Friday, 19 April 2024
INTERNATIONAL

ทุกๆ ปีมหาวิทยาลัยจีนแต่ละแห่ง มักจะสรรค์สร้างจดหมายตอบรับนักศึกษาใหม่ได้อย่างครีเอท แฝงไปด้วยความหมาย สตอรี่และลูกเล่นไว้มากมาย เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักศึกษาใหม่ก่อนก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย

ชวนทุกคนไปส่อง จดหมายตอบรับนักศึกษาใหม่ประจำปี 2021 ของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งในแดนมังกร จะมีหน้าตาและความพิเศษยังไงกันบ้าง ไปดูกันเล้ย

1. มหาวิทยาลัยชิงหวา (Tsinghua university)

ม.ชิงหวา มหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของจีน สำหรับปีนี้จดหมายตอบรับเข้าเรียนของม.ชิงหวายังคงคอนเซ็ปต์คล้ายกับปีก่อนๆ คือในรูปแบบของการ์ดพับได้ และเมื่อเปิดออกมาจะมีโมเดลแกะสลักประตูโบราณอันเป็นสัญลักษณ์ของม.ชิงหวาแบบ 3 มิติเด้งออกมาจากการ์ด

ความพิเศษของจดหมายตอบรับเข้าเรียนม.ชิงหวา อยู่ที่เทคนิคการแกะสลักโดยใช้เลเซอร์ ซึ่งจะทำให้การ์ดมีสีสันสวยงามและคงทนยิ่งขึ้น ทั้งนี้โครงสร้างโมเดล 3 มิติก็แข็งแรงอีกด้วย

2. มหาวิทยาลัยฟู่ตั้น (Fudan University)

สำหรับใครที่เป็นนักศึกษาใหม่ของม.ฟู่ตั้น นอกจากจะได้รับเอกสารตอบรับเข้าเรียนแล้ว ยังได้รับของขวัญสุดน่ารักเป็นแท็กติดกระเป๋าเดินทาง และโคมกระดาษขนาดเล็กที่แกะสลักเป็นรูปฤดูกาล 4 ฤดูในม.ฟู่ตั้น

ทั้งนี้ นักศึกษายังสามารถเขียนความปรารถนาของตัวเองลงในการ์ดที่ติดอยู่กับโคมกระดาษได้อีกด้วย

3. มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทง (Shanghai Jiaotong University)

จดหมายตอบรับเข้าเรียนของม.เซี่ยงไฮ้เจียวทงในปีนี้มีการออกแบบที่แฝงไปด้วยประวัติอันยาวนานกว่า 125 ปีของมหาวิทยาลัย ภายนอกกล่องถูกดีไซน์แกะสลักเป็นรูปประตูมงคลสีแดง-ทอง เปรียบดั่งประตูต้อนรับนักศึกษาน้องใหม่ พร้อมมีตราสัญลักษณ์ฉลองครบรอบ 125 ปีของมหาวิทยาลัยใช้เป็นกลอนสำหรับล็อคประตูมงคลนี้

4. มหาวิทยาลัยหนานจิง (Nanjing University)

สำหรับจดหมายตอบรับเข้าเรียนของม.หนานจิงปีนี้มาในธีมที่ชื่อว่า “จุดประกายจักรวาลที่ไม่สิ้นสุดของคุณ” ภายในบ๊อกซ์เซตจะแบ่งออกเป็น 4 ชั้น แต่ละชั้นมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้บริเวณรอบๆ กล่องยังถูกออกแบบตกแต่งไปด้วยกลุ่มดวงดาวมากมาย

5. มหาวิทยาลัยหนานไค (Nankai University)

 

สำหรับม.หนานไค จะใช้สีม่วงดอกบัวชิงเหลียนเป็นหลัก เนื่องจากเป็นสีประจำมหาวิทยาลัย ด้านในถูกออกแบบให้มีลูกเล่นขยับเปลี่ยนภาพจากพระอาทิตย์เป็นพระจันทร์ได้ นอกจากนี้ม.หนานไคยังให้ของขวัญแก่นักศึกษาใหม่เป็นเมล็ดบัวจากเมืองเจียซิง มณฑลเจ้อเจียงจำนวน 2 เมล็ด เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) เพราะเมืองเจียซิงเป็นสถานที่ในการจัดประชุมครั้งแรกของพรรคคอมมิวนิสต์

6. สถาบันเทคโนโลยีฮาร์บิน (Harbin Institute of Technology)

อีกหนึ่งจดหมายตอบรับที่ได้รับความสนใจ นั่นก็คือจดหมายของสถาบันเทคโนโลยีฮาร์บิน ซึ่งมีความโดดเด่นตรงที่ใช้วัสดุเลเซอร์ จึงทำให้ดูเหมือนสามารถส่องแสงได้ แต่ความจริงแล้ววัสดุนี้ไม่สามารถเปล่งแสงได้เอง ทว่าเมื่อเจอแสงส่องกระทบ ก็จะทำให้เรามองเห็นแสงสะท้อนเป็นสีต่างๆ จุดนี้ได้แฝงความหมายเอาไว้ว่า ตราบใดที่ยังมีเวทีมีแสงไฟ สถาบันเทคโนโลยีฮาร์บินก็ยังคงส่องประกายแสงระยิบระยับเสมอ

7. มหาวิทยาลัยการบินพลเรือนหนานจิง (Nanjing University of Aeronautics and Astronautics)

