เรื่องรักนักเรียนนายร้อย ตอนที่ 10 เก็บเธอไว้ ข้างในจนลึกสุดใจ (อวสาน)

>> พูดคุย
ที่โรงเรียนนายร้อยจะมีคำกลอนที่ติดไว้ที่ผนังของโรงเรียนว่า ‘เรียน รัก รู้ รบ เจนจบ หมดสิ้น คืออัศวิน จปร.’ เป็นคำที่นักเรียนนายร้อยทุกคนสามารถท่องได้ โดยคำแปลแบบสรุปว่า เรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยแล้วต้องรู้ทุกเรื่อง

>> ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว
กรกฎได้มีโอกาสเจอเขมิการะหว่างไปทำกิจกรรมที่สนามศุภชลาสัย ทว่า เขาไม่มีโอกาสได้คุยกับเธอได้มากอย่างที่ใจหวัง และเขมิกาก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมคุยด้วย นั่นจึงทำให้กรกฎรู้ว่า…ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง

เวลาผ่านไป กรกฎและเพื่อน ๆ ก็ขึ้นปีห้า กันแล้ว เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกเลย ในขณะเดียวกันเขมิกากับสาวิตรีก็เรียนจบแล้วและกำลังจะรับพระราชทานปริญญาบัตร

ดังคำเขาว่า เวลาจะเยียวยาทุกอย่างเอง ตอนนี้ความเศร้าเสียใจจากอาการอกหักของกรกฎ ค่อย ๆ เลือนหายไป เขาไม่ได้คิดถึงเขมิกาจนกินไม่ได้นอนไม่หลับอีกแล้ว กรกฎกลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนตอนที่ไม่รู้จักเขมิกาได้แล้ว

ที่ห้องนอนของนักเรียนนายร้อย 

จ้ำเดินเข้ามาหากรกฎพร้อมกับเอ่ยถาม

“กบ เอ้ย กรกฎ จะฝากอะไรไปให้เขมิกาไหม พอดีอาทิตย์นี้เพื่อนจะไปงานรับปริญญาสาวิตรีนะ น่าจะได้เจอกันแน่ๆ อยากฝากอะไรไหม?”

พอได้ฟังแบบนั้น กรกฎก็บอกกลับไปว่า “ฝากให้ช่วยซื้อดอกกุหลาบสีเหลืองให้เธอหนึ่งช่อ และบอกว่าจากกรกฎ”

จ้ำได้ยินแบบนั้นก็เอียงคอถามด้วยความสงสัย “มีความหมายอะไรหรือเปล่าวะ สีเหลืองเนี่ย?” 

กรกฎนิ่งไม่ตอบ จ้ำจึงเอ่ยถึงความหมายของสีดอกกุหลาบตามที่เขารู้มา

“แบบว่ากุหลาบสีดำรักอมตะ กุหลาบสีขาวรักบริสุทธิ์…”

พอเห็นเพื่อนกำลังจะร่ายยาว กรกฎก็รีบตัดบททันที

“ไม่มีอะไร พอดีเพื่อนเกิดวันจันทร์ ก็วันจันทร์สีเหลืองไง” เหมือนจ้ำจะไม่เชื่อในสิ่งที่กรกฎบอก ไม่ใช่ไม่เชื่อว่าเกิดวันจันทร์ แต่ไม่เชื่อว่าความหมายของดอกกุหลาบสีเหลืองจะมีแค่นี้ต่างหาก แต่ว่าจ้ำก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้ต่อ เพราะรู้ทั้งรู้ว่ากรกฎอกหักมา และกลัวว่าจะยังทำใจไม่ได้

แค่พูดถึงเขมิกาได้ด้วยท่าทางปกติ ก็ถือว่าเก่งแล้ว

“กับสาวิตรีเป็นอย่างไรบ้าง?” ห้องเงียบได้ไม่นาน กรกฎก็ถามจ้ำกลับบ้าน จ้ำยกยิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยบอก

“ก็ดีนะ เราวางแผนจะแต่งงานกัน ตอนนี้ก็ไปดูที่แถวคลองสามไว้ จะซื้อร่วมกัน แล้วตอนนี้เราก็ฝากเงินในธนาคารใช้ชื่อร่วมกัน…” จ้ำเล่าด้วยท่าทางที่มีความสุขแบบสุดๆ ไม่แปลกหากจะมีความสุขขนาดนี้เพราะจ้ำก็ฝันเอาไว้เยอะว่าจะไปได้ด้วยดีกับสาวิตรี ซึ่งพอได้ยินแบบนั้นกรกฎก็ยกยิ้มแสดงความยินดีกับเพื่อน

เพื่อนได้ดี…เราต้องดีใจด้วย

แต่อย่างที่เรารู้กัน และมันคือสัจธรรมของโลกใบนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะสมหวัง

กรกฎเองก็เช่นกัน แม้จะชอบเขมิกาขนาดไหน หรือเขมิกาจะเป็นรักแรกและรักเดียวของเขา แต่ก็ไม่ได้สมหวังอย่างที่ใจนึก แต่กรกฎก็รู้สึกดีนะที่ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตเขา เขาได้รู้จักเขมิกาและเธอก็ทำให้โลกทั้งใบของกรกฎเป็นสีชมพู

แค่ช่วงเดียว…ก็ดีใจ

สิ่งที่เขมิกาคิดและพูดอาจจะถูกต้องก็ได้ การที่เธอไม่อยากคบกับกรกฎเพราะเธอไม่ต้องการเจอหน้าสุเทวาอีก เธอรู้อยู่เต็มอกว่าหากคบกับกรกฎต่อไป เธอต้องเจอสุเทวา และถึงแม้ทั้งคู่ดูจะเป็นเพื่อนที่ไม่ถูกหน้าชะตากัน แต่เพราะเรียนด้วยกัน ชั้นปีเดียวกัน วันไหนสักวันก็คงต้องกลับไปคบกันเหมือนเดิมนั่นแหละ

เขมิกาคิดถูกจริงๆ

เพราะหลังจากที่กรกฎไม่ได้ติดต่อกับเขมิกาแล้ว ชีวิตเขาก็วนเวียนอยู่แค่ในโรงเรียน และสุดท้าย กรกฎและสุเทวาก็กลับมาเป็นเพื่อนกัน เพราะทั้งคู่ไม่ได้เป็นคู่แข่งหัวใจกันอีกแล้ว และเมื่อเวลาผ่านไป แล้วได้ลองย้อนกลับมานึกดู ทั้งกรกฎและสุเทวาก็อาจจะหัวเราะให้กับสิ่งที่เคยทำลงไปก็ได้

มิวสิก “ด้วยเหตุและผลที่มีมากมาย…เก็บเธอไว้ข้างในจนลึกสุดใจ ได้คิดถึงเธอทุกคราว…”

เพลงนี้ กรกฎขอมอบให้เขมิกา…

อวสาน


เรื่องโดย พลตรี อภิสิทธิ์ บุศยารัศมี

หมายเหตุ : เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องแต่งขึ้น เพื่อความสนุกสนานสำหรับผู้อ่านเท่านั้น ไม่มีเจตนาลบหลู่หรือหมิ่นประมาทผู้หนึ่งผู้ใด การเอ่ยชื่อสถานที่จริงเพื่อเสริมอรรถรสในการอ่านและจินตนาการเท่านั้น ไม่มีเจตนาลบหลู่สถานที่