Thursday, 28 March 2024
ปลดหนี้

‘ชพก.’ แท็กทีม ผู้สมัคร กทม. ลงพื้นที่วัดระฆังฯ - วังหลัง ชาวบ้าน ลั่น!! อยากให้ ‘กรณ์’ เป็นนายกฯ ช่วย ปชช.ปลดหนี้

(22 มี.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ประกอบด้วย นายศราพงศ์ อิศรศักดิ์ ณ อยุธยา, นายณัฐวรรธน์ พัชรพรนุกูล, นายธนาวุฒิ  รัศมีฉาย, พ.ต.อ. ทศพล โชติคุตร์, นายสงกรานต์ พงษ์พันนา, นายวรนัยน์ วาณิชกะ, นายพรชัย มาระเนตร์, นางสาววิเวียน จุลมนต์ ลงพื้นที่เพื่อช่วยนายกฤษณ์ สุริยผล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางพลัด-บางกอกน้อย และ นางสาวอรไพลิน อัครเลิศวรปรีชา ว่าที่ผู้สมัครเขตภาษีเจริญ-บางกอกใหญ่ ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนที่ ท่าน้ำวังหลัง วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างเดินหาเสียง มีชาวบ้านออกมาให้กำลังใจนายกรณ์ และทีมผู้สมัคร กันอย่างคึกคัก พร้อมกับพูดว่า อยากได้นายกรณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเชื่อมั่นใจในความเป็นมืออาชีพด้านเศรษฐกิจ ที่จะสามารถปลดหนี้ ปลดสิน ให้กับประชาชน จะได้หมดทุกข์และมีความสุขกับเขาเสียที

เริ่มแล้ววันนี้!! ‘ธปท.’ ปรับเกณฑ์โครงการ ‘คลินิกแก้หนี้’ เปิดทางให้ ‘ลูกหนี้ที่ค้างชำระมากกว่า 120 วัน’ เข้าร่วมโครงการได้

(1 พ.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือประชาชนแก้ไขปัญหาหนี้สิน โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นหนี้เสียให้สามารถแก้ไขกลับไปเป็นหนี้ปกติได้เร็วขึ้น  ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์โครงการคลินิกแก้หนี้ ให้สามารถช่วยเหลือผู้เป็นหนี้เสียกรณีบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น

ทั้งนี้ เกณฑ์ที่ปรับปรุงใหม่นี้จะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2566 เป็นต้นไป โดยกำหนดคุณสมบัติให้ลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระมากกว่า 120 วันขึ้นไป สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ จากเดิมที่จำกัดว่าผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นผู้ที่มีสถานะเป็นหนี้เสียก่อนวันที่ 1 ก.พ. 66 เท่านั้น  ซึ่งการปรับเกณฑ์นี้จะทำให้ผู้มีปัญหาการชำระหนี้สามารถเข้าร่วมโครงการได้โดยไม่ถูกจำกัดช่วงเวลาการเกิดหนี้เสียอีกต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รัฐบาลขอเชิญชวนผู้ที่กำลังประสบปัญหาชำระหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อบุคคล เข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้  ซึ่งโครงการจะพิจารณาเหตุผลความจำเป็นของผู้สมัครเข้าร่วมโครงการแต่ละราย เพื่อจัดทำแผนการชำระหนี้ใหม่ที่เหมาะสมให้กับลูกหนี้เป็นรายกรณี เพื่อให้สามารถชำระหนี้ได้ต่อเนื่องจนปลดหนี้ได้ ซึ่งภายใต้แผนการชำระหนี้ใหม่อาจมีการกำหนดเงื่อนไขบางประการ เช่น มีเงื่อนไขไม่ให้ลูกหนี้ก่อหนี้ใหม่ เพื่อสร้างวินัยและความรับผิดชอบ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกหนี้ได้อย่างยั่งยืน

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถ สมัครร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.คลินิกแก้หนี้.com  หรือสอบถามข้อมูลโครงการเพิ่มเติมที่ LINE Official Account ของโครงการที่ @debtclinicbysam, ทางเฟซบุ๊ค คลินิกแก้หนี้ by SAM  หรือสอบคอลเซ็นเตอร์ โทร. 1443 ได้ทุกวัน เวลา 9:00-19:00 น.

