Saturday, 20 April 2024
กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด

ตำรวจ ปส. รุกหนักเด็ดปีกนักบิน 3 เครือข่าย สกัดยาบ้ากว่า 15 ล้านเม็ด

เมื่อวานนี้ (17 ม.ค. 66) ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงข่าวจับกุม 3 เครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง โดยภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส. พ.ต.อ.กฤษดา ศรีอิสาณ ผกก.2 บก.ปส.3, พ.ต.อ.ไพฑูรย์ งามลาภ ผกก.1 บก.สกส. และ พ.ต.อ.บุญส่ง สนธยานนท์ ผกก.3 บก.สกส.  ตำรวจ ปส. เร่งเดินหน้ากวาดล้าง จับกุม และขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติด รวมทั้งการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน และการทำลายเครือข่ายค้ายาเสพติดให้ครอบคลุมในทุกมิติการทำงาน เน้นย้ำ ในการสืบสวนหาข่าวเครือข่ายหน้าใหม่ รวมทั้งกลุ่มเครือข่ายเก่า ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.  

คดีแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 บูรณาการร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง จับกุมนายใจ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ได้บริเวณริมถนนทางหลวงชนบท หลักกิโลเมตรที่ 20 ต.เวียง อ.เทิง จว.เชียงราย ซึ่งก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 ได้รับแจ้งว่าเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง กับพวก มีพฤติการณ์ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย  เพื่อนำไปพักคอยในพื้นที่ อ.เทิง จว.เชียงราย ก่อนที่จะส่งต่อให้กับกลุ่มลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ โดยใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า ทะเบียน กพ 71X เชียงราย ซึ่งช่วงเช้าวันที่ 11 ม.ค.66 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้เฝ้าติดตามจนได้พบรถยนต์ที่ได้รับแจ้งจริง และพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า ทะเบียน บธ 78XX พะเยา ขับนำ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน บน 98XX พะเยา (คนขับหลบหนี) และ รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน บน 31XX พะเยา (หลบหนี)  

สอบสวน ผู้ต้องหา อ้างว่า รู้จักกับ นายอ้าย อาศัยอยู่ในหมู่บ้านห้วยหาญ ม.9 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จว.เชียงราย ว่าจ้างตน 20,000 บาท  ขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน กพ-71X เชียงราย เพื่อดูต้นทางสำหรับลักลอบลำเลียงยาบ้า โดยจะมีชายไม่ทราบชื่อโดยสารรถคันดังกล่าวไปด้วย ก่อนจะเดินทางเข้าไปเปิดห้องพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ห้อง A110 เพื่อรอกลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติดอีกกลุ่มเดินทางมาถึง และขับรถดังกล่าวลำเลียงยาเสพติดไปตามเส้นทาง กระทั่ง นายใจฯ ถูกจับกุม เบื้องต้นตรวจยึดรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน บน 98XX พะเยา (ใช้ในการลำเลียงยาเสพติด), รถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน กพ 71X เชียงราย (ขับนำคุ้มกัน สำรวจเส้นทาง), โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และอื่น ๆ อีกหลายรายการ  พร้อมตรวจยึดยาบ้าห่อหุ้มด้วยกระดาษสาสีขาว ประทับตราใบกัญชาและตัวหนังสือ ภาษาอังกฤษ DON’T WORRY BE HAPPY สีน้ำเงิน และ ยาบ้าห่อหุ้มด้วยกระดาษสาสีขาว ประทับตราเลข 999 สีน้ำเงิน เคลือบเทียนไขสีเหลืองอีกชั้นหนึ่ง ถูกซุกซ่อนในรถกระบะ รวมยาบ้าทั้งหมด 3,500 มัด จำนวน 7,000,000 เม็ด ทั้งนี้ได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” 

คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส.และ บก.ขส. ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายมานพ (สงวนนามสกุล) ภูมิลำเนา ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จว.ตาก ได้บริเวณป่าข้างทางริมถนนหมายเลข 33 หลัก กม.ที่ 52-53 ต.บางระกำ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากสายลับว่านายมานพฯ กับพวก มีพฤติการณ์ ร่วมกันลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ทางภาคเหนือ ไปส่งมอบให้กับลูกค้า ในพื้นที่ภาคกลางและปริมณฑล และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งในวันที่ 10-13 ม.ค.66 จะใช้รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-MAX สีเทา หมายเลขทะเบียน ผข 76XX พิษณุโลก และรถยนต์บรรทุก TOYOTA  สีเขียว หมายเลขทะเบียน 1ฒท 82XX  กรุงเทพมหานคร และรถยนต์ TOYOTA  สีดำ หมายเลขทะเบียน ขร 92XX เชียงใหม่ เป็นยานพาหนะที่จะใช้ในการนำทาง, สำรวจด่านตรวจ และลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ทางภาคเหนือ ไปส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลางและปริมณฑล และพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังสกัดกั้นตลอดเส้นทาง ถนนสายหลัก ถนนสายรอง และเส้นทางเชื่อมต่อที่คาดว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวจะใช้เป็นเส้นทางในการลำเลียงยาเสพติด ในเขตพื้นที่ จว.นครสวรรค์, ชัยนาท, สิงห์บุรี, อ่างทอง, ลพบุรี, สระบุรี, พระนครศรีอยุธยา กระทั่งเวลา 21.30 น. ของวันที่ 12 ม.ค.66 สามารถสกัดกั้นรถยนต์เป้าหมายทั้ง 3 คัน ไว้ได้ หลังพบวิ่งตามถนนเลียบคลองชลประทาน ทิศทางมุ่งหน้า อ.บางปะหัน จว.พระนครศรีอยุธยา แต่ระหว่างตรวจค้นจับกุม ผู้ขับขี่ รถยนต์ TOYOTA  สีดำ หมายเลขทะเบียน ขร 92XX เชียงใหม่ ได้อาศัยจังหวะเร่งเครื่องยนต์ขับหลบหนีไปได้ เบื้องต้น ตรวจยึดยาบ้า 604 มัด รวมจำนวน  1,208,000 เม็ด  และ ยึดรถกระบะ หมายเลขทะเบียน ผข 76XX พิษณุโลก (ใช้ขับนำทาง/สำรวจด่านตรวจ), รถบรรทุก หมายเลขทะเบียน 1ฒท 8296 กรุงเทพมหานคร (ยึดได้ที่หน้าร้านหน้าสะดวกซื้อ ต.หัวไผ่ อ.มหาราช จว.พระนครศรีอยุธยา ผู้ต้องหาหลบหนี),โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง พร้อมแจ้งข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย อันเป็นการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”

‘บช.ปส.’ แถลงจับเครือข่ายยาเสพติด 3 คดี ยึดยาไอซ์ได้ทั้งสิ้น 1,145 กิโลกรัม

(24 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส) ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผบ.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติด 3 ราย 

คดีแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส 4 ร่วมกับ บก.ขส. จับกุมผู้ต้องหา 3 คน คือนายอาคม อายุ 27 ปี จับกุมได้ที่ปั๊มน้ำมัน PT สาขาท่าแค ถนนเพชรเกษม ตำบลท่าแค อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง, น.ส.แหม่ม อายุ 32 ปี และน.ส.ชญาดา อายุ 35 ปี จับกุมได้ที่ริมถนนสาย 41 ระหว่างกม.128 ถึง กม. 129 ตำบลป่าเว อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี 

หลังสืบทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลางนำไปส่งให้กับขบวนการค้ายาเสพติดที่ประเทศเพื่อนบ้านทางภาคใต้ พบรถกระบะของกลาง 3 คัน บรรทุกพืชผักทางการเกษตรมาเต็มคัน ขับตามกันมาโดยรถบรรทุกสินค้าจอดแวะที่ปั๊ม PT สาขาท่าแค เมื่อตรวจค้นพบนายอาคมเป็นผู้ขับขี่ สารภาพว่ามียาเสพติดทุกซ่อนอยู่ ใช้สินค้าทางการเกษตรอำพราง ส่วนรถอีก 2 คัน จับกุมได้ที่ริมถนนสาย 41 ตำบลป่าเว อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ยาไอซ์ 688 กิโลกรัม พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยขบวนการดังกล่าวเป็นขบวนการค้ายาไอซ์ข้ามชาติ นำยาเสพติดมาจากทางภาคอีสานส่งต่อกันเป็นทอด ๆ ไปยังปลายทางประเทศที่ 3 

นอกจากนี้ตำรวจ บก.ปส. 4 ร่วมกับตำรวจบก.น. 7 เจ้าหน้าที่ ศรภ.กองบัญชาการกองทัพไทยขยายผลการเครือข่ายดังกล่าวได้ผู้ต้องเพิ่มอีก 4 ผู้ต้องหา คือ น.ส.วรวรรณหรือโรส ได้ที่หน้าบิ๊กซีมินิมาร์ท ถนนเพชรเกษม ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ของกลางยาไอซ์ 3.8 กรัม ยาบ้า 100 เม็ด นายณัฐพงษ์ หรือณัฐ จับกุมได้ที่ซอยจำเนียรสุข 3 ถนนเพชรเกษม แขวงวังท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ พร้อมของกลางไอซ์ 64 กรัม จับกุมนายณัฐวุฒิหรือป็อกและนายนัสหรือมอส ได้ที่หมู่บ้านจรัญวิลล่า 3 ซอยบางแวก 37 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ ได้ของกลาง 43.285 กิโลกรัม และผงเมทแอมเฟตามีน 660 กรัม โดยเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดผ่านแอปพลิเคชันไลน์

‘บิ๊กต่าย’ แถลงจับกุม 2 ขบวนค้ายาเสพติดรายใหญ่ เครือข่ายโคราช-นครสวรรค์ ยึดยาบ้ารวม 11 ล้านเม็ด

(11 ต.ค.66) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บก.ปส.) เเถลงผล ปฏิบัติการทลายเครือข่ายยาเสพติดยึดยาบ้ารวมแล้ว 11,634,000 เม็ด โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เดินทางมาเป็นประธานการแถลงผลการจับกุมครั้งนี้ตามนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาล และนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ ทั้งการปราบปรามผู้ผลิตและผู้ค้ายาเสพติด โดยใช้มาตรการทาง กฎหมายอย่างจริงจังและเด็ดขาด รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน หรือใช้ ประเทศไทยเป็นเส้นทางผ่าน และใช้มาตรการยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยงพล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พลัฏฐ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส. พล.ต.ต.สมกิต พุ่มวารี ผบก.ขส. และพ.ต.อ.นพสิทธิ์ มิตรภักดี รอง ผบก.1 รรท. ผบก.ปส.๑ ได้เดินหน้าปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่องและสามารถจับกุม 2 เครือข่ายใหญ่ ได้ของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 11,634,000 เม็ด

โดยสืบเนื่องจากในเครือข่ายแรกนั้น ตำรวจ บก.ปส.1 และ บก.ข่าวกรองยาเสพติด บช.ปส. ได้ขยายผลการจับกุมขบวนการ ค้ายาเสพติดที่ จ.นครราชสีมา ทำให้ทราบว่าขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มของนายธีรยุทธ ซึ่งถูกดำเนินคดี จะลำเลียงยาเสพติด จำนวนมากอีกครั้ง จึงเฝ้าติดตามพฤติการณ์ กระทั่งวันที่ 8 ต.ค.66 พบว่านายธีรยุทธ พร้อมพวกใช้รถยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียน xx 1689 กทม และ รถยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียน xx 4580 กำแพงเพชร เดินทางมุ่งหน้าชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอ จ.นครพนม จึงวางกำลังติดตามกลุ่มเป้าหมายไว้ตามจุดที่คาดว่ากลุ่มเป้าหมายเดินทางผ่าน ต่อเนื่องช่วงเช้ามืดของวันที่ 9 ต.ค.66 พบรถยนต์เป้าหมายทั้ง 2 คัน จึงติดตามไป จนกระทั่งรถทั้ง 2 คัน ไปหยุดจอดในปั๊มปตท. อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ตำรวจ ปส.1 และ บก.ข่าวกรองยาเสพติด จึงได้แสดงตัวและขอตรวจค้นรถ ซึ่งมีนายวิ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ทะเบียน xx 1689 กทม. พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่บริเวณเบาะหลัง และท้ายกระโปรงรถ รวม 4,884,000 เม็ด ขณะที่ รถยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียน xx 4580 กำแพงเพชร มีนายธีรยุทธ เป็นผู้ขับขี่ และ น.ส.บุญเรือง ทำหน้าที่สำรวจเส้นทางถูกจับกุมเช่นกัน

โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่ารับยาเสพติดจากพื้นที่ จ.นครพนม เพื่อจะมาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ อ.เมือง จ.สระบุรี และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดี และขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

ในส่วนของเครือข่ายที่ 2 ตำรวจ บก.สกส. และ บก.ข่าวกรองยาเสพติด บช.ปส. ได้ขยายผลจากการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด จ.นครสวรรค์ ทราบว่าจะมีการขนยาเสพติดล็อตใหญ่เพื่อส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ปริมณฑลและพื้นที่ใกล้เคียงจึงวางแผนจับกุม ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ต.ค.66 เวลาประมาณ 23.50 น. ตำรวจ บก.สกส. และ บก.ข่าวกรองยาเสพติดร่วมกันติดตามรถกระบะอีซูซุ หมายเลขทะเบียน xx 9536 กรุงเทพมหานคร ไปตามถนนหมายเลข 111 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิจิตร โดยเมื่อไปถึงบริเวณบึงบัว ซึ่งอยู่ภายในบึงสีไฟ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.พิจิตร ผู้ขับขี่ทราบชื่อภายหลังว่า นายณัฐชนน อายุ 25 ปี ได้จอดรถแล้ววิ่งหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในบึงบัวอยู่นานหลายชั่วโมง ต่อมาตำรวจ ปส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิจิตร ได้ร่วมกันจับกุมตัวได้ และจากการตรวจค้นรถที่นายณัฐชนน ขับขี่พบยาบ้า 6,750,000 เม็ด ชุกซ่อนอยู่บริเวณท้ายกระบะซึ่งมีลักษณะเป็นตู้ที่บ จึงยึดเป็นของกลางและแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบ จากนั้นจึงจับกุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดี และขยายผลติดตามออกหมายจับ บุคคลในเครือข่าย และยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ต่อไป

การกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 2 เครือข่าย เป็นความผิดฐาน “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 มาตรา 1,29(1)90, 134, 145 วรรคหนี่ง,145 วรรค 2(1), (2), 145 วรรคสาม (2) , 152 ประกาศ กระทรวงสาธารณสุขเรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 พ.ศ. 2565 ลง 4 ต.ค. 2564 บัญชีท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อ ยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 ลำดับที่ 53 พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 8 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

โดยหลังจากการนำเสนอผลการหลังจากแถลงผลปฏิบัติการในครั้งนี้เสร็จสิ้นแล้วนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถามว่าจุดหมายปลายทางของยาบ้าล็อตนี้นั้นคือที่ใด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า จุดหมายปลายทางของยาบ้าล็อตนี้นั้นคือพื้นที่ตอนกลางและไปยังตอนใต้ของประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่าในแต่ละครั้งนั้นกลุ่มเครือข่ายเหล่านี้นั้นมีการค้นยาบ้าในจำนวนที่เยอะมากในครั้งนี้ก็นับว่าเยอะมากเป็นจำนวนกว่า 11,634,000 เม็ด เหตุใดยังไม่ลดลงเลยในเมื่อมีการจับกรณีในลักษณะนี้อยู่ตลอด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดนั้นเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน แท้จริงเเล้วในการปฏิบัติการเรื่องยาเสพติดนั้นมีการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนและทำงานกันอย่างสุดความสามารถในเรื่องของเก็บข้อมูล สกัดกั้นและทำลายโครงสร้างของกลุ่มผู้ค้าหลายกลุ่มมาแล้ว ดังนั้นแล้วก็จะมีบางกลุ่มที่อยู่ในระหว่างการสืบสวน

