GWM ประกาศศักดา!! มุ่งสู่ผู้นำรถยนต์ไฟฟ้าไทย พร้อมดันไทยฮับอาเซียน ในวาระครบรอบ 1 ปี

ต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2021 เป็นปีทองของค่ายรถยนต์อย่าง เกรท วอลล์ มอเตอร์ (Great Wall Motor) หรือ GWM ค่ายรถยนต์สัญชาติจีนที่เข้ามาถล่มตลาดไฮบริด และ SUV อีกทั้งยังปลุกกระแสตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรา จนหลายคนรู้จักกันมากขึ้น

365 วันที่ผ่านมา GWM สร้างปรากฏการณ์ที่ทำให้แบรนด์จีนกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่คนไทยยอมรับ ตั้งแต่การพุ่งเป้าสู่ตลาดรถยนต์ xEV หรือ รถที่มีการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่เปิดตัวออกมาอย่าง ORA Good Cat ซึ่งกวาดยอดจองไปมากกว่า 10,000 คันในสัปดาห์แรก

ส่วน SUV อย่าง Haval H6 Hybrid ก็ครองตำแหน่งยอดขายสูงสุด 3 เดือนติดต่อกัน ขณะที่ All New HAVAL JOLION Hybrid SUV ก็เข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ SUV-B พร้อมยอดสั่งจองที่ยังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง 

โดยตลอดหนึ่งปีมานี้ GWM ได้ส่งมอบรถยนต์ทั้ง 3 รุ่นให้กับผู้บริโภคชาวไทยไปแล้วรวมทั้งสิ้นเกือบกว่า 4,000 คัน สร้างฐานแฟนคลับชาวไทยได้กว่า 500,000 คนที่ติดตามผ่านทางโซเชียลมีเดีย ทั้ง Facebook, TikTok และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ ของ GWM

ผู้สันทัดกรณีในวงการยานยนต์หลายท่านเชื่อว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ค่ายรถยนต์สัญชาติจีนรายนี้ได้รับการตอบรับจากตลาดเมืองไทยนั้น มาจากการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคนไทย ในราคา เทคโนโลยี และประสบการณ์การขับขี่อัจฉริยะในรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ต่อไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคคนไทยแบบไม่กั๊ก 

ขณะเดียวกัน เมื่อช่องว่างตลาดเปิดสินค้าล็อตใหม่ ทาง GWM ก็ปล่อยทีเซอร์สินค้ารุ่นอื่นๆ เพื่อต่อยอดกระแสเรียกการติดตามได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น WEY SUV พรีเมียม หรือแม้แต่ Tank 500 SUV ไซส์ยักษ์ของ GWM

ในด้านของช่องทางการจัดจำหน่ายและบริการก็เช่นกัน GWM รู้ดีว่าตลาดเมืองไทยใส่ใจเรื่องนี้มาก จึงมีการเพิ่มช่องทางจาก 50 แห่ง เป็น 80 แห่งในปี 2565 รวมถึงการเตรียมพร้อมสู่การเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการเพิ่มจุดชาร์จ ให้เพียงพอกับการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยจะเพิ่มจุดชาร์จ เป็นทั้งหมด 55 แห่ง ประกอบด้วยจุดชาร์จ ในผู้แทนจำหน่ายที่ลูกค้าสามารถมาใช้บริการได้ตลอดเวลา และ จุดชาร์จ ณ ที่หมาย เช่น โรงแรม ร้านอาหาร พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางชาร์จฉุกเฉิน สำหรับลูกค้าที่มีระยะทางมาไม่ถึงตู้ชาร์จด้วย

นี่คือ 1 ปีของ GWM ในประเทศไทยที่ มร. เอลเลียต จาง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย กล่าวว่า ต้องออกมาขอบคุณลูกค้าชาวไทยด้วยตัวเอง หลังจากที่คนไทยให้ความไว้วางใจและความสนับสนุนที่มอบให้เกรท วอลล์ มอเตอร์ มาโดยตลอด รวมถึงพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ และทีมงานทุกคน สำหรับความเชื่อมั่นและความทุ่มเทอย่างเต็มที่เสมอมา จนทำให้ GWM ประเทศไทยเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจนถึงวันนี้

ทั้งนี้ ย่างก้าวสู่ปีที่ 2 ของ GWM ด้าน นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เผยว่า เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย จะมุ่งเน้นไปสู่การเป็นผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า พร้อมทั้งสร้างสังคมยานยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม 4 ด้าน ได้แก่...

1.) ด้านผลิตภัณฑ์: ภายใต้ภารกิจ Mission 9 in 3 ที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศจะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 9 รุ่นมาให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดภายใน 3 ปี โดยในปี 2565 นี้ GWM จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 5 รุ่น จาก 3 แบรนด์ โดยหนึ่งในนั้นได้แก่ All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV จากแบรนด์ HAVAL ที่เคยเผยโฉมครั้งแรกของโลกในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และรถยนต์อีก 2 รุ่นที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% จากแบรนด์ ORA ตอบรับกับนโยบายการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจากทางภาครัฐอีกด้วย ส่วนอีก 2 รุ่นจะมีการเปิดเผยรายละเอียดให้ทราบต่อไป 

2.) ด้านช่องทางจำหน่าย: เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะขยาย GWM Store ทั้งที่เป็น Direct Store และ Partner Store เพิ่มขึ้นอีก 50 แห่ง รวมเป็น 80 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญๆ ของประเทศ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและรองรับกับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

3.) ด้านสถานีชาร์จประจุไฟฟ้า: เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งเป้าขยายสถานีชาร์จฯ ให้ได้ 55 แห่ง ภายในปี 2565 เพื่อสร้างระบบนิเวศของรถยนต์ไฟฟ้าให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่...

