Friday, 29 March 2024
ขับขี่ปลอดภัย

3 เคล็ด (ไม่) ลับ! ขับขี่ปลอดภัย ต้อนรับวันหยุดยาว!!

ในช่วงสิ้นปีแบบนี้ ทั้งอากาศดี ๆ พร้อมวันหยุดยาวช่วงสิ้นปีที่กำลังจะถึงอีกมากมาย ใคร ๆ ก็มีแพลน จัดทริปเตรียมออกเที่ยว ไม่ว่าจะค้างคืน หรือไปเช้าเย็นกลับ แน่นอนว่า บนถนนจะต้องเนืองแน่นไปด้วยรถมากมาย! ที่ต่างก็มุ่งเป้าออกไปพักผ่อนหย่อนใจ หลังจากทำงานหนักกันมาทั้งปี…

ชุมพร - จัดโครงการ “สวมหมวกนิรภัย 100 % ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร” เคารพต่อกฎหมาย- เคารพกฎจราจร ด้วยการสวมหมวก!!

วันที่ 16 ธันวาคม 2564 เวลา 09.30 น.นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรให้เกียรติมาเป็นประธานในกิจกรรมโครงการสวมหมวกนิรภัย 100 % ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ร่วมกับพลตำรวจตรี วิรุฬ สุวรรณวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร / พันตำรวจเอกประสิทธิศักดิ์ ศรีสุข รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร / พันตำรวจเอกเทเวศร์ ปลื้มสุทธิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองชุมพร / นายประมูล อุ่นเรือน ท้องถิ่นจังหวัดชุมพร / นางสาวสุนารี บุญชุบ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร / นายนักรบ ณ ถลางนายอำเภอเมืองชุมพร / นายภาสกร ชาญกสิกร เลขานุการ อบจ. และ นายศรีชัย วีรนรพานิช นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร

โดย พันตำรวจโทสมชาย มากอำไพ กล่าวว่า ท่านพลตำรวจโทอำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งเห็นความสำคัญว่าปัจจุบันอุบัติเหตุทางถนน ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต ต่อทรัพย์สินและความสูญเสียต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก อุบัติเหตุทางถนนจะเกิดขึ้นกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นส่วนมาก ท่านจึงดำริให้จัดทำโครงการสวมหมวกนิรภัย 100 % ขึ้นทุกสถานีตำรวจในสังกัด ตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อส่งเสริมให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารตระหนักถึงความสำคัญในการสวมหมวกนิรภัย ซึ่งจะช่วยป้องกันให้ลดการบาดเจ็บ ลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางถนน เป็นการปลูกจิตสำนึกของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ให้เคารพต่อกฎหมาย เคารพกฎจราจร ด้วยการสวมหมวก

จากนั้น พันตำรวจเอกเทเวศร์ ปลื้มสุทธิ์ กล่าวว่า โครงการสวมหมวกนิรภัย 100 %เพื่อส่งเสริมให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร การปลูกจิตสำนึกของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ให้เคารพต่อกฎหมาย เคารพกฎจราจร ด้วยการสวมหมวก นิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ขั้นตอนการปฏิบัติ มี 3 ช่วงด้วยกัน ช่วงเริ่มต้นรณรงค์ คือตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2564 ถึง 31 มกราคม2565  ช่วงกวดขันเข้มข้น มีด้วยกัน 3 ระยะ สำหรับผู้กระทำผิดข้อหา "ไม่สวมหมวกนิรภัยในขณะขับขี่รถจักรยานยนต์" และข้อหา "เป็นผู้ขับขี่ยินยอมให้ผู้โดยสารไม่สวม หมวกนิรภัยในขณะโดยสารรถจักรยานยนต์ จะมีอัตราเปรียบเทียบปรับต่างกัน ผู้กระทำผิดระยะที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 จะเปรียบเทียบปรับในอัตรา 200 บาท ผู้กระทำผิดระยะที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 จะเปรียบเทียบปรับในอัตรา 300 บาท ผู้กระทำผิดระยะที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป จะเปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมมอบหมวกนิรภัยให้แก่ผู้กระทำผิด

