'บิ๊กตู่' อินเทรนด์!! อัด​ 'พอดแคสต์'​ แจงการบริหารโควิดของรัฐ >> ย้ำ!! สถานการณ์ภาพรวมดีขึ้น​ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมเข้มต่อเนื่อง

6 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกรายการผ่านแอพพลิเคชั่น พอดแคสต์ไทยคู่ฟ้า โดยกล่าวในหัวข้อ ​"การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19" ว่า ย้ำว่าการแพร่ระบาดในขณะนี้เป็นการแพร่ระบาดใหม่ในประเทศ ซึ่งไม่ได้เชื่อมโยงกับการระบาดในรอบแรก โดยอยากให้ทุกคนตั้งข้อสังเกตว่าการระบาดในปีที่แล้ว ด้วยความไม่ประมาทเจ็บแต่จบ

เราเลือกการล็อกดาวน์ เพราะทั้งไทยและชาวโลกต่างก็ไม่รู้จักโรคระบาดนี้มาก่อน แต่ก็เป็นการล็อคดาวน์ค่อยเป็นค่อยไปตามจังหวะและเวลาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยคำนึงถึงสุขภาพและปากท้อง

จนเราประสบความสำเร็จ​ ในขณะที่หลายประเทศไม่กล้าปิดประเทศ หรือตัดสินใจเมื่อสายไป สุดท้ายก็ต้องล็อคดาวน์อยู่ดี แต่ก็ไม่สามารถควบคุมโรคได้จนถึงทุกวันนี้ที่มีการระบาดและรอบ 2 หรือ 3 สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง​ ดังนั้นเราต้องดูต่างประเทศด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ทั้งนี้คนไทยมีคติภาษิตอยู่แล้วว่า เจ็บแล้วต้องจำ จึงบันทึกทุกอย่างเป็นบทเรียนและสถิติ พร้อมวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และเชื่อมั่นว่าเรารู้จักการรับมือโรคนี้มากขึ้น และปรับมาตรการต่าง ๆ​ ให้สอดคล้องกับการแพร่ระบาด โดยต้องตั้งบนหลักวิชาการและบริบทของประเทศไทย เช่น​ การ​​ที่เราจะปิดสถานประกอบการใด​ ก็ต้องพิจารณาจากตัวเลขสถิติที่สะท้อนการแพร่ระบาดของโรค

ซึ่งศบค. พบว่า​การแพร่ระบาดร้อยละ 40 มาจากชุมชน ตลาดร้อยละ 4 สถานบันเทิงและบ่อนการพนันร้อยละ 3 ในขณะที่ร้านอาหารร้อยละ 1 ตัวเลขเหล่านี้จึงสะท้อนออกมาเป็นข้อกำหนดและมาตรการของ ศบค."

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนที่มีหลายคนอ้างว่าสั่งปิดตลาด​ แต่ไม่ปิดห้างสรรพสินค้าเอื้อเจ้าสัว ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอย ไร้ตรรกะและไร้ข้อมูลสิ้นเชิง

นอกจากนี้จะเห็นว่าในครั้งนี้รัฐบาลเลี่ยงการล็อคดาวน์ทั่วประเทศ​ โดยหันมาใช้การแบ่งโซนพื้นที่และกำหนดมาตรการควบคุมให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อกำหนดมาตรการให้สอดคล้องในแต่ละจังหวัด

อย่างไรก็ตามในอนาคตอันใกล้ที่เราจะมีการฉีดวัคซีนนั้นก็เป็นมาตรการเสริมในการป้องกันและควบคุมโรค แต่มาตรการหลักทุกพื้นที่อย่างจำเป็น ต้องการ์ดไม่ตก และมีวินัยอย่างเต็มที่เหมือนเดิม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าทุกคนได้ติดตามการรายงานสถานการณ์จากศบค. อย่างใกล้ชิดทุกวัน จะเห็นว่าวันนี้เรามีพัฒนาการไปในทางที่ดียังอยู่ภายใต้การควบคุม ส่วนในช่วงแรกที่เกิดการระบาดใหม่ที่หนักหน่วงกว่าปีที่แล้วนั้น เพราะเกิดจากการระบาดในกลุ่มแรงงานต่างด้าว งานรื่นเริงที่มีเครื่องดื่มมึนเมาและบ่อนการพนัน

