Friday, 29 March 2024
การเมืองไทย

'หมอวรงค์' ชวนจับตาการเปลี่ยนแปลงในเมืองไทย อยู่แบบโกง ให้บางตระกูลร่ำรวย หรือปราบโกงเพื่อ 'แก้จน'

วันที่ 15 มีนาคม 2565 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ประเด็น ลมตะวันตก ว่า ก่อนหน้านี้ มีลมตะวันออกพัดมาสู่ไทยเรา สังคมไทยเพียงแค่พูดถึงนั่นคือ นโยบายปราบโกงของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ที่สะเทือนไปทั้งภูมิภาค และสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงให้แก่ประเทศจีน จนกลายเป็นมหาอำนาจของโลก

ล่าสุดลมตะวันตกกำลังพัดมา นั่นคือ พรรค AAP ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพรรคปราบโกงของอินเดีย เพิ่งชนะการเลือกตั้งที่ รัฐปัญจาบ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ พรรคปราบโกงของอินเดีย เคยชนะการเลือกตั้งที่เดลลี (Delhi) มาแล้ว ทั้งๆ ที่พรรค AAP เป็นพรรคการเมืองเล็ก

‘บิ๊กตู่’ ปัดตอบการเมือง ขอโฟกัสประชุม ‘อาเซียน-เอเปก’ วอน!! ทุกฝ่ายช่วยทำให้การประชุมเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย

นายกฯ พยักหน้ารับ หลังเอเปกจะชัดเจนอนาคตทางการเมือง ขณะนี้ยังไม่มีความเห็น ขอให้ความสำคัญประชุมอาเซียน-เอเปก ขอร้องกลุ่มต่างให้การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ช่วงนี้จะมีการประชุมสำคัญ คือการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 10 - 13 พฤศจิกายน และการประชุมเอเปคที่ไทย ซึ่งจะมีผู้นำทยอยเดินทางเข้ามาก่อนการประชุมเอเปคในวันที่ 18 - 19 พฤศจิกายน จึงอยากขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ที่จะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยในช่วงนี้ ขอแรงด้วยในการนำเสนอข่าวต่างๆ อย่าให้มีผลกระทบซึ่งกันและกัน ถือว่าการประชุมทั้งสองการประชุมมีความสำคัญ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าวันนี้ในทุกภูมิภาค ทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจให้ความสำคัญกับภูมิภาคอาเซียนอย่างที่สุดในขณะนี้ ทำอย่างไรจะทำให้การประชุม เป็นไปอย่างเรียบร้อยปลอดภัย มีความคืบหน้า หลายประเทศต้องการมาลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทยเป็นเป้าหมายหลักสำคัญ ขอให้ทุกคนคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ถ้าหากทำให้การประชุมมีปัญหา ขอร้องไปยังกลุ่มต่างๆ ขอให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระมัดระวัง 

‘สี จิ้นผิง’ เยือนทำเนียบฯ หารือความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ไทย - จีน พร้อมพัฒนาความมั่นคง โครงสร้างพื้นฐาน และรถไฟไทย-จีน

วันที่ 19 พ.ย. 65 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และศาสตราจารย์เผิง ลี่หยวน ภริยา ได้ลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึก ณ บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กห. ให้การต้อนรับ

โดยการเยือนไทยของประธานสีในรอบนี้ นับว่าเป็นการเยือนไทยครั้งแรกในรอบ 11 ปี และเป็นการเยือนครั้งแรกนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

ทั้งสองร่วมกันหารือถึงการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือ โดยนายกฯ ฝ่ายไทย เสนอให้เสริมสร้างปฏิสัมพันธ์ และหารือยุทธศาสตร์ในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงกระชับความร่วมมือในด้านความมั่นคง