 

“10 ข้อเตือนภัยประชาชน!! ช่วงเทศกาลปีใหม่” ผบ.ตร. มีความห่วงใย จัดเต็มกำลังตำรวจ ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์  โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้รับผิดชอบสายงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม จัดเตรียมมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อยและดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อป้องกัน และลดอุบัติเหตุในห้วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2565

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.64 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีการประชุมกำชับสั่งการเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในห้วงวันหยุดยาวปีใหม่ 2565 และกำชับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสียหายจากอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นในห้วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมทั้งได้จัดทำ

“10 ข้อเตือนภัยประชาชน ช่วงเทศกาลปีใหม่” ดังนี้ 

1. ไม่ประดับสวมใส่ทรัพย์สินมีค่า

2. สำรวจทรัพย์สิน และล็อกประตูหน้าต่างที่พัก

3. เจ้าของผู้ประกอบการตรวจสอบความพร้อมเจ้าหน้าที่และกล้องวงจรปิด

4. หลีกเลี่ยงการใช้บริการตู้เอทีเอ็มที่อยู่บริเวณเปลี่ยว

5. ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

6. ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะขับรถ

7. ไม่ใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถ

8. ระมัดระวังในการจุดพลุ

9. กรณีพบเห็นบุคคลที่สงสัยว่าจะเป็นคนร้าย ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่

10. กรณีพบเหตุด่วนเหตุร้าย แจ้ง 191 หรือ 1599 หรือหมายเลขโทรศัพท์สถานีตำรวจ

 

ตำรวจสอบสวนกลาง จัดกิจกรรมจิตอาสา “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เตรียมความพร้อมรองรับประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565

บนถนนทางหลวงมอเตอร์เวย์สาย 6 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ชัช สุกแก้วณรงค์ รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล.พร้อมกำลังจิตอาสา จัดกิจกรรมจิตอาสา “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เตรียมความพร้อมรองรับประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 โดยมุ่งเน้น “เปิดจุดอับ ขยายจุดสว่าง จุดพักรับรองเพื่อความสุขของประชาชน” ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.64 - 4 ม.ค.65

โดยมีจิตอาสาเข้าร่วมกว่า 200 นาย ประกอบด้วยจิตอาสาตำรวจสอบสวนกลาง  เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงนครราชสีมา , เจ้าหน้าที่ อบต.หนองสาหร่าย , อาสาจราจรตำรวจทางหลวง , จิตอาสาอำเภอปากช่อง ,  ชมรมฮักเขาใหญ่ , วิทยาลัยอาชีวศึกษากุสุมภ์เทคโนโลยี , นักเรียนโรงเรียนบ้านนา (ประสิทธิ์วิทยาคาร), นักเรียนโรงเรียนไตรรัตน์วิทยาคารในพื้นที่ อ.ปากช่อง และประชาชนจิตอาสา ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาด้านการจราจร พร้อมรับเทศกาลปีใหม่ 2565 ณ บริเวณมอเตอร์เวย์ (M6) สายบางปะอิน – นครราชสีมา ต.หนองสาหร่าย  อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยปรับปรุงภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อมเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน เช่น ทาสีเครื่องหมายจราจรให้ชัดเจน ตัดแต่งกิ่งไม้ ตัดหญ้าที่บดบังภูมิทัศน์ เก็บเศษขยะที่อาจทำให้เกิดการกีดขวางการจราจร  และล้างถนน

นอกจากนี้ยังมีการทำกิจกรรมพร้อมกันทั้ง 41 สถานีตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ  ถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ เป็นการเตรียมความพร้อมและอำนวยความสะดวก ให้แก่ประชาชนผู้ใช้เส้นทาง สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมกันรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ ตามโครงการแจกหมวกนิรภัยแก่เด็กนักเรียน มอบหมวกนิรภัยให้กับเด็กนักเรียน โรงเรียนในพื้นที่ อ.ปากช่อง

สำหรับการดูแลอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนา ในเทศกาลปีใหม่ 2565 นั้น ตำรวจทางหลวง ได้ประสาน กรมทางหลวง ในการคืนพื้นผิวการจราจรในจุดซ่อมสร้างต่าง ๆ ขอความร่วมมือผู้ประกอบการรถบรรทุกในการงดเดินรถบรรทุกในบางเส้นทาง พร้อมเตรียมเปิดช่องทางพิเศษและเส้นทางเลี่ยง เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง และอาสาจราจรตำรวจทางหลวง ที่ได้ผ่านการฝึกอบรมแล้ว มาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน 

สำหรับประชาชนที่ต้องเดินทางไกล ขับรถเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดความเหนื่อย เมื่อยล้า  ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้จัดห้องพักฟรีทั่วไทย จากใจตำรวจทางหลวง ไว้รองรับประชาชน สามารถจอดรถแวะพักได้ หรือจะพักค้างคืนได้เช่นกัน โดยได้จัดห้องพัก อาหาร ห้องน้ำ wifi และเจลแอลกอฮอล์ไว้บริการ ซึ่งทุกหน่วยบริการฯ จะมีการตรวจคัดกรองตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด และภายในที่พักยังมีโครงการเศรษฐกิจพอเพียง ประชาชนสามารถเข้าไปศึกษาหาความรู้  ขอคำแนะนำจากตำรวจทางหลวงได้ และสามารถนำผลิตผลทางการเกษตรกลับไปได้อีกด้วย ทั้งนี้ ประชาชน ที่สนใจสามารถจองที่พักได้ที่ www.booking.hwpdth.com หรือ สแกนผ่าน QR Code  

 

‘ตำรวจ’ ร่วมกับ ‘วิริยะประกันภัย’ และ ‘มูลนิธิเมาไม่ขับ’ มอบเงินรางวัล โครงการ “7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น” ให้เจ้าของคลิป รางวัลละ 10,000 บาท และแถลงผลการจับกุมรถที่มีควันดำเกินกฎหมายกำหนดในพื้นที่ กทม.

วันนี้ (18 ม.ค. 65) เวลา 10.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.เชษฐา  โกมลวรรธนะ จตร.(หน.จต.)/หัวหน้าคณะทำงาน งานตรวจสอบติดตามประเมินผล ศจร.ตร. พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผบช.ศ./หัวหน้าคณะทำงาน งานพัฒนามาตรฐานระบบงานจราจร ศจร.ตร. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พร้อมด้วย คุณกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาด บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ  ผู้แทนสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์  สวพ.91 และสถานีวิทยุ จส.100  ร่วมแถลงผลการพิจารณามอบรางวัลและเกียรติบัตรในโครงการอาสาตาจราจร “7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น” ให้แก่เจ้าของคลิปวีดีโอที่ได้รับคัดเลือกจำนวน 7 คลิป  

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีประชาชนได้ส่งคลิปวีดีโอเข้าร่วมโครงการ“7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น”  ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของโครงการดังกล่าว คือ ให้ประชาชนทุกคนร่วมเป็นอาสาตาจราจร ประชาชนสามารถส่งข้อมูลพยานหลักฐานเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือ การกระทำความผิดบนท้องถนนต่าง ๆ ผ่านทางกล้องหน้ารถ หรือโทรศัพท์มือถือ โดยสามารถส่งคลิปวีดีโอผ่านช่องทางมูลนิธิเมาไม่ขับ ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร.  จส.100 และ สวพ.91ในช่วง 7 วันของการควบคุมเข้มข้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 จำนวนกว่า 30 คลิป  ซึ่งมูลนิธิเมาไม่ขับได้เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกคลิปวิดีโอโดยมีหลักเกณฑ์การคัดเลือก คือ  

1) กรณีการกระทำผิดกฎจราจรสำคัญ - เป็นคลิปวิดีโอที่สามารถช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี หรือเป็นข้อมูลให้เข้มงวดกวดขันจับกุมการกระทำผิด หรือเป็นตัวอย่างอุทาหรณ์ไม่ให้ประชาชนทำผิดกฎหมาย

2) คดีอุบัติเหตุจราจร – เป็นคลิปที่สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในทางคดีให้กับพนักงานสอบสวน

เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด สามารถชี้ตัวคู่กรณีฝ่ายที่กระทำผิดได้   

ซึ่งผลการพิจารณาของมูลนิธิเมาไม่ขับ มีคลิปวิดีโอที่ได้รับรางวัลจำนวน 7 คลิป ดังนี้ 

(1) คลิปกล้องหน้ารถ - รถฟอร์จูนเนอร์ ชนรถหลายคันและขับหลบหนี /สน.พหลโยธิน

(2) คลิปโทรศัพท์มือถือ - ผู้ขับขี่มีอาการเมาสุรา ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ /สภ.คูคต

 (3) คลิปกล้องหน้ารถ - อุบัติเหตุรถกระบะเฉี่ยวชน รถจักรยานยนต์ /สภ.เชียงขวัญ จว.ร้อยเอ็ด

 (4) คลิปกล้องหน้ารถ - รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ขับขี่ย้อนศรถนนคู้บอน  /สน.คันนายาว

 (5) คลิปโทรศัพท์มือถือ - รถจักรยานยนต์ ขับขี่บนทางด่วนกาญจนาภิเษก

 (6) คลิปกล้องติดหมวกนิรภัย - รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกัน แล้วขับหลบหนี  /สน.หลักสอง 

 (7) คลิปโทรศัพท์มือถือ - ผู้ขับขี่ขับรถเกิดอุบัติเหตุและมีอาการเมาสุรา /สภ.เมืองเชียงใหม่ 

ซึ่งทางคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ ของศูนย์บริหารงานจราจร ตร. ได้ส่งข้อมูลให้สถานีตำรวจพื้นที่รับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้ โครงการนี้ยังมีการดำเนินการต่อเนื่องและมอบรางวัล ให้เป็นประจำทุกเดือน เดือนละ 10 คลิป รวมเป็นเงิน 50,000 บาทต่อเดือน จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ส่งข้อมูลพยานหลักฐานเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือการกระทำความผิดบนท้องถนนต่าง ๆ ผ่านทางกล้องหน้ารถ หรือโทรศัพท์มือถือ พร้อมแจ้งข้อมูลชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ผู้แจ้งข้อมูล ตามช่องทางดังกล่าวข้างต้นได้  โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้ง

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ (PM2.5) มีค่าสูงเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่  โดยเฉพาะในพื้น กทม. ซึ่งในส่วนงานจราจร  ศจร.ตร. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มมาตรการตรวจจับรถที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐาน โดยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก กรมควบคุมมลพิษ กรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพื้นที่ เพื่อตั้งจุดตรวจรถควันดำ ทั้งรถบรรทุก รถสาธารณะ และรถกระบะส่วนบุคคล สำหรับในเขตพื้นที่กทม. นั้นมีการตั้งจุดตรวจ จำนวน 20 จุด แบ่งเป็น จุดตรวจตั้งถาวร จำนวน 15 จุด  และจุดตรวจแบบเคลื่อนที่ (Mobile) จำนวน 5 จุด

โดยสถิติที่ผ่านมาในปี 2564  มีการเรียกตรวจรถรถบรรทุกและรถสาธารณะ รวมจำนวน 125,974 คัน มีค่าควันดำเกินกำหนด 51,625 คัน รถกระบะส่วนบุคคล รวมจำนวน 127,141 คัน มีค่าควันดำเกินกำหนด 52,176 คัน รวมมีรถควันดำเกินกำหนดทั้งสิ้น 103,802 คัน ออกคำสั่งห้ามใช้รถรวมทั้งสิ้น จำนวน 4,689 คัน และในปีนี้เฉพาะในช่วงวันที่ 1- 15 ม.ค.65  มีการเรียกตรวจรถบรรทุกและรถสาธารณะรวมจำนวน 3,748 คัน มีค่าควันดำเกินกำหนด 1,482 คัน  รถกระบะส่วนบุคคล รวมจำนวน 4,667 คัน  มีค่าควันดำเกินกำหนด 919 คัน รวมมีรถควันดำเกินกำหนด 2,401 คัน ออกคำสั่งห้ามใช้รถรวมทั้งสิ้น จำนวน 88 คัน ทั้งนี้ บช.น. ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจจับรถที่มีค่าควันดำ โดยหากเป็นรถบรรทุกหรือรถสาธารณะจะมีโทษปรับสูงสุดถึง 50,000 บาท (ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก) ส่วนรถส่วนบุคคล จะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท (ตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก) และจะถูกออกคำสั่งห้ามใช้รถตามกฎหมายทั้งห้ามใช้ชั่วคราวและห้ามใช้เด็ดขาด