จดหมายตอบรับเข้าเรียนของม.การบินพลเรือนหนานจิงปีนี้ ได้สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับเหล่านักศึกษาใหม่ เพราะมาในธีมของ ‘Blind Box’ หรือกล่องสุ่ม

ภายในประกอบไปด้วยรูป 3 มิติของจรวด Long March 5 ดาวเทียมเป่ยโต่ว และรูปเครื่องบินโดยสาร C919 ทีกำลังทะยานทะลุเมฆสู่ท้องฟ้า ทั้งหมดนี้เป็นผลงานสำคัญระดับประเทศที่ม.การบินพลเรือนหนานจิงได้ร่วมวิจัยและพัฒนาขึ้นมานั่นเอง

บอกได้เลยว่าแต่ละมหา’ลัย แฝงทั้งความครีเอทและสตอรี่ที่น่าสนใจแบบไม่มีใครยอมใคร แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะชอบของที่ไหนกันบ้างเอ่ย?


ที่มา :

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=327409505697161&id=113059767132137
http://en.people.cn/n3/2021/0630/c90000-9867030-5.html
https://www.globaltimes.cn/page/202106/1227416.shtml
https://mp.weixin.qq.com/s?__biz=MzIxNzUzODY1OA%3D%3D&idx=1&mid=2247528024&sn=1f4cf793f1ec06f2e0f554d3fddca426
http://thai.cri.cn/20210630/33b473db-b47d-ceb8-5977-d59cee1462fe.html
 

10 อันดับมหาวิทยาลัยในประเทศจีนที่ได้รับการขนานนามว่าผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพทั้งทักษะด้านวิชาและความรู้ รวมไปถึงการทำงานที่มีประสิทธิภาพและสามารถต่อยอดพัฒนาทางด้านอาชีพได้อย่างดีเยี่ยม (พาร์ท 2)

ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว THE STUDY TIMES ได้แนะนำ 5 อันดับ มหาวิทยาลัยในประเทศจีน เหลืออีก 5 อันดับ จะมีมหาวิทยาลัยอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย !

10 อันดับ มหาวิทยาลัยในประเทศจีน (พาร์ท 1)

Click on Clever >> https://thestatestimes.com/post/2021072204

อันดับที่ 6 University of Science and Technology of China (中国科学技术大学) 

อยู่ในอันดับที่ 53 ของโลก ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1958 เดิมตั้งอยู่ที่กรุงปักกิ่ง ก่อนจะย้ายมายังเหอเฝย เมืองหลวงของมณฑลอันฮุยซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบันในปี ค.ศ. 1970 การก่อตั้ง University of Science and Technology of China ซึ่งได้รับการขนานนามว่า "เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ด้านการศึกษาและวิทยาศาสตร์ของประเทศจีน" ปัจจุบัน USTC มีชื่อเสียงด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เว็บไซต์ : https://en.ustc.edu.cn/ 


เครดิตภาพ : https://applyforchina.com/index/schools/show/id/9.html

อันดับที่ 7 Nanjing University (南京大学) 

อยู่ในอันดับที่ 124 ของโลกตั้งอยู่ที่เมืองหนานจิง เมืองหลวงของมณฑลเจียงซู เมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นเมืองหลวงเก่าของจีน Nanjing University ก่อตั้งปี ค.ศ. 1902 ภายใต้ชื่อ National Central University ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Nanjing University เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของจีน ปัจจุบันมีชื่อเสียงด้านการวิจัยต่าง ๆ สาขาวิชาที่เปิดสอนมีทั้งในด้านเคมี วัสดุศาสตร์ วิศวกรรม ธรณีวิทยาและวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม

เว็บไซต์:  https://www.nju.edu.cn/EN/

เครดิตภาพ : https://www.facebook.com/NanjingUniversity/

อันดับที่ 8 Wuhan University (武汉大学) 

อยู่ในอันดับที่ 246 ของโลก ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1893 ในชื่อ Ziqiang Institute และเปลี่ยนชื่ออีกหลายครั้งก่อนจะมาเป็น Wuhan University ชื่อปัจจุบันในปี ค.ศ. 1949 Wuhan University ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของจีน มีความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรมที่เกิดจากการผสมผสานโลกตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน ด้วยสถานที่ตั้งที่ติดกับภูเขาและล้อมรอบด้วยทะเลสาบ ทำให้พื้นที่ในมหาวิทยาลัยอบอวลด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ 

เว็บไซต์ : https://en.whu.edu.cn/

เครดิตภาพ : https://www.applyforchina.com/index/schools/show/id/14.html

อันดับที่ 9 Tongji University (同济大学) 

อยู่ในอันดับที่ 256 ของโลก ตั้งอยู่ในกรุงเซี่ยงไฮ้ ก่อตั้งโดยแพทย์ชาวเยอรมันนาม Erich Paulun ในปี ค.ศ. 1907 โดยเป็นโรงเรียนแพทย์เยอรมันก่อนจะได้รับการสถาปนาเป็นมหาวิทยาลัยเต็มตัวในปี ค.ศ. 1923 มีชื่อเสียงด้านสถาปัตยกรรม วิศวกรรมโยธา และมหาสมุทรศาสตร์ โดยสำหรับด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมโยธานั้นถือได้ว่าเป็นอันดับ 1 ของประเทศจีน

