Friday, 29 March 2024
TODAY SPECIAL

26 กันยายน พ.ศ. 2527 สหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐประชาชนจีน บรรลุข้อตกลงในแผนการส่งมอบฮ่องกงคืนให้จีนในปี 2540

“ฮ่องกง” เดิมเป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ แห่งหนึ่ง ในเขตอำเภอซินอัน เมืองเซินเจิ้นภูมิประเทศเป็นเมืองท่าน้ำลึก เหมาะแก่การจอดเรือสินค้าขนาดใหญ่ จึงทำให้ฮ่องกงกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญของโลก

ด้วยเหตุนี้เองประเทศสหราชอาณาจักร ซึ่งปกครองโดยพระนางวิกตอเรีย กำลังต้องการอาณานิคมในแถบทะเลจีนใต้ เพื่อใช้เป็นที่จัดส่งสินค้า หรือฝิ่นพอดี ประจวบเหมาะกับที่ฝ่ายสหราชอาณาจักร และจีนกำลังมีปัญหาเรื่องการค้าฝิ่นในแถบกวางตุ้งของจีน จนทำให้เกิดสงครามฝิ่นครั้งที่ 1 ขึ้น ในปี ค.ศ. 1839

อังกฤษจึงเข้ายึดดินแดนแถบฮ่องกงเป็นของสหราชอาณาจักร ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2384 จนเมื่อจีนแพ้สงครามฝิ่น ปลายศตวรรษที่ 19 เกาะฮ่องกง และดินแดนตอนปลายคาบสมุทรเกาลูน จึงตกเป็นอาณานิคมในปี พ.ศ. 2385 และ พ.ศ. 2403 (ค.ศ. 1860) ตามลำดับ

วันนี้ในอดีต 25 กันยายน พ.ศ. 2537 เกิดภัยธรรมชาติสุดแสนโหด ‘น้ำป่าไหลหลาก’ ณ น้ำตกวังตะไคร้ จ.นครนายก และคร่าชีวิตนักท่องเที่ยวไปกว่า 21 ราย

เหตุการณ์น้ำป่าไหลหลาก บริเวณน้ำตกวังตะไคร้ จังหวัดนครนายก ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นเกิดขึ้นเร็วโดยไม่มีใครตั้งตัวได้ทัน ภัยน้ำป่าไหลหลากในครั้งนั้นถือว่าเป็นภัยธรรมชาติสุดโหดที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในประเทศไทย

ในช่วงเดือนกันยายน ซึ่งถือว่าเป็นช่วงปลายฝนที่มักมีฝนตกหนาแน่น มักมีการเตือนถึงนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำที่น้ำตกต่าง ๆ ย้อนกลับไปช่วงบ่ายของวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2537 ที่อุทยานแห่งชาติวังตะไคร้ จังหวัดนครนายก เป็นวันที่อากาศแจ่มใส นักท่องเที่ยวจำนวนมากมายเดินทางเข้ามาเที่ยวและลงเล่นน้ำเย็นช่ำ และสายน้ำที่ใสสะอาด ไม่ว่าจะเป็น เด็ก ผู้ใหญ่ ที่กำลังสนุกสนานในวันหยุดกับครอบครัว ซึ่งพวกเขาไม่รู้เลยว่าอีกไม่ถึงชั่วโมง คลื่นน้ำป่ากำลังตรงไปหาพวกเขา
 

วันนี้ในอดีต “สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า” เริ่มเปิดการจราจรเป็นวันแรกในปี พ.ศ. 2516 โดยสะพานแห่งนี้สร้างข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา - เชื่อมต่อเขตพระนคร - เขตบางพลัด ปัจจุบันอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท

“สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า” (Somdet Phra Pinklao Bridge) หรือที่นิยมเรียกกันว่า สะพานปิ่นเกล้า เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เชื่อมถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้าระหว่างเขตพระนคร (ฝั่งพระนคร) กับเขตบางกอกน้อย (ฝั่งธนบุรี) กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท

สะพานพระปิ่นเกล้าเป็นสะพานแบบคอนกรีตอัดแรงชนิดต่อเนื่อง มีจำนวนช่องทางรถวิ่ง 6 ช่องทางจราจร ความกว้างของสะพาน 26.60 เมตร ความยาว 622 เมตร สร้างขึ้นเพื่อผ่อนคลายความคับคั่งของการจราจร โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น ในการสำรวจออกแบบสะพาน และให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่รัฐบาลไทย 
 

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กำหนดให้วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561 เป็นวัน “ศารทวิษุวัต” คือวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตกพอดี ทำให้ช่วงเวลากลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน

วันศารทวิษุวัต กลางวันยาวเท่ากลางคืน โดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยว่าวัน “ศารทวิษุวัต” ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตกพอดี ทำให้ช่วงเวลากลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน ถือเป็นวันเปลี่ยนฤดูกาลเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงของประเทศทางซีกโลกเหนือ และเปลี่ยนสู่ฤดูใบไม้ผลิของประเทศในซีกโลกใต้

วันศารทวิษุวัต กลางวันยาวเท่ากลางคืน (Autumnal Equinox) คำว่า “Equinox” มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน 2 คำ คือ Aequus แปลว่า เท่ากัน และ Nox แปลว่า กลางคืน ดังนั้น Equinox หมายถึงวันที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน ซึ่งตรงกับคำว่า “วิษุวัต” แปลว่า “จุดราตรีเสมอภาค” โดยวันที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากันนี้จะเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งต่อปี คือในช่วงเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ เรียกว่า วันวสันตวิษุวัต (Vernal Equinox) และในช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง เรียกว่า วันศารทวิษุวัต (Autumnal Equinox)

ในแต่ละวันดวงอาทิตย์จะปรากฏอยู่ตำแหน่งที่ต่างกัน เปลี่ยนตำแหน่งไปประมาณวันละ 1 องศา ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ เคลื่อนที่จากจุดเหนือสุดลงมาทางใต้ เมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนมา ณ ตำแหน่งตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตรของโลก ทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดี สำหรับประเทศไทย วันดังกล่าวดวงอาทิตย์ขึ้นเวลาประมาณ 06.07 น. และจะตกลับขอบฟ้า เวลาประมาณ 18:14 น. นับเป็นวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วงของประเทศทางซีกโลกเหนือ และเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิของประเทศในซีกโลกใต้ จากนั้นดวงอาทิตย์จะเคลื่อนลงทางใต้เรื่อย ๆ จนดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด ในวันที่ 22 ธันวาคม 2563 จากนั้นจะค่อย ๆ เคลื่อนกลับทางเหนืออีกครั้ง

“วันแรดโลก” ตรงกับวันที่ 22 กันยายน ของทุกปี เพื่อสร้างความตระหนักในการอนุรักษ์แรดทั้ง 5 สายพันธุ์ เนื่องจากประชากรแรดทั่วโลกกำลังลดจำนวนลง และเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ โดยสาเหตุหลักมาจากการล่าของมนุษย์

จุดเริ่มต้นของวันแรดโลก ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2553 โดยองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wide Fund for Nature - WWF) แห่งแอฟริกาใต้ จากการริเริ่มของผู้หญิง 2 คน คือ ลิซ่า เจน แคมป์เบล และ ซิงห์ ที่มีความต้องการเหมือนกันในการก่อตั้งวันแรดโลกขึ้นมา เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับแรดทั้ง 5 สายพันธุ์ และผลักดันจนสามารถเกิดเป็นวันแรดโลกได้สำเร็จ จนกลายเป็นที่ยอมรับของทั่วโลกและองค์กรต่าง ๆ ที่หันมาร่วมกันอนุรักษ์แรด 5 สายพันธุ์ 

