Friday, 29 March 2024
เด็กนักเรียน

‘เพื่อไทย’ จี้ ศธ. สอบปมครูทำร้ายนร. จ.หนองคาย ชี้!! โรงเรียนควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียน

(15 พ.ย. 65) นายนพดล ปัทมะ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการเผยแพร่คลิปครูลงโทษนักเรียนด้วยความรุนแรงโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ จ.หนองคายเมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ถ้าเหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นจริง ฐานะของคนเป็นพ่อซึ่งมีลูกในวัยเรียนรู้สึกสลดใจเป็นอย่างมาก สถาบันการศึกษาควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับนักเรียน ครูต้องไม่ใช้ความรุนแรงภายในโรงเรียนอย่างเด็ดขาด ต้องดูแลนักเรียนให้เหมือนกับดูแลบุตรหลานของตัวเอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ของเด็ก อาจจะกลายเป็นความทรงจำอันเลวร้ายที่จะติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต เราต้องไม่ให้การกระทำของบางคนกระทบครูท่านอื่นที่เป็นครูดีรักลูกศิษย์ กระทรวงศึกษาธิการในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบจะต้องตื่นตัว เอาจริงเอาจังกับปัญหาความรุนแรงและการละเมิดสิทธิผู้เรียนในสถาบันการศึกษาเสียที  

นายนพดล กล่าวต่อว่า กระทรวงศึกษาธิการต้องเร่งดำเนินการสอบสวนรายละเอียดในคลิปดังกล่าว ให้เกิดความกระจ่างและเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ถ้าจริงควรหาทางเยียวยานักเรียน รัฐบาลที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ต้องกล้าประกาศว่าจะไม่มีการใช้ความรุนแรงในสถาบันการศึกษาทุกรูปแบบ ตนเคยเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการสร้างความชัดเจนในมาตรการการขนส่งนักเรียน จากกรณีลืมเด็กไว้ในรถตู้ ขณะนี้ความคืบหน้าเป็นอย่างไร ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องแจ้งความคืบหน้าในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพื่อมีมาตรการเชิงระบบป้องกันไม่ให้พ่อแม่คนใดสูญเสียอีก

แม่ร่ำไห้ พาลูกสาววัย 14 ร้องมูลนิธิปวีณาฯ ถูกเพื่อนชายร่วมห้อง ลวงไปรุมโทรม ป่าหลังโรงเรียน

(23 มกราคม 2566) อีกหนึ่งข่าวที่เรียกได้ว่าสะเทือนอารมย์สุด ๆ โดยเฉพาะเหล่าพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่มีลูกสาววัยมัธยม เมื่อแม่ชาวพิจิตร ได้จูงมือลูกสาววัย 14 ปี เข้าร้องขอความเป็นธรรม ณ ที่ทำการมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี

โดยเล่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา ลูกสาวได้ถูกกลุ่มเพื่อนนักเรียนชายร่วมห้องเรียน จำนวน 5 คน ล่อลวงไปรุมโทรมข่มขืน พร้อมถ่ายคลิป โดยมีรุ่นพี่ ม.3 เป็นคนชักชวน ตอนพักกลางวัน หลอกให้ไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ให้กลุ่มเพื่อนที่บริเวณป่าหลังโรงเรียน

จากนั้นได้มีการเผยแพร่คลิปในโซเชียล เมื่อแม่ได้เห็น จึงสอบถามเรื่องราวทั้งหมด และเข้าพบครูที่โรงเรียน พร้อมแจ้งความที่ สน.หนองโสน จังหวัดพิจิตร ซึ่งโรงเรียนได้เรียกผู้ปกครองเด็กชายที่ก่อเหตุทั้ง 5 คน มาเจรจา พร้อมแจ้งให้ทั้งหมด (เด็กที่ก่อเหตุและเหยื่อผู้ถูกกระทำ) ย้ายไปเรียนโรงเรียนอื่น ซึ่งแม่เห็นว่าไม่เป็นธรรม อีกทั้งคดีที่แจ้งความยังไม่มีความคืบหน้า จึงเดินทางมาร้องต่อมูลนิธิปวีณาฯ 

