Saturday, 20 April 2024
สิงคโปร์

ทูตสิงคโปร์เข้าพบ "กรณ์" หารือการพัฒนาระบบราชการด้วยเทคโนโลยี พร้อมชิมข้าวมันไก่สูตรไทย 

กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ให้การต้อนรับทูตสิงคโปร์ นายเควิน ฉ็อก ที่เดินทางมาเยี่ยมที่พรรคกล้า ถนนรัชดา เพื่อแลกเปลี่ยนหารือเรื่องการพัฒนาระบบราชการด้วยเทคโนโลยี (Govtech) 

โดยหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวภายหลังการหารือว่า เราได้ความรู้มากมาย โดยเฉพาะจากการทดลองใช้ Digital IC หรือบัตรประจำตัวดิจิตอล ซึ่งเพิ่งมีการเริ่มใช้ที่สิงคโปร์เมื่อต้นเดือนนี้ พรรคกล้ามองว่าการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในระบบราชการเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุดเรื่องหนึ่งในการพัฒนาประเทศไทยเรา

ผู้สื่อข่าวรายงาน การเข้าพบในครั้งนี้ ทางพรรคกล้าโดยเชฟเอ ได้ทำข้าวมันไก่พร้อมน้ำจิ้มแบบไทยให้ท่านทูตได้ลองชิม ซึ่งเป็นการดัดแปลงสูตรไหหลำของสิงคโปร์ตามรสนิยมแต้จิ๋วของคนจีนส่วนใหญ่ในไทย  และภรรยา ของคุณกรณ์ ก็ได้ทำน้ำจิ้มสูตรของที่บ้านมาสมทบด้วย ซึ่งคุณกรณ์ได้ย้อนความให้ฟังว่า เวลาใครไปสิงคโปร์ ก็จะต้องทานข้าวมันไก่ที่นั่น ไม่ว่าจะเป็น Boon Tong Kee และสมัยตนเด็กๆ พ่อแม่จะพาไปทานที่คาเฟ่ในโรงแรมแมนดาริน

สิงคโปร์เอาจริง ‘จับ-ปรับ’ ดาวรุ่ง OnlyFans ไม่สน!! แม้สังคมตะวันตกมองเป็นเรื่องปกติ

ดาราหนุ่ม OnlyFans ชาวสิงคโปร์งานเข้า เมื่อทางการสิงคโปร์ออกหมายจับข้อหาส่งรูปโป๊ อนาจาร ขายให้กับกลุ่มแฟนคลับผ่านบัญชี OnlyFans ของเขา ที่เข้าข่ายผิดกฎหมายสื่อลามกอนาจารของสิงคโปร์ และมีสิทธิ์ได้รับโทษทั้งจำ ทั้งปรับ

ติตัส โลว์ ดาราหนุ่มนักสร้างคอนเทนต์ผู้ใหญ่วัย 22 ผ่านสื่อโซเชียลชื่อดัง OnlyFans ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในสิงคโปร์ มีผู้ติดตามผลงานภาพถ่ายส่วนตัวของเขาบนเพจหลายพันคน ถูกจับกุมและตั้งข้อหาโดยทางการสิงคโปร์ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2021 จากการกระทำผิดดังกล่าว

เนื่องจากตามหลักกฎหมายของประเทศสิงคโปร์นั้น การส่งภาพที่เข้าข่ายลามกอนาจารผ่านสื่อโซเชียล ไม่ว่าจะเพื่อแสวงหาผลกำไรหรือไม่ก็ตาม ยังถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ทั้งผู้ส่ง และผู้รับ ซึ่งแม้จะอนุญาต หรือยินยอมพร้อมใจ ก็ยังถือว่าผิด

จากคดีนี้ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสิงคโปร์ว่าการสร้างคอนเทนต์แนวผู้ใหญ่อย่างเปิดเผย สมควรถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ผิด กฎหมายหรือไม่ เพราะ ติตัส โลว์ เอง ก็เป็นดาว OnlyFans คนแรกของสิงคโปร์ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีด้วยข้อหาดังกล่าว ซึ่งหากศาลตัดสินว่าทำผิดจริง ตัวเขาก็อาจต้องรับโทษจำคุกนานถึง 6 เดือน และปรับเงินอีก 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ อันจะส่งผลถึงเส้นทางของผู้สร้างคอนเทนต์ใน OnlyFans รายอื่นๆ ในสิงคโปร์อีกกว่า 100 คนที่มีโอกาสสูงที่จะถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน

สำหรับคดีของ นายติตัส โลว์ นั้น ทางตำรวจสิงคโปร์รายงานว่า ได้เริ่มมีการตักเตือนมาก่อนหน้านี้ หลังเข้าตรวจค้นบ้านพักของเขาตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม (ปี 64) และมีการยึดบัญชี OnlyFans รวมทั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไอโฟน และไอแพดของเขา และยังแจ้งเตือนให้เขายุติกิจกรรมใน OnlyFans 

แต่ต่อมานาย โลว์ ได้ติดตามขอบัญชีผู้ใช้คืนจาก OnlyFans และยังเปิดบัญชีสำรองเพื่อโพสต์ภาพนู้ดส่วนตัวผ่านหน้าเพจอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง โดยนาย โลว์ ได้อ้างว่าตัวเขามีรายได้เลี้ยงชีพจากการขายคอนเทนต์บน OnlyFans เท่านั้น ซึ่งการปิดบัญชีผู้ใช้ ทำให้เขาขาดรายได้

นั่นจึงเป็นเหตุให้ทางตำรวจสิงคโปร์ตัดสินใจจับกุมตัวเขาในเดือนธันวาคม ด้วยความผิด 2 กระทง คือ การส่งภาพลามกอนาจารผ่านบัญชี OnlyFans ทั้ง 2 บัญชี และขัดคำสั่งเจ้าพนักงานที่ให้ยุติการเคลื่อนไหวในบัญชีผู้ใช้ของเขา 

ต่อมา นายติตัส โลว์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC ว่า ถูกตำรวจสิงคโปร์ข่มขู่ว่าจะดำเนินคดี และยังจับเขาใส่กุญแจมือ และขังคุก ทำให้เขากลัวมาก และไม่เข้าใจว่าตัวเขาทำความผิดร้ายแรงถึงขนาดนั้นเชียวหรือ

“ผบ.ทบ.” ต้อนรับ ผบ.ทบ.สิงคโปร์ เดินทางเยือนประเทศไทย สานความร่วมมือพัฒนาภูมิภาค

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้การต้อนรับ พล.ต.โก๊ะ ซือ โฮว (Goh Si Hou)  ผู้บัญชาการทหารบกสิงคโปร์ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในโอกาสนี้ หลังการตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ผู้บัญชาการทหารบกสิงคโปร์ได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ ภายในกองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ ยุทโธปกรณ์ วิวัฒนาการด้านต่างๆ ของกองทัพบกไทย  จากนั้นได้แลกเปลี่ยนแนวคิดการบริหารงานและหารือความร่วมมืองานด้านความมั่นคง กับ ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก  ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19  

ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวขอบคุณกองทัพบกสิงคโปร์ที่ได้ให้การสนับสนุนเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ให้กับประเทศไทยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งชื่นชมในการคลี่คลายสถานการณ์โควิดของประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้เชื่อมั่นว่ากองทัพบกทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันทั้งในงานด้านความมั่นคง การร่วมกันแก้ไขปัญหาในทุกวิกฤติ  รวมทั้งการพัฒนาด้านต่างๆทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากลต่อไป 

‘สิงคโปร์’ เตรียมเปิดรับชาวต่างชาติ ฉีดวัคซีนแล้วไม่ต้องกักตัว เริ่ม เม.ย.นี้

สิงคโปร์ 24 มี.ค. 65 นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ ประกาศวันนี้ว่า สิงคโปร์จะยกเลิกมาตรการกักตัวนักเดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดสตั้งแต่เดือนเมษายน และยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากอนามัยในที่กลางแจ้งตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคมเป็นต้นไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อโควิด-19 ของสิงคโปร์

นายกรัฐมนตรีลี แถลงผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ทั่วประเทศว่า สิงคโปร์จะยกเลิกมาตรการกักตัวนักเดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดสตั้งแต่เดือนเมษายน รวมถึงจะยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ แต่จะยังคงใช้คำสั่งสวมหน้ากากอนามัยในอาคาร เนื่องจากพบความเสี่ยงลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากการติดเชื้อโควิดในที่กลางแจ้ง นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังจะอนุญาตให้ประชาชนรวมตัวกันได้สูงสุด 10 คน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดไว้ 5 คน อนุญาตให้พนักงานกลับไปทำงานที่สำนักงานได้สูงสุดร้อยละ 75 และอนุญาตให้เพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมงานขนาดใหญ่ได้ร้อยละ 75 ของความจุพื้นที่