เว็บไซต์ :https://en.tongji.edu.cn/ 


เครดิตภาพ : https://www.facebook.com/同濟大學-Tongji-University

อันดับที่ 10 Harbin Institute of Technology (哈尔滨工业大学) 

อยู่ในอันดับที่ 260 ของโลก โดยก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1920 ตั้งอยู่ในฮาร์บิน เมืองเอกของมณฑลเฮย์หลงเจียง เป็นสถาบันแรกที่เปิดสอนด้าน astronautics และมีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมจนได้รับการขนานว่าเป็นแหล่งกำเนิดวิศวกรของจีน 

เว็บไซต์ : http://en.hit.edu.cn/


เครดิตภาพ : https://www.goodtime-edu.com/harbin-institute-of-technology.html

และนี้ก็เป็น 10 อันดับมหาวิทยาลัยในประเทศจีนที่ได้รับการยอมรับว่ามีชื่อเสียงและสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ ออกมาพัฒนาประเทศและมีนักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียนมากมาย หวังว่าบทความของเราจะเป็นอีกทางเอกหนึ่งในการตัดสินใจในการเรียนต่อต่างประเทศนะคะ 


ที่มา : 
https://www.learningeast.com/
http://www.toeasteducation.com/

10 อันดับมหาวิทยาลัยในประเทศจีนที่ได้รับการขนานนามว่าผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพทั้งทักษะด้านวิชาและความรู้ รวมไปถึงการทำงานที่มีประสิทธิภาพและสามารถต่อยอดพัฒนาทางด้านอาชีพได้อย่างดีเยี่ยม (พาร์ท 1)

ประเทศจีน ในปัจจุบันถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยเพราะนอกจากการเป็นเพื่อนบ้านที่มีมิตรภาพที่ดีอย่างยาวนาน วัฒนธรรมหรืออิทธิพลก็เข้ามามีส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิตของคนไทย นอกจากเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่แล้ว เทคโนโลยีต่าง ๆ ก็ก้าวหน้าอีกด้วย รวมไปถึงการเรียนหนังสือที่ประเทศจีนก็เป็นอันดับต้น ๆ ในการพัฒนาทางด้านการศึกษาเหมือนกัน ในวันนี้ THE STUDY TIMES ขอมาแนะนำ 10 อันดับมหาวิทยาลัยในประเทศจีนกันว่าจะมีที่ไหนบ้าง เผื่อเป็นการพิจารณาตัดสินใจที่จะเข้าศึกษาต่อในต่างประเทศ ประเทศจีนถือได้ว่ามีความน่าสนใจอย่างยิ่งเลยทีเดียว 

อันดับที่ 1 Tsinghua University (清华大学)
อยู่อันดับที่ 15 ของโลก มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ที่กรุงปักกิ่ง ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1911 ในชื่อ Tsing Hua Imperial College และเพิ่มการสอนระดับมหาวิทยาลัยในปี ค.ศ. 1925 ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น National Tsing Hua University ในปี ค.ศ. 1928 มีศิษย์เก่าคนสำคัญที่เรียนที่แห่งนี้คือ Xi Jinping ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของประเทศจีน โดย Tsinghua University เป็น 1 ในมหาวิทยาลัยชั้นนำ 9 แห่งของจีนที่ได้รับการคัดเลือกและได้รับทุนสนับสนุนด้านการวิจัยจากรัฐบาลจีน ปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยที่สอบเข้ายากที่สุดแห่งหนึ่งและมีชื่อเสียงโดดเด่นระดับโลกด้านวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ จนทุกคนตั้งฉายาให้กับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ว่าเป็น "MIT แห่งเมืองจีน"
เว็บไซต์ : https://www.tsinghua.edu.cn/


เครดิตภาพ : https://zhuanlan.zhihu.com/p/145790991

อันดับที่ 2 Peking University (北京大学) 
อยู่ในอันดับที่ 23 ของโลก ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง ก่อตั้งปี ค.ศ. 1898 และมีชื่อเสียงจากการเป็นแหล่งรวมนักศึกษาหัวก้าวหน้าในขบวนการปฏิวัติจีนในช่วงต้นทศวรรษ 1920  มหาวิทยาลัยได้รับการขนานนามว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีสายศิลป์อันดับ 1 ของจีน ในมหาวิทยาลัยยังมีสถาปัตยกรรมแบบจีนที่สวยงาม ถือว่านอกจากการเรียนจะแน่น สถานที่ บรรยากาศก็น่าเรียนเพิ่มขึ้นอีกด้วย 
เว็บไซต์ : https://www.pku.edu.cn/


เครดิตภาพ : https://m.cucas.cn/school_column?sid=256

อันดับที่ 3 Fudan University (复旦大学) 
อยู่ในอันดับที่ 34 ของโลก ตั้งอยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1905 ในฐานะ Fudan Public School ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Fudan University ในปี ค.ศ. 1917 และต่อมาได้ควบรวมกับ Shanghai Medical University ในปี ค.ศ. 2000 โดยมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงด้านศึกษาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และแพทยศาสตร์ อีกทั้งยังเป็น 1 ใน 30 มหาวิทยาลัยในประเทศจีนที่กระทรวงศึกษาธิการจีนอนุมัติให้เปิดการเรียนการสอนหลักสูตรแพทยศาสตร์ภาคภาษาอังกฤษให้แก่ชาวประเทศได้เข้ามาศึกษาได้ 
เว็บไซต์ : https://www.fudan.edu.cn/