‘เกาเข่า’ การสอบวัดผลที่ชี้ชะตานักเรียน ม.ปลายจีนทั้งประเทศ เด็กนักเรียนเกือบ 13 ล้านคน พากันตบเท้าเข้าสนามสอบวันนี้

(7 มิ.ย. 66) เริ่มฤดูการสอบ ‘เกาเข่า’ (高考) หรือ การสอบวัดผลเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของจีนแล้วในวันนี้ ซึ่งเป็นการสอบใหญ่ระดับประเทศ เพื่อชี้ชะตาของเด็กมัธยมปลายของจีนที่จะต้องแข่งขัน เพื่อเข้าเรียนต่อในสถาบันการศึกษาชั้นนำในฝันได้หรือไม่

โดยในปีนี้ การสอบจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 มิถุนายน 2566 หรืออาจมีบางพื้นที่ห่างไกลที่ต้องใช้เวลานานกว่านั้นบ้าง ด้านกระทรวงศึกษาธิการจีนรายงานตัวเลขจำนวนนักเรียนที่เข้าสอบเกาเข่าในปีนี้สูงถึง 12.9 ล้านคน ซึ่งมากกว่าตัวเลขของปีที่แล้ว (2022) ถึง 9.8 แสนคน

บรรยากาศในวันสอบเป็นไปด้วยความคึกคักแต่เช้ามืด มีทั้งนักเรียน และผู้ปกครอง เดินทางมายังสนามสอบกันอย่างคับคั่ง แม้บุตรหลานของตนจะเดินเข้าห้องสอบไปแล้ว ก็ยังยืนรอส่งกำลังใจให้อยู่ด้านนอกอาคาร เพื่อส่งกำลังใจให้ ด้วยความหวังว่าการเตรียมตัวอย่างหนักมาตลอดทั้งปี จะสัมฤทธิ์ผลในการสอบที่ใช้เวลาไม่กี่วัน

โดยทั่วไปแล้ว การสอบเกาเข่า จะคล้ายกับการสอบ Entrance บ้านเราในสมัยก่อน ที่ตัดสินกันในสนามเดียวในการคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย โดยการสอบเกาเข่า จะประกอบด้วยวิชาบังคับ ได้แก่ ภาษาจีน คณิตศาสตร์ และ ภาษาต่างประเทศ (มักเป็นภาษาอังกฤษ) กับ วิชาเฉพาะทาง สำหรับนักเรียนสายวิทย์ ที่จะมีสอบวิชากลุ่มวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ส่วนนักเรียนสายศิลป์ จะแยกสอบวิชาประวัติศาสตร์ สังคมการเมือง ภูมิศาสตร์ และอื่นๆ

แต่ละสาย จะมีคะแนนรวมทั้งหมด 750 คะแนน ซึ่งหากนักเรียนที่คาดหวังที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของจีน หรือระดับสถาบันกลุ่ม C9 League ควรทำคะแนนให้ได้อย่างน้อย 600 คะแนนขึ้นไป ซึ่งถึงว่ายากมาก

จากข้อมูลจากการสอบในมณฑลกวางต่งปี 2022 ที่ผ่านมาพบว่า มีผู้เข้าสอบเพียง 3% เท่านั้นที่สามารถทำคะแนนได้เกิน 600 ในขณะที่กลุ่มสถาบันระดับท็อปของจีน เปิดรับนักเรียนใหม่ได้เพียงแค่ 50,000 ที่นั่งต่อปีเท่านั้น คิดเป็นเพียง 0.4% ของจำนวนผู้เข้าสอบทั้งหมด

และด้วยผลพวงของการล็อคดาวน์หลายเมืองในช่วงการระบาด Covid-19 ทำให้ตัวเลขผู้เข้าสอบเกาเข่าในปีนี้ เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่จีนประกาศยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์ และ เปิดประเทศ อันเนื่องจากข้อจำกัดในการเรียนออนไลน์ จึงมีนักเรียนจำนวนมากเรียนไม่ทัน ต้องรอข้ามปีเพื่อมาลงสนามสอบในปีนี้