จบปัญหาโดน ‘ทวิตเตอร์’ ปิดปาก Elon Musk ผงาด!! ถือหุ้นใหญ่สุดของ Twitter | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช EP.47

✨จบปัญหาโดน ‘ทวิตเตอร์’ ปิดปาก Elon Musk ผงาด!! ถือหุ้นใหญ่สุดของ Twitter

✨‘สหรัฐฯ’ ขู่ ‘อินเดีย’ ระวังจะถูกคว่ำบาตร หากรั้นจะซื้อน้ำมันจากรัสเซียต่อไป

✨รัฐบาลสิงคโปร์ไม่สน!! เดินหน้าประหารพ่อค้ายาเสพติด แม้โดนองค์กรสิทธิมนุษยชนคัดค้าน

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

.

.

'ผู้นำสิงคโปร์' เตือน!! สหรัฐฯ อย่าโดดเดี่ยวจีนจากปัญหายูเครน ลั่น!! ทุกคนมีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้ตามทางของตน

ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีประเทศในแถบเอเชีย ที่เริ่มกล้าออกมาแสดงจุดยืนที่ห้าวหาญในประเด็นการเมืองโลก โดยล่าสุด Lee Hsien Loong นายกรัฐมนตรีของสิงค์โปร์ ได้ออกคำเตือนไปยังสหรัฐฯ โดยตรงว่า "อย่าพยายาม โดดเดี่ยวจีน จากประเด็นเรื่องยูเครน เพราะทุกวันนี้โลกของเรา "ก็มีปัญหามากพออยู่แล้ว" และยังลั่นอีกด้วยว่าในอนาคต สหรัฐฯ อาจไม่ใช่เบอร์ 1 ของโลกอีกต่อไป 

นายกฯ สิงคโปร์ กล่าวไว้ชัดเจนว่า ถ้าหากสหรัฐฯ ยังหันมาเปิดศึกกับจีน จะยิ่งเป็นการแบ่งแยกระบอบประชาธิปไตยกับเผด็จการอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้ปัญหา Supply Chain โลกซับซ้อนเข้าไปอีก และแน่นอนว่าถ้าลุกลามถึงขั้นคว่ำบาตรจีน ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกสูงกว่าการคว่ำบาตรรัสเซียเป็นอย่างมาก

“คุณต้องระวังให้มากที่จะไม่กำหนดปัญหายูเครนในลักษณะที่จะทำให้จีนเป็นฝ่ายผิดตั้งแต่แรกเริ่มโดยอัตโนมัติ ยกตัวอย่างเช่น การทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยและเผด็จการ”

(You have to be very careful not to define the problem with Ukraine in such a way that automatically, China is already on the wrong side, for example, by making this a battle of democracies against autocracies.)

“เราทุกคนมีปัญหาในยูเครน ผมคิดว่าถ้าเราพูดถึงอธิปไตย ความเป็นอิสระ และบูรณภาพแห่งดินแดน หลายประเทศสามารถเข้าร่วมได้ แม้แต่จีนเองก็ยังไม่คัดค้านและยังมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนอย่างแข็งขันเป็นการส่วนตัวด้วย แต่ถ้าคุณ (สหรัฐฯ) บอกว่านี่เป็นเรื่องของประชาธิปไตยกับระบอบเผด็จการของปูติน ผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ยากพออยู่แล้ว และถ้าคุณยังบอกอีกว่าประชาธิปไตยต้องสู้กับเผด็จการ นั่นถือเป็นการกำหนดให้ประเทศจีนเป็นฝ่ายที่ผิดตั้งแต่แรก และทำให้สิ่งต่างๆ จะยากขึ้นไปอีก”

(We all have a problem in Ukraine. I think if we talk about sovereignty, independence and territorial integrity, a lot of countries can come along. Even China would not object to that, and would actually privately strongly support that. But if you say it is democracies versus Putin’s autocracy, I think that already is difficult. If you say democracies versus autocracies – plural – that already defines China into the wrong camp, and makes things even more difficult.)