เครดิตภาพ : https://www.china-admissions.com/fudan-university/

อันดับที่ 4 Shanghai Jiao Tong University (上海交通大学) 
อยู่ในอันดับที่ 47 ของโลก ตั้งอยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของจีน ก่อตั้งปลายสมัยราชวงศ์ชิงในปี ค.ศ. 1896 โดยกระทรวงไปรษณีย์และการสื่อสารภายใต้ชื่อ Nanyang Public School มหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้รับการยอมรับเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านธุรกิจในระดับโลก
เว็บไซต์ : https://en.sjtu.edu.cn/


เครดิตภาพ : https://vse.apru.org/shanghai-jiao-tong-university-2021summer/

อันดับที่ 5 Zhejiang University (浙江大学) 
อยู่ในอันดับที่ 53 ของโลก ตั้งอยู่ในเมืองหังโจว เมืองหลวงของมณฑลเจ้อเจียง มหาวิทยาลัยก่อตั้งปี ค.ศ. 1897 เป็น 1 ในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศจีน มีชื่อเสียงด้านการก่อตั้งทำธุรกิจหรือ Start-Up ส่วนใหญ่ศิษย์เก่าที่จบการศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นเจ้าของบริษัท Start-Up มากกว่า 100 แห่งในประเทศจีน 
เว็บไซต์ : https://www.zju.edu.cn/english/


เครดิตภาพ : http://www.eduincn.com/zhejiang-university/

และนี้ก็เป็นพาร์ทแรกของ 10 อันดับมหาวิทยาลัยในประเทศจีนที่ได้รับการยอมรับว่ามีชื่อเสียงและสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ ออกมาพัฒนาประเทศและมีนักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียนมากมาย ส่วนอีก 5 อันดับจะมีที่ไหนบ้าง ต้องคอยติดตามกันในสัปดาห์หน้านะคะ 


ที่มา : 
https://www.learningeast.com/
http://www.toeasteducation.com/
 

Work and Study โครงการดี ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการฝึกภาษาและอยากทำงานไปด้วย!

หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยิน ”โครงการ Work & Travel” ซึ่งเป็นโครงการที่ให้เด็กไทยได้ไปสัมผัสบรรยากาศการทำงานและการไปเที่ยวพร้อม ๆ กัน แล้วถ้าเปลี่ยนจาก “การไปเที่ยว” เป็น “การเรียนภาษา” แถมได้ทำงานอีกด้วย จะเป็นยังไงกันนะ!?

จริง ๆ แล้วโครงการนี้มีชื่อว่า “โครงการ Work & Study” โดยหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่มั่นใจในภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่น ๆ ของตัวเองสักเท่าไร อาจจะยังไม่มั่นใจว่าถ้าเข้าร่วมโครงการ Work & Travel ถ้าเราไปทำงานแล้วเราจะกล้าพูดภาษาต่างประเทศได้ไหม โครงการนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์สำหรับใครหลาย ๆ คนเลยก็ว่าได้ ในวันนี้ THE STUDY TIMES ขอนำเสนอโครงการนี้ให้เพื่อน ๆ ผู้ปกครอง หรือผู้ที่สนใจอยากพัฒนาทางด้านภาษาได้ทราบกันว่ามีความน่าสนใจยังไง ถ้าพร้อมแล้ว…ลุย! 

โครงการ Work & Study เป็นโครงการสำหรับผู้ที่ต้องการไปเรียนภาษาเพิ่มเติมในดินแดนต่างประเทศ โดยสามารถเลือกประเทศและระยะเวลาการเรียนได้ แถมยังสามารถทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหารายได้เข้าตัวเองอีกด้วย โดยโครงการนี้ไม่กำหนดอายุขั้นต่ำ ไม่ว่าคุณจะจบมหาวิทยาลัยหรืออยู่ในช่วงวัยทำงานตอนปลายก็สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ ซึ่งจะแตกต่างจากโครงการ Work & Travel เพราะจะมีการกำหนดให้แค่เด็กที่เรียนอยู่ในช่วงระดับมหาวิทยาลัย (ปี 1 - ปี 4) และนักศึกษาที่ศึกษาระดับปริญญาโทอายุไม่เกิน 27 ปีสามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้เท่านั้น โครงการ Work & Travel เลยตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการไปศึกษาต่อในด้านภาษาที่ต่างประเทศแต่อายุเกินได้

โครงการ Work & Study สามารถกำหนดช่วงระยะเวลาการเรียนภาษาของคุณได้ อยากเรียนคอร์สระยะสั้น 3 เดือน หรือ คอร์สระยะยาว 1 ปีเต็มก็ได้ ทางผู้เรียนสามารถกำหนดเองได้เลย โดยส่วนใหญ่พอไปถึงที่สถาบันการเรียนภาษา ทางสถาบันก็จะมีการให้สอบวัดระดับกันก่อน เพื่อที่ทางสถาบันจะได้จัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียน มีตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นจนไปถึงขั้นสูงสุด ขึ้นอยู่กับทักษาะทางด้านภาษาของผู้เรียนด้วย 

โดยประเทศที่คนไทยส่วนใหญ่สนใจ คือ การเรียนภาษาที่ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดย 2 ประเทศนี้ใช้ภาษาอังกฤษในการสนทนากัน ทำให้เด็กไทยส่วนใหญ่อยากที่จะฝึกและเรียนภาษา นอกจากการเรียน ด้วยบรรยากาศ สภาพแวดล้อม ผู้คนเป็นมิตรแถมยังใจดี และค่าครองชีพที่ไม่ค่อยสูงมาก ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับคนที่อยากจะเรียนภาษาไปด้วยและทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วย 