ส่อง!! เฟซบุ๊กพรรคการเมืองไทยที่มีผู้ติดตามมากที่สุด

วันนี้ THE STATES TIMES พามาส่องเฟซบุ๊กเพจของพรรคการเมืองไทย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอิทธิพลต่อความคิดของประชาชนในยุคดิจิทัลว่าแต่ละพรรคมีผู้ติดตามกันมากน้อยขนาดไหน
 

มองพรรคการเมืองไทย ผ่านเลนส์ ‘ดร.ธีรภัทร์’ หมั่นรับฟัง ปชช. มุ่งทิ้งปมขัดแย้งในพรรค

แม้หมอกควันความขัดแย้งระหว่าง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะจางลงพร้อมกับหน้าฉากที่หลายคนมองว่า ‘จบสวย’ แต่นั่นก็กำลังสะท้อนภาพความเป็นจริงของเบื้องหลังพรรคการเมือง ที่หากคิดต่างอย่างไม่ลดละ อคติแบบไม่ยอมความ ก็อาจจะนำมาสู่ความเสียหายต่อภาพรวมของพรรคนั้นๆ ทั้งๆ ที่ในโลกแห่งการเมือง ความร้านฉานชั่วขณะ มักมิใช่สิ่งแปลกใหม่อันใด

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ‘ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์’ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นักวิชาการประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้มองปมประเด็นดังกล่าวพร้อมแนะนำการปฏิบัติตัวของบรรดาพรรคการเมืองในห้วงเวลานี้กับ THE STATES TIMES ไว้อย่างน่าสนใจว่า... 

ในเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะในองค์กรหรือสถาบันใด ย่อมต้องมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้เสมอ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของพรรคการเมือง ที่มักมีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ก็มีสิ่งที่หลายคนอาจจะวิตกก็คือ เรื่องของความเห็นที่แตกต่างกันบางครั้ง มันควรจะเป็นเรื่องที่พูดคุยกันในพรรค ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะชน 

กรณีของคุณ ‘พิธา-ปิยบุตร’ สะท้อนให้เห็นว่า พรรคการเมืองควรจะต้องมีกระบวนการในการรับฟังความคิดเห็นกันมากขึ้น แน่นอนว่าเรื่องนี้ยังดีที่พรรคก้าวไกลนั้นมีผู้นำอย่าง คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งถือว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค ที่แม้ว่าจะไม่มีสิทธิ์ในการลงสมัครต่างๆ ก็ตาม แต่ตนคิดว่าความคิดเห็นของบุคคลเหล่านี้ ก็เป็นหัวใจสำคัญที่จะผสานความเข้าใจและนำพาพรรคให้เดินหน้าต่อไปได้ 

‘ไพศาล’ ฟัน!! ยุบสภาฯ พาการเมืองไทยเข้าสู่ ‘กลียุค’ พรรคการเมืองเก่า-ใหม่ ผวา!! หวิดถูกยุบพรรคเป็นพรวน

(20 มี.ค. 66) นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า จากยุบสภาสู่การยุบพรรคและกลียุค!!!

1. การนับเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ต้องนับวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ว่า จะสิ้นสุดลงในเวลา 24.00 น. วันที่ 22 มี.ค. 66 ซึ่งเป็นที่ยุติชัดเจนแล้วว่าไม่มีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาตราพระราชกฤษฎีกายุบสภา เพราะมีคนถือว่า ‘เป็นเรื่องพิเศษ’ กล่าวง่าย ๆ คือเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี

แต่รัฐธรรมนูญบัญญัติในเรื่องนี้ไว้เฉพาะแล้วว่า “พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจอธิปไตยผ่านคณะรัฐมนตรี” และ “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการยุบสภา” คือลงว่าเป็นพระราชกฤษฎีกาแล้วก็ต้องปฏิบัติตามนี้ ไม่มีกรณีพิเศษนอกเหนือจากนี้