นอกจากนี้ นายกฯ สิงคโปร์ยังสอนมวยสหรัฐฯ อีกว่าในสถานการณ์ปัจจุบันนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายมีความไว้วางใจกันน้อยมาก และมันไม่ง่ายเลยที่จะหาระดับที่เหมาะสมในความสัมพันธ์ ขณะที่สิงคโปร์จะเลือกเดินตามทางของตัวเองในการแก้ไขและป้องกันไม่ให้เรื่องทั้งหมดบานปลาย

ดังนั้นสหรัฐฯ ต้องรู้ตัวแล้วว่า ถ้าเศรษฐกิจยังคงต้องพึ่งพากันและกันกับจีน ก็ไม่ควรวาง 80% ของจุดยืนในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไว้ในมุมของการเป็นปรปักษ์หรือศัตรูกัน แล้วมาบอกว่าความสัมพันธ์อันดี 20% ที่เหลือคือการ "Win-Win" ทั้ง 2 ฝ่าย

เขากล่าวชัดเจนว่าแนวคิดนี้ "ควรจะครอบงำรัฐบาลสหรัฐฯ" (กล่าวคือสหรัฐฯ ควรตระหนักเรื่องนี้โดยด่วน) และนอกเหนือจากยูเครนแล้ว สหรัฐฯ ควรรู้ด้วยว่าภูมิภาคเอเชียนี้ ถือเป็นสมรภูมิสำคัญที่สหรัฐฯ ต้องวางจุดยืนของตัวเองให้ดี 

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกล่าวด้วยว่าสหรัฐฯ ควรหันมามองเรื่อง "ความน่าเชื่อถือของตัวเอง" โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงและความสม่ำเสมอในการทำธุรกิจ (ซึ่งแน่นอนว่าหมายถึงการคว่ำบาตรด้วย) เพราะเรื่องนี้ทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูงมาก และอาจทำให้ประเทศอื่น ๆ ลดความไว้เนื้อเชื่อใจสหรัฐฯ ลงในอนาคต

Lee เสริมว่า ในภายภาคหน้านี้ สหรัฐฯ อาจจะไม่ใช่เบอร์ 1 ของโลกอีกต่อไป แต่จะยังคงเป็น 1 ในแนวหน้าทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก ซึ่งเขากล่าวว่ามันอาจเป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่จะทำใจยอมรับได้สำหรับสหรัฐฯ แต่เขาก็ปลอบใจว่าเมื่อเวลาผ่านไป สหรัฐฯ จะปรับตัวได้เอง

'กอบศักดิ์' วิเคราะห์ สัญญาณบวกนักท่องเที่ยวไหลสู่ไทย หลังสี่แยกหลักการเดินทางของภูมิภาค เริ่มพลุกพล่าน!!

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ภาพเล็กๆ ที่มีความหมาย !!!

เมื่อตอนต้นเดือนเมษายน ได้เดินทางผ่านสนามบินสิงคโปร์

สิ่งที่คิดขึ้นมาในใจทันที ก็คือ..

"เริ่มฟื้นแล้ว"

จากที่เงียบเหงา แทบไม่มีใครเดิน ในช่วงปีที่แล้ว

สนามบินเริ่มกลับมาเปิดร้านค้าอีกครั้ง แม้ว่ายังไม่ 100%

แต่ก็เปิดเกินครึ่ง

แต่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ 'นักเดินทาง'

นักเดินทาง เริ่มเดินกันขวักไขว่อีกรอบ 

สนามบินสิงคโปร์เป็นจุดต่อเชื่อมที่สำคัญของการบินโลก 

การที่สี่แยกหลักของทางการเดินทางของภูมิภาค เริ่มพลุกพล่านอีกครั้ง 

เป็นสัญญาณว่า ต่อไปนักท่องเที่ยวกำลังกลับมา 

และจะมาที่ประเทศไทยต่อไป 

‘ดร.นิว’ ติง ‘บิ๊กตู่’ สอบตกด้านความมั่นคง หลังสิงคโปร์ ‘เจอ-จับคนผิด’ วันเดียวเลี้ยวคุก

