สนทนาพาสนุก กับ 3 นักแสดงนำภาพยนตร์เรื่อง วอน (เธอ)

ภาพยนตร์เรื่อง วอน (เธอ) กำลังจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ The States Times มีนัดคิวด่วน ๆ ได้พูดคุยกับ 3 นักแสดงนำของเรื่อง ‘เซ้นต์-ฟ้า-พีค’ เราพูดคุยกันถึงความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้ ที่ทั้งสามคนบอกว่า เป็นโจทย์ที่ไม่ง่ายเลยสำหรับเขาและเธอ แต่รับรองเรื่องความสนุก และคุณภาพของหนัง คุ้มค่าตั๋วแน่นอน นอกจากนี้เรายังมีคำถามที่ทั้งเขาและเธอไม่ค่อยได้ตอบที่ไหน จะพาสนุก หรือจะพาเครียดอย่างไร ไม่อยากให้พลาดเลยจริง ๆ ครับ

ก่อนอื่นไปทำความรู้จักกับทั้ง 3 คนก่อนดีกว่า...

เซ้นต์ ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา

เซ้นต์แจ้งเกิดในวงการบันเทิง จากซีรีส์วาย เรื่อง บังเอิญรัก Love by chance หนึ่งในสี่คู่หลักของซีรีส์และรักษากระแสดังต่อเนื่องด้วยการเป็นหนึ่งในสามคู่หลัก ของซีรีส์ Why R U เพราะรักใช่เปล่า ระหว่างนั้นมีผลงานละครอีกหลายช่องทาง รวมถึงนักแสดงมิวสิควิดีโอ และงานอีเว้นต์ กับพรีเซนเตอร์ต่าง ๆ ไหลมาเทมา ด้วยกระแสป๊อบแห่งสายวาย

ด้วยรูปลักษณ์และลุคของเซ้นต์มีความเป็นตี๋หน้าหวาน ผสานทั้งจีน เกาหลี ญี่ปุ่น จึงมีแฟนซีรีส์วายในหลายประเทศ

พีค ภีมพล พานิชย์ธำรง

พีคแจ้งเกิดในวงการบันเทิง จากซีรีส์วาย จากเรื่อง Make It Right The series : รักออกเดิน ซีซั่น 1 และ 2 นอกจากนั้นก็มีผลงานอีเว้นต์ งานแสดงมิวสิควิดีโอต่อเนื่องมา มีแฟนๆ ติดตามอยู่ไม่น้อย และล่าสุด ภาพยนตร์เรื่องวอนเธอ เขาก็เป็นหนึ่งในสามหนุ่มตัวหลัก 

ฟ้า ษริกา สารทศิลป์ศุภา

ฟ้าแจ้งเกิดจากการเป็นศิลปินกลุ่มในสังกัด กามิกาเซ่ แต่ความสามารถด้านการแสดงของเธอเด่นชัด ไม่เพียงแค่ในการร้องหรือการเล่นเอ็มวี เธออวดผลงานละครทางช่อง 8 หลายต่อหลายเรื่อง จนกระทั่งฉายแววเด่นในภาพยนตร์ ฮาวทูทิ้งฯ เมื่อปีก่อน และวอน (เธอ) เป็นผลงานหนังเรื่องล่าสุดของเธอ กับคาแรกเตอร์สาวสวย รวยเสน่ห์และทรัพย์สมบัติ หญิงเด่นเพียงคนเดียว ต้องไปลองพิสูจน์กัน

Q: ใครเล่นเป็นใครกันบ้าง และบทบาทเป็นอย่างไรใน ‘วอน (เธอ)’ ให้ฟ้าตอบก่อน 

ฟ้า: ฟ้าเล่นเป็น ’เนเน่’ ค่ะ เด็กสาวที่ช่างฝัน มีความกล้า และอยากใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นอย่างเต็มที่ เพราะว่าเขายังไม่เคยเจออะไรใหม่ ๆ แต่ด้วย background ทางบ้านทำให้เนเน่ไม่เหมือนคนปกติ คือพ่อเป็นคนดัง และที่บ้านไม่ค่อยมีเวลาให้กันสักเท่าไร แต่ว่าพ่อเป็นคนดังมาก ทุกคนจะรู้จัก ชีวิตวัยเด็กก็โตมากับการที่ทุกคนรู้ว่าพ่อเป็นคนดัง เนเน่จะมีปมตรงนี้เล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งทำให้เขาอยากที่จะเป็นตัวเอง อยากมีเพื่อน อยากคบกับใคร อยากอะไรด้วยความรู้สึกที่ฉันคือเนเน่ 

