Friday, 29 March 2024
ชายผู้รอดชีวิต

เรื่องเหลือเชื่อ ‘Tsutomu Yamaguchi’ ผู้รอดชีวิตถึง ๒ ครั้งจากระเบิดปรมาณู เมื่อครั้งสหรัฐฯ ถล่มญี่ปุ่น ในสงครามโลกครั้งที่ 2

Tsutomu Yamaguchi ชายผู้รอดจากระเบิดปรมาณูถึงสองครั้งสองครา

โลกใบนี้มีการใช้ระเบิดปรมาณูในการทำสงครามเพียงสองครั้งคือ ช่วงตอนปลายของสงครามโลกครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1945 โดยกองทัพสัมพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดปรมาณูใส่ประเทศญี่ปุ่นถึงสองลูก ได้แก่ Little Boy และ Fat Man

เหตุการณ์ในนั้นครั้งถือเป็นการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ไปจำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนไม่น้อย แต่ในเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้ ยังมีเรื่องราวปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้เช่นกัน

ลูกระบิดปรมาณู Little Boy น้ำหนัก 4.4 ตัน
 
‘Tsutomu Yamaguchi’ เป็นมนุษย์ที่อยู่ในรัศมีของระเบิดปรมาณูแล้วรอดชีวิตจากการระเบิดของระเบิดปรมาณูครั้งแรก (ลูกระบิดปรมาณูลูกดังกล่าวชื่อว่า Little Boy ถูกทิ้งจากเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-29 ที่ชื่อว่า Enola Gay ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว ๙๐,๐๐๐-๑๔๖,๐๐๐ คน) ที่เมืองฮิโรชิมาเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 

แม้ว่าตัว Yamaguchi จะถูกแรงอัดของระเบิดจนหมุนคว้างกลางอากาศราวกับถูกพายุทอร์นาโดพัดจนตกลงไปในคูน้ำ แต่หลังจากรับการรักษาและพักฟื้นอย่างรวดเร็ว เขาก็ตัดสินใจกระโดดขึ้นรถไฟกลับไปยังเมืองนางาซากิ และมาถึงในเวลาที่มีการทิ้งระเบิดปรมาณูลูกที่สอง (Fat Man ถูกทิ้งจากเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-29 ที่ชื่อว่า Bockscar ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีกราว ๓๙,๐๐๐-๘๐,๐๐๐ คน) พอดี แต่เขาก็รอดชีวิตมาได้อีกครั้งหนึ่ง


ลูกระบิดปรมาณู Fat Man น้ำหนัก 4.67 ตัน

Tsutomu Yamaguchi (山口彊, Yamaguchi Tsutomu) (16 มีนาคม ค.ศ. 1916 - 4 มกราคม ค.ศ. 2010) เป็นวิศวกรชาวญี่ปุ่นและเป็นผู้รอดชีวิตจากการทิ้งระเบิดปรมาณูสองครั้งทั้งที่เมืองฮิโรชิมาและเมืองนางาซากิในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง 

แม้ว่าจะมีประชาชนอย่างน้อย ๗๐ คนที่ได้รอดชีวิตจากการทิ้งระเบิดทั้งสองครั้ง แต่เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลญี่ปุ่นว่า เป็นผู้ที่รอดชีวิตจากการระเบิดของระเบิดปรมาณูทั้งสองครั้ง


 
Yamaguchi เกิดและอาศัยอยู่ที่เมืองนางาซากิ เข้าร่วมงานกับ Mitsubishi Heavy Industries ในช่วงทศวรรษที่ 1930 และทำงานเป็นช่างเขียนแบบซึ่งออกแบบเรือบรรทุกน้ำมัน 