2. จับตาว่าจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษายุบสภาในวันนี้ตามที่เป็นข่าวลือกันหรือไม่ ถ้าจริง ก็จะลบล้างกำหนดการเลือกตั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศ ก่อนหน้านี้ และทำให้เวลาการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งขยายเอาไป ซึ่งคงจะขยายไปถึงต้นเดือนเมษายน 66 ก็จะขยายเวลาตกปลาในอ่างได้อีกระยะหนึ่ง

จากนั้นก็ต้องติดตามข่าวกระบวนการเดินหน้าในเรื่องยุบพรรค โดยเฉพาะการยุบพรรคเพื่อไทย (พท.) ก้าวไกล (ก.ก.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และขณะนี้ ก็มีเรื่องการยุบพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และรวมไทยรักษาชาติ (รทสช.) ตามเข้ามาเป็นพรวนด้วย

3. การกล่าวหาเรื่องใช้อำนาจอ้างการตรวจราชการเพื่อหาเสียงเลือกตั้ง รวม 19 ครั้ง ที่พรรคเสรีรวมไทยโดยอาจารย์สมชัยและคุณวีระเป็นผู้กล่าวหานั้น ได้ยินว่ามีข้อพิสูจน์ง่ายมาก

~การกระทำทั้ง 19 ครั้งมีหลักฐานชัดเจนทั้งภาพถ่ายและคลิป รวมทั้งตัวบุคคล

~สามารถเปรียบเทียบการตรวจราชการในช่วง 3 ปีก่อนนี้ว่ามีลักษณะรูปแบบอย่างไรแตกต่างกับ ที่อ้างไปตรวจราชการในช่วงก่อนเลือกตั้งนี้อย่างไร ที่ชัดเจนคือการระดมบุคคลหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งจังหวัดมาต้อนรับ การจัดรายการพบปะราษฎรและการกล่าวปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง รวมทั้งการนำผู้ที่จะสมัครรับเลือกตั้งขึ้นโชว์ตัวกันเป็นตับ

อย่าทำเป็นเล่นไป เพราะถ้าวันใดกระบวนการยุติธรรมแสดงความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา ก็คงน่าดูชม ไม่ใครก็ใครอาจต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ

ผวาบัตรโหล ‘สองใบ’ แต่คนละเบอร์ ‘พรรคกระแส’ อาจต้องเติม ‘กระสุน’

หลังจบความคึกคักกับการลงสมัคร ส.ส.เขตในช่วงเช้าจากทุกพรรค ก็อยากขอสรุปสถานการณ์หลักๆ ในรอบวัน รวมถึงสิ่งที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ให้ดูเป็นข้อๆ... 

1. เป็นไปด้วยความคึกคักสำหรับการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในวันแรก 3 เม.ย. ซึ่งเป็น ส.ส.เขตทั่วประเทศ ส่วนวันที่ 4 เม.ย.จะเป็นวันแรกที่รับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์ และจะคึกคักและลุ้นกันระทึกยิ่งกว่า เพราะเบอร์พรรคจะเหมือนกันทั้งประเทศ ส่วนเบอร์เขตนั้นเขตใครเขตมัน จับสลากได้เบอร์ไหนก็เบอร์นั้น

2) ระบบเลือกตั้งบัตรสองใบตามกฎหมาย กกต.ได้ออกแบบแล้ว บัตรเลือกตั้งส.ส.เขตสีเขียว มีช่องกาเครื่องหมาย มีเบอร์ผู้สมัคร แต่ไม่มีชื่อและสัญลักษณ์ (โลโก้) พรรค ที่เรียกกันตอนนี้ว่าเป็น ‘บัตรโหล’ ส่วนบัตรเลือกปาร์ตี้ลิสต์นั้นสีฟ้า มีช่องกาเครื่องหมาย, โลโก้พรรคและเบอร์พรรค

3) อธิบายเพิ่มเติมว่า เลือกตั้ง 2566 กำหนดให้เลือกตั้งแบบบัตรสองใบแบบแยกบัตรแยกเบอร์ ต่างจากปี 2554และ 2550 ที่กฎหมายกำหนดให้ทั้งคน (ผู้สมัคร ส.ส.เขต) และพรรคใช้เบอร์เดียวกัน...แบบว่าพรรคจับได้เบอร์ไหน ผู้สมัครก็ใช้เบอร์นั้นเหมือนกันทั้งประเทศ...ซึ่งแบบนี้พรรคใหญ่หรือพรรคที่กระแสดีชอบเป็นยิ่งนัก...  เพราะทำแคมเปญง่าย...

