้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของเยาวชนกลุ่มนี้ ในการคิดล้างสถาบัน ซึ่งไม่มีวันที่คนไทยส่วนใหญ่ที่จงรักภักดีจะยอมนายปิยะบุตรทำลายสถาบันอย่างเด็ดขาด พวกตนและประชาชนส่วนใหญ่จะปกป้องสถาบันด้วยชีวิต และนายกฯและรัฐบาลจะไม่ยินยอมให้แก้ไขม.112 และล้มล้างสถาบันอย่างแน่นอน

'เสกสกล' ซัด 'อดีตนายใหญ่' เป็นตัวพ่อ แบ่งแยกปชช.ภาคอีสาน สร้างความเหลื่อมล้ำ

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นประเด็น ม.112 ว่า นายทักษิณเจตนาบิดเบือน ตีกิน หวังหาเสียงจากประเด็นดังกล่าว พูดจากลับกลอก ไปมา  เพิ่งจะบอกว่าตัวกฎหมายมาตรา 112 ไม่เป็นปัญหา แต่พอถูกกองเชียร์โจมตีว่าสู้ไปกราบไปก็ออกมาบอกกฎหมายมีปัญหาตรงโทษจำคุกหนักไป ต้องรีบแก้ไข พฤติกรรมแบบนี้ ชัดเจนว่าเป็นคนไร้หลักการ เอาแต่หลักกู
 
นายเสกสกล กล่าวว่า ขอให้สำเหนียกว่า ถ้าคิดจะข่มขู่คุกคามใคร หวังจะได้กลับบ้านแบบไม่ต้องเข้าคุก ไม่ต้องรับโทษคดีโกงที่ตนเองกระทำไว้ ความมั่นคงของประเทศชาติและสถาบันหลักของชาติ ไม่ได้มีไว้ต่อรอง ไม่ได้มีไว้ให้คนเนรคุณแผ่นดินนำมาแบ่งแยก แบ่งข้างประชาชน นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลไม่สนับสนุนการแก้ไข มาตรา 112 โดยเด็ดขาด สถาบันไม่ควรถูกล่วงละเมิด ใครที่ไปก้าวล่วง ทำเพื่อผลประโยชน์ของใคร หยุดนำเรื่องนี้มาปั่นกระแสสร้างความขัดแย้งในสังคม ควรให้คนในชาติได้ร่วมกันเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจปากท้อง ไม่ใช่จ้องมาทำลายยุแหย่ให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติตลอดเวลา 

 

 

“แรมโบ้” ซัด “หมอชลน่าน” ไม่ควรนำเรื่องร่าง รธน.ฉบับประชาชนมาขู่เอาม็อบลงถนน หากไม่ผ่านจะเกิดวิกฤตการเมือง ผ่านหรือไม่ม็อบก็ออกมาเคลื่อนไหวอยู่ดี เพราะเพื่อไทยชอบสู้บนท้องถนนเหมือนปี 52และปี53

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญฉบับภาคประชาชน ลักษณะข่มขู่สภาฯ หากไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ วิกฤตการเมืองเกิดแน่ โดยระบุว่าหากร่างรัฐธรรมนูญเป็นร่างที่มีเนื้อหาสาระที่ดี หมอชลน่านก็ไม่ควรวิตกกังวลว่าจะผ่านหรือไม่  อีกทั้งสมาชิกรัฐสภาฯทราบดีว่าควรที่จะพิจารณาอย่างไร ดังนั้นหมอชลน่านก็ไม่ควรที่จะนำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปอภิปรายเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของม็อบกลุ่มต่างๆในลักษณะของการข่มขู่ว่าหากร่างไม่ผ่านจะเกิดวิกฤตทางการเมือง

นายเสกสกล ยังมองว่าไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนจะผ่านหรือไม่ กลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ หรือม็อบ 3 กีบ ก็ไม่เลิกการเคลื่อนไหวสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างแน่นอน นอกจากนี้หมอชลน่านยังไม่ควรยกตัวอย่างการชุมนุมวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ชุมนุมถูกยิง 3 คน ลักษณะเช่นนี้เหมือนกับรัฐธรรมนูญรับรองว่าทำได้ แต่หมอชลน่านควรดูข้อเท็จจริงว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีพฤติกรรมอย่างไร สร้างความเดือดร้อน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไร ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่เช่นเดียวกัน

และหากหมอชลน่านไม่อยากให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มผู้ชุมนุม ขอแค่บอกไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหว สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนก็เพียงพอแล้ว เพราะหากแก้รัฐธรรมนูญแล้วก็ไม่ช่วยให้ม็อบเลิกสร้างความเดือดร้อน

"พรรคเพื่อไทยเคยสนับสนับสนุนกลุ่มนปช.ลงถนนมา เลยเคยชินกับการลงถนนไม่คิดยึดมั่นในระบบรัฐสภา คำก็ลงถนน สองคำก็ลงถนน จึงทำให้รู้ว่าอีแอบที่ส่งคนลงถนนคือพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่

"อย่าบิดเบือนอำนาจสว. กล่าวหาแบบเป็นเท็จ เพราะหากคนที่พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกฯไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ไม่สามารถจะเสนอชื่อให้สว.พิจารณาได้อยู่แล้วมิใช่หรือ ไม่ว่าจะเป็นใครบรรดาสว.ก็คงจะฟังเสียงประชาชน ถ้าประชาชนเลือกพรรคไหนมาเป็นอันดับหนึ่งมาเป็นแกนนำเพื่อจัดตั้งรัฐบาล และพรรคนั้นๆเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ สว.ก็คงลงมติเลือกนายกฯจากพรรคนั้น สว.มิอาจ กล้าปฎิเสธความต้องการของประชาชนที่พรรคชนะอันดับหนึ่งได้รับฉันทานุมัติจากเสียงของประชาชนผ่านสนามเลือกตั้งมา 

 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top