ในส่วนของมาตรการการดำเนินคดีกับรถจักรยานยนต์นั้นในช่วงวันที่ 15 พ.ย.64 ถึง 16 ม.ค.65  มีผลการจับกุมข้อหา ขับรถย้อนศร รวม   53,403 ราย ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร  27,466 ราย ขับรถรถจักรยานยนต์บนทางเท้า 7,293 ราย  ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว 2,284 ราย  และดำเนินคดีข้อหาขับรถโดยไม่คำนึ่งถึงความปลอดภัยเป็นจำนวน 70 ราย  รวมผลการดำเนินการทั้ง 4 ข้อหา จับกุมรวมทั้งสิ้น 90,446 ราย แบ่งเป็น รถ จยย.ทั่วไป 74,832 ราย รถ จยย.เดลิเวอรี่  10,869  ราย และรถ จยย.สาธารณะ 4,718 ราย

 

ชลบุรี - สส.พัทยา ปิ้งไอเดียเดือนแห่งความรัก!! ‘แจกหมวกนิรภัย’ ให้ชาวบ้านแทนความห่วงใย

สส.กวินนาถ ตาคีย์ สส.จังหวัดชลบุรี พร้อมทีมงาน ร่วมกับ สภ.หนองปรือ โดย พ.ต.ท.เอกณัฎฐ์ สกุลผุยมูล สวป.สภ.หนองปรือ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.หนองปรือ ลงพื้นที่บริเวณหน้าตลาดรัตนากรไร่วนาสินธุ์ ตั้งอยู่ภายในซอยพรประภานิมิตร (ซอยสนามกอล์ฟ) ต.หนองปรือ  อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อแจกหมวกนิรภัยให้กับประชาชนทั่วไปจำนวน 200 ใบ

การลงพื้นที่แจกหมวกนิรภัยในครั้งนี้ เนื่องจากเดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก ซึ่งทาง สส. และทีมงานมีความรักและห่วงใยประชาชนในพื้นที่ จึงร่วมกับ สภ.หนองปรือลงพื้นที่ แจกหมวกนิรภัยให้กับประชาชนที่ใช้รถจักรยานยนต์เพื่อแทนความรักและความห่วงใย 

 

ตำรวจไซเบอร์ ห่วงใยเยาวชนไทยห้วงสงกรานต์ จับฉีดวัคซีนป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หวั่นตกเป็นเหยื่อ พร้อมให้ความรู้ขับขี่ปลอดภัย ปิดเทอม ไม่แว้น ไม่ซิ่ง ไม่แข่ง มอบหมวกกันน็อก แทนความห่วงใย

วันที่ 7 เมษายน 2566 เวลา 10.00 น. ที่หอประชุมโรงเรียนไตรรัตน์วิทยาคาร ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 และ ทีมวิทยากรวัคซีนไซเบอร์ ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา มูลนิธิเมาไม่ขับจังหวัดนครราชสีมา ชมรมฮักเขาใหญ่ และคณะครูนักเรียน โรงเรียนไตรรัตน์วิทยาคาร 

ร่วมเปิดกิจกรรม 'เตือนภัยไซเบอร์ ห่วงใยเด็กไทย ปลอดภัยสงกรานต์ ๒๕๖๖' รวมรณรงค์ สวมใส่หมวกกันน็อก โดยมี เด็กนักเรียน โรงเรียนไตรรัตน์วิทยาคาร จำนวน 150 คน และภาคประชาชน เครือข่ายความปลอดภัยบนท้องถนน เมาไม่ขับ โดยมีการอบรมให้ความรู้เรื่องพิษภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะหวันเกรงเด็กเยาวชนตกเป็นเหยื่อ จากทีมงานตำรวจไซเบอร์