Q: เซ้นต์ล่ะครับ

เซ้นต์: ผมเล่นเป็น ‘โอม’ ครับ เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เหมือนกับขาดความรัก ซึ่งก็เกิดจากพื้นฐานครอบครัวของเขานั่นแหละ ด้วยความที่คุณพ่อเขาเป็น ส.ส. มีความเข้มงวดในกฎระเบียบมาก ตัวโอมก็เลยเป็นคนที่รู้สึกเหมือนกับว่าเขาไม่อยากทำทุกอย่างตามระเบียบ เห็นได้จากคาแรคเตอร์ของเขาคือ ย้อมสีผม สัก หรือแต่งตัวเซอร์ ๆ เหมือนเขาค้านว่า เขาอยากเป็นนักการเมืองในความฝันเขา ซึ่งคุณพ่อก็อยากให้เขาเป็นนักการเมืองเหมือนกัน แต่ในขณะเดียวกันเขารู้สึกว่า ทำไมการเป็นนักการเมืองจะต้องทำทุกอย่างให้เป็นตามแบบกฎระเบียบแบบนั้น สิ่งที่เขาอยากจะทำมันอยู่ที่ใจ ไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้าหน้าผม เขาก็เลยเลือกทำทุกอย่างที่ค้านกับพ่อ ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นตัวเอง แต่เขารู้สึกว่าพ่อเขาไม่ใช่คนที่มอบความรักให้เขา ทุก ๆ คนไม่มีใครมอบความรักให้เขา เขาเลยเป็นคนที่ตามหาความรัก เป็นเพลย์บอยคนหนึ่งที่อยู่กับผู้หญิงเยอะมาก และคอยมองหาใครสักคนหนึ่งที่จะเป็นคนสุดท้ายและหยุดเขา จนกระทั่งเขาก็ไปมีเรื่องราว ได้เจอใครบางคนที่หยุดอยู่กับเขา แต่เขาก็ไม่ใช่ ทำให้เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะลืมคนคนนั้น หรือควรจะเริ่มต้นใหม่ หรือสิ่งที่อยู่ข้างหน้ามันใช่สิ่งที่เขาควรจะเป็นหรือเปล่า

Q: แล้วพีคล่ะครับ

พีค: พีครับบทเป็น ‘บิว’ ครับ เป็นคนคนหนึ่งที่เข้าใจคนอื่น เข้าใจว่าคนคนนั้นเขารู้สึกดีหรือรู้สึกไม่ดีอยู่ และเราก็เป็นคนที่พร้อมจะทำให้เขาดีขึ้น ถึงแม้ว่าความสุขของเขาอาจจะเป็นความทุกข์ของเราก็ตาม เราพร้อมจะเสียสละให้เขาครับ แต่ว่าตัวบิวไม่ได้เป็นคนที่มีปมหรือว่าขาดความอบอุ่นเลย ถึงแม้จะถูกเลี้ยงดูมาด้วยแม่เพียงคนเดียว เพราะว่าเขาได้รับความรักที่ดีมาตลอด เขาก็เลยอยากจะแบ่งปันความรู้สึกดี ๆ ให้คนอื่นด้วยครับ 

Q: ตัวละคร เนเน่ ในวอนเธอ ต่างกับบทบาทอื่นที่ฟ้าเคยทำมาอย่างไรบ้าง

ฟ้า: มันต่างทั้งในแง่ background และอายุด้วย ทางชีวภาพก็ต่างกัน แต่มันมีความเหมือนบางอย่างที่เราสามารถ relate ได้ ในเรื่องความรู้สึก ความเป็นคนบางอย่างของผู้หญิงคนหนึ่ง ของเด็กคนหนึ่ง ที่เราเคยผ่านมา แต่ว่าความยากน่าจะเป็นเรื่องของแง่ดีไซน์ของหนังมากกว่า ที่มันจะมี 4 เรื่องราว 4 มุมมอง 

มันเป็นสิ่งที่ผู้กำกับฯ ออกแบบมาว่า เรื่องของใคร คนนั้นก็จะเป็นตัวเอกของตัวเอง ทีนี้เวลาเรามองคนอื่นเราก็จะเห็นแค่มุมของเรา แล้วเวลาเราแสดงเราต้องไปแสดงในมุมคนอื่น เราก็จะต้องเล่นบิดนิดหนึ่ง ให้มันรู้สึกว่านี่เป็นมุมของเขา อันนี้คือความยากในแง่ของการแสดง แต่ว่าเรื่อง Background ก็ต้องทำการบ้านมาพอสมควรค่ะ เพราะว่ามันค่อนข้างไกลจากความเป็นจริง หมายถึงว่าตัวเราไม่ได้เคยมีครอบครัวแบบนี้ ไม่ได้มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองแบบนี้ ประสบการณ์ต่าง ๆ อย่างในมหาวิทยาลัยหรือคณะที่เรียนก็ไม่เหมือน ก็จะเป็นอะไรที่ต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะค่ะ