(9 ..65) เว็บไซต์ นสพ.The Straits Times ของสิงคโปร์ เสนอข่าว Man arrested for threatening PM Lee Hsien Loong on social media, following shooting of Japan's ex-PM Abe ระบุว่า เมื่อวันที่ 8 .. 2565 ตำรวจควบคุมตัวชายวัย 45 ปี หลังสืบทราบว่าชายคนดังกล่าวแสดงความคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ ในลักษณะข่มขู่คุกคามให้ใช้ความรุนแรงกับ ลีเซียนลุง (Lee Hsien Loong) นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ซึ่งวันดังกล่าวเป็นวันเดียวกับที่ ชินโซ อาเบะ (Shinzo Abe) อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนลอบยิงเสียชีวิต

โดยเกรียนคีย์บอร์ดคนดังกล่าว ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในเวลา 15.10 . และถูกจับกุมได้ในอีก 5 ชั่วโมงต่อมา โดยตำรวจได้ยึดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถืออีก 4 เครื่องไปตรวจสอบ เบื้องต้นยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน ซึ่งหากถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ใช้ความรุนแรง และศาลตัดสินว่าผิดจริงในจ้อหาดังกล่าว อาจถูกจำคุกได้สูงสุดถึง 5 ปี รวมถึงยังมีโทษปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับด้วย

สืบเนื่องจากเรื่องดังกล่าว ทางด้าน ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

เรามีนายกอดีตทหารที่สอบตกด้านความมั่นคง

ประเทศสิงคโปร์สามารถรวบตัวคนที่โพสต์หมิ่นประมาทข่มขู่คุกคามนายกรัฐมนตรีได้ภายในวันเดียว อีกทั้งมีกระบวนการยุติธรรมที่รวดเร็วในการตัดสินคดีความที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง

เมื่อมองกลับมาที่ประเทศไทย เรามีนายกรัฐมนตรีที่เคยเป็นถึงอดีตผู้บัญชาการทหารบก แต่กลับไม่เคยสร้างอธิปไตยไซเบอร์ (Cyber Sovereignty) ปล่อยให้ประเทศชาติถูกรุกรานทางไซเบอร์มาโดยตลอด

นอกจากนายกรัฐมนตรีจะปล่อยให้ตัวเองถูกด่าแบบสาดเสียเทเสีย ยังไม่สามารถปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ ปล่อยให้มีการหมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายกันอย่างเสรี

แม้คุณ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha จะมีผลงานในด้านต่างๆ จำนวนไม่น้อย แต่กลับสอบตกด้านความมั่นคงอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะไร้สติปัญญาในการสร้างอธิปไตยไซเบอร์ และไม่มีน้ำยาในการผลักดันให้เกิดกระบวนการยุติธรรมที่รวดเร็วในการตัดสินคดีความที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง

ขณะที่ประเทศสิงคโปร์สามารถรวบตัวผู้กระทำความผิดด้านความมั่นคง ไม่ว่าจะบนท้องถนนหรือในโลกออนไลน์ได้ภายในวันเดียว แล้วนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่รวดเร็วได้ในทันที

แต่ประเทศไทยกลับปล่อยให้มีการทำผิดกฎหมายและบ่อนทำลายความมั่นคงได้อย่างเสรี ตลอดจนมีกระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้า แถมยังถูกแทรกแซงโดยขบวนการบ่อนทำลายความมั่นคงอีกเสียด้วย

อย่างที่บอกไปแล้ว คุณประยุทธ์มีผลงานไม่น้อยก็จริง แต่ผลงานด้านความมั่นคงและการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นสอบตกอย่างน่าอับอายที่สุด ไม่สมกับการเป็นชายชาติทหารเลยแม้แต่นิดเดียว

ถ้าประชาชนผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างผมหรือใครก็ได้ที่รู้หลักวิชา นั่งอยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรีในวันนั้น แล้วทำการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ระบอบประชาธิปไตยตามแนวทางที่ถูกต้องและมีความเป็นธรรม

นำไปสู่การทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชนชาวไทยตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เราคงมีอำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนอย่างแท้จริง อีกทั้งมีความมั่นคงแห่งรัฐที่แข็งแกร่งตามไปด้วย

‘สิงคโปร์’ เผยคนรุ่นใหม่ ไม่สนใจใบปริญญา ขอแค่ ‘เรา’ เท่าเทียมกันในการใช้ชีวิตคู่

