คน (พยายาม) ดี เหตุใด 'การทำดี' ต้องมี 'ความพยายาม'
การแสดงออกในสังคมที่เต็มไปด้วยผู้คนที่คิดต่าง บางครั้งอาจต้องยอมสูญเสียความเป็นตัวเองด้วยการ เสแสร้งบ้าง สร้างภาพบ้าง เพื่อให้สามารถยืนอยู่รอดในสังคม
เชื่อไหมว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องมโน เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยยึดมั่นจนกลายเป็นหลักสูตรที่ฝึกหัดกันอย่างแพร่หลาย เพื่อให้ได้รับ 'สถานภาพอันดีทางสังคม' มาครอบครอง
เห็นปรากฏการณ์แบบนี้แล้ว จึงอดคิดไม่ได้ว่า สังคมที่เราใช้ชีวิตอยู่ ล้วนเต็มไปด้วย 'หน้ากาก' ที่ซ้อนทับ 'หน้ากากกันโควิด'
เพียงแต่ที่น่ากลัวกว่านั้น คือ ตอนนี้เริ่มมีการพูดถึงการสร้างสถานภาพอันดี ผ่าน 'ความพยายามในการทำดี' หรือจะเรียกแรงๆ ว่า 'ทำดีเอาหน้า' ก็ไม่ผิดอันใด
เอ่อ!! นี่เรามาถึงจุดนี้แล้วหรือ จุดที่ต้องทำให้สังคมเห็นว่า 'ฉันคือคนดี'
- ตัวตนของเราจริงๆ
- ตัวตนที่ไร้การปรุงแต่ง
- ตัวตนของคนที่อยากทำดีแบบไม่ต้องเสแสร้ง
สิ่งเหล่านี้ ยังมีจริงอยู่หรือไม่?
แล้วเหตุใดถึงเกิดประเด็นเช่นนี้ในสังคม?
ว่ากันว่า คำนิยามของการทำความดีนั้นมีอยู่มากมาย เช่น สิ่งที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ ความพอใจ ความสุขใจ ความอิ่มเอมใจที่ส่งต่อให้แก่ผู้อื่น สังคม ประเทศ และโลก ในแบบที่ตัวผู้ทำไม่เบียดเบียนใคร ไม่เดือดร้อนตนเอง และครอบครัว
ฟังดูแล้ว ธรรมดา!!
ใช่!! มันธรรมดามากๆ
และเพราะมันธรรมดามากๆ นี่แหละ มันจึงไม่สอดรับกับสภาวะใหม่ของสังคมปัจจุบัน 'สังคมของคนหิวแสง' ที่เริ่มหยิบการทำดีแบบได้รับยอมรับและยกย่องเข้ามาเอี่ยว
อย่างที่บอก!! วันนี้หลายคนที่ต้องสวม 'หน้ากากมนุษย์' เพื่อเข้าหาสังคมแห่งการยกย่อง ชื่อเสียง เกียรติยศ และผลประโยชน์ให้เชื่อมโยงเข้าตัวเอง จำเป็นต้องสร้างอัตลักษณ์บางอย่างให้เกิดการจดจำ
นั่นจึงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธได้ยาก ที่ตัวแปรอย่าง 'การทำความดี' จะถูกแปรเจตนาจาก 'ทำเพราะมันคือความดี' เป็น 'ทำเพราะฉันต้องพยายามทำความดี'
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ก็เช่น นักแสดง เน็ตไอดอล หรือศิลปินบางคน เมื่อครั้งที่ยังไม่มีชื่อเสียง ก็ใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไป ทำความดีได้แต่ไม่ถึงกับเอิกเกริกยิ่งใหญ่ เป็นตัวของตัวเองโดยไม่ต้องพยายาม อยากทำอะไรที่สุขใจก็ทำกันไป
แต่เมื่อก้าวเข้ามาในวงการ มีชื่อเสียง มีคนมากมายรู้จักและให้ความสนใจ กลายเป็นบุคคลสาธารณะ ก็มีโจทย์ใหญ่พ่วงชีวิตเข้ามา นั่นคือ 'การพยายามเป็นต้นแบบที่ดีให้กับผู้อื่น'
ทุกอย่างที่ทำถูกจับตามอง เพราะเขากลายเป็นคนที่ต้องอยู่ท่ามกลาง 'แสง' แม้จะหิวแสงหรือไม่หิวแสงก็ตาม
ฉะนั้น หลายๆ กิจกรรมของการทำความดี จึงไม่ใช่แค่ทำเพราะอยากทำ แต่ต้องทำแล้วมีผลประโยชน์ ทำแล้วต้องมีผู้คนยกย่องสรรเสริญ โดยมีกระบวนการคัดกรองความดีที่ทำแล้วเวิร์กในสายตาสังคม
ว่ากันไปขนาดนั้น!! ก็ขนาดนั้นเลยนั่นแหละ!! เพราะทำแล้วจะ Failed ก็ไม่ได้ ทำแล้วถูกจับผิดนินทาว่า Fake ก็ไม่ได้อีก โอ้โห!! ทำไมมันดูยากจัง
แต่นี่แหละ คือ กฎเหล็กของการทำดีเอาหน้า เพราะทุกอย่างก็เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีที่สุดในการทำงานหรือแม้แต่การอยู่ในสังคมทั้งสิ้น
อันที่จริง ที่เล่ามาทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องผิดอันใด เพราะอย่างน้อย ต่อให้พยายามทำดี มันก็คือ 'ความดี' ที่ได้ทำเหมือนกัน แต่แค่มันดูน่าเศร้า ที่บางครั้งเราต้องเลือกใช้ชีวิต ใช้คำพูด สายตา การแสดงออก ที่มาจากการกลั่นกรอง เพียงเพื่อคนอื่น
มันก็เลยลามมาถึงคำถามที่ว่า การทำความดีที่เคยมีการนิยามไว้นั้น เป็น 'อะไร' ในสังคมมนุษย์กันแน่ 'เครื่องมือปันความสุข' หรือ 'เครื่องมือปั้นความสุข'
แล้วสรุปเราจะเลือกอยู่กับ 'สังคมพยายามดี' ที่มีคนยกย่อง เชิดชู แต่ไม่มีความสุขใจ
หรือเลือกทำดี 'ตามหัวใจ' โดยไม่ต้องพยายาม แม้ไร้คนเชิดชู
คำถามนี้ ทุกคนมีคำตอบ ผ่านคำถามอีกทอดที่ว่า...
'หิวแสง' หรือเปล่าล่ะ?