Q: บทโอม ของเซ้นต์ล่ะครับ เหมือนหรือแตกต่างจากที่ผ่านมายังไง

เซ้นต์: ของผมจริง ๆ ต่างกันมาก เรียกว่าต่างกันเกือบทุกส่วนเลย แต่ก็มีความเหมือนกันตรงที่ไลฟ์สไตล์บางอย่างของโอม อย่างเช่นโอมจะเป็นคนที่ชอบแหวน ชอบโซ่ ชอบเครื่องประดับ ซึ่งผมก็ชอบเหมือนกัน หรือที่โอมชอบรถสปอร์ต ชอบซูเปอร์คาร์ นั่นผมก็ชอบอยู่แล้ว แต่ในส่วนอื่น ๆ จะไม่เหมือนกันเลย ไม่ว่าบุคลิกของตัวละครที่มีความเป็นแบดบอย เป็นผู้ชายที่มีความดาร์ก และเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงมาก ตัวผมเองเป็นคนที่เราอยากจะจอยกับทุกคน อยากคุย อยากสนุกกับทุกคน อยากจะเป็นรอยยิ้มของเพื่อนๆ อะไรอย่างนี้ แต่ว่าตัวโอมเขารู้สึกว่ารอยยิ้มมีแค่เพียงแค่เขาคนเดียวก็พอ ไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างรอยยิ้มให้ใคร ถ้าคนนั้นไม่ใช่คนที่เขาสนใจ ฉะนั้นเวลาเขาสนใจใคร เขาจะสร้างรอยยิ้มให้เพียงแค่คนนั้น ถึงแม้ตรงนั้นจะมีเพื่อนนั่งอยู่ เขาก็ไม่เลือกที่จะเดินไปหาเพื่อน แต่เลือกจะเดินไปหาคนที่เขาสนใจ ซึ่งมันห่างกับผมมาก ทั้งนิสัยและ Background ที่บอกถึงความมีโลกส่วนตัวสูง มีความทะนงตนสูงมาก จนทำให้ใครหลายคนอาจจะรู้สึกว่า ตัวเขาดูเป็นคนไม่น่าคบ แต่ว่าพอได้รู้จักเขาจริง ๆ แล้ว เขาก็เป็นคนมีเรื่องราวครับ อย่างที่บอกครับว่าปมชีวิต ตั้งแต่เรื่องพ่อ ชีวิตเขามันไม่ใช่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ทุกคนเห็นภายนอก ในใจเขาไม่เคยสมบูรณ์เลย ฉะนั้นผมก็ต้องทำการบ้าน มีการทำ Workshop กัน

Q: บทบิวของพีคล่ะ เปลี่ยนและพัฒนาเราไปยังไงบ้าง

พีค: สำหรับบทบาทบิวนะครับ เอาจริง ๆ ตอนที่เราได้รับบทนี้ ได้นั่งฟังเขาอธิบายมาแล้วรู้สึกว่า ผมเห็นด้วยทุกอย่างเลยกับความคิดของตัวละครนี้ ผมรู้สึกว่ามันค่อนข้างใกล้เคียงกับตัวเรามาก ๆ เลย ในความคิดมาก คิดมากแต่ไม่พูด ในความเก็บความรู้สึกหรืออะไรก็ตาม ผมรู้สึกว่าเราสามารถ Relate กับตัวเองได้ง่าย กับช่วงอายุด้วย เพราะว่าตอนนี้ผมก็อายุพอ ๆ กับบิวครับ และมีความรักครอบครัว รักเพื่อน เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราจริง ๆ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนก็มีเหมือนกัน บางครั้งเราคิดว่าบิวจะทำแบบนี้ ยกตัวอย่างนะครับ เช่น สมมุติว่าผมคิดว่าตัวเองเหมือนบิวใช่ไหมครับ ผมจะคิดว่าเราเป็นแบบนี้ถูกต้อง แต่ที่จริงแล้วบิวคิดอีกแบบหนึ่ง มันจะมีบางจุดที่ค่อนข้างต่างกันอยู่ หรืออีกอย่างหนึ่งที่ต่างมากก็คือการขับมอเตอร์ไซค์ครับ เพราะว่าผมไม่เคยขับมอเตอร์ไซค์มาก่อนในชีวิต ก็เลยต้องมาฝึก แล้วต้องขับให้คล่อง เพราะว่าบิวเป็นคนที่ขับมอเตอร์ไซค์มาตลอด 

Q: รู้สึกกลัวไหม เพราะว่าเราคงไม่ขับอันตรายแบบตัวละคร 

พีค: ค่อนข้างกลัวครับ แต่มันเป็นประสบการณ์ใหม่มากกว่า คือครั้งแรกที่ผมขับก็เกร็ง ๆ ครับ แต่ว่าพอได้ขับไปเรื่อย ๆ จะรู้สึกว่ามันสนุก แบบอากาศดีจังเลย อะไรอย่างนี้ ผมรู้สึกว่าเวลาเราขับเร็ว ๆ ทุกอย่างมันดูช้าลงครับ 