ส่วนในเรื่องของการทำงานของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ Work & Study จะได้วีซ่านักเรียน สามารถใช้ทำงานพาร์ทไทม์ที่ต่างประเทศได้ อย่างประเทศออสเตรเลียจะให้ผู้ที่ถือวีซ่านักเรียนต่างประเทศสามารถทำงานพาร์ทไทม์ได้ 20 ชั่วโมง / สัปดาห์ โดยส่วนใหญ่นักเรียนไทยที่ไปเรียนภาษาในช่วงแรกทำงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหารไทย (ซึ่งในต่างประเทศเดี๋ยวนี้ร้านอาหารไทยเยอะมาก) พอฝึกภาษาได้ระยะหนึ่งก็สามารถที่จะทำงานที่ร้านของคนต่างประเทศได้ แถมค่าจ้างอาจจะได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

ซึ่งขั้นตอนการสมัครเข้าร่วมโครงการ Work & Study สามารถสมัครได้กับทางเอเจนซี่ที่เปิดรับสมัคร โดยค่าสมัครส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับประเทศและสถาบันที่ผู้เรียนสนใจ ซึ่งในต่างประเทศมีสถาบันการเรียนภาษาให้ผู้เรียนได้เลือกเยอะแยะมากมาย ขึ้นอยู่กับความชอบในรูปแบบการสอนของแต่ละบุคคล บางคนชอบการเรียนภาษาในรูปแบบเรียนในห้องเรียน หรือบางคนอาจจะชอบการเรียนภาษาแบบเน้นกิจกรรมนอกห้องเรียน ทางเอเจนซี่ก็จะคอยช่วยเหลือ เลือกสถาบันการเรียนที่ตอบโจทย์และเหมาะสมให้ นอกจากนี้ทางเอเจนซี่จะคอยช่วยดำเนินการในเรื่องของการสมัครเรียนที่ต่างประเทศ วีซ่า และเอกสารต่าง ๆ ทำให้ผู้เรียนสะดวกมากขึ้นอีกด้วย

นับว่าโครงการ Work & Study เป็นอีกโครงการหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกภาษาและอยากที่จะไปทำงานที่ต่างประเทศ ศึกษาและเลือกเอเจนซี่ที่คุณไว้ใจได้ ดูรีวิวหรือบทความของนักเรียนไทยที่เคยไปโครงการ Work & Study จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น หวังว่าบทความของเราจะทำให้คุณสนใจในตัวโครงการนี้นะคะ 

5 มหาลัยที่ค่าเทอมถูกใจในประเทศนิวซีแลนด์ !

ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นประเทศในฝันของใครหลาย ๆ ด้วยประเทศที่สวยงามและสภาพแวดล้อม บรรยากาศที่ร่มรื่น และสังคมที่เป็นมิตร จึงเป็นอีกหนึ่งประเทศที่หลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยากที่จะได้ใช้ชีวิตหรือมีความฝันอยากที่จะเข้าศึกษาต่อในต่างประเทศ

นอกจากจะเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศที่ดีแล้ว ประเทศนิวซีแลนด์ยังได้เป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลกโดยได้รับการประเมินจากระบบการศึกษา 35 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศนิวซีแลนด์ให้ความสำคัญกับทุกระดับการเรียน การศึกษา อย่างในช่วงระดับอุดมศึกษาหรือภาคมหาวิทยาลัย ในประเทศนิวซีแลนด์มีมหาวิทยาลัยให้เลือกเข้าศึกษามากมาย โดยในวันนี้ทาง THE STUDY TIMES จะมานำเสนอ 5 มหาวิทยาลัยที่มีค่าเทอมถูกในประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อเป็นตัวเลือกหรือแนวทางให้ผู้ปกครองได้ตัดสินใจและลองพิจารณาให้ลูก ๆ ของคุณได้เข้าศึกษาต่อ แต่จะมีมหาวิทยาลัยอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ ! (อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ 25 มิถุนายน 2564) 

 

University of Canterbury

มหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองเมืองไครสต์เชิร์ช เป็นมหาวิทยาลัยของทางรัฐบาลนิวซีแลนด์ โดยมหาวิทยาลัยแห่งนี้เปิดหลักสูตรการสอนตั้งแต่ ค.ศ.1873 ซึ่งมหาวิทยาลัยแห่งนี้เปิดหลากหลายคณะ มีทุนการศึกษาให้นักศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนถึงระดับปริญญาเอกกันเลยทีเดียว โดยมหาวิทยาลัย Canterbury มีคณะต่าง ๆ ที่น่าสนใจอาทิคณะ แพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์

โดยค่าเทอมของ University of Canterbury อยู่ที่ประมาณ NZ$32,950 หรือประมาณ 740,379.91 บาท สำหรับระดับปริญญาตรี และ NZ$35,040 หรือประมาณ 787,341.79 บาท ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก โดยค่าการศึกษาจะขึ้นอยู่กับสาขาหรือคณะที่เรียนเช่นกัน และอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการเวิร์คช็อปและค่าทัศนศึกษาของทางมหาวิทยาลัย 
เครดิตภาพ : scholarship-positions.com/

 

