Friday, 19 April 2024
บิดเบือน

'ทิพานัน' แจงปม โซเชียลแชร์ข้อความบิดเบือน ยัน!! 'บิ๊กป้อม' เสียใจกับเหตุกราดยิงฯ อย่างแท้จริง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีโลกออนไลน์ ตัดต่อข้อความจากบทสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จากเหตุกราดยิงภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ จ.หนองบัวลำภู ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ว่า ไม่ควรฉวยโอกาสตัดตอนข้อความและบทสัมภาษณ์ นำไปสื่อสารในลักษณะที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและความไม่สบายใจในสังคม ในช่วงเวลาที่อยู่ในความโศกเศร้าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้

ซึ่งในความเป็นจริง สื่อมวลชนได้สอบถามกรณีคนร้ายปลิดชีพตัวเองและเสียชีวิตก่อน เป็นเรื่องดีหรือไม่ เพราะทำให้ไม่เกิดเหยื่อเสียชีวิตเพิ่มเติม โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่ได้โชคดีหรอก การเสียชีวิต” และมีคำถามจากสื่ออีกว่า ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตตำรวจ และ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “จะให้ทำอย่างไร ก็คนติดยาเสพติด” ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามต่อว่ามีรายงานว่าติดยาเสพติดจึงให้ออกจากราชการ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ใช่ๆ ใช่”

‘ศุภชัย’ งัดเอกสาร กมธ.กัญชา โชว์หารือกันแล้ว ฉะ!! ส.ส.บางคนให้ข่าว ‘บิดเบือน’ ความจริง

โชว์หลักฐาน โต้ฝ่ายการเมือง ! ‘ศุภชัย’ โพสต์เอกสาร กมธ.กัญชา ย้ำ ทุกประเด็นดราม่า มีการหารือแล้ว พร้อมเปิดช่องถกในสภา แต่ถูกคว่ำเสียก่อน

จากกรณที่ฝ่ายการเมืองออกมากล่าวโจมตีการทำงาน กมธ. วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ. …....) ว่าไม่ยอมปรับแก้กฎหมาย ตามข้อเสนอของฝ่ายการเมือง และเป็นเหตุผล ที่ทำให้บางพรรคเดินหน้าคัดค้าน พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมา นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ. …....)  ได้ยืนยันมาเสมอว่า ทุกข้อห่วงใยนั้น ได้มีการหารือกันใน กมธ.ซึ่งมีตัวแทนจากทุกภาคส่วน โดยมี กมธ.ขอสงวนคำแปรญัตติไว้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องไปปรับแก้เพื่อให้เกิดความซ้ำซ้อน เพราะถึงอย่างไร ก็ต้องมีการถกเถียงกันในสภาอยู่แล้ว  

ล่าสุด 7 พฤศจิกายน 2565 นายศุภชัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อตอกย้ำข้อเท็จจริงดังกล่าวอีกครั้ง โดยระบุว่า

ตามที่คณะกรรมาธิการร่างพระราชบัญญัติกัญชากัญชงได้พิจารณาทบทวนร่างพระราชบัญญัติตามที่สภาผู้แทนราษฏรได้ลงมติตามข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย และมีมติว่าไม่จำต้องแก้ไขเนื่องจากข้อเสนอดังกล่าวของทั้งสองพรรคได้บัญญัติในร่างพระราชบัญญัติที่เสนอต่อสภาผู้แทนราษฏรหรือมิฉะนั้นก็มีกรรมาธิการได้สงวนความเห็นไว้และสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรได้เสนอแปรญัตติตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฏรตั้งแต่แรกแล้วและได้มีการแถลงเรื่องดังกล่าวข้างต้นให้ทราบโดยละเอียดและกรรมาธิการได้ส่งรายงานฉบับปรับปรุงไปยังสภาผู้แทนราษฏรซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฏรได้บรรจุเป็นระเบียบวาระเรื่องที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วเรื่องที่ 4

แต่ดูเหมือนว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากพรรคการเมืองที่เคยทักท้วงเรื่องนี้กลับออกมาเสนอข่าวว่ากรรมาธิการไม่ได้แก้ไขตามที่มีการเสนอ (ซึ่งการเสนอดังกล่าวเป็นการไม่ชอบด้วยข้อบังคับการประชุม) ซึ่งเป็นการบิดเบือนจากข้อเท็จจริง

ผมในฐานะประธานคณะกรรมาธิการร่างพระราชบัญญัติกัญชากัญชงจึงจำเป็นต้องออกมาอีกครั้งเพื่อปกป้องกรรมาธิการทุกท่านที่ทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อออกกฎหมายมาที่เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างถี่ถ้วนครอบคลุมในทุกมิติจากการกล่าวหาในเรื่องนี้ โดยจะขอนำข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยเปรียบเทียบกับร่างพระราชบัญญัติกัญชากัญชงที่กรรมาธิการได้ร่วมกันพิจารณาผ่านช่องทางนี้

การจะลงมติต่อร่างพระราชบัญญัติเป็นเอกสิทธิของสมาชิก แต่การกล่าวหาดูหมิ่นดูแคลนว่ากรรมาธิการทำหน้าที่บกพร่องไม่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสิ่งที่สมาชิกไม่พึงกระทำ