Q: เริ่มอินแล้ว

พีค: ใช่ครับ อิน ๆๆ จนผมต้องไปศึกษา

ฟ้า: เดี๋ยวนี้เห็นมอเตอร์ไซค์ไม่ได้

พีค: เออ...ใช่ ผมเห็นมอเตอร์ไซค์แล้วผมต้องถ่ายรูปเอาไปศึกษา ซึ่งแต่ก่อนผมไม่เคยสนใจเลย

Q: คำถามต่อจากนี้เป็นคำถามสนุก ๆ เริ่มจากฟ้าก่อน ของสะสมที่ซ่อนไว้ตั้งแต่เด็ก จนบางทีอาจลืมไปแล้ว 

ฟ้า: จริงๆ ฟ้าเป็นคนที่ไม่มีของสะสมเลยค่ะ ไม่ได้ชอบอะไรที่เป็น material ฟ้ารู้สึกว่าถ้าเป็น material จริง ๆ น่าจะเป็นรูปภาพ แต่ไม่รู้จะนับมันว่าเป็นของสะสมไหม ฟ้ารู้สึกว่าถ้าอะไรสำคัญเราจะไม่ลืมมัน ไม่มีวันลืมเลย มันจะอยู่ในใจในสมองเราตลอดไป ไม่ลืมง่าย ๆ ถ้ามันสำคัญจริง ๆ มันต้องมีค่ากับเรามาก ไม่ว่าตอนนั้นมันจะเป็นอะไร เหตุการณ์อะไร มันมักจะชัดเจนเสมอ เวลาที่เรานึกถึง ก็เลยไม่ค่อยสะสมของ เพราะว่าของเป็นเหมือนเครื่องเตือนความทรงจำเฉย ๆ แต่โอเค เรื่องของสะสมมันน่าจะเป็นความชอบส่วนตัว อันนี้ส่วนตัวฟ้าไม่ได้ชอบอะไร ฟ้าชอบธรรมชาติ ฟ้าชอบสัตว์ ซึ่งมันสะสมไม่ได้ 

พีค: สะสมต้นไม้ (พีคช่วยเสริมเหมือนแอบรู้ใจ)

ฟ้า: อาจจะสะสมต้นไม้ (หัวเราะ)

Q: สิ่งที่คนอื่นไม่รู้เกี่ยวกับเซ้นต์

เซ้นต์: สิ่งที่คนอื่นไม่รู้เกี่ยวกับเซ้นต์ ก็รู้หมดแล้วนะ (หัวเราะ)

Q: อาจจะมีเรื่องที่ต้องบอกกับ The States Times วันนี้

เซ้นต์: (ยิ้ม) ผมเป็นคนที่หลาย ๆ คนชอบบอกแต่ไหนแต่ไรแล้วว่า ลุคดูเป็นคุณหนู แต่ว่าข้อหนึ่งคือผมรู้สึกว่า ผมจะมีโมเมนต์หนึ่งที่ผมชอบ ผมชอบออกค่ายอาสามาก เป็นโมเมนต์หนึ่งที่เราชอบ ได้ทำอะไรให้กับชาวบ้าน ผมชอบใช้ชีวิตแบบชาวบ้าน เพราะผมรู้สึกเหมือนกับว่าเราได้เห็นโลกที่เราไม่เคยเห็น ได้ใช้ชีวิตที่เราไม่เคยใช้ หรือได้กินในสิ่งที่ไม่เคยกิน รู้สึกว่ามันเป็นโมเมนต์พิเศษที่...ไม่ใช่แค่เพียงว่าคุณมีเงินคุณจะซื้อมันได้ แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความสุขที่ทุกคนไม่ได้หวังอะไร ผมเชื่อว่าบางครั้งเราใช้ชีวิตมันจะมีคำว่าผลประโยชน์ แต่ในโมเมนต์นั้นคือทุกคนไม่มีคำว่าผลประโยชน์ แม้แต่ชาวบ้านที่เราไปหา เขาก็ต้องการแค่อยากสนับสนุนพวกเรา ที่เห็นว่าเด็กกลุ่มนี้มาสร้างโรงเรียน สร้างห้องสมุด มาทำความดี ผมรู้สึกว่ามันเป็นโมเมนต์ที่เหมือนกับเราทำงานอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ แล้วผมรู้สึกว่ามันยากมากเลยนะที่ได้ความรู้สึกแบบนี้จากใครบางคนที่ไม่ใช่พ่อหรือแม่ 