ถึงแม้ว่าจะดูโหดร้ายสำหรับนักเรียนจีน ที่ต้องถูกกดดันอย่างหนักในการเรียนหนังสือ และกวดวิชา จนหลายคนยอมสละช่วงชีวิตวัยรุ่นในการคร่ำเคร่งเรียนหนังสือ โดยมีเป้าหมายเพื่อประสบความสำเร็จในการสอบเกาเข่า ที่อาจเป็นรากเหง้าประเพณีของระบบการศึกษาจีนที่มีมานานกว่า 2000 ปี แต่จีนก็เปิดกว้างสำหรับผู้ที่ต้องการสอบเกาเข่า สามารถเข้าสอบกี่ครั้งก็ได้ไม่จำกัดอายุ ตราบใดที่ยังมีไฟในการเรียนในมหาวิทยาลัย

อาทิ นาย เหลียง ฉี หนุ่มใหญ่วัย 55 ปีชาวเฉิงตู ที่มุ่งมั่นสอบเกาเข่า ติดต่อกันมาแล้วถึง 26 ครั้งเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเสฉวน หนึ่งในสถาบันชื่อดังของจีน ที่ต้องมีคะแนนรวมเกาเข่าสูงถึง 605 คะแนนในปีที่ผ่านมา โดยเขาตั้งเป้าว่าจะสอบให้ผ่านเพื่อให้ได้ตอบรับเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเสฉวนสักครั้งในชีวิต แม้ว่าวันนี้ตัวเขาจะเป็นเจ้าของกิจการขายวัสดุก่อสร้างไปแล้วก็ตาม จนชาวเน็ตจีนตั้งฉายาให้เขาเป็น ‘ราชาแห่งเกาเข่า’ ที่ไม่เคยยอมแพ้แม้จะล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน

จะเห็นได้ว่า ชาวจีนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการศึกษาของบุตรหลานเสมอ และอยากให้มีโอกาสได้เรียนต่อในสถาบันที่ดีที่สุด และระดับสูงที่สุดเท่าที่ความสามารถจะไปถึง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง และรัฐบาลจีนควรต้องเร่งแก้ปัญหาคือ อัตราการว่างงานในจีนกลับพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาจบใหม่

จากตัวเลขของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานว่า อัตราการว่างงานของนักศึกษาจบใหม่ในวัย 16 - 24 ปี ในเขตชานเมืองเพิ่มขึ้นถึง 20.4% จากจำนวนนักศึกษาจีนจบใหม่ต่อปี ราวๆ 11 ล้านคนต่อปี ทำให้นักศึกษาเป็นจำนวนมากต้องลงมาหางานทำในตำแหน่งที่ต่ำกว่าวุฒิการศึกษาของตน ที่นำไปสู่ปัญหาวุฒิการศึกษาเฟ้อ หรืออาการหมดไฟในชีวิตของหนุ่มสาววัยทำงานของจีนในอนาคต

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์
 

โซเชียลแชร์ภาพเด็กนักเรียนตัวน้อยในชุดลูกเสือ พร้อมบอก “เห็นเด็กใส่แล้วนึกถึงพี่คิงเลย”

วันที่ (13 มิ.ย. 66) ได้มีการแชร์ภาพของเด็กชายวสุพล วงศ์จีนา โรงเรียนพุทธ​ศาสน์​โกศล วัดวังยาว อำเภอกุยบุรี​ จังหวัดประจวบคีรี​ขันธ์ ​ในชุดเครื่องแบบลูกเสือ พร้อมกล่าวว่า “เห็นเด็กใส่แล้วนึกถึงพี่คิงเลย” เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้เกิดกรณีการถกเถียงกันสนั่นโซเชียล หลัง ‘คิง ก่อนบ่าย’ ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘ณภัทร คิงก่อนบ่าย ชุ่มจิตตรี’ แสดงความไม่เห็นด้วยกับกระแสการยกเลิกชุดลูกเสือ เพราะลูกเสือตรีบุญยิ่ง มีพระคุณต่อบ้านเกิดของตน พร้อมฝากคนรุ่นใหม่ให้ลองคิดทบทวนดูให้ดี ก่อนจะเปลี่ยนแปลงอะไร โดยระบุว่า…