ระหว่างสงครามเขาก็ยังอาศัยอยู่ในเมืองนางาซากิ แต่ได้เดินทางไปยังเมืองฮิโรชิมาเพื่อทำธุรกิจให้กับบริษัท Mitsubishi Heavy Industries ซึ่งเป็นนายจ้างของเขา เมื่อเมืองฮิโรชิมาถูกทิ้งระเบิดเมื่อเวลา 8.15 น. ของวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เขาได้รับบาดเจ็บ แต่ตัดสินใจเดินกลับมาที่เมืองนางาซากิในวันรุ่งขึ้น และแม้ว่าจะมีบาดแผลเต็มตัว แต่เขาก็กลับไปทำงานในวันที่ 9 สิงหาคม วันที่มีการทิ้งระเบิดปรมาณูเป็นครั้งที่สอง 

เช้าวันนั้น ขณะที่เจ้านายของเขาบอกว่าเขา "บ้า" หลังจากที่เขาบรรยายว่า ระเบิดปรมาณูลูกหนึ่งสามารถทำลายเมืองได้อย่างไร ระเบิดปรมาณูที่ทิ้งยังเมืองนางาซากิก็จุดชนวน ในปี ค.ศ. 1957 เขาได้รับการยอมรับว่าเป็น ‘Hibakusha’ (ผู้ได้รับผลกระทบจากระเบิดปรมาณู) ของเหตุระเบิดที่เมืองนางาซากิ 

แต่จนกระทั่งวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 2009 รัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้รับรองอย่างเป็นทางการว่า เขาอยู่ในเมืองฮิโรชิมาเมื่อสามวันก่อนการระเบิดที่เมืองนางาซากิด้วย เขาจึงเป็นบุคคลที่รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูทั้งสองครั้งสองครา เขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหารเมื่อวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 2010 ขณะอายุได้ ๙๓ ปี


 Yamaguchi กล่าวว่า เขา "ไม่เคยคิดว่า ญี่ปุ่นควรจะเริ่มสงคราม"

กลุ่มควันรูปดอกเห็ดจากการระเบิดของระเบิดปรมาณูสูงกว่า 20,000 ฟิต ซ้ายเมืองฮิโรชิมา ขวาเมืองนางาซากิ

ระว่างสงครามโลกครั้งที่สอง Yamaguchi อาศัยและทำงานในเมืองนางาซากิ แต่ในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1945 เขาต้องเดินทางไปทำงานที่เมืองฮิโรชิมาเป็นเวลาสามเดือน ในวันที่ 6 สิงหาคม เขาเตรียมจะออกจากเมืองพร้อมกับเพื่อนร่วมงานสองคน Akira Iwanaga และ Kuniyoshi Sato และกำลังเดินทางไปสถานีรถไฟเมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าลืม Hanko (ตราประทับประจำตัวแบบที่ใช้กันทั่วไปในญี่ปุ่น) จึงเดินทางกลับไปยังที่ทำงานของเขาเพื่อนำติดตัว ในเวลา 8.15 น. ขณะเขากำลังเดินไปที่ท่าเทียบเรือ เมื่อเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-29 ของอเมริกา Enola Gay ได้ทิ้งระเบิดปรมาณู Little Boy ลงใกล้กับใจกลางเมือง ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 3 กิโลเมตร 

Yamaguchi จำได้ว่าเห็นเครื่องบินทิ้งระเบิดและปล่อยร่มชูชีพขนาดเล็ก ๒ ร่ม ก่อนที่จะมีแสงวาบขนาดใหญ่บนท้องฟ้า และตัวเขาก็ถูกพัดปลิวไป

การระเบิดทำให้แก้วหูของเขาแตก ทำให้เขาตาบอดชั่วคราว และทิ้งรังสีที่รุนแรงไว้บนด้านซ้ายของลำตัวครึ่งบน หลังจากกลับมาได้สติเขารีบคลานไปที่ที่กำบัง และหลังจากพักผ่อนแล้ว เขาก็ออกเดินตามหาเพื่อนร่วมงานของเขา โชคดีที่พวกเขารอดชีวิตมาได้และอยู่ด้วยกันทั้งคืนในที่หลบภัยทางอากาศก่อนที่จะเดินทางกลับเมืองนางาซากิในวันรุ่งขึ้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top