Tuesday, 24 June 2025
NEWS FEED

ททท. จัด 'คาราวานตามรอยตำนาน 17 จังหวัดภาคเหนือ' ยิ่งใหญ่ พร้อมโชว์ Grand Moment ภาคเหนือ 

ททท. จัดยิ่งใหญ่ 'คาราวานตามรอยตำนาน 17 จังหวัดภาคเหนือ' นำขบวนผู้ประกอบการ-สื่อมวลชนจีน/ไทย เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวภาคเหนือทางรถยนต์ โชว์ศักยภาพท่องเที่ยวภาคเหนือผ่านตำนานและ Grand Moment เมืองหลัก - เมืองน่าเที่ยว 17 จังหวัด

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)นำโดยนายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ และ นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อมวลชน จัดกิจกรรม “คาราวานตามรอยตำนาน 17 จังหวัดภาคเหนือ” ระหว่างวันที่ 10-26 มิถุนายน 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ศักยภาพการท่องเที่ยวภาคเหนือของประเทศไทย และส่งเสริมให้เกิดการกระจายตัวการเดินทางท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยว ผ่านการท่องเที่ยวในรูปแบบการขับรถ (self-drive) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวจีน ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศจีน ไทย ลาว ในด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม พร้อมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจและการกระจายรายได้ สู่ชุมชนท้องถิ่นตลอดเส้นทางคาราวาน

ซึ่งในครั้งนี้ คณะคาราวานฯ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 150 คน พร้อมด้วยรถยนต์จำนวน 35 คัน โดยได้เริ่มต้นเดินทางในวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ตามเส้นทาง R3A เชื่อมโยงจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (คุณหมิง-สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน),  สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และประเทศไทยในพื้นที่ 17 จังหวัดภูมิภาคภาคเหนือ 

“คาราวานตามรอยตำนาน 17 จังหวัดภาคเหนือ” เป็นการเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนสู่ประเทศไทยผ่านเส้นทางรถยนต์ เข้าสู่ภาคเหนือซึ่งนับว่าเป็นการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและประเทศจีนอีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย ผ่านการนำเสนอมุมมองทางการท่องเที่ยวใหม่ที่จะเปิดประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวที่น่าจดจำและแตกต่างออกไปจากเดิม 

โดยกิจกรรมคาราวานดังกล่าวได้นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวภาคเหนือ ภายใต้แนวคิด “เที่ยวตามรอยตำนาน 17 จังหวัดภาคเหนือ” ผ่านการบอกเล่าเรื่องราว (story telling) อันน่าประทับใจ ได้แก่ ตำนานพระแก้วมรกต ณ วัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย ตำนานไทลื้อ ณ วัดแสนเมืองมา จังหวัดพะเยา ตำนานกระซิบรักปู่ม่าน ย่าม่าน ณ วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน ตำนานบ้านเก่า เมืองแพร่ ณ วัดจอมสวรรค์และคุ้มวงศ์บุรี จังหวัดแพร่ 

ตำนานเมืองลับแล ณ ซุ้มประตูเมืองลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำนานพระอจนะพูดได้ ณ วัดศรีชุม อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ตำนานเมืองสองแคว ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) จังหวัดพิษณุโลก ตำนานเมืองชาละวัน  ณ บึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร ตำนานเมืองโบราณศรีเทพ ณ โบราณสถานเขาคลังนอก อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ตำนานปากน้ำโพ ณ พาสาน - อาคารสัญลักษณ์ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์ ตำนานแม่น้ำสะแกกรัง ล่องเรือชมชุมชนชาวแพสะแกกรัง จังหวัดอุทัยธานี ตำนานชั่วฟ้าดินสลาย ณ วัดพระบรมธาตุนครชุม จังหวัดกำแพงเพชร 

ตำนานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วัดสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (วัดดอยข่อยเขาแก้ว) จังหวัดตาก ตำนานเขลางค์นคร ณ วัดไชยมงคล (วัดจองคา) จังหวัดลำปาง ตำนานพระนางจามเทวี ณ วัดพระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน ตำนานสมเด็จพระสุพรรณกัลยา ณ วัดน้ำฮู จังหวัดแม่ฮ่องสอน และตำนานเจ้าดารารัศมี ณ วัดป่าดาราภิรมย์ จังหวัดเชียงใหม่ 

