Wednesday, 24 April 2024
ชัยชนะ_เดชเดโช

‘นิพนธ์’ สยบข่าวบีบ ‘ชัยชนะ’ ไม่ให้ลง ส.ส. เชื่อเจ้าตัวไม่มีเจตนาร้าย ปมปราศรัยด้อยค่า ม.ทักษิณ

'นิพนธ์' ปฏิเสธ ข่าวบิ๊ก ปชป. บีบ ส.ส.ชัยชนะ ไม่ให้ลงสมัคร ส.ส. เชื่อ!! เจ้าตัวไม่มีเจตนาร้าย ยัน!! เป็นกำลังสำคัญสู้ศึกเลือกตั้งที่นครศรีฯ 

วันนี้ (6 มี.ค. 66) นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาปฏิเสธข่าวลือ ที่มีการปล่อยข่าวว่ากรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ไม่พอใจและมีการกดดัน ส.ส.ชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ว่าจะไม่ให้ลงสมัคร ส.ส.ในการเลือกตั้ง ว่าไม่เป็นความจริง 

จากกรณีปราศรัยที่ จ.พัทลุง เมื่อวันที่ 4 ที่ผ่านมา ซึ่งมีความเข้าใจเจตนาที่คลาดเคลื่อนนั้น ต่อมา ส.ส.ชัยชนะ ก็ได้ออกมาขอโทษกรณีดังกล่าวแล้ว โดยส่วนตัวคิดว่า เจ้าตัวไม่ได้มีเจตนาที่จะด้อยค่าสถาบันการศึกษาในประเทศ เพียงแต่ยกตัวอย่างให้เห็นถึงความพร้อมของผู้สมัครที่ต้องการนำความรู้ต่างๆ มาพัฒนาบ้านเกิดให้เจริญรุ่งเรืองเท่านั้น

การเมืองนครศรีฯ ใครใจถึงกว่า จัดเต็มคาราเบล คนนั้นเข้าเส้นชัย

กล่าวถึงการเมืองในนครศรีธรรมราช เมื่อยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง ยิ่งน่าติดตาม และมีเรื่องน่าจับตามองกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ 

กล่าวได้ว่า การเมืองในนครศรีธรรมราช ยังคงเป็นการต่อสู้กันของ 4 พรรคการเมืองใหญ่ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ และภูมิใจไทย แต่ในช่วงท้ายๆ ของการหาเสียง เมื่อบวกรวมกับกระแสพรรคก้าวไกล จึงมีคนจับตามองไปยังผู้สมัครพรรคก้าวไกลในบางเขตเลือกตั้งตามผลโพลล์ของบางสำนัก เช่น เขต 1 เริ่มปรากฏชื่อของ 'แมน-ปกรณ์ อารีกุล' คนรุ่นใหม่ที่ขยันลงพื้นที่ เมื่อบวกรวมกับกระแสพรรคจึงดีดตัวขึ้นมาอยู่ในระดับคู่ชิงอีกคนหนึ่ง

จากการเฝ้าติดตามการเมืองในนครศรีธรรมราชมาอย่างใกล้ชิด ยังเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์เจ้าถิ่นเดิมน่าจะคว้าชัยได้ในระดับ 5+ ซึ่งหมายถึง 5 คนน่าจะได้ชัวร์ ๆ และอาจจะได้เพิ่มในบางเขตเลือกตั้ง 1-2 เขต

ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ต้องยอมรับความจริงว่า 'อยู่ในช่วงขาลง' จากเดิมที่เคยมี ส.ส.อยู่ 4 คน คือ ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ, สัญหพจน์ สุขศรีเมือง, สายัณห์ ยุติธรรม และอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ แต่คราวนี้สายัณห์ ไปอยู่กับลุงตู่ ที่รวมไทยสร้างชาติ เขตแห่งความหวังจึงเหลืออยู่ที่เขต 1 ดร.รงค์ แต่ต้องสู้กันหนักกับ 'ราชิต สุดพุ่ม' จากพรรคประชาธิปัตย์ แถมยังมี 'จรัญ ขุนอินทร์' จากพรรคภูมิใจไทย มาคอยตอดคะแนนไปด้วย ดร.จึงอยู่ในฐานะน่าหวาดเสียว แม้จะมีสองโกมาช่วย ก็ยังหนักกับเครือข่ายของราชิต แถมยังมี 'สมนึก เกตุชาติ' อดีตนายกเทศมนตรีนครศรีธรรมราช มาช่วยอีกแรง ทำให้ ดร.รงค์ เบาใจไม่ได้เลย