“ครอบครัวผมไม่สามารถสนับสนุนให้มีการยกเลิกชุดลูกเสือได้จริง ๆ เพราะลูกเสือตรีบุญยิ่ง มีพระคุณต่อบ้านเกิดของผม

ผมเชื่อว่าคนอำเภอเมืองประจวบยังจำลูกเสือตรีบุญยิ่งได้ว่าเขาคือใคร และสร้างคุณประโยชน์​ให้กับอำเภอเมืองประจวบไว้อย่างไรหากใครยังไม่รู้​ ก็ลองไปศึกษา​ดู แล้วเราจะรู้คำตอบเอง และหากเข้ามาในเมืองประจวบคุณก็จะได้คำตอบเองว่าชื่อถนนแต่ละเส้น มีที่มาที่ไปอย่างไร พิทักษ์​ชาติ สละชีพ สู้ศึก

อย่างน้อยคนรุ่นใหม่​ก็ควรศึกษาไว้บ้าง เราจะได้มีเรื่องเล่าให้เพื่อนๆ หรือคนรุ่นหลังได้ฟัง สิ่งเหล่านี้เรารู้เอาไว้ ก็ไม่ได้ทำให้เราเสียหายอะไร ดีกว่าเวลามีใครถามแล้วเราตอบอะไรไม่ได้เลย โพสต์​นี้เพื่อขอบคุณ​และเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวของลูกเสือตรีบุญยิ่ง ศิริเสถียรครับ #ลูกเสือ #ประจวบวิทยาลัย #วีรกรรม”

จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ต ที่ต่างพากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นในหลากหลายแง่มุม ถึงประเด็นการยกเลิกชุดลูกเสือ มุมหนึ่งก็มองว่าเป็นการลดภาระของพ่อแม่ผู้ปกครองในเรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องแบบชุดลูกเสือ ส่วนอีกแง่มุมหนึ่งก็มองว่าจะเป็นการด้อยค่าความสำคัญของชุดลูกเสือ ที่มีมาอย่างยาวนานของประเทศไทย และยังมองว่า การแต่งกายตามระเบียบการเรียนการสอนนั้น มีความจำเป็นอย่างมากในการฝึกให้เด็กมีระเบียบวินัย เพื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต
 

‘เนเธอร์แลนด์’ เตรียมออกกฏห้ามใช้เครื่องมือสื่อสารในชั้นเรียน ป้องกันเทคโนโลยีทำเด็กสมาธิสั้น-ประสิทธิภาพการเรียนรู้ลดลง

เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 66 เอเอฟพีรายงาน ว่า รัฐบาลเนเธอร์แลนด์เตรียมออกกฏห้ามการใช้โทรศัพท์มือถือในชั้นเรียน โดยหมายรวมถึงแท็บเล็ตและสมาร์ทวอทช์ด้วยเช่นกัน

รัฐบาลเปิดเผยรายงานว่า เครื่องมือสื่อสารเหล่านั้นรบกวนการเรียนรู้ของนักเรียน

“มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นว่าโทรศัพท์มือถือมีผลเสียในระหว่างชั้นเรียน และทำให้นักเรียนมีสมาธิน้อยลง ไปจนถึงประสิทธิภาพการทำงานลดลง” รายงานระบุ

“ด้วยเหตุผลนี้ โทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต และสมาร์ทวอทช์ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในชั้นเรียนอีกต่อไป เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567” รัฐบาลกล่าว

ปัจจุบัน รัฐบาลกำลังเร่งทำความเข้าใจกับโรงเรียน และให้เจ้าหน้าที่โรงเรียนแต่ละแห่งตกลงสร้างกฎภายในร่วมกับครูผู้สอน, ผู้ปกครอง และนักเรียน ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนตุลาคมนี้