Q: พีคล่ะครับ มีความลับหรือความแสบตอนเด็กที่อยากเล่าให้ฟังบ้างไหม

พีค: เรื่องที่คนทั่วไปอาจจะไม่ทราบ ที่จริงก็มีเยอะอยู่ครับ (หัวเราะ) ส่วนใหญ่เรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นที่โรงเรียน แล้วมันทำให้เรามีแผลเป็น แผลเป็นตามตัวน่ะครับ อย่างเช่นตอนนั้นเขาตรวจความสั้นของกางเกงกันตอนเช้า เราก็เลยเอากางเกงมา 2 ตัว แล้วระหว่างเข้าแถวเขากำลังจะตรวจแล้ว เราก็รีบวิ่งขึ้นไปเปลี่ยนกางเกง ระหว่างเปลี่ยนแบบรีบมาก เพราะว่าครูกำลังเดินมาแล้วเราก็แอบขึ้นไปเปลี่ยนตรงชั้นลอยครับ ประเด็นคือ มันมีหน้าต่าง และมีเหมือนแง่งอะไรสักอย่างแหลม ๆ มันขูดเข้าที่ขา แต่ ณ ตอนนั้นคือไปห้องพยาบาลไม่ได้แล้ว เพราะเราต้องรีบไปให้ครูดูกางเกง นั่นแหละ อันนั้นน่าจะเป็นวีรกรรมที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ใช่ ๆ ผมได้แผลจากช่วงสมัยเรียนเยอะมากเลย 

Q: เรื่องที่เซ้นต์มักขอร้อง หรืออ้อนวอนคนอื่นตลอด มีอะไรบ้าง

เซ้นต์: ที่ผมขอร้องคนอื่นตลอดเหรอ มันจะไม่ใช่เชิงขอร้อง แต่เราจะเดินไปแล้วบอกให้เขาเป็นอย่างที่เราอยากให้เป็น จะเรียกว่าขอร้องก็ได้ เพราะว่าผมไม่ชอบเห็นคนเศร้าเสียใจ ถ้าผมเห็นผมจะเดินเข้าไปแล้ว... เราก็แค่รู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ในตัวเขามันหนัก เราแค่อยากจะเอาความหนักของเขา ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่หายหนักหรอก แต่เราจะได้เบาความรู้สึกเขา ถ้าผมเห็นใครที่กำลังรู้สึกอึดอัดอยู่ หรือว่ารู้สึกไม่ดี ผมจะเดินเข้าไปคุยกับเขา แล้วบอกเขาว่ามีอะไรให้เราช่วยไหม 

Q: ตัวอย่างคำขอร้องที่พีคคิดว่า คนร้อยทั้งร้อยต้องยอมพีค ลองยกตัวอย่างได้ไหม 

พีค: อืม... เวลาเราจะขอร้องใคร แบบว่าถ้าอยากได้จริง ๆ เราจะบอกว่า เฮ้ย...เราจริงจังนะ เฮ้ย...จริงจังนะ (หัวเราะ)

Q: ก็เรียกว่าขอร้องนั่นแหละ 

พีค: แต่เราก็จะพูดว่า ปกติเราไม่เคยขอร้องใครเลยนะ อย่างนี้ ๆ

Q: ข้อนี้ถามฟ้า เรื่องที่ฟ้าจะไม่มีวันขอร้องใครเลย เรื่องนั้นคืออะไร

ฟ้า: ไม่มีวันขอร้องใครเลย...

เซ้นต์: ไม่ขอร้อง ให้มารัก...

ฟ้า: บ้าน่า ไม่เคย ไม่ขอให้ โอ้โห...ยากมากเลย ส่วนใหญ่ก็ไม่ขอให้เขามาเห็นใจแล้วกัน คือไม่ใช่ว่าไม่เห็นใจ แค่เข้าใจก็พอแล้ว แต่ไม่ได้เรียกร้อง ไม่ต้องสงสาร เราไม่ได้อยากให้เขารู้สึกแย่ไปกับเรา คือแชร์ได้ เข้าใจกันได้ แต่ไม่ต้องแบบ...ไม่อยากให้เขารู้สึกเศร้าไปกับเราหรือแย่ไปกับเรามากกว่า

Q: นิสัยใจคอที่คนสนิทบอกว่าฟ้าเป็น นี่แหละคือฟ้า ใช่เลยฟ้า

ฟ้า : คนสนิทบอกว่าฟ้าเป็น

เซ้นต์: เป็นผู้ชาย... (เซ้นต์ช่วยชี้ 555)

ฟ้า: เป็นเหมือนผู้ชาย ใช่ คนก็จะบอกว่าฟ้าเหมือนผู้ชาย แมนๆ ไม่ค่อยคิดอะไร เป็นคน...