‘หนุ่มใหญ่เมืองตรัง’ หลั่งน้ำตา!! เลี้ยงหมูหวังปลดหนี้ธนาคาร ถูกคนร้ายบุกฆ่าลูกหมูยกเล้า สูญเงินก้อนสุดท้ายไปฟรีๆ    

หนุ่มใหญ่เมืองตรังท้อ นำเงินก้อนสุดท้ายมาเลี้ยงหมู หวังปลดหนี้ธนาคาร กลับถูกคนร้ายบุกเข้าฆ่าลูกหมูวัย 45 วัน และ 1 วัน จำนวน 2 คลอก ตายเกลื่อนคาคอกกว่า 13 ตัว ขโมยไปอีก 2 ตัว ซึ่งในระยะเวลา 2 ครั้ง ห่างกันเพียงแค่ 6 วัน เจ้าตัวเผยไม่เคยขัดแย้งกับใคร หลั่งน้ำตาคาดต้องล้มเลิกกิจการ คาดเป็นฝีมือทาสยานรก หรือบุคคลอื่นทำเพื่อกดดันให้หยุดเลี้ยง

(18 ก.ค. 66) ร.ต.อ.นรชัย แก้วหนู รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ภายหลังจากได้รับแจ้งมีคนร้ายบุกใช้อาวุธมีด แทงลูกหมูของเกษตรกรที่เลี้ยงไว้เสียชีวิตคาคอก ซึ่งตั้งอยู่ภายในสวนยางพาราอ่อน จำนวน 7 กว่าไร่ พื้นที่หมู่ 4 บ้านควนดินแดง ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเส้นทางเข้าไปภายในสวน เป็นถนนลูกรังห่างจากถนนใหญ่ และห่างไกลจากบ้านเรือนประชาชน

พบคอกเลี้ยงหมูยาวประมาณ 20 เมตร ใกล้กันมีบ้านพักหลังเล็กปลูกอยู่ 1 หลัง พบว่าภายในคอกท้ายสุด พบซากหมูถูกแทงนอนจมกองเลือดจำนวน 8 ตัว หลงเหลืออยู่เพียงแม่พันธุ์หมู สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับเจ้าของคือนายชาตรี (สงวนนามสกุล) หรือ ‘เขียด’ อายุ 45 ปี เป็นอย่างมาก

นายชาตรี เจ้าของ เล่าทั้งน้ำตาว่า เริ่มเลี้ยงหมูมาเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา โดยเลี้ยงพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เพื่อตั้งใจว่าจะผสมพันธุ์ให้เกิดลูก เพื่อที่จะได้จำหน่าย แต่กลับไม่เป็นดังใจหวัง หลังจากลูกหมูคลอกแรกเกิดมาจำนวน 11 ตัว ได้ใช้ชีวิตหลังหย่านมแม่อยู่ได้ประมาณ 45 วัน จนถึงวันที่ 12 ก.ค.66 ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายบุกเข้ามาใช้อาวุธมีดแทง ปาดคอ และผ่าท้องตายไปจำนวน 5 ตัว นอนตายเกลื่อนคอก และถูกคนร้ายขโมยไปอีก 1 ตัว ทำให้เหลือลูกหมูคลอกแรกอยู่เพียง 5 ตัว ตนจึงได้ย้ายที่รอดชีวิตไปอยู่คอกอื่น ซึ่งเหตุการณ์ครั้งแรกตนไม่ได้ติดใจและแจ้งความ เพียงแค่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น

จนกระทั่งลูกคลอกที่ 2 ได้เกิดตามมาอีกครั้งทั้งหมด 10 ตัว วันที่ 16 ก.ค.66 ที่ผ่านมา ตายไปตามธรรมชาติ 1 ตัว เหลือ 9 ตัว จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 ก.ค.66) คนร้ายได้บุกเข้ามาใช้มีดแทงลูกหมูที่มีอายุเพียง 1 วัน ตายไปทั้งหมด 8 ตัวและขโมยกลับไป 1 ตัว ก่อนจะแจ้งตำรวจเพื่อจะดำเนินคดีในครั้งนี้ เหตุการณ์ครั้งล่าสุด ทั้งๆที่ตนเปิดไฟภายในคอกหมูสว่าง และนอนเฝ้าอยู่ภายในสวน แต่ตื่นเช้ามาก็เสียใจที่ถูกฆ่าตาย ซึ่งติดกล้องวงจรปิดไม่ทัน

ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนร้ายเป็นโรคจิต หรือวิปริตหรือไม่ หรือเพราะไม่อยากให้ตนเลี้ยงที่นี่ และตนไม่เคยมีศัตรูหรือความขัดแย้งกับใครมาก่อน แม้สวนที่อยู่ติดกันใกล้กันก็เป็นมิตรที่ดีต่อกัน จึงอยากขอความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยจับกุมคนร้ายให้ได้อย่างเร็วที่สุด ตนเสียใจน้อยใจมาก เพราะตั้งใจทำมาหากิน แต่กลับถูกรังแก

ที่ผ่านมาตนทำอาชีพค้าขาย แต่ปรากฏว่าติดหนี้สินธนาคาร จึงผันตัวนำเงินที่เหลืออยู่ประมาณ 3 แสนบาทมาลงทุนเป็นเกษตรกรเลี้ยงหมู เพื่อหวังจะได้ทยอยจ่ายหนี้ธนาคารและดูแลครอบครัว เพราะมีลูก 3 คนอยู่ในวัยเรียน รู้สึกเสียใจมากที่มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หลังจากนี้คิดว่าก็ต้องล้มเลิกกิจการเลี้ยงหมู เพราะทำต่อไปไม่ได้แล้ว

ขณะที่ นายวิชาญ มากแก้ว หรือ ‘ผู้ช่วยเพิ่ม’ อายุ 41 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.น้ำผุด กล่าวว่า คนร้ายลงมือเหี้ยมมาก เพราะทำกับลูกหมูตัวเล็กๆ ได้ขนาดนี้ ทั้งปาดคอ ผ่าท้อง และน่าจะเป็นพวกโรคจิต เพราะท่าบุคคลปกติคงไม่ทำกัน และฆ่าเพียงลูกหมู แต่ไม่ฆ่าแม่พันธุ์ หลังรับแจ้งจากลูกบ้านก็ได้เข้าสอบถามข้อมูลเบื้องต้น แต่เจ้าของยืนยันว่าไม่เคยมีความขัดแย้งกับใครมาก่อน ก็อยากให้ทางตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้ ตอนนี้ก็พอจะมีบุคคลต้องสงสัยอยู่บ้าง แต่ยังคงระบุตรงเป้าไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ตรวจสถานที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นการก่อเหตุของบุคคลที่จิตหลอน ติดยาเสพติดในพื้นที่ แต่ก็ยังคงไม่ตัดประเด็นก่อเหตุเพื่อกดดันให้เจ้าของหยุดเลี้ยงและออกจากพื้นที่ เนื่องจากเจ้าของไม่เคยมีความขัดแย้งกับใครมาก่อน

รมว.แรงงาน 'พิพัฒน์' จัดเต็มมอบของขวัญ 2567 ให้แรงงาน11ชิ้น ชูแคมเปญ เพิ่ม ฟรี ปรับขึ้น สะดวก ช่วยปลดหนี้ 'อุ่นใจผู้ให้ สุขใจผู้รับ'

วันที่ 22 ธันวาคม 2566 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานแถลงข่าวของขวัญปีใหม่กระทรวงแรงงาน ปี 2567 โดยมี นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ บริเวณโถงชั้นล่างอาคารกระทรวงแรงงาน