พ่อแม่ต้องเลือกข้าง หากไม่ทำตาม ลูกพร้อมตัดขาด เกมการเมืองสุดขี้ขลาดในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย

“ถ้าแม่ตัดสินใจเลือกลุงแล้ว...แม่ก็ออกไปหาเงินใช้เองเถอะนะ”

“เมื่อพ่อแม่เป็นสลิ่ม เราเลยโทรไปบอกว่าถ้าไม่เลือกก้าวไกล เราจะไม่กลับบ้าน จะไม่โอนตังให้ด้วย”

“เราบอกพ่อแม่ว่า ถ้าไม่เลือกก้าวไกล ไม่ว่าจะปิดเทอมเล็ก เทอมใหญ่ ปีใหม่ สงกรานต์ เข้าพรรษา ออกพรรษา จะไม่กลับบ้าน จะนอนเฝ้าโรงเรียนอยู่นี่แหละ...ครูสาวท่านหนึ่งมาอยู่เวรที่โรงเรียน”

ข้อความที่ได้เห็นเหล่านี้ เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เริ่มแพร่กระจายอยู่ในสังคมโซเชียลมีเดีย โดยเชื่อว่าน่าจะมาจากกระแสพรรคการเมืองหนึ่งที่ปั่นให้คนรุ่นใหม่ ออกมาทำคลิปสั้นลง tiktok/reels ซึ่งมีเนื้อหาแบบที่ว่ามาข้างต้นซ้ำไปซ้ำมา

แน่นอนว่า หากมองว่านี่คือแคมเปญ มันก็คงมีผลต่อจิตใจใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่หัวใจบอบบาง และไม่อาจต้านทานสิ่งที่ลูกหลานกำลังหยิบมาต่อรองเป็นแน่แท้

โดยแคมเปญนี้ กำลังค่อย ๆ คืบคลานเข้าไปก่อความสำเร็จทางการเมือง ด้วยกลยุทธ์ที่ต้องพูดตรงๆ ว่า ‘ต่ำทราม’ ที่สุดในประวัติศาสตร์หน้าการเมืองไทย

นั่นก็เพราะ...แม้สังคมไทยจะมีความขัดแย้งทางการเมืองมากขนาดไหน คนไทยจะชื่นชอบหรือฝักใฝ่การเมืองฝ่ายใด แต่ก็ยังรู้ผิดชอบชั่วดี ว่าการเมืองคือการเมือง ครอบครัวคือครอบครัว เพื่อนฝูงและมิตรสหายก็คือคนที่ยากจะตัดขาด และหากจะขัดแย้งกันก็ยังอยู่ในบริบทของการเลือกข้าง ภายใต้ความชื่นชอบ เหมือนเชียร์ทีมฟุตบอลทีมโปรด

กลับกัน แคมเปญในลักษณะนี้ คือ ‘ความต่ำช้า’ ที่กำลังนำพาคนไทย ก้าวข้ามคำว่า ‘ชื่นชอบ’ ไปสู่การบังคับให้ ‘ชอบ’ และหากผู้ใดไม่ชอบ สิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดมา คือ ‘ศัตรู’ แม้ผู้นั้นจะเป็นคนที่คุณรักแค่ไหนก็ตาม

‘ดร.ปฐมพงษ์’ ชี้ การเมืองไทยจะเหลือแค่ ‘พรรคใหญ่’  หุ่นเชิดชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตก – พรรคที่มีอุดมการณ์ชาตินิยม