Q: เสียงเข้มห้าว

พีค: เสียงเหมือนปาล์มมี่ (พีคช่วยอีกแรง)

ฟ้า: ใช่ เราจะแมน ๆ เป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรเยอะ ไม่จุกจิก ไม่เรื่องมาก เพ้อ ๆ หน่อย แต่ว่าเป็น easy-going 

Q: ข้อนี้ถามเซ้นต์ สิ่งที่ครอบครัวบอกว่าคุณเป็น 

เซ้นต์: ครอบครัวบอกว่าเป็น... เป็นคนที่ทุกคนในบ้านคาดหวัง ที่บอกว่าคาดหวังเพราะด้วยความที่เป็นหลานชายคนโต ผมมีน้องๆ และเป็นน้องสาวหมดเลยด้วย ก็เท่ากับเป็นลูกชายคนแรกของบ้านคนจีน หลานชายคนแรกของบ้านคนจีน เขาก็คาดหวังว่าเราจะสืบทอดกิจการ เราจะต้องสำเร็จในชีวิต และด้วยหน้าที่การงาน หรือตำแหน่งทางสังคมของคนในครอบครัวเรา เขาจะคาดหวังว่า เราต้องโตมาแล้วสืบทอดในหลายๆ อย่าง แต่ในจุดหนึ่งผมก็คุยกับคนในครอบครัวเหมือนกัน บอกว่าผมอยากมีชีวิตของตัวเอง ซึ่งจริงๆ คำว่าคาดหวังนั้นก็กลับเปลี่ยนเป็นคำว่า ดี อยากให้เราใช้ชีวิตด้วยตัวเอง แต่ว่าในขณะเดียวกัน ผมว่าการที่ผมมีโอกาสมายืนตรงนี้ได้ก็เป็นการสนับสนุนของครอบครัว ที่ให้ผมทำ ในช่วงแรกๆ ผมเชื่อว่าเด็กหลายคนที่เข้าวงการบันเทิงน่าจะเป็นแบบผม คือกลัวว่าครอบครัวจะไม่สนับสนุน แต่ว่าสุดท้ายแล้วพอมีโอกาสได้คุย ครอบครัวผมสนับสนุนมาก อยากให้ทำทุกอย่างเลย 

Q : แล้วตอนเริ่มเข้าวงการก็ได้รับบทแรงด้วย เพราะว่าต้องเป็นหนุ่มวาย

เซ้นต์: ใช่ ๆๆ แล้วเหมือนกับว่า... คำหนึ่งที่ผมยังประทับใจอยู่คือ คุณตาผมพูดว่า เออ...ทำเลย อยากทำอะไรทำเลย ตาสนับสนุน ตาอยากให้ทำ แต่ตาขอ 2 อย่าง ตาอยากให้เราตั้งใจเรียนให้จบ อีกข้อหนึ่งคือเรื่องงาน ถ้าในวันหนึ่งผมไม่ประสบความสำเร็จหรือมีปัญหาอะไรก็แล้วแต่ ตรงนี้ยังเป็นที่ของเซ้นต์เสมอ ผมเลยรู้สึกว่าเป็นครอบครัวที่ support แต่บางครั้งเราอาจจะคิดไปเอง แต่จริงๆ แล้วเขาคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลังเราเสมอ ตั้งแต่เด็กยันโต คุณตาเองคอยดูแลผมตั้งแต่เรื่องกิน อย่างเรื่องเล็กๆ เรื่องกินเกาลัด ปกติคุณแม่จะเป็นคนให้ฝึกทำทุกอย่างเอง คุณตาก็จะแอบมาแกะเกาลัดให้กิน 

Q: ส่วนของพีค มีเรื่องที่จริง ๆ เราเป็นแบบนี้ แต่คนอื่นเข้าใจเป็นอย่างอื่นบ้างไหม

พีค: คนอื่นคิดว่าผมเก่งครับ เพื่อน ๆ คิดว่าผมทำได้ดี แต่ว่าผมคิดว่าตัวเองต้องพัฒนาอีกเยอะ ตอนนี้เราอาจจะทำดีที่สุดแล้ว แต่ว่ามันยังได้อีก

Q: เป็นกับเรื่องอะไรบ้างครับ

พีค: กับทุกเรื่อง เรื่องเรียน เรื่องงาน หรือว่าเรื่องร้องเพลง เรื่องดนตรี หรืออะไรก็ตาม คนอื่นชอบบอกว่าเราทำได้หลายอย่าง แต่ว่าการที่เราทำได้หลายอย่างนั้น เราไม่ได้ไปสุดในทุกๆ ทาง