นายพิพัฒน์ฯ ได้กล่าวถึงผลงานตลอด 3 เดือน ตั้งแต่มารับตำแหน่งที่กระทรวงแรงงาน ซึ่งช่วยแก้ปัญหาให้กับพี่น้องแรงงานไทยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อาทิ การช่วยเหลือพี่น้องแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบในอิสราเอลให้ได้รับเงินเยียวยา ทั้งจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ จำนวนคนละ 15,000 บาท และเสนอคณะรัฐมนตรีเพิ่มเงินเยียวยาอีกคนละ 50,000 บาท รวมถึงพักหนี้ให้กับแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบรายละไม่เกิน 150,000 บาท และเสนอร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานอิสระ พ.ศ. เพื่อส่งเสริมคุ้มครองคุณภาพชีวิตแรงงานอิสระเข้าถึงสิทธิพื้นฐานความปลอดภัยในการทำงาน ครอบคลุมถึงการสนับสนุนการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนมาตรา 40 และมาตรา 39 เพื่อสร้างรากฐานเศรษฐกิจการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการคุ้มครองแรงงาน เป็นต้น

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกคน ทุกกลุ่ม และได้สั่งการให้ทุกกระทรวงพิจารณาของขวัญที่จะมอบให้ประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเป็นกำลังใจแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ รวมทั้งพี่น้องแรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศ  ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงานนั้นในปี 2567 นี้มีของขวัญปีใหม่ จำนวน 11 ชิ้น ในหัวข้อ “เพิ่ม ฟรี ปรับขึ้น สะดวก ช่วยปลดหนี้” ภายใต้แคมเปญ “อุ่นใจผู้ให้ สุขใจผู้รับ”เพื่อมอบความสุขแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงาน ดังนี้

ชิ้นที่ 1 “เพิ่ม”อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน 6 สาขาอาชีพ 54 สาขา ตามร่างอัตราค่าจ้าง ตามมาตรฐานฝีมือ 54 สาขา ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีผลบังคับใช้ 90 วันหลังจากวันที่ประกาศแล้ว

ชิ้นที่ 2 “ปรับขึ้น”อัตราค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ โดยคณะกรรมการไตรภาคีได้พิจารณาปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.66 และได้นำมาทบทวนอีกครั้งเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมานั้น ซึ่งที่ประชุมไตรภาคีได้มีมติเห็นชอบให้ใช้มติเดิม ผมเองก็จะนำมติในเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า เพื่อขอความเห็นชอบให้มีผลใช้บังคับในช่วงเดือนมกราคม 2567 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องแรงงาน

ชิ้นที่ 3 “ฟรี”กู้เงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ดอกเบี้ย 0% จำนวน 24 เดือน โดยมีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือค่าธรรมเนียม ร้อยละ 0 ต่อปี ในงวดที่ 1 - 24 โดยไม่ปลอดเงินต้น และงวดที่ 25 เป็นต้นไปจนสิ้นสุดสัญญา คิดอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ผู้รับงานไปทำที่บ้านรายบุคคลยื่นคำขอกู้ไม่เกิน 50,000 บาท รายกลุ่มบุคคลกู้ไม่เกิน 300,000 บาท ระยะเวลายื่นคำขอกู้ ตั้งแต่1 ธ.ค.66 - 31 ส.ค.67 กรอบวงเงิน 5,000,000 บาท ทำให้มีผู้จดทะเบียนเป็นผู้รับงานไปทำที่บ้านกว่า 6,000 ราย เกิดรายได้ไม่น้อยกว่า 16.2 ล้านบาทต่อปี

ชิ้นที่ 4 “ฟรี”ตรวจเช็คสภาพรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ก่อนเดินทาง 7 วัน ช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 22 – 28 ธ.ค. 66 ในวันและเวลาราชการ ฟรี 10 รายการ ได้แก่ ล้อ/ลมยาง ระบบเบรก กรองอากาศ ระบบไฟเลี้ยว/ไฟสัญญาณ ใบปัดน้ำฝน ระบบปรับอากาศ น้ำยาฉีดกระจก แบตเตอรี่ น้ำกลั่นพวงมาลัย/แฮนด์/แตร

ชิ้นที่ 5 “ฟรี” ฝึกอบรมออนไลน์ หลักสูตรภาษาอังกฤษ ภาษาจีน การตลาดออนไลน์ และดิจิทัล ฟรีจำนวน 10,000 สิทธิ์ เพื่อแรงงานไทยได้ Up skill ตนเอง ทุกที่ ทุกเวลา ตั้งแต่วันที่ 22 – 28 ธ.ค.66 หรือจนกว่าจะครบ 