นอกจากนี้ ภายในเส้นทางดังกล่าว ภูมิภาคภาคเหนือ ยังได้นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวตามเส้นทาง Grand Moment ที่มุ่งสร้างประสบการณ์การเดินทางที่น่าจดจำและมีความหมายสำหรับนักท่องเที่ยว พร้อมกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น Grand Experience กับการขับรถชมทิวทัศน์อันตระการตาบนเส้นทางคดเคี้ยวของภาคเหนือ และดื่มด่ำกับบรรยากาศล้านนา Grand Destination กับการเยือนแหล่งมรดกโลก สัมผัสความงดงามของวัดวาอาราม รวมทั้งสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน และ Grand Delight กับการลิ้มลองอาหารพื้นเมืองหลากหลายเมนูจากแต่ละท้องถิ่น การเลือกซื้อสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านอันประณีตเป็นของฝาก และการได้สัมผัสไมตรีจิตอันอบอุ่นของผู้คนในภาคเหนือ โดยแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ ในเส้นทาง Grand Moment ที่นำเสนอ

ในกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วย วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย กว๊านพะเยา วัดนันตาราม จังหวัดพะเยา ถนนสายหม้อห้อม จังหวัดแพร่ อนุสาวรีย์ท่านพ่อพระยาพิชัยดาบหัก วัดพระแท่นศิลาอาสน์ จังหวัดอุตรดิตถ์ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี วัดอาวาสใหญ่ วัดพระสี่อิริยาบถ วัดช้างรอบ ภายในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร วัดพระธาตุลำปางหลวง และกิจกรรมนั่งรถม้าชมเมือง จังหวัดลำปาง สะพานประวัติศาสตร์ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ฯลฯ

‘ผู้พันเบิร์ด’ แฉ ‘กัมพูชา’ ตัดไฟไทยเพียง 3 จุด ยังเหลืออีก 6 จุด จากทั้งหมด 9 จุดชายแดน

(24 มิ.ย. 68) พล.ต.วันชนะ สวัสดี หรือ ‘ผู้พันเบิร์ด’ ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงฯ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีกัมพูชาประกาศตัดไฟจากฝั่งไทย โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้ประเทศไทยส่งไฟฟ้าให้กัมพูชาผ่าน 9 จุดชายแดน ทั้งในจังหวัดสุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด

อย่างไรก็ตาม กัมพูชาตัดการรับไฟฟ้าไปเพียง 3 จุดเท่านั้น ได้แก่ จุดคลองลึก-ปอยเปต, วงจร 2 ที่คลองลึก-ปอยเปต และหาดเล็ก-เกาะกง ขณะที่จุดอื่น ๆ อีก 6 จุด ยังคงจ่ายไฟตามปกติ สะท้อนว่ากัมพูชายังพึ่งพาไฟฟ้าจากไทยในหลายพื้นที่

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานของกัมพูชาเคยเปิดเผยว่า ราว 25% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศต้องนำเข้าจากเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะไทยและเวียดนาม แม้ในช่วงหลังจะมีการลงทุนเพิ่มในโรงไฟฟ้าถ่านหินและพลังงานแสงอาทิตย์ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการโดยรวม

‘ทหารไทย’ เปิดด่านฉุกเฉินช่วยผู้ป่วย ‘กัมพูชา’ ส่งรักษาด่วน รพ.กรุงเทพจันทบุรี ตอนตี 5

(24 มิ.ย. 68) เมื่อเวลา 05.00 น. กองร้อยทหารพรานนาวิกโยธินที่ 524 ฐานปฏิบัติการบ้านแหลม จ.จันทบุรี ได้รับการประสานจากฝ่ายกัมพูชา ขอความช่วยเหลือด่วนในการเปิดด่านชายแดนเพื่อส่งตัวผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ารักษาในฝั่งไทย

