‘กกต.’ จัด Big Day ชวนคนไทยใช้สิทธิเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ ย้ำ!! พบปัญหาเร่งแก้ทันที ไม่ให้ซ้ำรอยอีก กำชับจนท.เรียบร้อย

(9 พ.ค. 66) ที่ลานคนเมือง ศาลาว่ากรุงเทพมหานคร สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดกิจกรรม Big Day รณรงค์เชิญชวนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 ในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ภายใต้แคมเปญ “ไทยโหวต คนไทยพร้อมใช้สิทธิ” ซึ่งจัดให้มีกิจกรรมรณรงค์พร้อมกันทั่วประเทศ โดยมีนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมดังกล่าว พร้อมด้วย นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. และ กกต.เป็นตัวแทนรณรงค์เชิญชวนคนไทยออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคกลาง ณ สนามกีฬาจังหวัด จันทบุรี ภาคเหนือที่ห้าแยกหอนาฬิกา จ.ลำปาง ภาคใต้ ที่ริมเขื่อนแม่น้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี และภาคอีสาน ที่ศาลาว่าการหลังเก่า จ.กาฬสินธุ์ พร้อมมีการปล่อยขบวนรถรณรงค์ชวนคนไทยไปใช้สิทธิ และขบวนรถของสำนักงานเขตกรุงเทพฯ จำนวน 50 คัน

โดยนายอิทธิพร ให้สัมภาษณ์ถึงการรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยตั้งเป้าไว้ที่ 80% ขึ้นไป ว่าเป็นตัวเลขที่เราตั้งใจและจะประชาสัมพันธ์ให้มากที่สุดในทุกระดับ วันนี้เป็นการเปิดตัวอย่างจริงจังอีกครั้ง หวังว่าประชาชนจะพร้อมใจกันออกมาใช้สิทธิ ขอให้ดูกฎกติกา ให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้บัตรเสีย โดยตั้งเป้าว่าไม่อยากให้บัตรเสียเกิน 2% ซึ่งจะพยายามทำทุกวิถีทาง สร้างความมั่นใจ สร้างความเข้าใจให้ทุกคนได้ทราบก่อนเข้าคูหาเลือกตั้ง ส่วนการเลือกตั้งล่วงหน้า เมื่อ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา เกิดปัญหาหลายเรื่องจะทำอย่างไรไม่ให้วันที่ 14 พ.ค.เกิดเหตุอีกนั้น ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งแล้วเกิดปัญหาจะต้องตรวจสอบหาสาเหตุและหาวิธีแก้ไขให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบสิทธิของผู้ที่ใช้สิทธิไปแล้ว นั่นคือเป้าหมายหลักของเรา ไม่อยากให้ทำงานผิดพลาด แต่หากพบข้อผิดพลาดประเด็นใดจะพยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก และต้องแก้ไขโดยทันที ซึ่งข้อผิดพลาดที่ได้รับรายงานมาจะกำชับสร้างความเข้าใจให้กับผู้ปฏิบัติงาน ว่าจุดไหนที่ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความผิดพลาดอีก

เมื่อถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเลือกตั้งล่วงหน้า ทำให้ กกต. ตกเป็นเป้าและถูกโจมตีนั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า ตนไม่รู้สึกว่าตกเป็นเป้าและถูกถล่ม แต่อีกทางรู้สึกดีใจว่าการทำงานของเรามีคนช่วยตรวจสอบ ทั้งการทำงานของ กกต. และการเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ดี ทำให้สามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงทีถ้าไม่มีการตรวจสอบจากภาคประชาชนโดยสื่อมวลชน การทำงานของ กกต. อาจไม่ 100%

เมื่อถามถึงปัญหาการใส่รหัสหน้าซองผิด และการที่ไม่ได้จ่าหน้าซองเลย จะทำอย่างไร ประธาน กกต. กล่าวว่า มีน้อยมาก เพราะคนที่ลงทะเบียนใช้สิทธิ 2.2 ล้านคน มีข้อผิดพลาดแต่ไม่เยอะ โดยพบว่ามีการกรอกเขตเลือกตั้งผิด ไม่ใช่กรอกรหัสไปรษณีย์ แต่เมื่อมีการหย่อนบัตรลงไปในหีบเลือกตั้งแล้ว หลัง 17.00 น. ก็จะมีการตรวจสอบแต่ละหน้าซองว่าถูกต้องหรือไม่ และจะแก้ไขแล้วส่งไปในจุดหมายที่ควรจะเป็น