ถึงแม้รัฐบาลจะไม่ได้ออกคำสั่งห้ามอย่างเป็นทางการ แต่ขอสงวนสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้นหลังจากวัดผลสัมฤทธิ์ในปีหน้า

รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเนเธอร์แลนด์กล่าวต่อที่ประชุมรัฐสภาว่า เขาหวังให้การเคลื่อนไหวดังกล่าวนำไปสู่ ‘การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม’ ที่จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการเรียนรู้ของนักเรียนซึ่งจะกลายเป็นอนาคตของชาติในวันข้างหน้า

ชาวเน็ตร่วมติด #โรงเรียนขโมยอะไรไปจากคุณ แชร์ประสบการณ์สุดขมขื่นช่วงวัยเยาว์ในรั้วโรงเรียน

(6 ก.ค. 66) หลังเกิดข่าวคุณครูทักไลน์นักเรียนและสั่งการบ้านในเวลา 3 ทุ่มกว่า ตามที่เพจ ‘หมอแล็บแพนด้า’ ได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า “ครูสั่งการบ้านตอน 21.24 น. เด็กกำลังจะนอน ต้องดีดตัวขึ้นมาทำ โอยยย แสดงว่าต้องคอยเช็กไลน์ตลอด ให้เด็กพักบ้างครับครู”

ทั้งนี้ในภาพที่โพสต์นั้นเป็นภาพข้อความที่ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น สั่งการบ้านนักเรียน ม.2 ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ในเวลา 3 ทุ่มกว่า ซึ่งถือว่าเป็นเวลาพักผ่อนของนักเรียน อีกทั้งทราบมาว่า ครูรายดังกล่าวไม่ได้กระทำแบบนี้เป็นครั้งแรกอีกด้วย

ต่อมากระแสในโซเชียลเริ่มร้อนแรง มีการขึ้นแท็ก #โรงเรียนขโมยอะไรไปจากคุณ โดยมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นในแฮชแท็กนี้มากกว่า 5 หมื่นครั้ง โดยส่วนใหญ่ได้เล่าเรื่องราว ประสบการณ์ที่ได้พบเจอในช่วงวัยเรียน 

ผู้ใช้งานทวิตเตอร์รายหนึ่งระบุว่า “โรงเรียนไทยขโมยความมั่นใจของนักเรียนไปหมด เคยถูกถามว่าทำไมโง่ขนาดนี้แค่เพราะไม่ชอบเรียนเลข ทั้ง ๆ ที่วิชาอื่นก็ทำได้ดีมาก หลังจากนั้นก็สะกดจิตตัวเองมาตลอดว่าโง่เลข โคตรฝังใจเป็นใครมีสิทธิมาชี้หน้าด่าคนอื่นว่าโง่ #โรงเรียนขโมยอะไรไปจากคุณ”

ส่วนผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกรายได้แชร์ประสบการณ์ว่า “โรงเรียนสอนให้เรานอนครบ 8 ชม. แต่โรงเรียนให้การบ้านมาไม่หยุด ครูไม่มีคะแนนจะเก็บก็มาสั่งงานเพิ่ม สอนเลทปล่อยช้า ละวันนึงเรียนกี่วิชา ไหนจะต้องเรียนพิเศษเพราะโรงเรียนสอนไม่รู้เรื่อง ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบเพื่ออนาคตที่ดีอีก
#โรงเรียนขโมยอะไรไปจากคุณ : ขโมยเวลานอน”

นอกจากนี้ยังมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในแฮชแท้กเพิ่มอีกว่า “ในความคิดส่วนตัวตอนเรียนเหมือนถูกขโมยเวลาในการเรียนรู้ชีวิตภายนอกว่าเป็นยังไงไป เพราะได้แค่เรียนรู้จากในห้องสี่เหลี่ยมเท่านั้น ตอนเด็กคิดเสมอว่าจบออกมาจะมีงานทำมีชีวิตที่ดี แต่ความเป็นจริงแล้วโลกภายนอกคือการเอาตัวรอดและควรใช้ชีวิตอย่างมีสติตลอดเวลาเสมอ #โรงเรียนขโมยอะไรไปจากคุณ”

เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีผู้ใช้ทวิตเตอร์แชร์ประสบการณ์ฝังใจเกี่ยวกับโรงเรียน โดยระบุว่า “จำฝังใจ วิชาแนะแนว เราบอกอยากเรียนต่อวิศวะคอม ครูพูดว่า เธอเป็นผญ. จะเรียนได้ไง โปรแกรมเมอร์มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น คือแบบ.. เอิ่ม…ครูคะ โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลกเป็นผญ.ค่า! แล้วเราก็เรียนจบ เป็นโปรแกรมเมอร์ได้สบาย ๆ ด้วย เงินเดือนเยอะกว่าครู 4 เท่าอ่ะ จบนะ อ้อลืมบอก ครูเป็นผู้หญิง แล้วสิ่งที่ขโมยไปก็คือความมั่นใจนี่แหละ แต่ก็ดีที่มีสติ ไม่ฟังสิ่งที่เขาพูด”

เด็กน้อยชั้น ป.2 เก็บเงินวันละ 60 บาท เพื่อมากินชาบู เจ้าของร้านใจดีลดราคาให้ ชาวเน็ตแห่ชม-ชวนกันอุดหนุน

เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 66 โลกออนไลน์ในจังหวัดภูเก็ต ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอน่ารักๆ โดยในคลิปเป็นเด็กนักเรียน 2 คน มานั่งรับประทานชาบูที่ร้านชาบูแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งผู้โพสต์คือ ‘Thippanat Thongrod’ ผ่านโซเชียล TikTok โดยระบุว่า…

“วันนี้ไปกินชาบูกับแฟน ไปโต๊ะแรก สักพักมีน้อง 2 คนเดินเข้ามา น้องบอกว่ามากินชาบู พี่ๆ ในร้านเห็นน้อง 2 คนตัวเล็กมาก เลยถามมีเงินคนละเท่าไร น้องบอกมีคนละ 400 บาท พี่ๆ น่าจะโทรหาเจ้าของร้าน ที่น่ารักคือ เจ้าของร้านคิดน้องแค่คนละ 200 บาท จากคนละ 289 บาท ถ้าฟังไม่ผิด แถมยังรีฟิลน้ำอัดลมอีก ซึ่งปกติราคา 289 บาท ได้แค่น้ำชามะลิ น้ำหวานแถม พี่ๆ ในร้านคือ บริการน้องดีมาก ใส่ใจดูแล คอยถามตลอด พี่ๆ ถามว่า น้องๆ เรียนอยู่ชั้นไหนแล้ว น้องบอก ป.2 เก็บเงินวันละ 60 บาท ไว้มากินชาบู #ความน่ารักของเด็กๆ #ความน่ารักของพี่ๆ #shabushabubyphuketboi น้องในคลิปและพี่ๆ พนักงานนะคะ”

จากนั้นได้มีการแชร์คลิปดังกล่าวกันไปเป็นจำนวนมาก พร้อมกับแสดงความคิดเห็น เช่น

“ร้านชาบูนี้อยู่ที่ไหน จะไปกิน”
“เจ้าของใจดีมาก”
“ร้านนี้ดีค่ะ แถมพนักงานน่ารักมากกกกก บริการดียิ้มแย้มแจ่มใส”
“ร้านนี้เถ้าแก่ใจดีอยู่แล้วครับ เพราะว่าผมไปกินบ่อย”
“เด็กๆ รู้จักอดออม เจ้าของร้านก็มีน้ำใจ น่าชื่นชมทั้งคู่เลยค่ะ”