ชิ้นที่ 6 “ช่วยปลดหนี้” ผ่านโครงการเงินกู้สร้างสุข ปลดทุกข์หนี้นอกระบบ ในวงเงินไม่เกินคนละ 100,000 บาท เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ใช้แรงงานที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์หรือสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจ นำไปปลดหนี้สิน หรือลงทุนประกอบอาชีพเสริม ในวงเงินโครงการ จำนวน 50,000,000 บาท เพื่อพัฒนารายได้แก่ตนเองและครอบครัวให้แรงงานได้รับสวัสดิการที่ดีสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งเสริมสร้างรากฐานความมั่นคงด้านเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม 

ชิ้นที่ 7 “ฟรี”อบรม Safety 10,000 คน เพื่อให้นายจ้างปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน ลดอุบัติเหตุ อุบัติภัยจากการทำงาน ทำให้ลูกจ้างได้รับการดูแลเกี่ยวกับความปลอดภัย 
อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทำงาน จำนวน 1,000,000 คน 

ชิ้นที่ 8 “ฟรี”ตรวจสุขภาพ 14 รายการ ผู้ประกันตนสุขภาพดีถ้วนหน้า อาทิ มะเร็งปากมดลูก ตรวจคัดกรอกมะเร็งลำไส้ ตรวจเต้านม ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด เชื้อไวรัสตับอักเสบ ตรวจไขมันในเลือด เริ่ม 1 มกราคม 2567

ชิ้นที่ 9 “สะดวก”ผู้ประกันตนฟันดีด้วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ ณ สถานประกอบการ (SSO Mobile e-Dent) วงเงิน 900 บาท/คน/ปี  โดยผู้ประกันตนเข้ารับบริการทันตกรรมด้วยรถ Mobile Service สะดวก ไม่ต้องสำรองจ่าย มอบสิทธิประโยชน์ทำฟันสะดวก อุดฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน และผ่าตัดฟันคุด ที่สถานประกอบการ ด้วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ประกันสังคม ผู้ประกันตนสะดวก ทำฟันสะดวก ที่สถานประกอบการ ไม่ต้องหยุดงาน ไม่ต้องเดินทาง เริ่ม 1 ม.ค. – 31 มี.ค.67

ชิ้นที่ 10 “ฟรี”บริการประกันสังคมครบจบใน APP เดียว “SSO plus+”ภายใต้โครงการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล กลางเชื่อมต่อบริการประกันสังคม ให้ผู้ประกันตนอย่างเฉพาะเจาะจง และแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อรวมศูนย์การบริการตามภารกิจหลักของกองทุนเงินทดแทน เพื่อความสะดวกให้ผู้ประกันตน เริ่ม 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป 

ชิ้นที่ 11 “ฟรี”ติดตั้งระบบรายงานจุดเสี่ยงอันตรายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย และประเมิน ความเสี่ยงขั้นต้น เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ม.ค.67 สถานประกอบกิจการมีระบบรายงานจุดเสี่ยงอันตราย และประเมินความเสี่ยงขั้นต้นเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน 

ต่อจากนั้น รมว.แรงงาน และผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ได้เยี่ยมชมบูธกิจกรรมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานและหน่วยงานภาคเอกชนที่เข้าร่วมที่ให้บริการตรวจสุขภาพในเบื้องต้น โดยแพทย์เฉพาะทางได้แก่ บริการประกันสังคมครบจบในแอพเดียว SSO Plus+ ตรวจสุขภาพฟรี 14 รายการ ผู้ประกันตนสุขภาพดีถ้วนหน้า และผู้ประกันตนทำฟันฟรีด้วยรถ ทันตกรรมเคลื่อนที่ ณ สถานประกอบการ จากสำนักงานประกันสังคม อบรม Safety 10,000 คน และเงินกู้สร้างสุข ปลดทุกข์หนี้นอกระบบ จากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กองทุนผู้รับงานไปทำที่บ้านดอกเบี้ย 0 % จากกรมการจัดหางาน T-OSH Application : ระบบรายงานจุดเสี่ยงอันตราย จาก สถาบันส่งเสริม ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) และ อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน 6 สาขาอาชีพ จากสำนักงาน ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นต้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top