Q: ถ้าเหลือเวลา 7 วัน ในชีวิต เซ้นต์จะทำอะไร

เซ้นต์: ถ้าเหลือแค่ 7 วันในชีวิต อาจจะเห็นผมไปสร้างรอยยิ้มสักที่หนึ่ง ผมอาจจะไปอยู่วัดไหนสักวัดหนึ่ง ผมอยากจะสอนหนังสือเด็ก หรืออาจจะไปอยู่ชนบทสักที่หนึ่ง ที่เรารู้สึกว่าอย่างน้อย ๆ ใน 7 วัน เราจะทำคุณค่าให้ได้มากที่สุด เคยได้ยินคนชอบพูดกันว่า ในช่วงเวลาที่เรามีชีวิตอยู่เราควรทำสิ่งดี ๆ ฝากไว้ เพื่อให้คนนึกถึงเราในวันที่เราไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ผมว่ามันเป็นเรื่องยากกว่า ผมแค่อยากสร้างรอยยิ้มตรงนั้น ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่สร้างไว้เพื่อให้คนพูดถึง แต่มันสร้างเอาไว้เพื่อให้คนทำสิ่งที่ดี หรือว่าเป็นสิ่งที่เกิดประโยชน์ หรือบางครั้งถ้าสร้างไว้แล้วไม่ต้องมีคำว่าเราอยู่ในตรงนั้นเลยก็ได้ แต่สิ่งที่เราทำนั้นสามารถทำให้คนอื่นมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ทำให้คนอื่นมีความสุขขึ้น สร้างรอยยิ้มตรงนั้นได้มากขึ้น ผมรู้สึกอยากทำตรงนั้น

Q: อยากทำบุญกุศลก่อนจากไป

เซ้นต์: อาจจะไม่ได้นับว่าเป็นบุญกุศลหรอกครับ ผมแค่รู้สึก...อย่างทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกว่าชอบโมเมนต์ที่ไปค่ายอาสา อย่างครั้งหนึ่งที่ไปจังหวัดจันทบุรี ไปสร้างห้องสมุด แล้วเด็ก ๆ เดินเข้ามากอด ถามว่าเมื่อไรพี่จะมาอีก จนเรา โอ้โห...น้ำตาจะไหลอะไรอย่างนี้ 

Q: ถามฟ้าสนุก ๆ ถ้าต้องตกนรก 7 วัน จะทำอะไรบ้าง

ฟ้า: อันดับแรกฟ้าวิ่งไปหาเพื่อนก่อนเลยค่ะ เพราะเพื่อนเยอะในนรก มันทำอะไรได้

พีค: ไม่เจอผมแน่นอน 555

ฟ้า: ถ้าจะต้องไปอยู่ถึง 7 วันเหรอ อยากไปถามทุกคน ถามว่าทำไมถึงตกมาอยู่นี่ แกทำอะไรไว้ ไปพูดคุย อยากรู้ว่าตกนรกแล้วรู้สึกอย่างไร ถามคนที่ตกอยู่มานานหลายปี (หัวเราะ)

Q: สมมติถ้ามีมนุษย์ต่างดาวเชิญพีคไปให้อยู่ด้วย 7 วัน ที่ดาวแสนไกลของเขา

พีค: ไป ๆ (ตอบไม่ลังเล) ผมคงตาลุกวาวมากๆ คงจะมีความสุข แล้วก็ตื่นเต้นมากๆ แต่ว่าทำอะไร ผมคงจะไปใช้ชีวิตแบบเขานี่แหละ ไปกินข้าวกับเขา ตื่นนอนแบบเขา แล้วก็อยู่แบบคนบนดาวดวงนั้น 7 วัน ใช้ชีวิตกัน

Q: แล้วถ้าเขาเป็นแค่อะมีบาหรือเป็นตัวอะไร

พีค: อย่างนั้นผมกลับดีกว่า 5555

Q: วันนี้เซ้นต์อยากบอกอะไรกับคนวัยเดียวกัน หรือว่าคนวัยเด็กกว่า 

เซ้นต์: จริง ๆ วัยผมตอนนี้เป็นวัยที่แบบเพิ่งเรียนจบกัน แล้วก็สมัครงานอยู่ด้วย ผมมีความรู้สึกว่าหลายๆ คนเครียดกับตรงนี้ หรือเป็นความทุกข์ที่กำลังเจอ ทุกคนอาจจะมองว่าตอนนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ผมเชื่อว่าถ้าเรามองย้อนกลับไป ผมรู้สึกว่าเรื่องที่เราเคยรู้สึกว่ามันใหญ่มากตอนนั้นนะ แต่ตอนนี้มันเล็กแล้ว ฉะนั้น ตอนนี้ที่คุณเจอสิ่งที่มันหนักหน่วงในชีวิตมากๆ โอเค มันก็เป็นเรื่องที่ใหญ่ในตอนนี้ แต่ผมเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กในอนาคต วันหนึ่งที่คุณมาพูดถึง มันก็จะเป็นสิ่งที่อาจจะเป็นเรื่องขบขันในอนาคตก็ได้ ฉะนั้นผมอยากให้ทุกคนสู้กับชีวิต ที่เรารู้สึกว่ามันอาจจะดูโหดร้าย แต่ผมเชื่อว่าวันหนึ่งคุณจะเป็นคนที่มีความสุข และสู้ไปเถอะ ผมเชื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้ามันจะมีสิ่งตอบแทนกับการต่อสู้ของเราเอง อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนในการใช้ชีวิตนะครับ 