ผู้ป่วยคือ นางเอ็ต มอม อายุ 78 ปี ซึ่งมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง และเป็นญาติของพันเอก ยิน ซังเฮง หน่วยงานชายแดนของกัมพูชา โดยมีผู้ติดตามอีก 3 คน เดินทางโดยรถยนต์ส่วนบุคคลจากฝั่งกัมพูชาผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ต.เทพนิมิตร อ.โป่งน้ำร้อน

ทั้งนี้ ปลายทางของผู้ป่วยคือโรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี อ.เมืองจันทบุรี เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน โดยเจ้าหน้าที่ทหารไทยได้อำนวยความสะดวกตลอดกระบวนการผ่านแดนอย่างเรียบร้อย

โดยเหตุการณ์นี้สะท้อนถึงน้ำใจและความร่วมมือด้านมนุษยธรรมระหว่างไทย-กัมพูชา แม้ในสถานการณ์ชายแดนที่ตึงเครียด ทหารพรานนาวิกโยธินไทยยังยึดหลักความเมตตา ช่วยเหลือเพื่อนบ้านในยามวิกฤตอย่างเต็มที่

ประกาศใหม่จาก กสทช. ตัด ‘ฟุตบอลโลก 2026’ ออกจากกฎ Must Have ที่ต้องให้คนไทยชมฟรี

(24 มิ.ย. 68) ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศฉบับใหม่ของ กสทช. เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ว่าด้วย “หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป (ฉบับที่ 2)” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กฎ Must Have” ซึ่งลงนามโดย ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช.

ประกาศฉบับนี้มีการยกเลิกภาคผนวกเดิมจากปี 2555 และใช้รายชื่อรายการใหม่แทน โดยเน้นย้ำให้ประชาชนสามารถรับชมรายการกีฬาสำคัญระดับชาติและนานาชาติผ่านฟรีทีวีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ไฮไลต์สำคัญคือ “ฟุตบอลโลก 2026” ไม่ได้ถูกรวมอยู่ในรายชื่อรายการที่ต้องออกอากาศผ่านฟรีทีวีอีกต่อไป

รายการกีฬาที่ ยังคงอยู่ภายใต้กฎ Must Have ได้แก่ ซีเกมส์, อาเซียนพาราเกมส์, เอเชียนเกมส์, เอเชียนพาราเกมส์, โอลิมปิกเกมส์ และพาราลิมปิกเกมส์ ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของ กสทช. ในการคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงการแข่งขันกีฬาที่เกี่ยวข้องกับนักกีฬาชาติไทยเป็นหลัก

ทั้งนี้ กฎ Must Have ทำงานร่วมกับกฎ Must Carry ซึ่งกำหนดให้ผู้ให้บริการทีวีทุกระบบ ต้องถ่ายทอดสัญญาณฟรีทีวีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถรับชมรายการสำคัญได้อย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่มีความสำคัญระดับประเทศและระดับภูมิภาค

ปั๊มน้ำมันกัมพูชาหลายแห่ง ขึ้นป้าย ‘น้ำมันหมด’ หลังจาก ‘ฮุน มาเนต’ สั่งห้ามนำเข้าจากไทย

เมื่อวันที่ (23 มิ.ย. 68) เพจ 'Army Military Force – สำรอง' ได้เผยแพร่ภาพปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในกัมพูชา ที่ขึ้นป้ายแจ้งว่า “น้ำมันหมดแล้ว” ท่ามกลางสถานการณ์ที่ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากประเทศไทยโดยทันที ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 22 มิถุนายน

ฮุน มาเนต ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่า การระงับนำเข้าน้ำมันจากไทยเป็นการตัดสินใจของรัฐบาลกัมพูชาโดยเด็ดขาด พร้อมย้ำว่า กัมพูชามีศักยภาพเพียงพอในการจัดหาเชื้อเพลิงจากแหล่งอื่น เช่น เวียดนาม สิงคโปร์ หรือมาเลเซีย โดยไม่ได้จำกัดเพียงแค่ “น้ำมันสำรอง 1 เดือน” แต่ยืนยันว่ารัฐบาลสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ “ตลอดไป”