ผู้สื่อข่าวถามว่าทางตำรวจเองจะมียุทธวิธีในการต่อกรกับกลุ่มเครือข่ายเหล่านี้อย่างไร พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ทางตำรวจมีการฝึกฝนในการต่อกรกับกลุ่มเครือข่ายเหล่านี้ร่วมทั้งการเสริมสร้างเขี้ยวเล็บและอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจเเห่งชาติเองนั้นมีการตั้งงบประมาณให้กับผู้ปฏิบัติงานด้านนี้ทุกๆ ปี เพื่อนำไปปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดผลประโยชน์สำเร็จ

ในส่วนของอาวุธปืนที่พบว่าคนร้ายได้มีการจัดหามีใช้งานนั้นทางตำรวจกำลังดำเนินการการตรวจสอบและขยายผลต่อไป ตอนนี้ขอให้เป็นเรื่องของการสืบสวนสอบสวนต่อไป

หลังจากให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเสร็จสิ้นนั้นทางพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้มอบเงินรางวัลเป็นขวัญกำลังให้เเก่เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ เพราะเดินทักทายเเละกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นเดียวกัน 

‘ขกท.ทบ.’ ร่วม ‘ตร.ปส.’ บุกรวบแก๊งลอบขนยาจากชายแดน พร้อมยึดยาบ้า 1.1 ล้านเม็ด เร่งขยายผลสืบหาเครือข่ายใหญ่

(17 ธ.ค. 66) หน่วยข่าวกรองทางทหาร กองบัญชาการกองทัพบก (ขกท.ทบ.) บูรณาการร่วมกับ กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส. (นปส.เชียงราย) หลังจากได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า นายจะแจ จะสึ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 314 หมู่ที่ 12 ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ (อาศัยอยู่ที่บ้านในพื้นที่ตำบลห้วยชมพู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย)  มีพฤติการณ์ ลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ชายแดนด้าน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เข้ามาเก็บพักไว้พื้นที่ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีการทำกันเป็นขบวนการ และดำเนินการลักลอบลำเลียงยาเสพติดอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงดำเนินการสืบสวนเพื่อจับกุมบุคคลในเครือข่าย

โดยเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.30 น. นายจะแจ ได้ขับรถยนต์ ทะเบียน ยต 1928 เชียงใหม่ ออกจากบ้านพัก ในพื้นที่ ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ลักษณะการขับ ช้าบ้าง เร็วบ้าง และขับวนไป-มาในหมู่บ้าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.30 น. นายจะแจ ได้ขับรถยนต์ จอดบริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันเข้าพิสูจน์ทราบ แต่นายจะแจ ไหวตัวทัน และได้ขับหลบหนี ไปทางบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ต.แม่ยาวฯ เจ้าหน้าที่พยายามติดตามแต่ไม่พบตัว กระทั่งรุ่งเช้าของวันที่ 16 ธ.ค. 66 จึงได้ประสานผู้นำ ท้องถิ่น และเจ้าของ/ผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าว เพื่อขอเข้าทำการตรวจค้น

จากการตรวจค้นพบของกลาง เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 4 กระสอบ จำนวนประมาณ 1,118,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณบ้านดังกล่าว เจ้าหน้าทราบข่าว จึงได้ทำการตรวจยึด และลงบันทึก จากนั้นได้นำของกลางยาเสพติดดังกล่าว ส่ง พงส.บก.ปส.3 บช.ปส. เพื่อดำเนินการตามกฏหมาย และตืดตามตัวนายจะแจ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top