เผด็จการผู้ยิ่งใหญ่!! รู้จัก ‘Thomas Isidore Noël Sankara’ ผู้นำการปฏิวัติแห่ง ‘Burkina Faso’

Thomas Isidore Noël Sankara เป็นนายทหารยศร้อยเอกในกองทัพ Upper Volta อดีตอาณานิคมของฝรั่งเศสในแอฟริกาตะวันตก เขาเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการทำรัฐประหารโค่น พันเอก Saye Zerbo จนต้องออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีในปี ค.ศ. 1982 

เขาสืบทอดอำนาจจาก พันตรี Jean-Baptiste Ouedraogo จากการแย่งชิงอำนาจในประเทศได้สำเร็จ และกลายเป็นประธานาธิบดีของประเทศ Upper Volta ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 1983 เขานำนโยบายฝ่ายซ้ายสุดโต่งมาใช้ และพยายามลดการทุจริตของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เขาเป็นผู้เปลี่ยนชื่อประเทศจาก Upper Volta เป็น Burkina Faso ซึ่งแปลว่า ‘ดินแดนแห่งมนุษย์ผู้เที่ยงธรรม’ 

Thomas Isidore Noël Sankara (21 ธันวาคม ค.ศ. 1949 - 15 ตุลาคม ค.ศ. 1987) นอกจากจะเป็นร้อยเอกในกองทัพ Upper Volta (Burkina Faso) แล้วยังเป็นนักปฏิวัติลัทธิมาร์กซ์ นักทฤษฎีชาวแอฟริกัน และประธานาธิบดีแห่ง Burkina Faso ระหว่างปี ค.ศ. 1983 ถึง ค.ศ. 1987 ผู้ที่สนับสนุนเขาต่างมองว่า เขาเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์ และเป็นสัญลักษณ์ของการปฏิวัติ จนได้รับการขนานนามเขา โดยเรียกกันทั่วไปว่า ‘Che Guevara แห่งแอฟริกา’

Sankara ยึดอำนาจในการก่อรัฐประหารที่ประชาชนสนับสนุนเมื่อปี ค.ศ. 1983 ขณะอายุ ๓๓ ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อกำจัดการทุจริตคอร์รัปชัน และการครอบงำของ ฝรั่งเศส อดีตเจ้าอาณานิคม เขาเปิดตัวหนึ่งในโครงการที่แสดงถึงความทะยานอยากที่สุดในการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจที่เคยมีมาในทวีปแอฟริกา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการปกครองตนเอง และการเกิดใหม่นี้ เขาจึงได้เปลี่ยนชื่อประเทศจาก Upper Volta เป็น Burkina Faso (ดินแดนแห่งมนุษย์ผู้เที่ยงธรรม) 

Sankara ดำเนินนโยบายนโยบายต่างประเทศโดยมุ่งเน้นไปที่การต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยม ซึ่งรัฐบาลของเขาได้ยอมละทิ้งความช่วยเหลือจากต่างประเทศทั้งหมด ผลักดันให้มีการลดหนี้ที่ไม่เหมาะสม ยึดเอาที่ดิน สินแร่ และทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมดให้ตกเป็นของรัฐ ตลอดจนขัดขวางอำนาจและอิทธิพลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก 

นโยบายภายในประเทศของเขามุ่งเน้นไปที่การป้องกันความอดอยาก ด้วยการพึ่งพาตนเองในไร่นาและการปฏิรูปที่ดิน จัดลำดับความสำคัญของการศึกษาด้วยการรณรงค์ให้ความรู้ทั่วประเทศ และส่งเสริมสุขภาพของประชาชนด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไข้เหลือง และโรคหัดแก่เด็กสองล้านห้าแสนคนคน

นอกจากนี้ยังมีนโยบายอื่น ๆ ที่เป็นวาระแห่งชาติ เช่น การปลูกต้นไม้กว่าสิบล้านต้นเพื่อหยุดยั้งการกลายเป็นทะเลทรายที่เพิ่มขึ้น ยกเว้นภาษีเลือกตั้งและค่าเช่าบ้านในชนบท และสร้างโครงการก่อสร้างถนนและทางรถไฟเพื่อนำไปสู่การ ‘รวมชาติเป็นหนึ่ง’