Massey University

เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ มี 3 วิทยาเขตตั้งอยู่ที่ Auckland , Wellington และ Palmerston North ประเทศนิวซีแลนด์ โดยมีวิทยาเขตอยู่ที่ Albany และ Wellington มหาวิทยาลัยแห่งนี้เปิดหลักสูตรการสอนมาตั้งแต่ ค.ศ.1927 มีคุณภาพการสอนที่ยอดเยี่ยมอีกทั้งยังติดท็อป 300 ของโลกจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย QS ประจำปี 2019 อีกทั้งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีวิชาการบินแห่งเดียวในประเทศนิวซีแลนด์ โดยมีคณะให้นักศึกษาเลือกเรียนต่อมากมาย นอกจากนี้ยังมีทุนให้กับนักศึกษาทั้งในและต่างประเทศมากมายอีกด้วย

โดยค่าเทอม Massey University จะอยู่ประมาณ NZ$29,190 หรือประมาณ 655,496.48 บาท สำหรับระดับปริญญาตรี และ NZ$32,240 หรือประมาณ 724,426.35 บาท สำหรับระดับปริญญาโทและปริญญาเอก และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอาทิเช่น ค่าหนังสือ ค่าหอพัก รวมไปถึงอุปกรณ์การเรียน ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกด้วย 
เครดิตภาพ : manawatunz.co.nz

 

The University of Auckland

เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1883 มีนักศึกษามากที่ถึงประมาณ 40,000 คนต่อปี และ เป็นมหาวิทยาลัยที่มีความเป็นเลิศทางด้านวิชาการอย่างมาก มีการพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องโดยสาขาวิชาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีสาขาวิชาที่เด่น ๆ เช่นสาขาวิชาแพทยศาสตร์ บริหารธุรกิจ วิศวกรรมศาสตร์ และนิติศาสตร์ โดยมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีการแจกทุนให้กับนักศึกษาต่างประเทศอีกด้วย 

โดยค่าเทอม The University of Auckland สำหรับระดับปริญญาตรีโดยประมาณคือ NZ$32,280 หรือประมาณ 725,325.14 บาท แล้วแต่สาขาหรือคณะที่เรียน และ NZ$35,048 หรือประมาณ 787,521.55 บาท สำหรับระดับปริญญาโทและปริญญาเอก และอาจมีค่าธรรมเนียมนักศึกษาเพิ่มอีกด้วย
เครดิตภาพ : studyabroad.shiksha.com

 

Lincoln University

มหาวิยาลัยแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ.1878 ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมือง Christchurch ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นมหาวิทยาลัยที่ถูกจัดอันดับให้อยู่ในระดับ 5 ดาวของ QS Stars Rating System 2018 เป็นมหาวิทยาลัยขนาดเล็กที่มีความสงบ และมีการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนอยู่เสมอ และเป็นมหาวิทยาลัยที่มีการให้ทุนนักศึกษาทั้งในและต่างประเทศค่อนข้างเยอะมาก มีสาขาที่เปิดสอนเด่น ๆ เช่นสาขา วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ สังคมศาสตร์ และสถาปัตยกรรมศาสตร์ เป็นต้น

โดยค่าเทอมของ Lincoln University จะอยู่ที่ประมาณ NZ$27,930 หรือประมาณ 627,581.51 บาท สำหรับปริญญาตรี แล้วแต่สาขาหรือคณะที่เรียน และ NZ$31,410 หรือประมาณ 705,776.42 บาท สำหรับระดับปริญญาโทและปริญญาเอก และอาจจะมีค่าที่พัก ค่าส่วนกลางของมหาวิทยาลัย และค่าทัศนศึกษาอีกด้วย 
เครดิตภาพ : https://en.wikipedia.org/

 

Auckland University of Technology (AUT)

เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองลงมาจาก The University of Auckland ได้รับสถานะเป็นมหาวิทยาลัยเมื่อปี ค.ศ.2000 เป็นมหาวิทยาลัยที่มีศูนย์วิจัยและสถาบันกว่า 60 มีการวิจัยด้านอวกาศจนถึงปัญญาประดิษฐ์และวิทยาการหุ่นยนต์ รวมถึงด้านนิเวศวิทยาจนถึงกิจกรรมทางกายและโภชนาการ มีบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญอย่างมาก และมีการพัฒนาในการสอนอยู่เสมอ มีคณะที่โดดเด่นเช่น คณะการออกแบบและเทคโนโลยีสร้างสรรค์ คณะสุขภาพและวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น

โดยค่าเทอมของ AUT ในระดับปริญญาตรีจะอยู่ที่ประมาณ NZ$32,430 หรือประมาณ 728,695.61 บาท และ NZ$36,100 หรือประมาณ 811,159.78 บาท ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก และอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นค่าบริการนักศึกษาและค่าประกันสำหรับนักศึกษา
เครดิตภาพ : geteducation.co.th

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยในนิวซีแลนด์ที่มีค่าเทอมและมาตรฐานการเรียน การสอน สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษาหรือผู้ปกครองที่สนใจ อาจจะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเป็นการตัดสินใจในการเลือกเรียนต่อในภาคปริญญาต่าง ๆ ทาง THE STUDY TIMES หวังว่าข้อมูลที่ได้นำเสนอจะเป็นอีกทางเลือกในการเลือกตัดสินใจในการเรียนต่อต่างประเทศนะคะ 


แหล่งข้อมูล : https://studyabroadaide.com/cheap-universities-in-new-zealand/

https://www.hotcourses.in.th/study-in-new-zealand/applying-to-university/top-universities-new-zealand-cheapest-fees-international-students/

https://www.hotcourses.in.th/study/newzealand/international/schools-colleges-university/134/list.html
 

ประสบการณ์จำไม่ลืมในจีน ของ 4 สาวเพื่อนซี้ | เพื่อนซี้หนี่ห่าว EP.10

4 สาวเพื่อนซี้ พากันมาเล่าประสบการณ์จำไม่ลืม ช่วงที่ไปเรียนประเทศจีน จะแสบขนาดไหน ต้องติดตาม! พร้อมคำศัพท์น่ารู้ที่สาว ๆ นำมาฝาก

.

