เรื่องรักนักเรียนนายร้อย ตอนที่ 4 Love Letter

>> ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว 

กรกฎเห็นเขมิกามาเชียร์กีฬากับรุ่นพี่ปี 2 แต่เขาไม่ได้เข้าไปทักเธอ เพราะหาโอกาสเหมาะๆ ไม่ได้ แต่ที่น่าเจ็บในคือศัตรูหัวใจของเขาอย่างสุเทวา กลับหาโอกาสเข้าหาเขมิกาได้ก่อนเขานั่นเอง!!

ผมขอเล่าถึงชีวิตของนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 1 ซึ่งก็คงคล้ายกับเฟรชชี่ในมหาวิทยาลัย ยังไม่รู้ประสีประสา อ่อนต่อโลก ต้องได้รับการสั่งสอนอบรมและแนะนำจากรุ่นพี่ ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร รุ่นพี่หรือนายทหารสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตาม

เข้าตามตำหรับเพลงๆ หนึ่งที่ร้องว่า “...~อยู่อย่างคนไม่มีสิทธิ์ ก็ผิดตั้งแต่วันที่เราเกิด...จะเจ็บอย่างไรก็จะทน~...”

ภารกิจที่สองของรุ่นพี่เริ่มขึ้น เมื่อพี่ชั้นห้ามายืนที่หน้าแถวพวกเราที่หน้ากองร้อยตึกสี่เหลี่ยมประดับลายอิฐ ที่พักของเราในตอนเช้าก่อนที่เราจะเดินไปทานข้าว 

“น้องชั้นปีที่หนึ่ง วันนี้มีภารกิจต่อเนื่องมามอบให้น้องๆ ทำครับ ครั้งที่แล้วคงจำกันได้พวกเราได้ชื่อที่อยู่ของเหล่าพยาบาลแล้ว ภารกิจต่อไปคือการเขียนจดหมายไปหาเธอเหล่านั้น เขียนเสร็จแล้วไม่ต้องใส่ซอง ติดแสตมป์ ให้เอามาอ่านหน้าแถวให้เพื่อนได้ฟังว่า สำนวนใครเห่ยบ้าง เดี๋ยวค่าซองกับแสตมป์พี่ออกให้ ข้อสำคัญต้องให้เขาตอบกลับมาไม่งั้นก็ไม่ต้องกลับบ้าน”

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งภารกิจการฝึกนะครับ ถ้ามองเป็นการเกลี้ยกล่อมฝ่ายตรงข้าม อาจหมายถึงการเจรจาต่อรองก่อนที่จะเกิดสงครามในอนาคต ถ้าทำสำเร็จก็ไม่ต้องก่อสงครามให้มีใครบาดเจ็บล้มตาย (นับเป็นวิธีการสอนโดยการปฏิบัติที่แยบยลอย่างยิ่งยวด 55)

นักเรียนนายร้อยแต่ละคนรีบเขียนจดหมายแล้วนำมาอ่านหน้าแถวก่อนส่งไปหานักเรียนนักศึกษาพยาบาล ทำตามขั้นตอนที่รุ่นพี่กำหนดไว้ทุกประการ และทุกคนได้กลับบ้าน เร็วบ้าง ช้าบ้าง ทั้งนี้ก็ขึ้นกับจดหมายที่ตอบกลับมา เช่น นักเรียนนายร้อยจ้ำที่ได้กลับบ้านก่อนใครๆ เพราะสาวิตรีนั้นไม่เล่นตัว เอ้ย ตอบจดหมายมาเร็ว

ส่วนของกรกฎเขียนจดหมายไปหาเขมิกาถึง 3 ฉบับแต่ก็ไม่ได้รับจดหมายตอบกลับแม้แต่ฉบับเดียว นั่นก็หมายถึงว่า เขาจะไม่ได้กลับบ้านติดต่อกันสามอาทิตย์เลย 

...จะทำอย่างไงดี? 