ค่านิยมเดิม ๆ ของชาวเอเชียส่วนใหญ่ ที่ผู้ชายมักนิยมเลือกภรรยาที่ระดับการศึกษาน้อยกว่าตัวเอง เพื่อจะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า หรือ ผู้หญิงที่มักเลือกผู้ชายที่มีการศึกษาสูง ๆ โดยคาดหวังว่าเขาจะทำหน้าที่เป็นผู้นำครอบครัวได้ดี กำลังจะเปลี่ยนไปใน ‘สิงคโปร์’

จากการศึกษาข้อมูลสถิติของการสมรส และ หย่าร้างในสิงคโปร์ประจำปี 2021 ที่รวบรวมโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ผู้หญิงที่จดทะเบียนสมรสกับผู้ชายที่มีระดับการศึกษาน้อยกว่าตัวเองมีแนวโน้มสูงขึ้น จาก 17.5% เป็น 18.2% ในระยะเวลาเพียงแค่ปีเดียว 

และในขณะเดียวกัน ผู้ชายที่เลือกแต่งงานกับผู้หญิงที่มีการศึกษาน้อยกว่าตนเองกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด จาก16.3% เหลือเพียง 12.3% เท่านั้นในปีนี้ 

ค่าสถิตินี้ กำลังชี้ให้เห็นว่า หนุ่ม-สาว ชาวสิงคโปร์ มักเลือกคู่ครองที่มีระดับการศึกษาเท่าเทียมกัน ขณะเดียวกันฝั่งผู้ชายก็ไม่ติดใจหากฝ่ายหญิงจะมีการศึกษาที่สูงกว่า หรือมีหน้าที่การงานที่ไปได้ไกลกว่าด้วยความสามารถของพวกเธอ เช่นเดียวกันกับฝ่ายหญิงที่เริ่มไม่ได้เน้นว่าฝ่ายชายต้องมีการศึกษาดีกว่าตนเสมอไป ถึงจะเป็นผู้นำครอบครัวได้

Tan Ern Ser นักสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ แสดงความเห็นว่า ความเปลี่ยนแปลงนี้มีนัยยะสำคัญทางสังคมอย่างมาก เพราะนั่นกำลังสะท้อนให้เห็นว่า คุณวุฒิการศึกษา จะไม่ถูกนำมาเป็นเครื่องชี้วัดถึงรายได้ของตัวบุคคล หรือความสำเร็จในอาชีพเสมอไป แม้จะปฏิเสธได้ยากว่า ศักยภาพทางเศรษฐกิจยังคงมีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกคู่ครองก็ตาม

ด้าน Shailey Hingorani หัวหน้าฝ่ายวิจัย สมาคมสตรีเพื่อการวิจัยและปฏิบัติมองว่า ค่านิยมแบบดั้งเดิมมักวางให้ผู้ชายต้องรับหน้าที่ผู้นำครอบครัว และการที่ฝ่ายชายมีการศึกษาที่สูง มักช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จในอาชีพมากกว่า จนกลายเป็นสิ่งดึงดูดใจสำหรับฝ่ายหญิงในการเลือกใครเป็นสามี แต่ค่านิยมนี้ก็ได้ลดโอกาสทางสังคมของผู้หญิง ที่ถูกวางตำแหน่งให้เป็นแม่บ้าน ต้องพึ่งพาสามี และมีหน้าที่ดูแลครอบครัวเป็นหลัก

'หมอวรงค์' เล่า!! สิงคโปร์ออกกฎ!! สายกินร้านข้างทาง ทานเสร็จต้องเก็บถ้วยชาม ไปรวมจุดทึ่ร้านกำหนด

นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เรื่องเล่าจากสิงคโปร์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

ตอนนี้บ้านเรา การเมืองยังดูวุ่นวาย ทั้งนายก 8 ปี กฏหมายลูกหาร 100 กับ 500 ผมเลยฉวยโอกาสนี้ มาเยี่ยมลูกสาว-หลานสาวที่สิงคโปร์

อาหารง่ายๆ ที่หนีไม่พ้นคือ บักกุ๊ดเต๋ (Bak kut teh) แทบจะเป็นอาหารพื้นบ้าน ของเขา แต่ของเขา เน้นพริกไทยและไม่หวาน น้ำใส


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top