>> G-Charge Supercharging Station สถานีชาร์จขนาดใหญ่ที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ดำเนินการเอง โดยล่าสุดได้เปิด G-Charge Supercharging Station แห่งแรก ณ สยามสแควร์ ให้บริการชาร์จเร็วด้วยเครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบ DC จำนวน 3 เครื่องชาร์จ หัวชาร์จแบบ CCS Type 2 เครื่องละ 2 หัวจ่าย รวม 6 หัวจ่าย กำลังสูงสุดขนาด 160 kW รองรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้พร้อมกันถึง 6 ช่องจอด โดยสถานีแห่งนี้ถือว่าเป็นสถานีชาร์จไฟฟ้าแบบ DC ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ 

>> Partner DC Charging Station เราจะร่วมมือกับ Partner Store ของเราในการติดตั้งจุดชาร์จแบบชาร์จเร็ว (DC Charge) ในกรุงเทพฯ และจังหวัดสำคัญต่างๆ โดยลูกค้าสามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 7 วัน เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

>> Destination Charging Station โดยจับมือกับพันธมิตรในการขยายจุดชาร์จตามโรงแรม ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าตามสถานที่ไลฟ์สไตล์ต่างๆ 

“ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นอีกหนึ่งกำลังในการสร้างระบบนิเวศของรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ดังนั้น สถานีชาร์จของ GWM ทุกแห่งยินดีให้บริการกับรถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทและทุกแบรนด์ พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 7 วัน ผ่าน GWM Application ไม่เพียงเท่านี้ เรายังมีแผนที่จะสร้าง Emergency Mobile EV Charging Unit หรือ รถบริการเคลื่อนที่ในการชาร์จไฟฉุกเฉินให้กับลูกค้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยกับบริการนี้ เพื่อลดความกังวลในการใช้งานของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าด้วย” นายณรงค์ อธิบายเพิ่มเติม

4.) ด้านประสบการณ์ลูกค้า: ภายใต้แนวทางดำเนินงานโดยเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (User-Centric) ทาง GWM ได้ตั้งเป้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้าในหลากหลายรูปแบบมากขึ้น เช่น...
>> การจัดกิจกรรมกับลูกค้าที่ GWM Experience Center อย่างน้อย 200 กิจกรรมตลอดทั้งปี 
>> การทำโรดโชว์ตามที่ต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น
>> การอัปเกรดเว็บไซต์โดยนำเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) มาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเลือกซื้อรถและค้นหาข้อมูลต่างๆ 

>> การพัฒนา GWM แอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มความสะดวกในด้านบริการหลังการขาย ซึ่งรวมถึงการนำข้อมูลของสถานีชาร์จประจุไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) การไฟฟ้านครหลวง (MEA) และผู้ประกอบการเอกชนด้านสถานีชาร์จอื่นๆ ให้ครอบคลุมถึง 80% ของสถานีชาร์จสาธารณะที่มีอยู่ในขณะนี้มาไว้ในแอปฯ 
>> การจับมือกับหลากหลายแบรนด์ชั้นนำเพื่อผสานความแข็งแกร่งในการส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้ผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ GWM

“ไม่เพียงเท่านี้ เพื่อตอกย้ำความตั้งใจที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งไปกับผู้บริโภค ทาง GWM จึงได้ปรับโฉมอัตลักษณ์แบรนด์ พร้อมเปิดตัวโลโก้ใหม่ที่มีความโดดเด่น เป็นสากล และสื่อถึงความเป็นกันเองกับผู้บริโภคมากขึ้น ด้วยดีไซน์ ‘G’ สไตล์โมเดิร์นสองตัวประกบเข้าหากันอย่างสมมาตร แสดงถึงความสัมพันธ์ที่สมดุลเท่าเทียมกันระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค ขณะเดียวกันยังสะท้อนถึงความรับผิดชอบ การเปิดกว้างอย่างไร้พรมแดน และการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของ GWM เพื่อให้ได้มาซึ่งนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์ผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเกรท วอลล์ มอเตอร์ จะเริ่มนำโลโก้ใหม่นี้ไปใช้ใน GWM Store รวมถึงตามกิจกรรมสื่อสารการตลาดต่างๆ ของแบรนด์ เพื่อสื่อถึงความเป็นเพื่อนคู่ใจที่พร้อมมอบประสบการณ์การเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้คนไทยตลอดเส้นทาง” นายณรงค์ ทิ้งท้าย

ทั้งนี้ในส่วนของประเทศไทยนั้น จะถูกวางตำแหน่งให้เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคอาเซียนของ GWM โดยมีโรงงานที่จังหวัดระยองเป็นศูนย์กลางของยานยนต์ไฟฟ้าและฐานการผลิตของภูมิภาคอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งในปัจจุบัน GWM ได้เข้าไปดำเนินงานอย่างเป็นทางการใน 4 ประเทศ คือ ไทย, ลาว, กัมพูชา และบรูไนฯ พร้อมทั้งมีแผนเปิดตัวในอีก 4 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์

สำหรับยอดขายทั่วโลกของ GWM ในปัจจุบันอยู่ที่ 1.28 ล้านคันในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 15.2% จากปีก่อนหน้า และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยยอดขายมากกว่า 1 ล้านคันเป็นเวลา 6 ปีติดต่อกัน โดยเป็นยอดขายยานยนต์พลังงานใหม่ถึง 137,000 คัน