Friday, 19 April 2024
คดียาเสพติด

ผบ.ตร.โชว์ความพร้อมด้านความปลอดภัยประชุม APEC 2022 ระดมกวาดล้างอาชญากรรมครั้งใหญ่ จับผู้ต้องหาคดียาเสพติด และอาวุธปืน หมายจับค้างเก่า กว่า 60,000 ราย สร้างความเชื่อมั่นให้นานาชาติ

วันนี้ (8 พ.ย.65) เวลา 10.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.,พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.,พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ,พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.ภ.8 ร่วมแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนานาชาติ และประชาชน ก่อนการประชุม APEC 2022

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีระดมกวาดล้างปราบปรามผู้กระทำความผิดที่ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนเถื่อน อาวุธปืนสงคราม ยาเสพติด และหมายจับค้างเก่า ก่อนที่จะมีการจัดการประชุมผู้นำ APEC ปลายเดือนนี้  เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยมีการระดมกวาดล้างในห้วงระหว่างวันที่ 10 ต.ค. - 8พ.ย. 65 ผลการดำเนินการ ดังนี้

1. ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุน ทั้งสิ้น 11,811 คดี ผู้ต้องหา 10,450 คน ของกลางอาวุธปืนสงคราม 36 กระบอก ปืนไม่มีทะเบียน 5,345 กระบอก มีทะเบียน 936 กระบอก วัตถุระเบิด 4,342 รายการ และเครื่องกระสุน 37,045 นัด 

2. ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 41,803 คดี ผู้ต้องหา 43,027 คน ของกลางยาบ้า 49,580,083 เม็ด 

3. จับบุคคลตามหมายจับคดีอาญาได้ 9,465 หมายจับ ผู้ต้องหา 9,255 คน

สำหรับงานสืบสวนสอบสวนได้มีการระดมเร่งรัดหมายจับค้างเก่าทั้งประเทศ ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีการจับกุมหมายจับค้างเก่าไปแล้วกว่า 50% ส่วนด้านการป้องกันปราบปราม มีการระดมจับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวกับอาวุธปืนและยาเสพติด ขณะนี้มีการขยายผลต่อเนื่องไปถึงต้นทางการผลิต โดยจะได้ปราบปรามอย่างครบถ้วนทุกมิติ 

ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า คดีที่น่าสนใจ ภ.5 สามารถจับกุมนายวีรยุทธ สงวนนามสกุล ผู้ต้องหาจำหน่ายอุปกรณ์ปืน บีปีกัน แบลงค์กัน และได้ผลิตแปลงอาวุธปืนแบลงค์กัน ใส่ลำกล้องปืน 9 มม. ให้เป็นอาวุธปืนที่สามารถยิงกระสุนจริงได้ โดยเปิดร้านชื่อ CHAROEN AIRSOFT 4289 ผ่านแพลตฟอร์มลาซาด้า โดยมีช่องทางติดต่อผ่านไลน์ Line Official '@612mrgnd' และใน Facebook เพจของ CHAROEN AIRSOFT 4289

ยึดหลักยุติธรรม ‘โรม’ ยื่น ก.ต. สอบผู้พิพากษา ถอนหมายจับ สว.ทรงเอ ชี้!! ต้องบังคับใช้กฎหมายเสมอภาค - ไม่แบ่งแยก