แต่น่าแปลก 'สัญหพจน์ สุขศรีเมือง' อดีต ส.ส.แท้ ๆ กลับไม่ค่อยมีกระแส โพลทุกสำนักไม่มีชื่อสัญหพจน์อยู่ในลำดับที่จะได้เลย เขตนี้กลับมีชื่อของ 'โก้เท่ห์ -พิทักษ์เดช เดชเดโช' คนใหม่จากประชาธิปัตย์ ทายาทของ 'วิฑูรย์ เดชเดโช' อดีตนายกฯ อบจ.นครศรีธรรมราช และเป็นลูกชายของ 'กนกพร เดชเดโช' นายกฯ อบจ.นครศรีธรรมราช คนปัจจุบัน ยืนโดดเด่นกว่า โดยมี 'มานะ ยวงทอง' จากภูมิใจไทย และ 'นนทิวรรตน์ นนท์ภักดิ์' จากพรรครวมไทยสร้างชาติขึ้นมาเป็นคู่ชิง

ส่วนอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ อดีต ส.ส.พลังประชารัฐ สองปี เพราะมาจากการเลือกตั้งซ่อม ยังทำงานได้ไม่เต็ม 100 เจอคู่แข่งเดิม 'พงศ์สิน เสนพงศ์' ที่ย้ายจากประชาธิปัตย์ไปอยู่รวมไทยสร้างชาติ แถมยังมีเจ้าถิ่น 'ณัฐกิตติ์ หนูรอด' จากพรรคภูมิใจไทย มาร่วมชิงด้วย อาญาสิทธิ์จึงอยู่ในฐานะเข็นครกขึ้นเขา

กล่าวสำหรับพลังประชารัฐ ควรให้น้ำหนักกับ 'สุนทร รักษ์รงค์' เขต 8 ที่เขามาฐานอยู่กับชาวสวนยาง ชาวสวนปาล์มไม่น้อย แต่เขาต้องไปสู้กับทายาทของ 'ชิณวรณ์ บุณยะเกียรติ์' น้องบีท-ปุณณสิริ บุณยเกียรติ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ สุนทรก็จะนิ่งนอนใจไม่ได้เหมือนกัน เพราะเขตนี้ยังมี 'มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล' จากพรรคภูมิใจไทย เดินคู่กันมาอีกคนที่ในทางการเมืองไม่ควรมองห้ามกับการเป็น สจ.มาก่อน และเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเธอลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.กับคะแนน 18,000 คะแนน ก็ถือว่าไม่ธรรมดา

สำหรับประชาธิปัตย์ 5 ที่นั่งเป็นตัวตั้ง คือ ชัยชนะ เดชเดโช แต่ให้ระวัง สจ.สนั่น พิบูลย์ ที่คราวนี้สู้จริงในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเขามีฐานที่เหนียวแน่อยู่จุฬาภรณ์ ในฐานะ สจ. และยังมี สจ.ยา จากลานสกา มาช่วยอีกแรง ชัยชนะก็จะชะล้าใจไม่ได้เช่นกัน ชิณวรณ์ บุณยเกียรติ์ ที่ยังลงเขตเหมือนเดิม โดยลงเขต 7 ที่เชื่อกันว่า น่าจะสอบผ่าน แต่อย่าลืมว่า เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ชิณวรณ์ก็ชนะไม่มาก และคราวนี้ พรรคภูมิใจไทย ไปได้ 'ษฐา ขาวขำ' อดีตนายอำเภอ มาลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็ทำให้ชิณวรณ์หวั่นไหวได้เหมือนกัน ยิ่งโค้งสุดท้าย ญาติ ๆ จากพัทลุง กระโดดเข้ามาช่วย ส่งท่อน้ำเลี้ยงเข้าใน 'นายอำเภอษฐา' ก็มีกำลังใจขึ้น ยิ่งมีผู้มากบารมีจากปากพนังขนญาติมาช่วยอีกแรง สถานการณ์นี้จึงไม่ควรมองผ่าน 'ษฐา' จากภูมิใจไทย