ในระดับท้องถิ่น Sankara ยังเรียกร้องให้ทุกหมู่บ้านสร้างคลินิกเอง และให้ชุมชนกว่า ๓๕๐ แห่งสร้างโรงเรียนด้วยแรงงานของตนเอง 

นอกจากนี้ ความมุ่งมั่นของเขาที่มีต่อสิทธิสตรีทำให้เขาออกกฎหมายห้ามการขริบอวัยวะเพศหญิง การบังคับแต่งงาน และการแต่งงานที่มีภรรยาหลายคน ขณะเดียวกันก็แต่งตั้งสตรีให้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในรัฐบาล และสนับสนุนให้พวกเธอทำงานนอกบ้านและเข้าโรงเรียนแม้ว่าจะตั้งครรภ์ก็ตาม

ความเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ของ Sankara ได้เปลี่ยนประเทศของเขาจากประเทศในแอฟริกาตะวันตกที่เงียบสงบด้วยการเปลี่ยนชื่อประเทศซึ่งเป็นอดีตอาณานิคม Upper Volta เพื่อให้กลายเป็นวงล้อแห่งความก้าวหน้าภายใต้ชื่ออันน่าภาคภูมิใจว่า Burkina Faso (ดินแดนแห่งมนุษย์ผู้เที่ยงธรรม) เขาเป็นผู้คิดและทำโครงการปฏิรูปที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในทวีปแอฟริกา ซึ่งพยายามที่จะย้อนกลับความเหลื่อมล้ำทางสังคมเชิงโครงสร้างที่สืบทอดมาจากการเป็นอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศส

Sankara เน้นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดของรัฐกับคนส่วนใหญ่ชายขอบในชนบท และนำที่ดินจากนายทุนเจ้าของที่ดินไปแบ่งให้ชาวนา 

เดิมที่ประเทศในแอฟริกาส่วนใหญ่พึ่งพาอาหารที่นำเข้าและความช่วยเหลือจากภายนอกเพื่อการพัฒนาประเทศ

แต่ Sankara กลับสนับสนุนการผลิตและการบริโภคสินค้าที่ผลิตในท้องถิ่น เพราะเขาเชื่ออย่างแน่วแน่ว่า ชาว Burkina Faso จะต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อขับเคลื่อนสังคมร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาของพวกเขา เพราะเดิมทีส่วนใหญ่ขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม แต่ Burkina Faso ก็สามารถทำให้เกษตรกรชาว Burkina Faso เพิ่มการผลิตข้าวสาลีเป็นสองเท่า ได้

Burkina Faso ในยุคของ Sankara นั้น ทุกคนต้องทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานในไร่นา หรืองานซ่อมแซมถนนลูกรัง โดยการทำงานนี้ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น นั่นจึงทำให้ประธานาธิบดี รัฐมนตรี หรือแม้เจ้าหน้าที่ของกองทัพต้องทำงานด้วยเช่นกัันนั้น 

นอกจากนี้ การศึกษาพัฒนาสติปัญญาก็ต้องมาควบคู่กันด้วย เขาทำให้พลเมืองได้รับการศึกษาผ่านระบบการฝึกทหารและกำหนดให้ทหารต้องทำงานในโครงการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นด้วย

Sankara เคยวิพากษ์วิจารณ์ François Mitterrand ประธานาธิบดีฝรั่งเศส François Mitterrand 
ในระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ต้อนรับผู้นำประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกาใต้

ความแตกต่างของ Sankara กับผู้นำคนอื่นมีให้เห็นได้ชันดเจน เพราะ Sankara ไม่ชอบความเอิกเกริก หรือพิธีการที่มากเกินไป เขาต่อต้านลัทธิบูชาบุคคล และไม่ประสงค์ให้ใครมาเชิดชูบูชาตัวเขา เขาเป็นคนง่าย ๆ ชาว Burkina Faso สามารถเห็นเขาเดินสบาย ๆ ตามท้องถนน วิ่ง หรือเข้าไปอยู่ในฝูงชนในงานสาธารณะได้บ่อย ๆ