อย่างไรก็ตาม หลังคำสั่งมีผล ราคาน้ำมันในกัมพูชาพุ่งสูงทันที เบนซิน 95 ขึ้นไปอยู่ที่ 48–50 บาท/ลิตร ขณะที่ดีเซลอยู่ที่ประมาณ 38–40 บาท/ลิตร ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนในหลายพื้นที่ และประชาชนเริ่มตื่นตระหนก ขับรถข้ามแดนมาเติมน้ำมันฝั่งไทยเพื่อกักตุนล่วงหน้า โดยเฉพาะในบริเวณตลาดโรงเกลือและด่านคลองลึก จ.สระแก้ว

แต่ในวันเดียวกัน กองทัพภาคที่ 1 ได้สั่งปิดด่านชายแดนทุกจุด ทำให้ชาวกัมพูชาไม่สามารถข้ามมายังฝั่งไทยได้อีก ส่งผลให้วิกฤตน้ำมันยิ่งทวีความรุนแรง

‘กัณจุฑา’ นักสู้ไทย ซับมิชชันคู่แข่งซิวทองโลก MMA ประวัติศาสตร์ใหม่!!..ไทยกวาดรวม 3 เหรียญ ที่เซาเปาโล

(23 มิ.ย. 68) สมาคมกีฬามิกซ์มาเชียลอาร์ตแห่งประเทศไทย ร่วมแสดงความยินดีกับ “แอมป์” กัณจุฑา ภัทรบุญซ้อน นักกีฬาหญิงทีมชาติไทย รุ่น 52.2 กิโลกรัม หลังคว้าเหรียญทองแรกให้กับไทย ในศึก GAMMA World Championship 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16–22 มิถุนายน ที่เมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล

โดยในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ แอมป์ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น โดยยกแรกออกอาวุธคุมเกมได้อยู่หมัด กรรมการทั้ง 3 คนให้คะแนน 10:9 อย่างเป็นเอกฉันท์ และในยกที่ 2 ปิดเกมได้อย่างสวยงามด้วยท่า Submission Guillotine Lock ทำให้นักกีฬาจากสวีเดนต้องยอมแพ้

ผลงานของทีมชาติไทยไม่ได้หยุดแค่เหรียญทอง เพราะยังคว้าอีก 2 เหรียญทองแดงจาก “น้องตูน” ณัฐณา บุญยืน ในรุ่น 52.2 กก. (MMA Striking) และ “น้องเคนเนธ” นาธาน ทองสงค์ รุ่น 93 กก. ยู-21 (MMA) ทำให้ไทยจบรายการด้วย 1 เหรียญทอง และ 2 เหรียญทองแดง

สำหรับทีมนักกีฬามิกซ์มาเชียลอาร์ตทีมชาติไทย มีกำหนดเดินทางกลับถึงประเทศไทย วันที่ 25 มิถุนายน 2568 เวลา 12.00 น.

‘กองทัพบก’ แจงปมนักปั่นเที่ยว ‘ปราสาทตาเมือนธม’ ยันไทยมีอธิปไตยเหนือพื้นที่เข้าชมได้เสรีไม่จำกัดเวลา

(23 มิ.ย. 68) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงเพิ่มเติมถึงกรณีคณะนักปั่นจักรยานชาวไทยเข้าเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม หลังโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชากล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยยืนยันว่า ไทยใช้อำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมมาโดยตลอด ตามหลักฐานภูมิศาสตร์และการบริหารของราชการไทย

กองทัพบกยังยืนยันว่า ไทยเคารพข้อตกลงและความร่วมมือเสมอมา และพร้อมแก้ไขปัญหาผ่านกลไกหารือร่วมกัน แม้ระยะหลังกัมพูชาจะลดท่าทีความร่วมมือลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังยืนยันว่า ได้แจ้งข้อมูลต่อชุดประสานงานของกัมพูชาล่วงหน้า ก่อนนำคณะนักปั่นเข้าพื้นที่ และการเข้าชมของคนไทยสามารถทำได้โดยเสรี ไม่จำกัดเวลา ซึ่งข้อจำกัดเวลา 09.00-15.00 น. นั้น ใช้กับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่ไทยอนุโลมให้เข้าชมเท่านั้น