สุโขทัย-ตำรวจภูธรสุโขทัยเปิดโครงการ "รณรงค์สวมหมวกนิรภัย ขับขี่ปลอดภัย "

ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ หน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองสุโขทัย อ.เมือง จ.สุโขทัย เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2566 พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ ผบก.ภ.จว.สุโขทัย เป็นประธานเปิดโครงการ"รณรงค์สวมหมวกนิรภัย ขับขี่ปลอดภัยตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย" พร้อมกล่าวว่าโครงการนี้ นอกจากจะเป็นการเชิญชวนรณรงค์ให้ประชาชน เล็งเห็นความสำคัญของการสวมหมวกนิรภัย เพื่อลดความรุนแรงสูญเสียที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุทางถนนแล้ว ยังเป็นการสร้างวินัยจราจรเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยอย่างยั่งยืน ให้แก่พี่น้องประชาชนชาวสุโขทัย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์อีกด้วย โดยมี พตอ.ชูศักดิ์ วัฒนโยธิน รองผบก.ภ.จว.สุโขทัย กล่าวรายงานการจัดกิจกรรมโครงการ

 

จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนยาพาหนะที่ก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บ มากที่สุดคือ รถจักรยานยนต์ เนื่องจากผู้ขับขี่และผู้โดยสารไม่สวมหมวกนิรภัย ทางสภ.เมืองสุโขทัยจึงมีแนวคิดจัดทำโครงการ"รณรงค์สวมหมวกนิรภัย ขับขี่ปลอดภัย ตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัยขึ้น เพื่อเสริมสร้างวินัยจราจร ปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนทราบถึงประโยชน์ของการสวมหมวกนิรภัย  

 

อีกทั้งยังเป็นการลดการบาดเจ็บและเสียชีวิต ของผู้ขับขี่และผู้โดยสารอีกด้วยกิจกรรมดังกล่าวดำเนินการโดยมีพตอ.ไพบูลย์ กาศอุดม ผกก.สภ.เมืองสุโขทัย ร่วมกับสำนักงานขนส่งจังหวัดสุโขทัย สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถสาขาสุโขทัย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กต.ตร.สภ.เมืองสุโขทัย  นักเรียน นักศึกษา และประชาชนจำนวนมากร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย 081-2844862

‘สสส.จับมือ กทม.- ภาคีเครือข่าย’ ปลูกฝังวินัยจราจร รณรงค์สวมหมวกกันน็อก-ขับขี่ปลอดภัย ป้องกันอุบัติเหตุ

‘สสส.สานพลัง กทม.- ภาคีเครือข่าย’ เดินหน้าสร้างการเรียนรู้วินัยจราจร ‘สวมหมวกกันน็อก 100% Save สมอง… ขับขี่ปลอดภัย ใกล้ไกลใส่หมวกกันน็อก’ ช่วยลดอุบัติเหตุถึง 39% นำร่องในโรงเรียน 8 แห่ง สังกัด กทม.

(29 ส.ค. 66) ที่โรงเรียนวิชากร เขตดินแดง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กองบังคับการตำรวจจราจร กรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดกิจกรรมรณรงค์สร้างกระบวนการเรียนรู้ ชวนเด็กไทยสร้างวินัยจราจร สู่ความปลอดภัยทางถนน นำร่อง 8 โรงเรียนต้นแบบ สังกัดกรุงเทพมหานคร โดยมีนางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน ภายในงานมีกิจกรรมสร้างความปลอดภัยโดย ครูตำรวจจากกองบังคับการตำรวจจราจร และชมมินิคอนเสิร์ตจากวง SPRITE X DON KIDS