.

ข่าวดี! ธนาคารไทยพาณิชย์ มอบทุนเต็มจำนวน ตลอดหลักสูตร

ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี สำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาชั้นนำในต่างประเทศ ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Data, Tech and STEM) โดยธนาคารไทยพาณิชย์จะให้การสนับสนุนทุนการศึกษา 100% ตลอดหลักสูตร

1. ระยะเวลาการรับสมัครทุนฯ
ช่วงรับสมัครทุนฯ รวมไปถึงช่วงของการสอบสัมภาษณ์ จะจัดขึ้นในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ - พฤษภาคม เพื่อไปศึกษาต่อในต่างประเทศของปีนั้นๆ

เปิดรับสมัคร: วันนี้ - 30 เมษายน 2564
สัมภาษณ์: พฤษภาคม 2564
ประกาศผล: มิถุนายน 2564

2. คุณสมบัติของผู้สมัครรับทุนฯ
- อายุไม่เกิน 22 ปี นับถึงวันที่สมัครขอรับทุน
- ผลการศึกษาที่ผ่านมา อยู่ในระดับดี
- มีความประสงค์ที่จะสมัครเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษาชั้นนำในต่างประเทศในสาขาวิชาที่ธนาคารกำหนด

3. ขั้นตอนและวิธีการสมัครขอรับทุนฯ
- ผ่านขั้นตอนการสมัครโดยมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ธนาคารฯ กำหนด
- ผ่านการทดสอบ Online Test ตามที่ทางธนาคารฯ กำหนด
- ผ่านการสอบสัมภาษณ์จากคณะกรรมการ
- เกณฑ์ในการพิจารณาตัดสินผู้มิสิทธิ์ได้รับทุนฯ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนดใดยคณะกรรมการเป็นผู้พิจารณาและผลการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สุด

4. วงเงินอนุมัติทุนการศึกษา
- ธนาคารให้ทุนการศึกษาค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตร 100%
- ธนาคารรับผิดชอบค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพื่อการศึกษา
- ผู้ได้รับทุนจะได้รับเบี้ยเลี้ยงตามอัตราที่ธนาคารฯ กำหนดตลอดช่วงที่กำลังศึกษาอยู่

5. เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการสมัครขอรับทุนการศึกษา
- ใบสมัครขอรับทุนฯ
- หนังสือรับรองผู้สมัครขอทุนฯ (Reference Letter)
- สำเนาใบแสดงผลการศึกษาระดับชั้นล่าสุด จำนวน 1 ชุด
- เอกสารรายละเอียดค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรจากทางสถาบันฯ
- เอกสารใบตอบรับจากทางสถาบันฯ
- สำเนาหลักฐานแสดงผลคะแนน TOEFL และ GMAT (ถ้ามี)
.
สมัครและรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
https://careers.scb.co.th/th/special-program/detail/scb-young-tech-scholarship/
 

ทำความรู้จัก 5 เมืองที่น่าเรียนที่สุดในเอเชีย จัดอันดับโดย QS Best Student Cities Ranking 2019 โดยพิจารณาจากค่าครองชีพ ความพึงพอใจ การจ้างงาน และมุมมองของนักศึกษา

ทวีปเอเชียถือเป็นทวีปที่มีความหลากหลายทางอารยธรรมและวัฒนธรรมในแต่ละประเทศ ในด้านการศึกษาทวีปเอเชียก็ไม่แพ้ทางฝั่งตะวันตก หลาย ๆ เมืองมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากนานาชาติ 

ทำความรู้จัก 5 เมืองที่น่าเรียนที่สุดในเอเชีย จัดอันดับโดย QS Best Student Cities Ranking 2019 โดยพิจารณาจากค่าครองชีพ ความพึงพอใจ การจ้างงาน และมุมมองของนักศึกษา

โตเกียว

QS Best Student Cities Ranking 2019 จัดให้โตเกียวเป็นเมืองที่เหมาะกับนักเรียนมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก โตเกียวเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับโลกถึง 13 แห่ง และได้คะแนนอยู่ในระดับดีในด้านความพึงพอใจ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสามของศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำของโลก (อีก 2 แห่งคือนิวยอร์กและลอนดอน)

ในด้านการสื่อสารเป็นที่ทราบกันดีว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่ได้สื่อสารภาษาอังกฤษกันอย่างแพร่หลาย ทางมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จึงเปิดคอร์สเรียนภาษาญี่ปุ่นฟรีสำหรับนักศึกษาต่างชาติด้วย