แต่ต่อมาได้ติดตามสอบสวนโรคอย่างไม่ลดละและมีการตรวจเชิงรุกมากขึ้น เพื่อสร้างแนวกันชนไม่ให้มีการแพร่ระบาดออกนอกพื้นที่ เช่น​ ในโรงงานต่างๆ ในจ.สมุทรสาคร ได้ดำเนินการ “บับเบิ้ลแอนด์ซีล” (Bubble and Seal) โดยวิธีนี้ใช้ได้ผลมาก ทำให้ผู้ติดเชื้อลดลง​ ขณะเดียวกันรัฐบาลยังได้ปรับมาตรการให้ยืดหยุ่นและผ่อนคลายมากขึ้น อีกทั้งกำชับหน่วยงานความมั่นคงให้ควบคุมและเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด พร้อมระบบเข้าตรวจตามแนวชายแดนที่เข้มข้นมากขึ้นในยามวิกฤติ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ถือเป็นพลังทางสังคมที่เป็นส่วนร่วม เป็นยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วยให้บ้านเมืองปลอดภัยในทุกมิติ ซึ่งหากเราช่วยกันเป็นยามเฝ้าแผ่นดินก็จะแบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน และได้ผลสัมฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพมากดีกว่าโทษกันไปมา เราต้องร่วมมืออย่าปล่อยให้คนไม่ดีคนชั่วหรือคนทำความผิดโจรผู้ร้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของเรา โดยมีมาตรการทางสังคม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "สำหรับข้อเน้นย้ำทุกพื้นที่ กระทรวงมหาดไทยได้สร้างกลไกเสริมเชื่อมโยงกับ ศบค. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ สร้างโครงข่ายแบบรังผึ้ง ขณะที่กระทรวงกลาโหมและตำรวจดูแลสถานประกอบการที่มีความเสี่ยง ต่อการแพร่ระบาด โดยเฉพาะการเร่งตรวจค้นหาจับกุม บุคคลที่มั่วสุมทำผิดกฎหมาย

ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดโดยต้องดำเนินคดีและส่งฟ้อง ขณะเดียวหันหากสถานประกอบการ ใดไม่สามารถดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดได้ ก็จะให้พิจารณาหยุดการดำเนินการ"

"หลักการทำงานของผมเน้นการป้องกันและเชิงรุกในทุกเรื่อง สิ่งสำคัญการแก้ปัญหาใดๆเราต้องแก้ปัญหาที่ยั่งยืน เช่น กรณีวัคซีนเราก็ต้องไม่เป็นผู้ซื้อตลอดไปต้องแสวงหาโอกาสและช่องทางที่จะเป็นผู้ผลิตหรือผู้สร้างนวัตกรรมด้วยตนเองให้ได้ ไม่วันนี้ก็วันหน้า

ส่วนการแก้ปัญหาโควิดก็ได้มีการตรวจเชิงรุก ควบคู่การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ซึ่งในเรื่องการตรวจเชิงรุกบางคนก็บอกว่าไปตีรังแตนหรือไม่ เพราะทำให้ตัวเลขสถิติผู้ติดเชื้อสูง อาจสร้างความตระหนก แต่ผมมองว่าเป็นการดับไฟที่ต้นตอมากกว่า" นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ขณะเดียวกันบ้านเมืองเราโชคดีมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองและประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือทุกภาคส่วนสามัคคีกัน ถือเป็นจุดแข็งของคนไทยที่เมื่อมีภัยเราก็ร่วมมือกัน และไม่ควรที่ใครโดยเฉพาะคนไทยด้วยกันจะมาดูแคลนคนไทยดูแคลนบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง ส่วนใครที่ยังเข้าใจคลาดเคลื่อนแล้วสื่อสารออกไปไม่ตรงกับความเป็นจริง

ตนเชื่อว่าความจริงเหล่านี้จะทำให้ทุกคนสบายใจและหันมาร่วมมือมากขึ้น อย่างไรก็ตามในส่วนของการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามนั้นย้ำว่ามีความจำเป็น เพื่อเป็นการแยกผู้ป่วยโควิดออกจากผู้ป่วยปกติอื่นๆ ไม่ให้มีความเสี่ยงและเป็นอันตราย

ซึ่งขณะนี้มีการเสียสละหลายพื้นที่และไม่มีใครต่อต้านแล้ว ทำให้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่งตามความจำเป็นของสถานการณ์ อีกทั้งยังได้รับการติดต่อจากภาคเอกชนในหลายจังหวัดในการสนับสนุนพื้นที่ จึงต้องขอขอบคุณประชาชนพร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ช่วยกันเสียสละทุ่มเทเผชิญรับความเสี่ยงไปด้วย ตนขอให้ทุกคนปลอดภัยประชาชนและเจ้าหน้าที่ปลอดภัย นายกฯ​ และรัฐบาลก็จะสบายใจขึ้น