นอกจากนี้ Sankara ยังเป็นนักพูดปลุกใจที่พูดด้วยความใสซื่อและชัดเจนแต่แฝงไปด้วยความไม่ธรรมดา เขาไม่เคยลังเลที่จะยอมรับความผิดพลาด และเขายอมรับผิดอย่างเปิดเผย และเขาก็ยังต่อต้านผู้นำของประเทศต่าง ๆ อย่างชัดเจน หากผู้นำคนนั้นทำผิดศีลธรรม โดนที่เขาไม่กลัวว่าตัวเองจะตกอยู่ในอันตราย

ครั้งหนึ่งเขาเคยวิพากษ์วิจารณ์ François Mitterrand ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ในระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ต้อนรับผู้นำประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกาใต้ ด้วย

ผลงานของ Sankara มีให้เห็นมากมาย ผู้คนในประเทศของเขายอมรับว่าสิ่งที่เขาคิดและทำนั้น ทำให้ตัวเขามีเสน่ห์เป็นอย่างมาก และเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าชายผู้เป็นตำนานนี้ทำเพื่อประเทศ Burkina Faso อย่างแท้จริง

๑. เขาฉีดวัคซีนป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไข้เหลือง และหัดให้กับเด็ก ๒.๕ ล้านคนในเวลาไม่กี่สัปดาห์

๒. เขาริเริ่มรณรงค์การรู้หนังสือทั่วประเทศ โดยเพิ่มอัตราการรู้หนังสือจาก 13% ในปี ค.ศ. 1983 เป็น 73% ในปี ค.ศ. 1987

๓. เขาปลูกต้นไม้มากกว่า ๑๐ ล้านต้นเพื่อป้องกันการกลายเป็นทะเลทราย

๔. เขาสร้างถนนและทางรถไฟเพื่อเชื่อมโยงประเทศเข้าด้วยกันโดยไม่รับความช่วยเหลือจากต่างชาติ

๕. เขาแต่งตั้งสตรีให้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในรัฐบาล สนับสนุนให้พวกเธอทำงาน เกณฑ์พวกเธอเข้ากองทัพ และให้สิทธิ์ลาตั้งครรภ์ระหว่างการศึกษา

๖. เขาออกกฎหมายห้ามการขริบอวัยวะเพศหญิง ห้ามบังคับแต่งงาน และห้ามการมีภรรยาหลายคน เพื่อสนับสนุนสิทธิสตรี

๗. เขาขายรถ Mercedes ทั้งหมดของรัฐบาล และซื้อรถ Renault 5 (รถที่ถูกที่สุดที่ขายใน Burkina Faso ในเวลานั้น) เป็นรถประจำตำแหน่งอย่างเป็นทางการของคณะรัฐมนตรี

๘. เขาลดเงินเดือนของข้าราชการทุกคน รวมทั้งตัวเขาเอง และห้ามใช้คนขับรถของรัฐบาล และห้ามเดินทางด้วยตั๋วเครื่องบินชั้น ๑

๙. เขาแจกจ่ายที่ดินจากบรรดานายทุนเจ้าที่ดิน และมอบให้กับชาวนาโดยตรง ทำให้การผลิตข้าวสาลีเพิ่มขึ้นในสามปีจาก ๑,๗๐๐ กก. ต่อเฮกตาร์ เป็น ๓,๘๐๐ กก. ต่อเฮกตาร์ ทำให้ประเทศสามารถเลี้ยงตนเองได้

๑๐. เขาต่อต้านความช่วยเหลือจากต่างชาติ โดยกล่าวว่า “ผู้ที่ป้อนอาหารคุณ ย่อมควบคุมคุณ”