นางวันทนีย์ กล่าวว่า ปัจจุบันอุบัติเหตุทางถนนก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน สาเหตุจากพฤติกรรมการขับขี่ที่ประมาท อยู่ในวัยคึกคะนอง ไม่เคารพกฎจราจร ดัดแปลงสภาพรถจักรยานยนต์ การร่วมกันสร้างจิตสำนึกให้เด็กและเยาวชนตระหนักถึงความปลอดภัยทางถนน ที่เน้นย้ำไปที่การขับขี่รถจักรยานยนต์จึงเป็นเรื่องสำคัญ เน้นการสวมหมวกนิรภัยทั้งคนขับ คนซ้อนทุกครั้ง ที่ปลูกฝังให้เกิดความเคยชิน กทม. จะให้ความร่วมมือกับ สสส. และภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนให้เห็นความสำคัญในการสร้างจิตสำนึกตั้งแต่วัยเด็ก รวมถึงการกระตุ้นให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญในเรื่องนี้เช่นกัน นำร่อง 8 โรงเรียนต้นแบบ สังกัดกรุงเทพมหานคร

นางก่องกาญจน์ ทักษ์หิรัญฤทธิ์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า สสส. และภาคีเครือข่ายความปลอดภัยทางถนน มีเป้าหมายการทำงานที่มุ่งสนับสนุนแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ.2565-2570 เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนของคนไทยให้เหลือ 12 คนต่อแสนประชากรในปี 2570 เน้นลดการสูญเสียอุบัติเหตุในกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ที่มีกลุ่มเด็กเยาวชนที่เป็นเป้าหมายสำคัญ เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุพบว่าในกลุ่มที่บาดเจ็บ และเสียชีวิตมีการบาดเจ็บที่ศีรษะสูง สัมพันธ์กับการไม่สวมหมวกนิรภัย ซึ่งหากผู้ขับขี่ทุกคนสวมหมวกนิรภัยจะช่วยลดการเสียชีวิตเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ถึง 39% และช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะและช่วย save สมอง

นางก่องกาญจน์ กล่าวต่อว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ขยายความร่วมมือกับโรงเรียนในสังกัด กทม. ผ่านกิจกรรมฐานเรียนรู้ สร้างวินัยจราจร ร่วมกับทีมวิทยากรจากกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ให้ความรู้ และสร้างความตระหนักการใช้ถนนอย่างปลอดภัย กระตุ้นการมีจิตสำนึกถึงอุบัติเหตุทางถนน ที่เริ่มต้นจากการสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง เมื่อต้องซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ หรือการหยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย กับโรงเรียนกรุงเทพมหานคร 8 โรงเรียน ครอบคลุม 6 โซนของกรุงเทพมหานคร พร้อมมอบชุดกระเป๋าการเรียนรู้ให้กับทั้ง 8 โรงเรียน สามารถนำไปจัดกิจกรรมการสอนความปลอดภัยทางถนนได้เอง ประกอบด้วย ชุดเกมช่องทางจราจร ความรู้เครื่องหมายจราจร สื่อความรู้เรื่องการสวมหมวกนิรภัย สื่อให้ความรู้อันตรายที่เกิดจากรถจักรยานยนต์

นายธงชัย โคระทัต ผู้อำนวยการโรงเรียนวิชากร เขตดินแดง กทม. กล่าวว่า “โรงเรียนได้ให้ความสำคัญในการป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ โดยรณรงค์ให้มีการสวมหมวกนิรภัยเมื่อต้องเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ทุกครั้ง จัดสถานที่เก็บหมวกนิรภัยไว้ให้ รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้นักเรียนเวลาเดินข้ามถนน และกิจกรรมรณรงค์ให้นักเรียนเห็นความสำคัญการสวมหมวกนิรภัย ยินดีให้ความร่วมมือกับ สสส. เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมทั้งกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) และภาคีเครือข่ายเข้ามาทำกิจกรรม ‘โรงเรียน กทม.ปลอดภัย ชวนเด็กไทยสร้างวินัยจราจร ขับขี่ปลอดภัย ใกล้ไกลให้ใส่หมวก’ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสนใจของนักเรียนในเรื่องความปลอดภัยทางถนนได้มากจากการนำกระบวนการเกมต่าง ๆ มาให้เด็ก ๆ เกิดการมีส่วนร่วมมากขึ้น จึงเห็นว่าโครงการนี้ควรมีการขยายไปทำในโรงเรียนทั่วประเทศด้วย”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top