(8 มี.ค.66) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เดินทางมายื่นหนังสือถึง คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม หรือ ก.ต. เพื่อให้ตรวจสอบ อธิบดีผู้พิพากษาฯ รองอธิบดีผู้พิพากษาฯ และ ผู้พิพากษา ที่นั่งบัลลังก์ ในกาพิจารณาเพิกถอนหมายจับ สมาชิกวุฒิสภา คนดัง ที่ถูกกล่าวหาเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า วันนี้มายื่นหนังสือถึง คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เป็นกรณีที่สืบเนื่องจากการอภิปรายทั่วไป 152 โดยในรอบนี้ตนเองทำตามระเบียบและพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการยุติธรรม มันจะเป็นไปซึ่งประโยชน์จริง ๆ อย่างที่ทุกคนทราบว่า ตนเองมีการอภิปราย 152 ข้อมูลหนึ่งที่ตนเองเปิดเผยออกมาคือ สว.ทรงเอ ซึ่งเป็นตัวละครที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและการฟอกเงิน ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือ บช.ปส. ที่รับผิดชอบคดีนี้ ได้มายื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับ หลังจากมาขอ ออกหมายจับ ในช่วงเช้า ของเดือนตุลาคม 2565 ศาลได้อนุมัติหมายจับแล้ว แต่ปรากฏว่า ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน มีการยกเลิกหมายจับ ดังกล่าว โดยสาเหตุสำคัญ ที่ปรากฏในคำอธิบายของผู้พิพากษา ที่ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาและมีการเขียนไว้ในคำสั่งเพิกถอนหมายจับ ว่าได้รับฟังคำแนะนำจากอธิบดีผู้พิพากษาฯ ว่า บุคคลที่ถูกออกหมายจับ หรือ สว.ทรงเอ เป็นบุคคลที่มีความสำคัญ และศาลไม่ทราบมาก่อน ว่า พนักงานสอบสวน มายื่นคำร้องเพื่อออกหมายจับบุคคลดังกล่าว จึงขอให้มีการถอนหมายจับ และขอให้พนักงานสอบสวน ออกหมายเรียก ก่อน

ซึ่งหากพิจารณา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คดีที่มีอัตราโทษสูง ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและการฟอกเงิน โดยทั่วไปไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องมีการออกหมายเรียกก่อน สามารถที่จะดำเนินการออกหมายจับได้เลย และในชั้นต้น เดิมทีศาลก็คงจะเห็นด้วย ว่า บุคคลดังกล่าว เป็นวุฒิสมาชิกหรือไม่ จึงออกหมายจับให้ แต่ปัญหาในระบบกฎหมายของไทย ไม่ได้แบ่งแยกว่า การปฏิบัติกับวุฒิสมาชิก กับการปฏิบัติกับบุคคลธรรมดา ต้องมีความแตกต่างกัน เพราะหลักการของกฎหมาย ทุกคนมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน  

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติประชุมติดตามคดียาเสพติดรายสำคัญ ภ.จว.เชียงราย กำชับบูรณาการทุกภาคส่วนป้องกันปราบปรามยาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพ

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดเชียงราย วันที่ 8-9 มกราคม 2567 โดยวานนี้ (8 ม.ค.67) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เดินทางไปยังตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สรวยพบ พ.ต.อ.ปริญญา เพชรมี ผกก.สภ.แม่สรวย พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ สภ.แม่สรวย รับการตรวจเยี่ยม โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและคณะผู้บังคับบัญชาได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสถานีตำรวจ และร่วมรับประทานอาหารกับผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมมอบของบำรุงขวัญแก่ข้าราชการตำรวจในสังกัด เป็นการสร้างขวัญและกำลังแก่ข้าราชการตำรวจ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ขอบคุณกำลังพลทุกนาย และขอให้ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ด้วยหัวใจเป็นข้าราชการตำรวจของพระราชาในสายตาประชาชน 

วันนี้ (9 ม.ค.67) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้บินสำรวจบริเวณจุดที่ตำรวจยิงปะทะกับขบวนการค้ายาเสพติด ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 7 ม.ค.67 ซึ่งสามารถตรวจยึดกระเป๋าเป้ จำนวน 21 ใบ ตรวจสอบภายในพบบรรจุยาไอซ์ใบละ 15 ห่อ น้ำหนักรวมทั้งหมด 323 กิโลกรัม 

จากนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เดินทางไปยัง ภ.จว.เชียงราย เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าการตรวจยึดคดียาเสพติดรายสำคัญของ สภ.แม่ฟ้าหลวง จว.เชียงราย โดยมี พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 , รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 , พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย , ข้าราชการตำรวจในสังกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม 