จดหมายก็เขียนชื่อที่อยู่ครบถ้วน ถ้าฉบับที่สี่ไม่ตอบอีกนั่นก็หมายถึงว่าจะไม่ได้กลับบ้านเดือนนึงแน่นอน กรกฎคิดแผนและแอบเขียนจดหมายอีกหนึ่งฉบับ หวังว่าเขมิกาคงจะตอบจดหมายเขาแน่ๆ 

เขาจึงทุ่มเทเขียนจดหมายฉบับไม้ตาย โดยข้อความในจดหมายว่า...

“สวัสดีครับ คุณเขมิกา จดหมายทุกฉบับที่ผมเขียนถึงคุณด้วยความปรารถนา ที่จะได้รับมิตรไมตรีจากคุณ คุณอาจจะเหน็ดเหนื่อยจากการเรียนอย่างหนัก จนไม่มีเวลาตอบจดหมายผมก็ได้ ผมเพียงหวังแค่ให้คุณได้อ่านจดหมายของผมที่เขียนมาจากใจ แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วครับ”

ต่อด้วยคำลงท้ายว่า...

“จากคนที่ยังคงรอคำตอบจากคุณ กรกฎ”

ได้ผล...คราวนี้เขมิกาตอบจดหมายในเวลาไม่นานและถึงมือของกรกฎในไม่กี่วันต่อมา กรกฎรู้สึกยินดีที่จะได้กลับบ้านแต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกดีใจมากกว่า คือการได้อ่านจดหมายของเขมิกา

เวลาได้รับจดหมายมาแล้ว ทำอย่างไร ขั้นแรกก็ต้องเปิดซองก่อนนะครับ ไม่งั้นจะไม่เห็นข้อความข้างใน (ฮา) แต่จดหมายของนักเรียนนายร้อยนั้นได้ผ่านการเซ็นเซอร์จากรุ่นพี่มาก่อนแล้วชั้นหนึ่ง เพื่อว่าจะได้รู้ปัญหาของน้องๆ (จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้)

ผู้อ่านที่เคยรับจดหมายรัก แล้วเอามาเปิดอ่านใต้ผ้าห่ม โดยใช้ไฟฉายส่องหรือไม่? มันเป็นเทคนิคพิเศษหลังเวลานอนของนักเรียนนายร้อยปีหนึ่ง

แบบว่า มันเป็นอะไรที่ได้บรรยากาศดีนะ อ่านไปยิ้มไป อ่านทุกคำ จำได้ทุกประโยค อ่านแล้วก็อ่านอีก

อ่านจบแล้วก็จุ๊บหนึ่งครั้ง แล้วสอดกระดาษไว้ใต้หมอน นอนคืนนั้นจะฝันดี ฝันเห็นดวงดาวมากมาย ฝันเห็นเจ้าชายเจ้าหญิง...ฝันแสนสวยงาม... (เหมือนเพลงนิทานหิ่งห้อย)

จากวันนั้นก็ไม่มีภารกิจแบบนี้อีกเลย แต่นักเรียนนายร้อยหลายคนก็ยังคงเขียนจดหมายติดต่อกับสาวๆ หลายคนในเวลาต่อมา...และต่อมา...

จดหมาย เป็นหนทางที่จะติดต่อกับสาวเจ้าเพียงทางเดียวเท่านั้น เพราะโทรศัพท์ในตอนนั้นยังไม่แพร่หลาย มือถือยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มีหรอกครับ หรือทางไลน์ เฟซบุ๊ก (มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ยังไม่เกิดเลยมั้ง)

เขียนจดหมายก็เห็นแต่ตัวหนังสือและจินตนาการ ความคิดคำนึงมันอยู่มีอยู่เต็มอก แล้วจะทำอย่างไร....

โปรดติดตามตอนต่อไป...


เรื่องโดย พลตรี อภิสิทธิ์ บุศยารัศมี


หมายเหตุ : เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องแต่งขึ้น เพื่อความสนุกสนานสำหรับผู้อ่านเท่านั้น ไม่มีเจตนาลบหลู่หรือหมิ่นประมาทผู้หนึ่งผู้ใด