ผมจะยุติการตอบโต้เรื่องนี้ แต่ขอนำเสนอความจริงซึ่งมีเพียงหนึ่งมาเพื่อประชาชนได้โปรดร่วมกันพิจารณา

โดยได้มีการแนบเอกสาร ระบุรายละเอียด การประชุม กมธ. โดยเฉพาะประเด็นกฎหมายที่มีข้อห่วงใย และสงสัย จาก กมธ.ของแต่ละพรรคการเมือง พร้อมคำตอบโดย กมธ.เสียงเสียงใหญ่ ไปจนถึงรายชื่อ กมธ.ที่ต้องการสงวนความเห็น อาทิ 

เคลียร์ความจริง!! จาก 10 ข้อบิดเบือนเรื่อง ม.112 หากไม่อยากเฉียดคุก อย่าหลงเชื่อการปั่นแบบผิดๆ

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ‘ม.112’ ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะในม็อบ ในสภา หรือแม้แต่ในโลกโซเชียลก็ตาม

ทว่า…สิ่งที่คนทั่วไปเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง ม.112 นั้น ดูจะผิดทางไปเยอะเลย เพราะบางคนเอาแต่คิดว่าเป็นกฎหมายไม่ยุติธรรม บางคนถึงขั้นสาปแช่ง ด่าทอเสีย ๆ หาย ๆ ทั้งที่ตัวเองยังไม่เข้าใจกฎหมายมาตรานี้อย่างถ่องแท้ด้วยซ้ำ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 65 ช่องยูทูบ ‘Lue History’ ได้โพสต์คลิปความยาว 4.52 นาที อธิบายเรื่อง ม.112 โดยใช้ชื่อคลิปว่า ‘เคลียร์ชัดๆ กับ 10 ข้อบิดเบือนเรื่อง ม.112’ ซึ่งเป็นการนำคลิปที่พูดถึงม.112 ในทางบิดเบือนและเผยแพร่ในโลกออนไลน์ มาเป็นตัวอย่างประกอบ โดยเนื้อหาในคลิปทั้งหมดระบุว่า…

1.) ใครจะแจ้งความก็ได้ เพราะมาตรา 112 อยู่ในหมวดความมั่นคง เป็นอาญาแผ่นดินไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เสียหายก็ฟ้องได้ จากสถิติครึ่งหนึ่งก็เป็นประชาชนนี่แหละ ที่ฟ้องกันเอง 
>> Lue History อธิบายว่า ถูกต้องแล้ว ใครก็แจ้งความได้ ใจคอจะให้ในหลวงมาแจ้งความด้วยตัวเองเลยหรือไง? แล้วที่มาบอกว่าอยากจะแจ้ง ก็เดินไปแจ้งที่สน. ได้เลยเนี่ย อันนี้ไม่ถูก เพราะการจะแจ้งความในมาตรานี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ เพราะต้องไปพร้อมเอกสารที่ชัดเจน ไม่เช่นนั้นตำรวจไม่รับแจ้งความ

2.) คดีออนไลน์จะแจ้งความจากที่ไหนก็ได้ เพราะอำนวยความสะดวกให้ผู้ฟ้อง 
>> Lue History อธิบายว่า คดีออนไลน์ ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ฟ้อง ไม่ใช่ผู้กระทำผิด ส่วนหากกังวลเรื่องการกลั่นแกล้งนั้น ก็เกี่ยวโยงกับข้อแรกเต็มๆ เพราะหากไม่ได้กระทำผิด แล้วไปฟ้องแจ้งความเพื่อกลั่นแกล้งกัน ก็จะโดนข้อหา แจ้งความเท็จ ติดคุก 5 ปี ฉะนั้นหากไม่ได้ทำผิด ไม่ต้องกลัว!!

3.) ตามกฎหมายแล้วตำรวจ อัยการ และผู้พิพากษาที่รับคดีมาจะไม่มีอำนาจตัดสินใจเอง เพราะต้องผ่านคณะกรรมการกลางที่มีตำรวจระดับสูง และผู้พิพากษาระดับสูงก่อน 
>> Lue History อธิบายว่า นี่คือเหตุผลว่า การฟ้องมาตรา 112 ไม่ได้ทำกันง่ายๆ ไม่ได้กลั่นแกล้งกันง่ายๆ เพราะว่ามีขั้นตอนการกลั่นกรองตรวจสอบ 

4.) คดี 112 เป็นคดีนโยบาย รัฐบาลจะสั่งให้หยุดใช้เมื่อใดก็ได้ และที่ผ่านมาก็มีการบังคับใช้เป็นระลอก ตามช่วงเวลาสำคัญทางการเมือง
>> Lue History อธิบายว่า ไม่มีหรอกคดีนโยบาย และรัฐบาลจะสั่งให้ใช้หรือไม่ให้ใช้ไม่ได้ เพราะ ม.112 เป็นมาตราหนึ่งในรัฐธรรมนูญ (กฎหมายสูงสุด) แม้แต่ในหลวงก็สั่งไม่ได้ เพราะในหลวงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ และเช่นกันถ้ามีใครมาร้องเรียนแล้วมีหลักฐานเพียงพอ ถ้าภาครัฐไม่ปฏิบัติตาม ถือว่ามีความผิดมาตรา 157 