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2566 - ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล เผยแพร่บทความผ่านเฟซบุ๊กมีเนื้อหาดังนี้ ขณะที่ประเทศอเมริกามี 2 พรรคใหญ่คือพรรครีพับลิกันและเดโมแครตซึ่งกลุ่มทุนยิวไซออนิสต์อยู่เบื้องหลังทั้งคู่

ต่อไป พรรคการเมืองในประเทศไทยจะเหลือแค่ ๒ พรรคใหญ่ๆ เท่านั้นคือพรรคที่เป็นหุ่นเชิดชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตกและพรรคที่มีอุดมการณ์ชาตินิยมซึ่งต้องการให้ประเทศเป็นไทจากชาตินักล่าอาณานิคม

ในที่สุด พรรคที่มีอุดมการณ์ชาตินิยมนี้ก็จะถูกบีบให้เลือกข้าง ไปเข้าข้างรัสเซียและจีนซึ่งมีอุดมการณ์อย่างเดียวกันจนได้ ถ้าพรรคที่มีอุดมการณ์ชาตินิยมคัดเลือกแต่นักการเมืองน้ำดีซึ่งมีอุดมการณ์จริงๆ ประวัติไม่มีด่างพร้อยมาอยู่ พรรคจะเจริญก้าวหน้า มีคนศรัทธามากยิ่งขึ้นและเอาชนะคู่แข่งได้โดยลำดับ

แต่ถ้ารับคนจำพวกแสวงหาตำแหน่งการเมืองซึ่งมีให้เห็นตั้งแต่ชุมนุมพันธมิตรแล้ว พวกนี้อาศัยช่องทีวีพันธมิตรโผล่หน้าให้เห็นบ่อยๆ ซึ่งเป็นบันไดก้าวไปร่วมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ๑ และประยุทธ์ ๒ จนถึงทุกวันนี้ พรรคก็จะไม่เป็นที่น่าศรัทธาเท่าไหร่

การเลือกตั้งใหญ่แต่ละครั้ง จะต้องเเตรียมให้พร้อมกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาเพราะเดิมพันสูง ต้องให้พรรคที่มีอุดมการณ์ชาตินิยมชนะทุกครั้ง นั่นแปลว่าระหว่างบริหารบ้านเมือง จะต้องทำให้เศรษฐกิจดีทุกๆ ด้านเพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศพึงพอใจ และเหนือกว่านั้นคือต้องเอาชนะ สงครามพันทาง จากอเมริกาให้ได้ไปด้วยเหมือนที่วลาดิเมียร์ ปูตินทำอยู่ในขณะนี้

เพราะถ้าพรรคหุ่นเชิดชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตกอีกพรรคได้คะแนนเสียงข้างมากเมื่อไหร่ ก็จะจัดการปรับให้หน่วยงานด้านความมั่นคงอ่อนแอลงเพื่อให้ต่างชาติแทรกแซงได้ง่ายขึ้น ต่างชาติก็จะเข้ามาบงการนโยบายประเทศไทยได้และจะมีการแก้กฎหมายต่างๆ เอื้อประโยชน์ต่างชาติให้วุ่นวายไปหมด

คุณจารุณี สุขสวัสดิ์ คุณเจสัน ยังและคุณสินจัย เปล่งพาณิช เป็นตัวอย่างดาราที่มีอุดมการณ์หนักแน่น ไม่กลัวการถูกวิจารณ์เมื่อแสดงจุดยืน น่าสรรเสริญมากและน่าจะเป็นตัวแทนฝ่ายบรรเทิงที่จะเข้ามาอยู่ในพรรคที่มีอุดมการณ์ชาตินิยมนี้ได้

หมายเหตุ: ชาตินิยมในที่นี้คือ nationalism หรือ patriotism ไม่ใช่เลยเถิดไปเป็น radical nationalism หรือ racism เหมือนในเยอรมนีสมัยฮิตเลอร์


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top