นอกจากนี้ก็จะมี 'ประกอบ รัตนพันธ์' ที่มีคู่แข่งทั้งจากภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ และพลังประชาธิปัตย์ อีกคนคือ 'โก้เท่ห์ -พิทักษ์เดช' นี้แหละ
 

'ชัยชนะ' ยัน '25 สส.ปชป.' ไม่คิดย้ายพรรคจนหมดสมัยสภาฯ เผยได้ 'หัวหน้าพรรค' คนใหม่แน่ไม่เกินต้น พ.ย.นี้

(28 ก.ย. 66) ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระแสข่าวสมาชิกพรรคบางส่วน และอดีต สส.จะไปจัดตั้งพรรคใหม่ เพื่อดัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค เป็นหัวหน้าพรรคดังกล่าว ว่า ตนเพิ่งทราบข่าวผ่านสื่อมวลชน ซึ่งไม่ทราบว่าแหล่งข่าวมาจากไหน เพราะในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีการพูดคุยว่าใครจะย้ายออกจากพรรค หรือไปตั้งพรรคใหม่ แต่เท่าที่อ่านในข่าวบอกว่ามีกลุ่มหนึ่งจะย้ายไปอยู่พรรคการเมืองอีกกลุ่มหนึ่งจะไปตั้งพรรคใหม่ เท่าที่ตนยืนยันได้ สส.ทั้ง 25 คนในปัจจุบัน ไม่มีใครที่จะย้ายพรรคและไปตั้งพรรคใหม่ ส่วนอดีตสมาชิกตนไม่ทราบ เพราะบางคนก็ไม่ได้พูดคุย แต่เท่าที่พูดคุยกันส่วนใหญ่ไม่มีใครมีความคิดแบบนี้

เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า สส.ทั้ง 25 คน อยู่กับพรรค ปชป.จนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า นายชัยชนะ กล่าวว่า ขอยืนยัน ณ ปัจจุบันก่อน ถ้าไปพูดเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น ในอีก 3 ปีจนกว่า ก็ไม่ได้ แต่ตนพูดว่าสมัยนี้จนถึงจบสมัย ไม่มีใครย้ายพรรค แต่หลังจากหมดสมัยสภาฯ แล้วมีการเลือกตั้งใหม่ ก็เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลที่ใครจะอยู่หรือใครจะย้ายไปพรรคไหน ก็ต้องยอมรับและให้เกียรติซึ่งกันและกัน

เมื่อถามถึง การเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ภายในต้นเดือนตุลาคมจะมีการประชุม กก.บห.ชุดรักษาการ เพื่อกำหนดแนวทางในการประชุมเลือกหัวหน้าพรรค และ กก.บห.พรรคชุดใหม่ อาจจะมีการหารือและขอมติจากที่ประชุม กก.บห.ชุดรักษาการ ว่าเราจะหาทางอย่างไรให้มีการประชุมเลือก กก.บห.ชุดใหม่ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีองค์ประชุมครบ ดังนั้น ตนคิดว่าภายในเดือนตุลาคม หรือช้าสุดไม่เกิดต้นเดือนพฤศจิกายน ต้องได้หัวหน้าพรรค ปชป.คนใหม่ อย่างไรก็ตาม บุคคลที่จะเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ยังคงเป็นชื่อของ นายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวพรรค ปชป.เหมือนเดิม

"ผมคิดว่าวันนี้ทุกฝ่ายต้องถอยคนละก้าวเพื่อมาพูดคุยกัน และหาวิธีที่ดีที่สุด และวันนี้ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่า ประชาธิปัตย์อยู่ในยุคเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนผ่าน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำในอดีตที่ดี เราต้องสืบทอดต่อไป อะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับโลกปัจจุบันก็ต้องเปลี่ยนแปลง ถ้าเรายังยึดติดอยู่กับสิ่งเดิมๆ เก่าๆ เราก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้ และถ้าเริ่มต้นใหม่ไม่ได้ เราก็ไม่มีสิทธิที่จะสู้กับเขาได้" นายชัยชนะ กล่าว