๑๑. เขากล่าวในการประชุมนานาชาติหลายครั้งต่อเนื่อง เช่น Organization of African Unity เพื่อต่อต้านการรุกคืบของลัทธิอาณานิคมใหม่อย่างต่อเนื่องในแอฟริกาผ่านระบบการค้าและระบบการเงินของชาติตะวันตก

๑๒. เขาเรียกร้องให้แนวร่วมของประเทศในแอฟริกาปฏิเสธหนี้ต่างประเทศของพวกเขา เขาแย้งว่า คนจนมักจะถูกเอารัดเอาเปรียบ จึงไม่มีข้อผูกมัดที่จะต้องคืนเงินให้กับคนรวย ซึ่งเอารัดเอาเปรียบ

๑๓. ใน Ouagadougou เขาได้เปลี่ยนคลังเสบียงของกองทัพให้กลายเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตของรัฐที่เปิดให้บริการแก่ทุกคน (ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกในประเทศ)

๑๔. เขาบังคับให้ข้าราชการต้องส่งมอบเงินเดือนหนึ่งเดือนต่อปีให้กับโครงการเพื่อสาธารณะของรัฐฯ

๑๕. เขาปฏิเสธที่จะใช้เครื่องปรับอากาศในสำนักงานของเขา โดยอ้างว่าไม่มีใครสามารถรับความหรูหราดังกล่าวได้ นอกจากชาว Burkina Faso เพียงบางกลุ่ม

๑๖. ในฐานะประธานาธิบดี เขาลดเงินเดือนลงเหลือ 450 ดอลลาร์ต่อเดือน และจำกัดทรัพย์สินของเขาไว้ที่ รถยนต์ ๑ คัน มอเตอร์ไซค์ ๔ คัน กีตาร์ ๓ ตัว ตู้เย็น และตู้แช่แข็งที่ชำรุดแล้ว

๑๗. เขาเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์ด้วยตัวเขาเอง เขาจึงตั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยส่วนตัวสำหรับดูแลมอเตอร์ไซค์ซึ่งเป็นหญิงล้วน

๑๘. เขากำหนดให้ข้าราชการสวมเสื้อคลุมแบบดั้งเดิม ซึ่งทอจากผ้าฝ้าย Burkinabe และตัดเย็บโดยช่างฝีมือท้องถิ่น (ด้วยเหตุที่ชาว Burkina Faso ควรพึ่งพาอุตสาหกรรมและอัตลักษณ์ท้องถิ่นมากกว่าอุตสาหกรรมและอัตลักษณ์ต่างชาติ)

๑๙. เมื่อถูกถามว่าทำไมเขาถึงไม่ต้องการให้แขวนรูปเหมือนของเขาในที่สาธารณะ เช่นเดียวกับผู้นำแอฟริกาคนอื่น ๆ ทั่วไป เขาตอบว่า ‘มีภาพของ Thomas Isidore Noël Sankara อยู่แล้วเจ็ดล้านภาพ’

๒๐. เขาเป็นนักดนตรี (กีตาร์) และนักแต่งเพลง ที่ประสบความสำเร็จ โดยเขาแต่งเพลงชาติของ Burkina Faso ด้วยตัวเอง

เพื่อให้บรรลุถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสังคม เขาใช้อำนาจเผด็จการควบคุมประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุดก็ควบคุมสหภาพแรงงานและสื่อมวลชนอิสระ ซึ่งเขาเชื่อว่าอาจขัดขวางแผนการของเขาได้ เพื่อตอบโต้การต่อต้านของเขาในเมืองและสถานที่ทำงานต่าง ๆ ทั่วประเทศ เขายังส่งข้ารัฐการที่ทุจริต ซึ่งเขาถือว่า เป็น ‘พวกต่อต้านการปฏิวัติ’ และ ‘พวกที่เกียจคร้าน’ ขึ้นศาลปฏิวัติ 

อนุสาวรีย์ของ Thomas Isidore Noël Sankara

โครงการปฏิวัติเพื่อการพึ่งพาตนเองของชาวแอฟริกันทำให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์ของคนยากจนในแอฟริกาจำนวนมาก Sankara ยังคงได้รับความนิยมจากพลเมืองที่ยากไร้ส่วนใหญ่ในประเทศของเขา 