กรุงโซล
.
เมืองแห่งนี้ได้รับการจัดอันดับ QS Best Student Cities Ranking 2019 ในอันดับที่ 10 ของโลก มหาวิทยาลัยทั้ง 18 แห่งในกรุงโซลต่างมีชื่อเสียงและมีจุดเด่น โดยเฉพาะ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (Seoul National University) มหาวิทยาลัยเกาหลี (Korea University) และมหาวิทยาลัยยอนเซ (Yonsei University)

ฮ่องกง

ด้านการศึกษา ได้รับการจัดอันดับ QS Best Student Cities Ranking 2019 ในอันดับที่ 14 ของโลก รวมถึงมีคะแนนที่สูงในหมวดการจ้างงานซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงตลาดแรงงานที่ต้องการบัณฑิตจบใหม่

มหาวิทยาลัยชั้นนำ ได้แก่ Hong Kong University of Science and Technology (HKUST), The University of Hong Kong, The Hong Kong Polytechnic University และ The Chinese University of Hong Kong (CUHK)

เกียวโต - โอซาก้า – โกเบ

ได้รับการจัดอันดับ QS Best Student Cities Ranking 2019 ในอันดับที่ 18 ของโลก
.
มหาวิทยาลัยชั้นนำในภูมิภาคนี้ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกียวโต (สถาบันที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในญี่ปุ่น) มหาวิทยาลัยโอซาก้าและมหาวิทยาลัยโกเบ

นอกจากโปรแกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยแล้ว ยังเปิดโอกาสให้นักเรียนต่างชาติได้เรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น การป้องกันภัยพิบัติ อะนิเมะและมังงะ ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของประเทศญี่ปุ่นเลย

สิงคโปร์

สิงคโปร์เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดฮิตของของนักเรียนต่างชาติ เพราะมีอัตราการก่ออาชญากรรมและการว่างงานต่ำ อีกทั้งได้รับการจัดอันดับ QS Best Student Cities Ranking 2019 ในอันดับที่ 20 ของโลกและมีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง

มหาวิทยาลัยชั้นนำ ได้แก่ National University of Singapore (NUS) และ Nanyang Technological University (NTU) นอกจากนี้มหาวิทยาลัยนานาชาติหลายแห่งยังได้เปิดสอนหลักสูตรการเรียนที่มีความหลากหลาย 


ขอบคุณที่มา:

https://www.hotcourses.in.th/study-abroad-info/applying-to-university/best-students-cities-in-asia/?fbclid=IwAR3AcNbzaevebn-NZByRzvXdT2WNk2mDkHFVSBRM2BIJ-9SSMFsypabAwv0
 

วิกฤตโควิดทำร้านหนังสือในจีนปิดกิจการกว่า 1,500 แห่ง แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น กลับมีจำนวนร้านหนังสือ ‘เปิดใหม่’ มากกว่า 4,000 แห่งในปี 2020 ‘กรุงปักกิ่ง’ ครองแชมป์มีร้านหนังสือเปิดใหม่มากที่สุด

1.) วิกฤตโควิดทำให้ร้านหนังสือในจีนแบบมีหน้าร้าน ‘ปิด’ กิจการไปกว่า 1,500 แห่ง แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น กลับมีจำนวนร้านหนังสือ ‘เปิดใหม่’ มากกว่า 4,000 แห่งในปี 2020

2.) กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนยังคงครองอันดับเมืองชั้นนำด้านร้านหนังสือของประเทศ มีร้านหนังสือเปิดใหม่ 639 แห่ง

3.) กรุงปักกิ่งจึงได้รับรางวัล ‘เมืองหลวงแห่งร้านหนังสือ’ ประจำปี 2020 มอบโดย...สมาคมผู้จัดจำหน่ายหนังสือและวารสารแห่งประเทศจีน และสถาบันวิจัยการพิมพ์เป่ยต้าว

4.) ปักกิ่งสมควรได้ตำแหน่งนี้จริงๆ เพราะร้านหนังสือส่วนใหญ่มีการปรับปรุงพัฒนาสินค้ารวดเร็วมาก ทั้งนี้เพราะมีหลังบ้านดี มีการสนับสนุนเชิงนโยบาย นำนวัตกรรมเข้ามาประยุกต์ใช้

5.) ร้านหนังสือในปักกิ่งอีกกว่า 30 แห่ง ยังได้รับรางวัลร้านหนังสือที่มียอดขายและบริการยอดเยี่ยม และประยุกต์ใช้นวัตกรรมยอดเยี่ยมอีกด้วย

6.) ในช่วงวิกฤตโควิด ร้านหนังสือแบบมีหน้าร้านได้รับผลกระทบเต็มๆ เพราะค่าใช้จ่ายด้านการจัดการ มีต้นทุนค่าเช่าที่ แต่ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจหนังสือในจีนใช่ว่าจะเงียบเหงา เพราะร้านค้าหนังสือออนไลน์แข่งขันกันเข้มข้นมาก

7.) ด้วยเหตุนี้ ร้านหนังสือยุคนี้ต้องดำเนินควบคู่กันไปทั้งหน้าร้านและออนไลน์ กิจกรรมจำเป็นที่ต้องมีคือ การไลฟ์สตรีมมิ่ง เพื่อเพิ่มยอดขายและชดเชยรายได้ที่หายไปในช่วงวิกฤตโควิด

ขอบคุณภาพและข้อมูล จาก...China sees growth in bookstores despite COVID-19 epidemic | www.xinhuanet.com/english/2021-03/31/c_139847629.htm


ที่มา: https://www.facebook.com/178839832836368/posts/791961954857483/?sfnsn=mo


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top