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปยังร้านชาบูดังกล่าว ชื่อร้าน ‘ชาบูชาบู’ ตั้งอยู่ตรงข้ามคริสต์จักร ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นบุฟเฟ่ชาบู โดยเจ้าของร้านชื่อ ‘คุณนิ่ม’ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตอนนั้นกำลังไปซื้อของเข้าร้านเพิ่มเติม จากนั้น น้องๆ ที่ร้านได้โทรมาแจ้งว่า มีน้องๆนักเรียนมาทานชาบู แต่มีเงินคนละ 200 บาท โดยทั้งสองคนเก็บเงินกันวันละ 60 บาท เพื่อมาทาน ตนเองจึงลดราคาให้จาก 289 เหลือคนละ 200 บาท แถมน้ำฟรีตลอด จนกระทั่งมาเห็นคลิปที่มีลูกค้าถ่ายไว้ รู้สึกปลื้มใจที่น้องๆ อุตส่าห์เก็บออมเงินกันมาทานชาบู

‘McDonald’s’ สาขาหนึ่งในญี่ปุ่น ประกาศห้ามเด็กทั้งโรงเรียนเข้าร้าน เหตุมี นร.บางกลุ่มเข้ามาก่อกวนลูกค้าในร้าน แถมคุณครูยังเพิกเฉย!!

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีร้าน ‘McDonald’s’ สาขาหนึ่งในจังหวัดคะนะงะวะของประเทศญี่ปุ่น กลายเป็นไวรัล เพราะมีผู้ไปพบเห็นว่าร้านขึ้นป้ายประกาศแบนนักเรียนทั้งหมดจากโรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่ง เนื่องจากเด็กโรงเรียนนี้มาทำ ‘พฤติกรรมก่อกวน’ อยู่บ่อยครั้ง ทำให้รบกวนลูกค้าคนอื่น ๆ และอาจเป็นอันตรายต่อพนักงาน จนทางร้านรับไม่ได้!! เห็นแล้วก็ทำให้อดสงสัยไม่ได้เลยว่าทางร้านเจออะไรเข้าไปถึงถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้!!

ว่ากันว่าทางร้านนั้นประกาศไม่ต้อนรับเด็กโรงเรียนดังกล่าวมาเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว แต่เพิ่งมาเป็นข่าวจนกลายเป็นไวรัล หลังมีผู้นำประกาศดังกล่าวมาโพสต์แชร์บนโลกออนไลน์ ทำให้บางคนจะมองว่าไม่ควรจะแบนนักเรียนแบบเหมาเข่งแบบนี้ และควรแบนเฉพาะนักเรียนที่ก่อกวนร้าน

แต่หลายคนดูเหมือนจะเห็นใจทางร้านมากกว่า เพราะมองว่าร้าน McDonald’s คงจะจับตามองนักเรียนเป็นรายคนไม่ไหว และเนื่องจากเครื่องแบบแต่ละโรงเรียนนั้นมีเอกลักษณ์ จึงเห็นได้ว่าเด็กโรงเรียนไหนทำพฤติกรรมซ้ำ ๆ กันอยู่บ่อยครั้ง จึงง่ายกว่าที่จะแบนโรงเรียนนั้น ๆ ไปเสียเลย และชื่นชมที่ทางร้านปกป้องสวัสดิภาพของพนักงานและสิทธิ์ของลูกค้าคนอื่น ๆ

ขณะเดียวกัน ความเห็นส่วนหนึ่งก็วิพากษ์วิจารณ์รองครูใหญ่ของโรงเรียนดังกล่าว เพราะดูเหมือนจะเพิกเฉยไม่สนใจคำร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักเรียนที่ร้าน McDonald’s แห่งนี้ ให้ร้านไปแจ้งตำรวจแทน และปฏิเสธไม่แสดงความเห็นใด ๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เนื่องจากคณะกรรมการการศึกษาสั่งมา แต่บอกแค่ว่านักเรียนของโรงเรียนได้รับการว่ากล่าวตักเตือนแล้ว