อย่างไรก็ตาม นโยบายของเขากลับเป็นปรปักษ์กับผลประโยชน์ของกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงกลุ่มชนชั้นกลางขนาดเล็กแต่มีอำนาจ ผู้นำชนเผ่าที่เขาลิดรอนสิทธิตามประเพณีที่มีมายาวนานด้วยการบังคับใช้แรงงานและการจ่ายส่วย ตลอดจนฝรั่งเศสและพันธมิตร Ivory Coast อันเป็นผลให้เขาถูกโค่นล้มและถูกลอบสังหารในการทำรัฐประหารที่นำโดยพันตรี Blaise Compaoré 

หนึ่งสัปดาห์ก่อนถูกลอบสังหาร เขาประกาศว่า “ในขณะที่นักปฏิวัติสามารถถูกสังหารได้ในฐานะปัจเจกบุคคล แต่ไม่มีใครสามารถสังหารอุดมการณ์ของเขาได้” วันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1987 Sankara ก็ถูกกลุ่มติดอาวุธสังหารพร้อมกับเจ้าหน้าที่ติดตามอีก ๑๒ คนในการก่อรัฐประหารโดยพันตรี Blaise Compaoré ผู้ที่เคยร่วมงานของเขา 

โดย Compaoré ให้เหตุผลในการทำรัฐประหารไว้ว่า Sankara เป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับฝรั่งเศสอดีตเจ้าอาณานิคมและ Ivory Coast ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง ร่างของ Sankara ถูกแยกชิ้นส่วนและเขาถูกฝังอย่างรวดเร็วในหลุมฝังศพที่ไม่มีเครื่องหมาย 

พันตรี Blaise Compaoré ผู้ก่อรัฐประหารโค่นล้มและสังหาร Thomas Isidore Noël Sankara

ในขณะที่ Mariam ภรรยาหม้ายของเขาและลูกสองคนต้องลี้ภัยออกจากประเทศไปยังฝรั่งเศส และถูก Compaoré ยกเลิกสัญชาติของเธอและลูก ๆ ในทันที ล้มเลิกนโยบายเกือบทั้งหมดของ Sankara นำ Burkina Faso กลับเข้าร่วมกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกอีกครั้ง เพื่อกู้เงิน ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการ 

Compaoré ยังคงอยู่ในอำนาจเป็นเวลา ๒๗ ปีจนกระทั่งถูกโค่นล้มโดยการประท้วงขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการระลึกถึง Thomas Isidore Noël Sankara ในปี ค.ศ. 2014 ทำให้ Compaoré และภรรยาต้องลี้ภัยไปยัง Ivory Coast ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงจนทุกวันนี้ 


Mariam Sankara ภรรยาของ Thomas Isidore Noël Sankara

หลังจาก Compaoré ถูกโค่นล้มจนทำให้เขาและภรรยาต้องลี้ภัยไปยังประเทศ Ivory Coast แล้ว Mariam Sankara ได้ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีกับชัยชนะของประชาชนชาว Burkina Faso และเรียกร้องให้นำ Compaoré มาดำเนินคดีในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อประชาชน เธอจบแถลงการณ์ด้วยวลีที่ว่า…

“ขอให้...สาธารณรัฐจงเจริญ และ Burkina Faso จงเจริญ! ไม่ว่ามาตุภูมิหรือความตาย เราจะต้องชนะ” 

เดือนตุลาคม ค.ศ. 2021 เริ่มมีการพิจารณาคดีที่มีกล่าวหาผู้กระทำความผิดในการลอบสังหาร Thomas Isidore Noël Sankara ขึ้น โดย Mariam Sankara ได้เข้าร่วมในการพิจารณาทุกครั้งด้วย


👍 ติดตามผลงาน อาจารย์โญธิน มานะบุญ เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/author/ดร.โญธิน%20มานะบุญ