ด้านนายแสวง กล่าวเพิ่มว่า เมื่อเกิดปัญหาการจ่าหน้าซองผิด สำนักงาน กกต. ได้แจ้งไปยัง ผอ.เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ว่าก่อนมอบบัตรให้กับไปรษณีย์ให้ตรวจหน้าซองก่อน เพราะพบข้อผิดพลาด และเมื่อประสานไปทางไปรษณีย์ ก่อนรับให้ตรวจนับว่าหน้าซองมีการกรอกตัวเลขหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วจนถึงวันนี้ ไม่พบว่าไม่มีการจ่าหน้าซอง มีแต่การกรอกเกรดผิดก็ต้องมีกรรมการวินิจฉัย

เมื่อถามว่าที่มีคนจะไปฟ้องร้องเอาผิด กกต. ตามมาตรา 157 หรือการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นโมฆะ หรือล้างไพ่ใหม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า เป็นแค่กระแสและความคิดของคนที่เห็นว่าการทำงานของ กกต. เป็นอย่างไร ซึ่งเป็นสิทธิที่จะดำเนินการได้ กกต. ไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย และต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะเราเป็นเจ้าหน้าที่เป็นพนักงาน ถ้าเห็นว่าการทำงานของ กกต. บกพร่องและต้องได้รับการพิจารณา ก็เป็นสิทธิ์ที่จะฟ้องได้กับผู้ที่มีอำนาจตัดสินการทำหน้าที่ของ กกต. ไม่มีปัญหา ซึ่งทุกครั้งที่มีการฟ้องร้องก็ต้องพร้อมสู้คดี ที่สู้เพราะเราปฏิบัติงานโดยสุจริต ปฏิบัติตามกฎหมาย อีกทั้งตอนนี้ไม่มีปัจจัยที่ต้องเป็นห่วงว่าการเลือกตั้งจะเป็นโมฆะ และการเลือกตั้ง 14 พ.ค. เสียงลงคะแนนเป็นอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการร้องเรียนเรื่องซื้อเสียง ที่เขตคลองสามวา กทม. นั้น ประธาน กกต. กล่าวว่า ทุกคำร้องที่มีอยู่ระหว่างการตรวจสอบหากมีมูลก็จะรับเป็นคำร้องเข้าสู่การสืบสวนไต่สวนของ กกต. ต่อไป ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 101 เรื่อง โดย 38 เรื่อง เป็นการให้เงินซื้อเสียง อีก 34 เรื่อง เป็นการหลอกลวงใส่ร้าย และอีกเรื่องอื่นๆ ทั้งนี้หากมีการร้องเรียนที่ใดก็ต้องเข้าไปตรวจสอบในเบื้องต้น แล้วรวบรวมข้อเท็จจริง โดยคณะกรรมการประจำจังหวัด มีเวลาภายใน 20 วัน แต่หากยังไม่เสร็จ สามารถต่อเวลาได้อีกครั้งละ 15 วัน โดยขอมาทางเลขาฯ กกต. และต้องผ่านคณะอนุกรรมการ กกต. วินิจฉัยอีกครั้ง ถ้ามีเหตุเชื่อได้ว่ามีการทุจริตก็จะรับเป็นคำร้องและดำเนินการตามระเบียบต่อไป ส่วนจะดำเนินการเสร็จก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานเพราะหากเป็นคำร้องแล้วการซื้อเสียงถือว่าผิดมาตรา 73 (1) ต้องมีการดำเนินคดีอาญาให้ใบส้มหรือไม่ หรือต้องไปศาล ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกร้องและผู้ถูกร้อง จะเร่งรัดไม่ได้ ให้เป็นไปตามขั้นตอน

ทั้งนี้ กกต. ได้ฝากถึงประชาชนผู้จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.นี้ ว่า การลงคะแนนเลือกตั้ง ทาง กกต. มีปากกา อยู่ในหน่วยเลือกตั้งให้ประชาชนใช้ได้เป็นจำนวนมาก แต่หากแต่ใครอยากนำมาเองก็สามารถทำได้ และสีอะไรก็ได้หมด แต่จริงๆแล้วอยากให้ใช้ปากกาสีน้ำเงิน