Thursday, 25 April 2024
เพชรซาอุ

เปิดเอกสารลับสหรัฐฯ กรณี ‘บลูไดมอนด์’ แค่เรื่องลวงรายปีจากก๊วนล้มสถาบันฯ

เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการพบหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่ตอกย้ำข้อเท็จจริงว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไม่ได้เกี่ยวข้อง และมิได้ทรงครอบครอง ‘เพชรบลูไดมอนด์’ ของราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียตามที่กล่าวหากัน โดยเฟซบุ๊กเพจ ‘ฤๅ - Lue History’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า…

แทบทุกปีจะมีข่าวลือเดิมๆ กุขึ้นว่า เพชรที่สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงสวมใส่ คือ ‘เพชรสีน้ำเงิน’ หรือที่เรารู้จักในชื่อ ‘บลูไดมอนด์’ (Blue Diamond) ซึ่งเป็นสมบัติที่ถูกขโมยมาจากราชวงศ์ไฟซาลแห่งซาอุดีอาระเบีย กลายเป็นชนวนเหตุให้เกิดความบาดหมางขึ้นระหว่างซาอุดีอาระเบียและประเทศไทย

แต่รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้ว มันเป็นแค่วงจรข่าวลือที่ยังคงหมุนเปลี่ยนวนเวียนกลับมาอยู่เรื่อยๆ จากพวก ‘กลุ่มต่อต้านราชวงศ์’ ที่คอยล้างสมองคนรุ่นใหม่ให้หลงเชื่อ เพื่อหวังผลเดิมๆ คือ ‘ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์’

ทั้งนี้ ข่าวลือที่ว่า สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงครอบครองเพชรซาอุฯ (บลูไดมอนด์) ปัจจุบันได้รับการ ‘พิสูจน์’ แล้วว่าเป็นเรื่องโกหกแทบทั้งสิ้น เช่น การนำภาพของสมเด็จพระพันปีหลวง ที่ทรงสวมใส่เครื่องประดับอัญมณีสีน้ำเงินภาพหนึ่ง มาใส่คำบรรยายว่า คือ ‘เพชรบลูไดมอนด์’ ของราชวงศ์ซาอุฯ ที่หายไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 แต่ต่อมาเมื่อมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดแล้ว พบว่า...

>> เครื่องประดับอัญมณีนั้นไม่ใช่เพชร แต่เป็น ‘ไพลิน’ ซึ่งได้รับการตกทอดมาในราชสำนักตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5

>> ทั้งนี้ ภาพดังกล่าวได้ถ่ายไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2506 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนคดีเพชรซาอุฯ เกือบ 30 ปี

ดังนั้น ภาพดังกล่าว จึงเป็นการใส่ร้ายโจมตีสมเด็จพระพันปีหลวงด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ แถมยังถูกนำมาเผยแพร่ส่งต่อในโลกออนไลน์ทุกๆ ปี

แต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ได้ปรากฏเอกสารลับ (โทรเลข) จากสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เรื่อง ‘คำสาปแห่งเพชรบลูไดมอนด์’ (THE CURSE OF THE BLUE DIAMOND) ที่ระบุชัดว่า ‘กลุ่มต่อต้านราชวงศ์’ อยู่เบื้องหลังการปล่อยข่าวลือว่า สมเด็จพระพันปีหลวงทรงครอบครอง ‘เพชรบลูไดมอนด์’ ของราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย

‘หนุ่ม คงกะพัน’ ยืนยัน ‘เพชรบลูไดมอนด์’ ไม่มีอยู่จริง แค่กระแสข่าวที่ตีแผ่ จนทำให้เกิดการเข้าใจผิด

เมื่อไม่นานนี้ ‘พี่หนุ่ม คงกะพัน แสงสุริยะ’ นักแสดงและพิธีกรชาวไทย ได้ออกมาเล่าย้อนความคดีดังในหน้าประวัติศาสตร์ไทย ‘คดีเพชรซาอุฯ’ ผ่านรายการ ‘แฉ’ ตอน ความลับ 30 ปี ‘เพชรซาอุฯ บลูไดมอนด์’ โจรกรรมสะท้านโลก ออกอากาศเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 66 ดำเนินรายการโดย มดดำ คชาภา, ดีเจดาด้า และ น็อต วรฤทธิ์ 

โดยพี่หนุ่มได้เล่าว่า เรื่องราวทั้งหมดนั้น ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2532 หรือเมื่อ 34 ปีก่อน นายเกรียงไกร เตชะโม่ง (ปัจจุบันเปลี่ยนนามสกุลเป็น ‘เกรียงไกร มงคลสุภาพ’) อดีตคนงานไทย ตำแหน่งพนักงานทำความสะอาดประจำพระราชวังของ ‘เจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด อัล ซะอูด’ แห่งซาอุดีอาระเบีย ได้ทำการขโมยเพชรและเครื่องประดับ โดยเริ่มจากการฉกฉวยของมีค่าเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น ช้อนส้อมที่ทำจากทองคำขาว ซึ่งก็นับว่ามีมูลค่ามากแล้ว

หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ขโมยของชิ้นใหญ่มากขึ้น จนกลายเป็นการโจรกรรมเครื่องเพชรกว่า 4 กระสอบ น้ำหนักรวมกันกว่า 91 กิโลกรัม หอบหนีกลับประเทศไทย โดยสาเหตุของจุดเริ่มต้นเกิดจากการที่นายเกรียงไกรเสพติดการเล่นพนัน และต้องหาเงินมาจ่ายเจ้าหนี้ จนนำไปสู่การโจรกรรมเพชรล็อตใหญ่จากราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย

หลังโจรกรรมสำเร็จ นายเกรียงไกรได้กระจายเพชรที่ขโมยมาได้ผ่านพ่อค้าคนกลาง ไปยังร้านค้าเพชรและตลาดเพชรพลอยทั่วประเทศ โดยรายงานของตำรวจพบว่า ร้านของ ‘นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์’ พ่อค้าเพชรย่านบ้านหม้อ เป็นแหล่งใหญ่สุดในการรับซื้อเพชรจากเกรียงไกร และขายต่อไปยังพ่อค้ารายย่อย-กลุ่มบุคคลต่างๆ นายสันติจึงเป็นผู้กุมความลับเรื่องการกระจาย ‘เพชรซาอุฯ’

ต่อมา ได้มีการอุ้มหายภรรยาและลูกชายของนายสันติ จากการวิธีการเค้นสอบนอกรีตด้วยฝีมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนสนิทของ ‘พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ’ ผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจในเวลานั้น ที่ต้องการจะไล่ล่าหาเครื่องเพชรส่งคืนซาอุฯ เพื่อกู้หน้าและเรียกคืนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยและวงการตำรวจ

จนในที่สุด ‘พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์’ อดีตผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 นักสืบมือฉกาจ ผู้ได้รับฉายา ‘เชอร์ล็อก โฮล์มส์ เมืองไทย’ ได้ตามสืบจนสามารถนำส่งคืนราชวงศ์ซาอุฯ ได้จำนวนหนึ่ง

นอกจากนี้ พี่หนุ่มได้เล่าว่า ‘เพชรบลูไดมอนด์’ ในตำนานนั้น ‘ไม่มีอยู่จริง’ แต่เพชรที่ทางราชวงศ์ซาอุฯ ต้องการได้รับคืน คือ ‘สร้อยพลอยสีแดงเม็ดใหญ่’ ที่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ ซึ่งใช้ประกอบพิธีละหมาด รวมถึงสร้อยไข่มุก โดยข้อเท็จจริงนี้ ทางการของประเทศซาอุดีอาระเบียก็ได้มีการออกมายืนยันแล้วเช่นกัน ว่าไม่ได้มี ‘เพชรบลูไดมอนด์’ ปรากฏอยู่ในรายชื่อของมีค่าที่ถูกขโมยแต่อย่างใด เรื่องราวและตำนานอาถรรพ์ทั้งหมดนั้น ถูกนำเสนอโดยสื่อในขณะนั้น ที่ต้องการจะตีกระแสข่าวจนทำให้เกิดการเข้าใจผิด

อีกทั้ง พล.ต.ต.วีระศักดิ์ ยังได้เคยออกมาเปิดเผยว่า สิ่งที่ราชวงศ์ซาอุฯ ต้องการมากที่สุด คือ ‘อัลบั้มภาพถ่ายครอบครัวของราชวงศ์’ ซึ่งเป็นความทรงจำที่สามารถประเมินค่าได้ และหาสิ่งใดมาทดแทนไม่ได้ เนื่องจากในสมัยนั้น ยังไม่มีพัฒนาการในการเก็บไฟล์ภาพแบบดิจิทัล การจะเก็บรักษาภาพถ่าย คือต้องนำภาพถ่ายมาอัดล้าง และเก็บรักษาไว้ในอัลบั้มเท่านั้น

โดยอัลบั้มภาพถ่ายแห่งความทรงจำของราชวงศ์ซาอุฯ นั้น ได้ถูกนายเกรียงไกรขโมยติดมือมาพร้อมกับเครื่องเพชรด้วย และต่อมา นายเกรียงไกรหวาดระแวง กลัวจะถูกตามรอยสืบสวนสาวเบาะแสมาถึงตนได้ จึงทำการ ‘เผา’ อัลบั้มภาพถ่ายเป็นการทำลายหลักฐานจนสิ้นซาก

อย่างไรก็ตาม จากประเด็นการโจรกรรมสะท้านโลก สะเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและซาอุดีอาระเบีย จนเกิดเป็นรอยร้าวฉานยาวนานกว่า 30 ปี ก็ได้จบลง ภายใต้สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ค่อยๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยฝีมือการบริหารของรัฐบาลในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ ‘ลุงตู่’ ที่พยายามติดต่อ เจรจาในทุกมิติกับทางซาอุฯ อย่างต่อเนื่อง จนสามารถฟื้นสายใยสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้ง 2 ประเทศได้อีกครั้ง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top