โฆษกกองทัพบกย้ำว่า การสื่อสารเป็นไปตามข้อเท็จจริง และกองทัพบกจะปกป้องอธิปไตยไทยอย่างดีที่สุด ภายใต้รัฐธรรมนูญและกลไกรัฐบาล พร้อมยึดหลักสันติวิธี เพื่อรักษาเสถียรภาพและสันติภาพชายแดนร่วมกันอย่างยั่งยืน 

กมธ. อุตสาหกรรม ลงพื้นที่ด่านศุลกากรเชียงของ กำชับคุมเข้มสินค้าไม่ได้ มอก.- ขยะอิเล็กทรอนิกส์

กมธ.อุตสาหกรรม ลงพื้นที่ด่านศุลกากรเชียงของ ตรวจติดตามมาตรการป้องกันการลักลอบนำเข้า "สินค้าไม่ได้ มอก.- ขยะอิเล็กทรอนิกส์"  เน้นย้ำนายด่านตรวจสินค้าอย่างละเอียด 

(23 มิ.ย. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ได้เดินทางไปยังด่านศุลกากรเชียงของ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เพื่อตรวจติดตามการนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่ผิดกฎหมายและไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม(มอก.) มาจัดจำหน่ายในประเทศไทย โดยทางคณะกรรมาธิการฯ ได้พบปะหารือกับนางกนกวรรณ สุขศิริ นายด่านศุลกากรเชียงของ เกี่ยวกับการตรวจตราและติดตามมาตรการป้องกันสินค้าที่ไม่ได้ มอก. เข้ามาจำหน่ายในไทย โดยทางนายด่านก็ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวของทางกรมศุลกากรโดยละเอียด พร้อมย้ำว่าทางกรมศุลกากรมีการตรวจสินค้าที่ผ่านด่านอย่างละเอียดตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด โดยสินค้าที่จะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยได้จะต้องมีเอกสารรับรองและผ่านการตรวจสอบตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญต้องได้รับการรับรอง มอก. ด้วย เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคทุกคน

อย่างไรก็ดี คณะ กมธ.อุตสาหกรรม มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากในปัจจุบันทางกระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การนำของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ตรวจพบสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน มอก. ซึ่งลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก อันส่งผลต่อความปลอดภัยในการใช้งานของพ่อแม่พี่น้อง ทั้งนี้ช่องทางการขนส่งทางบกจัดเป็นช่องทางสำคัญในการขนถ่ายสินค้าดังกล่าว โดยเฉพาะที่ลำเลียงผ่านช่องผ่านด่านมาจากประเทศจีน

“คณะ กมธ. อุตสาหกรรม ได้เน้นย้ำผ่านทางนายด่านศุลกากรเชียงของไปว่า ขอให้กรมศุลกากรและด่านกรมศุลกากรทุกด่านตรวจตราสินค้าอย่างเคร่งครัดต่อไป เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคทุกคน พร้อมเน้นย้ำอีกเรื่องที่สำคัญคือขอให้ตรวจสอบขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มักมีการขนส่งมาทางเรือเข้าประเทศเพื่อนบ้านก่อนส่งต่อมาทางบกเข้าชายแดนไทย ซึ่งนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังสร้างมลพิษและอันตรายต่อประเทศไทยเป็นอย่างมากด้วย” นายอัครเดช กล่าวทิ้งท้าย

‘ฮุน มาเนต’ ขู่ฟ่อ ‘กัมพูชา’ เหมือนงูนอนนิ่งแต่พร้อมกัด ส่งคำเตือนถึงไทย ลั่นมีมาตรการอีกเพียบที่ยังไม่ใช้

(23 มิ.ย. 68) ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวในการประชุมใหญ่สหพันธ์เยาวชนแห่งชาติกัมพูชาเมื่อ 23 มิ.ย. ว่า ท่าทีของกัมพูชาต่อความตึงเครียดชายแดนกับไทยนั้น “เหมือนงู” ซึ่งปกตินิ่งเงียบ แต่หากถูกรุกรานก็พร้อมตอบโต้รุนแรงทันที เพื่อปกป้องอธิปไตยและศักดิ์ศรีของชาติ

