'3 นิ้ว' ปลุกม็อบบุกสภา!! นัดกดดัน ไฟเขียวกฎหมาย 'รื้อมรดก คสช.' 

เพจ ‘ทะลุฟ้า’ ได้แชร์เฟซบุ๊ก ‘iLaw’ ที่เชิญชวนแนวร่วมให้ร่วมงาน ‘รวมพลังประชาชน-รื้อมรดกคสช.’ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 16.00 - 18.30 น. ณ สนามรัฐสภา (แยกเกียกกาย)

โดยระบุว่า เนื่องจากในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564 สภาเตรียมพิจารณาร่าง ‘ปลดอาวุธ คสช.’ เพื่อพิจารณายกเลิกประกาศและคำสั่ง ที่ตกค้างเป็นมรดกมาจากยุค คสช. ให้อำนาจแก่รัฐบาลทหารโดยไร้การตรวจสอบ เช่น อำนาจทหารขังคนได้ 7 วัน, การยกเว้นผังเมืองให้อีอีซี เป็นความพยายามล้างผลพวงรัฐประหารครั้งแรก และเป็นการพิจารณาร่างกฎหมายที่ประชาชนเข้าชื่อเสนอ

ทั้งนี้ เมื่อ 25 พ.ย. 64 iLaw ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่า ร่าง พ.ร.บ. ที่เคยเข้าชื่อเสนอโดยประชาชน 13,409 คน เพื่อเสนอให้ยกเลิกประกาศและคำสั่งของ คสช. รวม 35 ฉบับ ที่ขัดต่อสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย ถึงคิวการพิจารณาและจะได้รับการบรรจุในวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564 จึงขอให้ผู้เสนอกฎหมายเตรียมตัวเพื่อไปนำเสนอในวันดังกล่าวด้วย

ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ มีชื่อเต็มว่า ร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย พ.ศ. …. หรือเรียกเป็นชื่อเล่นว่า ร่าง #ปลดอาวุธคสช ที่เสนอให้ยกเลิกประกาศและคำสั่ง ซึ่งออกมาโดยการอ้างอำนาจการเป็นรัฏฐาธิปัตย์เมื่อเข้าทำรัฐประหาร และอำนาจพิเศษจาก “มาตรา 44” ซึ่งต่อมาแม้ คสช. จะหมดสถานะไปแล้วแต่ประกาศคำสั่งทั้งหลายยังได้รับการรับรองโดยรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 ให้มีผลบังคับใช้ตลอดไปจนกว่าจะถูกยกเลิก และช่องทางการยกเลิกในระบบประชาธิปไตยก็คือ การเสนอให้รัฐสภาออกพระราชบัญญัติมายกเลิก

ตัวอย่างของประกาศและคำสั่งที่เสนอให้ยกเลิก เช่น คำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558, 5/2558 และ 13/2559 ที่ให้อำนาจทหารเอาคนไปกักขังเป็นเวลาเจ็ดวัน, ประกาศ คสช. ฉบับที่ 26/2557 ให้ตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษเพื่อสั่งปิดกั้นเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องขอหมายศาล, คำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 47/2560 ที่ให้ยกเว้นการใช้ผังเมืองในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี), ประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 ที่ให้ควบคุมเนื้อหาในสื่อมวลชน, ประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 ที่ให้เอาพลเรือนขึ้นศาลทหาร, ประกาศ คสช. ฉบับที่ 40/2557 ที่ให้การไม่มารายงานตัวกับ คสช. เป็นความผิด ฯลฯ

ร่างปลดอาวุธ คสช. เริ่มต้นรวบรวมรายชื่อประชาชนที่เห็นด้วยตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 และสามารถรวบรวมรายชื่อประชาชนได้ 13,409 รายชื่อ จึงใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญนำรายชื่อทั้งหมดและร่างฉบับนี้เสนอต่อสภา เมื่อวันที่ 24 มิถุนาน พ.ศ. 2562 เป็นร่างพ.ร.บ.ฉบับแรกที่เข้าชื่อเสนอโดยประชาชนที่ได้เสนอต่อรัฐสภาชุดใหม่หลังการเลือกตั้ง แต่ระหว่างระยะเวลากว่า 2 ปี 5 เดือนที่ร่างฉบับนี้รอคิวการพิจารณา ประกาศและคำสั่งของ คสช. บางฉบับก็ถูกยกเลิกไปก่อน ทั้งการยกเลิกโดย คสช. เอง และศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยกเลิก ยังเหลืออีก 17 ฉบับที่ยังมีผลใช้บังคับอยู่เรื่อยมา

ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564 สภาผู้แทนราษฎรจะนำร่างปลดอาวุธ คสช. เข้าพิจารณาในวาระแรก โดยตัวแทนของประชาชนที่เสนอกฎหมายจะได้โอกาสนำเสนอร่างในการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะประกอบด้วยตัวแทนจาก iLaw และองค์กรภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากประกาศและคำสั่งในแต่ละประเด็น จากนั้น ส.ส. ที่เข้าร่วมการประชุมก็จะร่วมกันอภิปราย แสดงความคิดเห็น และซักถาม ผู้นำเสนอก็จะมีโอกาสได้ชี้แจงอธิบายเหตุว่า หากยังให้ประกาศและคำสั่งเหล่านี้คงอยู่ต่อไปจะส่งผลเสียต่อสังคมและสิทธิมนุษยชนอย่างไร หลังการอภิปรายก็จะเป็นการลงมติว่าสภาผู้แทนราษฎร จะรับหลักการร่างฉบับนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ ต้องอาศัยเสียงครึ่งหนึ่ง ของ ส.ส. คือ 362 จาก 723 คน ร่างก็จะได้เข้าสู่วาระสองเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาในรายละเอียด โดย ส.ว. ยังไม่ได้ร่วมลงมติในชั้นนี้ด้วย

ร่างฉบับนี้ เป็นความพยายามครั้งแรกที่จะ ‘รื้อมรดก คสช.’ อย่างเป็นทางการ หรือการลบล้างผลพวงที่คณะรัฐประหารทิ้งเอาไว้ในระบบกฎหมาย จากที่ในยุครัฐบาลทหาร คสช. ออกกฎหมายในรูปแบบประกาศและคำสั่งต่าง ๆ ได้ตามใจรวมถึง 556 ฉบับ ครอบคลุมสารพัดเรื่องโดยขาดการมีส่วนร่วมและไร้การตรวจสอบถ่วงดุล เช่น เรื่องการทำประมง, เรื่องปฏิรูปการศึกษา, เรื่องการปกครองส่วนท้องถิ่น, รวมทั้งเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง ฯลฯ แม้บางฉบับจะถูกยกเลิกเพราะ คสช. เปลี่ยนใจจึงยกเลิกเองและใช้ฉบับใหม่แทน หรือ การยกเลิกโดยปริยายเพราะหมดเวลาการใช้งาน หรือที่ คสช. ให้ยกเลิกไปก่อนหมดอำนาจ 78 ฉบับ แต่ก็ยังมีอีกหลายร้อยฉบับที่ยังไม่ถูกยกเลิกไป และยังไม่เคยถูกสะสางว่า เมื่อบังคับใช้แล้วมีผลดีผลเสีย หรือกระทบต่อประชาชนอย่างไรบ้าง


ที่มา : https://www.thaipost.net/x-cite-news/35012/