'นพดล' ชี้!! คนโยง 'เพื่อไทย-ตู้ห่าว' หวังผลทางการเมือง ยัน!! 'อุ๊งอิ๊ง' ไม่เกี่ยวข้อง ขู่!! หากไม่หยุดเจอฟ้องแน่

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 65 เวลา 11.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงว่า จากกรณีที่มีการตั้งข้อกล่าวหาต่อนายหาวเจ๋อตู้ หรือตู้ห่าว นักธุรกิจชาวจีน และพวกว่ามีการกระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย และให้ข้อมูลว่ามีกลุ่มทุนต่างชาติกว้านซื้อบ้านในบางโครงการ และพยายามโยงเรื่องนี้มาบิดเบือนใส่ร้ายเพื่อไทย และแกนนำพรรคฯ ให้เสียหายนั้น พรรคฯ ขอชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการสืบสวนสอบสวนคดีต่าง ๆ อยู่ในขณะนี้ พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่มีอยู่ตามกฎหมายได้อยู่แล้ว เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับพรรค พรรคไม่ขัดขวางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอย้ำว่าเพื่อไทยไม่มีความเกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว และนายตู้ห่าวก็ไม่เคยบริจาคเงินให้พรรคเพื่อไทย ข้อกล่าวหาที่มีต่อผู้ต้องหาก็เกี่ยวเนื่องกับการทำธุรกิจในช่วงเวลาหลายปี

“ที่ผ่านมาที่เพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลซึ่งเป็นเวลาเกือบ 8 ปีแล้ว ดังนั้นหากจะมีการกระทำที่ผิดกฎหมายในช่วงเวลานี้ในประเทศไทย ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะบังคับใช้กฎหมาย และรัฐบาลสามารถไปตรวจสอบว่ามีการประกอบธุรกิจผิดกฎหมายทำนองเดียวกันนี้มากน้อยเพียงใด ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใดทั้งสิ้น ดังนั้นอย่าเบี่ยงเบนประเด็น” นายนพดล กล่าว

นายนพดล กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่พยายามโยงว่าชาวต่างชาติกว้านซื้อบ้านในโครงการของบริษัทเอสซี แอสเสท และพาดพิง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ผู้ถือหุ้นในบริษัทนั้น ตนเห็นว่าการพาดพิงและกระจายข่าวต่าง ๆ มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างชัดเจน ขอเรียนว่าน.ส.แพทองธาร ไม่ได้รู้จักกับนายตู้ห่าว และเป็นเพียงผู้ถือหุ้น ไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายบ้านให้บุคคลใด ๆ 

นอกจากนั้น บริษัทเอสซี แอสเสท ได้แถลงไปแล้วว่าบริษัทประกอบธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลโดยยึดหลักไม่กระทำผิดกฎหมาย บ้านทุกหลังขายให้คนไทยและนิติบุคคลไทยเท่านั้น และในการชำระค่าบ้าน ผู้ซื้อต้องชำระเงินผ่านธนาคาร ตนขอตั้งเป็นข้อสังเกตว่าทรัพย์สินที่ถูกอายัดของบุคคลกลุ่มนี้ มีบ้าน รถยนต์ และทรัพย์สินที่ซื้อจากหลายโครงการ หลายบริษัท กระจายไป ไม่ใช่ซื้อจากบริษัทเอสซี แอสเสท อย่างเดียว 

“ช่วงเวลานี้ ประเทศกำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ประชาชนคาดหวังที่จะเห็นพรรคต่าง ๆ นำเสนอนโยบายเพื่อแก้ปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อไทยขอเชิญชวนให้ช่วยกันนำเสนอนโยบายและหาทางออกให้ประเทศ และยุติการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือไอโอที่เป็นการบิดเบือนใส่ร้ายฝ่ายอื่นด้วยความเท็จ ซึ่งประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร ดังนั้นขอให้พวกที่พยายามตีกินหรือพยายามโยงให้เพื่อไทยเสียหาย ขอให้ยุติการดำเนินการไม่เช่นนั้นเราขอสงวนสิทธิ์ปกป้องเกียรติภูมิและชื่อเสียงของพรรคในกรอบของกฎหมายต่อไป” นายนพดลกล่าว

เมื่อถามว่ามองว่าเป็นการโจมตีทางการเมืองเพื่อหวังผลประโยชน์ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่าตนคิดว่าการบิดเบือนมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองค่อนข้างชัดเจน เพื่อไทยเป็นสถาบันทางการเมืองที่พร้อมที่จะต่อสู้กันตามกฎกติกาและการนำเสนอนโยบายแข่งกัน ตนคิดว่าการที่มีการบิดเบือนบุคคลต่าง ๆ ก็พอจะดูออกว่ามีวัตถุประสงค์ทางการเมือง แต่เพื่อไทยสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็นและไม่มีอะไรที่จะซ่อนไว้ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top