บุตรชายคนโตจากจำนวนบุตร 5 คนของ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ย้ำว่ากัมพูชาไม่ใช่ฝ่ายเริ่มความขัดแย้ง แต่พร้อมใช้มาตรการตอบโต้ทุกเมื่อ โดยยกตัวอย่างกรณีไทยปรับเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดนฝ่ายเดียว กัมพูชาก็ปรับตามทันทีเพื่อแสดงจุดยืน ไม่ยอมอยู่ในสถานะฝ่ายเสียเปรียบ และเพื่อให้ฝ่ายไทยรู้สึกถึงแรงสะท้อนกลับ

ในประเด็นการขู่ตัดไฟและอินเทอร์เน็ตจากไทย ฮุน มาเนต ระบุว่าได้สั่งให้หน่วยงานกัมพูชาตัดการพึ่งพาทันที เปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานภายในประเทศเพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน พร้อมกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นการตอบโต้ ไม่ใช่การยั่วยุ

ส่วนข้อพิพาทบริเวณปราสาทตาเมือนธม และสามเหลี่ยมมรกต รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก โดยไม่ผ่านกลไกทวิภาคี JBC และไม่แจ้งฝ่ายไทยล่วงหน้า ถือเป็นการเดินเกมรุกที่สะท้อนความเด็ดขาดของผู้นำ

ฮุน มาเนต ย้ำว่าทุกมาตรการของกัมพูชาเป็นผลจากการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ ไม่ใช่การตัดสินใจแบบใช้อารมณ์ พร้อมส่งสารถึงไทยว่า หากยังเดินเกมกดดัน กัมพูชาก็พร้อมโต้กลับอย่างเต็มรูปแบบ และยังมี “ทางเลือกอีกมาก” ที่ยังไม่ถูกเปิดใช้

โฆษกฮุนเซน หยามไทยไม่กล้ายอมรับความพ่ายแพ้ ชี้ไทยจองหอง-ดื้อดึง จะยิ่งเจ็บทั้งเศรษฐกิจและการเมือง

(23 มิ.ย. 68) เพ็ญ โบนา โฆษกรัฐบาลกัมพูชา ออกแถลงการณ์อย่างแข็งกร้าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ตอบโต้ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มกดดันก่อน ทั้งปิดชายแดนฝ่ายเดียวและขู่ตัดการเชื่อมต่อด้านพลังงานและเศรษฐกิจ จนทำให้กัมพูชาต้องตอบโต้กลับอย่างจริงจัง

โฆษกกัมพูชา เปิดเผยว่า กองทัพไทยและนักการเมืองบางกลุ่ม รวมถึงฝ่ายหัวรุนแรง มีทัศนคติล้าหลัง มองกัมพูชาอย่างดูแคลน คิดว่าประเทศเพื่อนบ้านยังพึ่งพาไทยเหมือนในอดีต ทั้งที่ปัจจุบันกัมพูชาแข็งแกร่งขึ้นและไม่ยอมถูกกดดันอีกต่อไป

หนึ่งในมาตรการตอบโต้ที่ถูกนำมาใช้คือ การระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากไทย ซึ่งโฆษกระบุว่าไทยเริ่มรู้แล้วว่าแรงกดดันไม่ได้ผล และกัมพูชาคือฝ่ายที่เคลื่อนไหวก่อนด้วยซ้ำ ทำให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกลับย้อนคืนสู่ไทยเอง

เพ็ญ โบนา ยังเผยอีกว่าไทยพยายามติดต่อผู้นำกัมพูชาทั้งฮุน มาเน็ต และฮุน เซน เพื่อเจรจาอย่างลับ ๆ แต่กัมพูชาไม่หลงกล เพราะมองว่าเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการทูตที่แฝงเจตนาอย่างไม่จริงใจ ภายใต้ฉากหน้าว่าเป็นมิตร

ทั้งนี้  โฆษกรัฐบาลกัมพูชายืนยันไม่ต้องการความขัดแย้ง แต่จะไม่ยอมถูกมองข้ามอีกต่อไป พร้อมเตือนว่าหากไทยยังยึดถือความหยิ่งผยอง สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลง ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และความรู้สึกของประชาชนภายในประเทศเอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top