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มาประชุมขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการในการป้องกัน สกัดกั้นและปราบปรามการลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนภาคเหนือ ณ ห้องประชุม ด่านศุลกากรเชียงแสน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้มอบนโยบายให้บูรณาการทำงานทุกภาคส่วน คุมเข้มมาตรการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนภาคเหนือ ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ให้ปราบปรามอย่างเข้มข้นและจริงจัง เพื่อตัดวงจรการค้าให้สิ้นซาก ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี รัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 เป็นต้นมา ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ร่วมบูรณาการกับทุกภาคส่วน ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง สำนักงาน ป.ป.ส. และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีหน้าที่ในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่ประเทศไทย ดำเนินการตามมาตรการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด การแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อลดปริมาณยาเสพติดในพื้นที่ตอนในของประเทศ ให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรมอย่างเข้มข้น จริงจัง และเด็ดขาด โดยมีผลการปฏิบัติในปีงบประมาณ 2567 ในห้วงเดือนตุลาคม 2566 ถึงต้นเดือนมกราคม 2567 จับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ เป็นยาบ้ามากถึง 60 ล้านเม็ด , ไอซ์ 520 กิโลกรัม เกิดเหตุปะทะ 12 ครั้ง ตรวจยึดยาบ้า 7 ล้านเม็ด , ไอซ์ 323 กิโลกรัม ผู้ต้องหาเสียชีวิต 20 คน 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ครั้งนี้ได้มาเยี่ยมบำรุงขวัญ และให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจภูธรภาค 5 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองกำลังผาเมือง ฝ่ายปกครอง บูรณาการการปฏิบัติ เพื่อ ป้องกันปราบปราม และสกัดกั้น ยาเสพติด ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการจัดหางบประมาณและเครื่องมือพิเศษ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมกำชับผู้บังคับบัญชาให้ดูแลขวัญและกำลังใจของผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์จากขบวนการยาเสพติด เน้นย้ำการใช้เทคโนโลยีมาใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ทุกงานทุกด้านทุกเรื่อง กำชับข้าราชการตำรวจไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด ให้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง

สตม.รวบหนุ่มรัสเซีย หนีหมายจับรัสเซีย คดียาเสพติด แอบกบดานในไทยจน OVERSTAY กว่า 10 ปี

ตม.จว.ชลบุรี จับกุม MR.MIK (นามสมมติ) อายุ 34 ปี สัญชาติรัสเซีย โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านแห่งหนึ่งใน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี

เมื่อประมาณต้นเดือน ตุลาคม 2566 ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งข้อมูลจากอาสาสมัคร (volunteer) ว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติรัสเซีย มีพฤติการณ์น่าสงสัย ซึ่งอาจเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย จึงได้สืบสวนข้อมูลในเชิงลึก เบื้องต้นพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือ MR.MIK (นามสมมุติ) สัญชาติรัสเซีย ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว (Overstay) โดย MR.MIK มักจะไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จว.ภูเก็ต และ จว.ชลบุรี นอกจากนี้ยังพบว่า MR.MIK เป็นบุคคลตามหมายจับที่ทางการรัสเซียต้องการตัวกลับไปดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และองค์การตำรวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INRETPOL Red Notice) ตม.จว.ชลบุรี จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบสวน ติดตามจับกุม MR.MIK 

จนกระทั่งสืบทราบว่า MR.MIK ได้เดินทางเข้ามากบดานอยู่ที่บ้านพักแห่งหนึ่งใน ต.หนองปรือ  อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้ไปวางแผนจับกุม จนกระทั่งได้พบ MR.MIK ในบริเวณหน้าบ้านใน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้แจ้งข้อหา "เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (2,971 วัน) และจับกุมนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย  สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิม พระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top