ทั้งนี้ ชาวเน็ตบางคนบอกว่ารู้จักเด็กนักเรียนโรงเรียนนี้ และอ้างว่าบางคนมาสั่งอาหารที่ร้านแล้วนั่งแช่ยาว ๆ บางคนก็ไม่ซื้ออะไรเลยเพราะเอาข้าวกล่องจากที่อื่นมากินเอง แล้วใช้ Wi-Fi ฟรีของร้านเพื่อเรียนออนไลน์ด้วยแทบเล็ตของโรงเรียน บางทีก็คุยโหวกเหวกเสียงดังและเล่นเกม เหมือนยึดร้านเป็นของตัวเอง ทำให้รบกวนลูกค้าคนอื่น ๆ อย่างมาก และมีรายงานด้วยว่าเคยมีเหตุถึงขั้นต้องเรียกตำรวจและคุณครูมาห้ามนักเรียนเกเรเหล่านี้

ก็อาจจะไม่แฟร์เสียทีเดียวสำหรับนักเรียนโรงเรียนนี้คนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ก่อกวนทางร้าน แต่หากทางร้านเจอกับพฤติกรรมแบบนี้บ่อย ๆ และขอความร่วมมือจากทางโรงเรียนไม่ได้ผล ก็คงต้องเข้มงวดมากขึ้นเพื่อไม่ให้คนส่วนมากได้รับผลกระทบ

‘วราวุธ’ เศร้า!! เด็ก ม.2 ก่อเหตุสลดแทงเพื่อนดับ ยัน!! ขอฟังชัด ผู้ก่อเหตุเป็น ’เด็กพิเศษ’ หรือไม่

(29 ม.ค.67) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเด็กนักเรียน ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ย่านพัฒนาการ 26 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง ทำให้มีเด็กเสียชีวิต 1 ราย ว่า เบื้องต้นได้ทราบว่ามีเหตุเกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง เป็นเด็กชั้น ม.2 แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นเด็กพิเศษ หรือไม่ ข้อมูลเบื้องต้นทราบเพียงว่า เด็ก ม.2 ต่างห้องเรียนกัน แทงกัน ซึ่งขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของเด็กที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะส่งสหวิชาชีพเข้าประสานงานกับทางโรงเรียน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานในพื้นที่ต่อไป

“ผมขอฝากพี่น้องประชาชนที่บริโภคข่าว ในขณะนี้อย่าเพิ่งเร่งตัดสินว่าเด็กที่ก่อเหตุเป็นเด็กพิเศษ ขอให้ฟังข้อเท็จจริงจากหน่วยงานราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสียก่อน เพราะขณะนี้เรายังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าอะไรเป็นอะไร แต่อย่างไรก็ตามผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนักเรียนที่ได้รับผลกระทบเหตุการณ์ครั้งนี้” นายวราวุธ กล่าว

‘จีน’ สั่ง รร.ประถม-มัธยม จัดช่วงพัก 30 นาที/วัน เพื่อให้นักเรียนได้ ‘ขยับร่างกาย - พักผ่อนสายตา’

เมื่อวานนี้ (12 มี.ค. 67) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า กระทรวงศึกษาธิการของจีนและหน่วยงานอื่นอีก 3 หน่วยงาน ออกหนังสือเวียนว่าด้วยการป้องกันและควบคุมภาวะสายตาสั้น ซึ่งเรียกร้องให้โรงเรียนประถมและมัธยมของจีนรับรองว่านักเรียนได้ออกทำกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายนอกห้องเรียนอย่างเหมาะสมระหว่างชั้นเรียน

หนังสือเวียนดังกล่าวประกาศเปิดตัวโครงการรณรงค์ทั่วประเทศระยะ 1 เดือนเพื่อป้องกันและควบคุมภาวะสายตาสั้นในเดือนมีนาคม โดยระบุว่าโรงเรียนควรจัดให้มีช่วงพักสำหรับทำกิจกรรมกีฬาเป็นเวลา 30 นาทีทุกวัน เพื่อให้นักเรียนได้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าทางสายตาได้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ หนังสือเวียนยังเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลตลาดทั่วจีน ตรวจสอบและจัดการกิจกรรมทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์ที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดของผลิตภัณฑ์ป้องกันและควบคุมภาวะสายตาสั้นสำหรับเด็กและวัยรุ่นอย่างเคร่งครัดตามกฎหมาย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top