Q: ฟ้าอยากบอกอะไรกับผู้ใหญ่ในวันนี้ 

ฟ้า: ฟ้าเชื่อว่าผู้ใหญ่มักมีอะไรที่อยากสอน อยากจะแชร์ อยากจะบอกว่าผ่านมาแล้ว  แต่สิ่งหนึ่งที่ฟ้าอยากจะบอกผู้ใหญ่เลยว่า ขอให้รับฟังให้มากขึ้น เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการสนทนา สำหรับการแชร์ หรือว่าการที่จะสอนหรืออะไรกัน ถ้าอยากจะสอนเรา หรืออยากจะให้อะไรกับเรา คุณก็ต้องรับฟังเรา แล้วเราจะรับฟังคุณ แล้วฟ้ามีความรู้สึกว่า ฟ้าเชื่อว่าคนทุกเจนฯ ทุกยุค ไม่ว่าจะผู้ใหญ่ หรือเด็กกว่า หรือคนวัยเดียวกับฟ้า ล้วนมีข้อดีของยุคสมัยแตกต่างกัน เราไม่มีทางไปเกิดพร้อมเขาได้ และผ่านอะไรเหมือนเขา เขาก็ไม่ได้มาเกิดพร้อมเรา แล้วเข้าใจอะไรแบบที่เราเข้าใจ ฉะนั้นมันต้องแชร์และรับฟังกันให้มากที่สุด แต่ฟ้ารู้สึกเหมือนยุคนี้มันกลายเป็นว่าผู้ใหญ่อยากจะสอน แต่กลับไม่ได้ฟังเด็กมากกว่า


Q: อยากบอกอะไรกับผู้นำระดับประเทศ และผู้นำระดับโลกเวลานี้

พีค: ผมขอให้เขาเปิดแล้วกันครับ ให้เปิดในที่นี้หมายถึงว่า ตอนนี้มันเป็นโลกแบบสมัยใหม่แล้วครับ ควรจะเปิดทุก ๆ อย่าง ไม่มีอะไรต้องปิดบัง มีเรื่องหนึ่งที่ผมคิดไว้ในใจ เป็นเรื่องมนุษย์ต่างดาว ผมเคยอ่านมาว่าที่จริงมันอาจจะเกิดขึ้นแล้วก็ได้ แต่ว่าคนภายนอกอาจจะยังไม่ได้รู้ ผมรู้สึกว่ายังมีอีกหลายๆ เรื่องที่เรายังไม่รู้ แต่ว่าคนเบื้องบนอาจจะรู้แล้ว ตอนนี้ทุกอย่างมันยอมรับกันได้ อยากให้เปิด 

Q: อยากจะไปอยู่เจ็ดวันกับเขา อย่างข้อเมื่อกี้ใช่ไหม 

พีค: ใช่ครับ (หัวเราะ)

Q: เราขอ 3 คำ สำหรับ 3 คน ให้โฆษณาตัวเองว่า เพราะอะไรคนถึงควรต้องติดตามคุณ

เซ้นต์: ก็น่าจะเป็น ยิ้ม ความรัก ความสุข เพราะผมรู้สึกว่า ทุกครั้งที่เรารู้สึกว่าเราอยากส่งความสุข เราก็เลยอยากให้มันเกิดจากความรักในสิ่งที่เราทำ ฉะนั้นพอเราทำจากความรักแล้ว เราเชื่อว่ามันเป็นความสุขด้วย เราจะสร้างความสุขให้กับทุกคน และสิ่งที่เกิดขึ้นคือทุกคนก็จะมีรอยยิ้ม ผมคิดว่าถ้า 3 คำนี้มาอยู่รวมกันจากตัวของผม ผมเชื่อว่าผมน่าจะสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนได้ครับ

ฟ้า: น่าจะเป็น Freedom Joy และ Nature ค่ะ เป็นมู้ดแบบว่า ความอิสระ การเอ็นจอยกับทุกอย่าง แล้วก็ธรรมชาติ

พีค: ของพีคน่าจะเป็น ตื่นเต้น เติบโต แล้วก็ตกใจ แล้วอีกอันหนึ่งน่าจะเป็นประสบการณ์ ทุกอย่างคือสิ่งที่เราต้องการวิ่งเข้าหา

และทั้ง 3 ลาไปด้วยเสียงและเห็นในสิ่งที่ตรงกันว่า ขอบคุณที่ติดตามและสนับสนุนพวกเขา “ขอให้ไปดูเรื่อง ‘วอน (เธอ)’ ได้ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคมนี้กัน นะครับ/นะคะ

.

.


เรื่อง: ณัฐพล ช่วงประยูร 

ภาพ: ณัฐ์วริทธิ์ วรรธนะพินทุ