เมื่อถามว่า มีโอกาสที่จะพูดคุยว่าอีกฝั่งเป็นหัวหน้า อีกฝั่งเป็นเลขาหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ตนคิดว่าอยู่ที่การพูดคุยเจรจากันมากกว่า การเมืองคือการเจรจา ถ้าเจรจาภายใต้ความรักและปรารถนาดีต่อพรรค ปชป.ตนว่าจบ แต่ถ้าเจรจาแล้วมีกำแพงกั้นไว้ตนว่าไม่จบ และที่ผ่านมาพวกตนพร้อมเจรจาตลอดและไม่ได้มีกำแพงกั้น โดยนำเสนอบุคคลใหม่ ๆ เข้ามาทำงานกับพรรค แต่บางครั้งก็โดนมองว่าคนที่เข้ามาใหม่นั้นเป็นสมาชิกไม่ครบ 5 ปีบ้าง อะไรบ้าง ตนจึงมองว่าวันนี้การทำงานเราต้องย้อนกลับไปว่า ในเมื่อเรามีคนที่มีความสามารถแต่เขาเพิ่งเข้ามาในพรรคเราก็ต้องให้โอกาสเขา 

'ชัยชนะ' ขึ้นชั้น 14 ยัน!! วันนี้ได้ทำหน้าที่ชัดเจนครบถ้วนแล้ว ส่วนภาพการรักษาที่ให้ไม่ได้ เพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล

(12 ม.ค. 67) ที่โรงพยาบาลตำรวจ หลังจากที่ นายชัยชนะ เดชเดโช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ (กมธ.ตร.) สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยคณะทำงาน เข้าศึกษาดูงาน ที่อาคารศรียานนท์ กองบังคับการอำนวยการ โรงพยาบาลตำรวจ โดยมี พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ นายแพทย์ (สบ7) โรงพยาบาลตำรวจ และคณะร่วมชี้แจงรายละเอียด ข้อซักถามต่างๆ

ต่อมา นายชัยชนะ พร้อม นางทิพา ปวีณาเสถียร ส.ส.ลำปาง พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษก กมธ.ตร. และทีมแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เดินทางไปที่อาคารภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ซึ่งเป็นอาคารพักรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนเดินทาง นายชัยชนะ กล่าวเพียงว่าขออนุญาตไปตรวจดูตามหน้าที่จะกลับมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง โดยทั้งหมดขึ้นรถกอล์ฟ ไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจ

จากนั้นมีรายงานว่านายชัยชนะ และคณะกรรมาธิการฯ ขึ้นไปถึงชั้น 14 และพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล บริเวณหน้าเคาน์เตอร์พยาบาลของสถานที่พักของผู้ป่วย แต่ไม่ได้เข้าไปในห้องพักของผู้ป่วย ซึ่งใช้เวลาพูดคุยประมาณ 10 นาที จากนั้นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจ ได้นำคณะกรรมาธิการฯ ไปเยี่ยมนักโทษที่รักษาตัวอยู่บริเวณชั้น 7 ของอาคารแห่งนี้ต่อด้วย

ต่อมา นายชัยชนะ เปิดเผยว่า มีผู้ต้องขังมารักษาที่โรงพยาบาลค้างคืนท่านเดียว คือ นายทักษิณ รายอื่นเป็นผู้ต้องขังมารักษาแบบเช้าเย็นกลับ ทั้งนี้ตนได้หารือตามกรอบระเบียบกับทางโรงพยาบาลตำรวจ จึงอนุญาตให้ขึ้นไปชั้น 14 เพื่อไปดูขั้นตอนวิธีการคุมขัง

พบทั้งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ตำรวจในท้องที่รวม 8 นาย ส่วนที่ถามว่าได้เจอตัวนักโทษหรือไม่ เรื่องนี้เป็นความเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ส่วนบุคคลฯ ที่อนุญาตให้ได้เท่านี้ ฉะนั้นสิ่งที่อนุญาตตามกฎหมายคือได้พบเจ้าหน้าที่ประจำชั้น

นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า ส่วนจะยืนยันว่านายทักษิณ พักอยู่ที่โรงพยาบาลหรือไม่เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งก็แจ้งมาก่อนหน้านี้ว่าเป็นพ.ร.บ.ส่วนบุคคล ทั้งนี้เรายืนยันว่าไม่ได้มาขอเยี่ยมใครคนใดคนหนึ่ง เพียงมาดูว่าวิธีปฏิบัติเท่าเทียมหรือไม่ ส่วนวิธีการรักษาก็ชี้แจงไม่ได้

ตนขอย้ำว่ามาดูขั้นตอน วิธีการ เจ้าหน้าที่ควบคุมอย่างไรเมื่อมีผู้ต้องหามาค้างคืน โดยจากที่ได้พูดคุย คือทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะมีการผลัดเปลี่ยนเวรเพื่อดูแล 24 ชั่วโมง และต้องมีการรายงานผู้บังคับบัญชาทุก 2 ชั่วโมง เป็นการถ่ายภาพในห้องที่ผู้ต้องขังที่เป็นผู้ป่วยพักอยู่ ห้องพักไม่ได้มีการล็อกผู้คุมจะเดินเข้าออกได้ทุกเวลา

นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า ตนไม่ก้าวล่วงในการรักษาของแพทย์ จากนี้ต้องไปถามทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่าเอกสารที่ กมธ.ตร.ขอไปว่าแต่ละวันผู้คุมคนไหนที่มาเข้าเวร ผลัดเปลี่ยนเวรอย่างไร ลงชื่ออย่างไร และส่วนของเอกสารค่ารักษาพยาบาล ที่แจ้งว่าใช้สิทธิ์ สปสช.และถ้าเกินจะใช้เงินส่วนตัวได้ ได้เตรียมให้ตามที่ขอไปแล้วหรือไม่

ตนยืนยันว่าส่วนของโรงพยาบาลตำรวจวันนี้ได้ทำชัดเจนครบถ้วนแล้ว ภาพการรักษาที่ให้ไม่ได้เพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล

ส่วนนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ผิดอะไร แต่ถ้ากรมราชทัณฑ์ไม่ต้องการเป็นจำเลยสังคมนี้ ต้องชี้แจงกับสังคมให้เข้าใจ เมื่อไรที่ชี้แจงไม่เข้าใจจำไว้เลยว่าจำเลยของสังคมก็คือกรมราชทัณฑ์ ส่วนโรงพยาบาลตำรวจ

ต้องยอมรับว่าสิ่งที่โรงพยาบาลทำวันนี้ถูกต้องที่สุดให้ความร่วมมือให้ข้อเท็จจริง การจะยืนยันว่านายทักษิณ อยู่หรือไม่เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ตนขอยืนยันว่ามาดูกระบวนการขั้นตอนเท่านั้น“ นายชัยชนะ กล่าว

นายชัยชนะ กล่าวถึงประเด็นที่กล้องวงจรปิดของอาคารรักษาตัวของนายทักษิณ เสียทั้งอาคาร โดยฝากข้อความไปถึงนายกรัฐมนตรีว่าขอให้ใช้งบประมาณจำนวน 2 ล้านบาทที่นำไปท่องเที่ยวต่างประเทศมาซ่อมแซมกล้องวงจรปิดให้ใช้งานได้ นอกจากภายในอาคารแล้ว บริเวณรอบข้างก็พบว่าก็วงจรปิดเสียด้วยเช่นกันและเสียมาหลายปีแล้ว

สำหรับการมาศึกษาดูงานของกมธ.ตร.นั้น เพื่อสอบถาม ขั้นตอนการปฏิบัติผู้ต้องขังที่ส่งมารักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ ว่ามีวิธี รูปแบบขั้นตอนอย่างไร ปฏิบัติกับผู้ต้องขังทุกคนเท่าเทียมหรือไม่

รวมถึงมาสอบถาม กรณีที่ประชาชนมีข้อสงสัยและให้ความสนใจ คือการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นผู้ต้องขังที่รักษาตัวอยู่ที่นี่ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.2566 ว่ามีการปฏิบัติอย่างไร รักษาตัวอยู่ที่ชั้นไหน อย่างไรบ้าง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top