1.) แรดขาว (Ceratotherium simum) เป็นแรดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พบในทวีปแอฟริกา
2.) แรดดำ (Diceros bicornis) เป็นแรดที่มีความใหญ่รองมาจากแรดขาว พบในทวีปแอฟริกาเช่นกัน
3.) แรดอินเดีย (Rhinoceros unicornis) พบในภูมิภาคเอเชียใต้ จัดเป็นแรดที่มีเพียงนอเดียว มีลักษณะเด่นคือ ผิวหนังหนาและมีรอยย่นเห็นได้ชัดเจน
4.) แรดชวา (Rhinoceros sondaicus) พบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะคล้ายคลึงกับแรดอินเดีย เป็นแรดชนิดที่หายากที่สุดในโลก และได้รับการจัดอันดับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมชนิดที่หายากที่สุดในโลกอีกด้วย
5.) กระซู่ หรือแรด 2 นอ หรือ แรดสุมาตรา, แรดขน (Dicerorhinus sumatrensis) มีลักษณะเด่นที่สุดคือ มี 2 นอ นอหน้าใหญ่กว่านอหลัง จัดเป็นสัตว์ตระกูลแรดที่มีขนาดเล็กที่สุด พบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นกัน มีลักษณะเด่นคือ มีขนปกคลุมทั้งลำตัว เป็นแรดที่หายากมากอีกชนิดหนึ่ง

ในปัจจุบัน แรดกลายมาเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เข้าไปทุกขณะ โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้แรดใกล้สูญพันธุ์นั้นเกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าที่ทำลายที่อยู่อาศัยของแรด และอีกสาเหตุหลักที่สำคัญคือ การล่าของมนุษย์ ที่ต้องการนำนอแรดไปขายแปรรูปเป็นเครื่องประดับต่าง ๆ รวมถึงการนำนอแรดไปปรุงเป็นยา ตามความเชื่อของชาวจีนว่านอแรดสามารถรักษาโรคได้บางโรค ทั้งที่จริงแล้วส่วนประกอบทางเคมีของนอแรดนั้นไม่ต่างอะไรไปกับเส้นผมของคนเลย ซึ่งการสำรวจการลักลอบฆ่าแรดในแอฟริกาใต้ พบว่ามีการลักลอบฆ่าแรดเพื่อเอานอเพิ่มสูงขึ้นกว่า 9,300 ตัว จาก 13 ตัว ในปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็น 1,215 ตัว ในปี 2557

21 กันยายน ของทุกปี ถือเป็น ‘วันประมงแห่งชาติ’ เพื่อสนับสนุนอาชีพประมง สร้างขวัญกำลังใจในการประกอบอาชีพของชาวประมงไทย

วันที่ 21 กันยายนของทุกปี ถูกตั้งให้เป็น ‘วันประมงแห่งชาติ’ เพื่อเป็นการสนับสนุนในการทำอาชีพประมง และเป็นที่ระลึก สร้างขวัญกำลังใจในการประกอบอาชีพของชาวประมงไทย

โดยที่มาของวันประมงแห่งชาติ เกิดจากสหกรณ์ประมงจังหวัดสมุทรสาครทำหนังสือ ลงวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2525 ถึง พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น โดยเสนอให้รัฐบาลกำหนดวันประมงแห่งชาติขึ้น เพื่อให้เป็นกำลังใจในการประกอบอาชีพ และอาสาปกป้องประเทศทางด้านทะเล 

นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้สํานักเลขาธิการ นายกรัฐมนตรีมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้พิจารณา ซึ่งได้มอบให้กรมประมง เป็นผู้รับเรื่อง เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรง นอกจากนี้สํานักเลขาธิการฯ ได้ขอให้กระทรวงศึกษาธิการ สั่งการให้ราชบัณฑิตยสถานและกรมศิลปากรร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมอีกด้วย กรมประมงจึงได้ประสานงานกับกองทัพเรือและมีความเห็นร่วมกันให้ วันสงกรานต์ ซึ่งประชาชนชาวไทยยึดถือเสมือนเป็นวันขึ้นปีใหม่มาตั้งแต่อดีต เป็นวันที่หยุดปฏิบัติภารกิจประจําวัน ในวันดังกล่าว 

วันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ พระราชสมภพ เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระนางเจ้าฟ้ารำเพยภมราภิรมย์ เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 และบรมราชาภิเษกครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411 ทรงพระนามว่า "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว"

โดยในขณะนั้น มีพระชนมายุเพียง 15 พรรษา ดังนั้น จึงได้แต่งตั้งสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จนกว่าพระองค์จะมีพระชนมพรรษาครบ 20 พรรษา และเมื่อพระองค์มีพระชนมายุครบ 20 พรรษาแล้ว ในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2416 จึงผนวชเป็นพระภิกษุ โดยหลังจากทรงลาสิกขาแล้ว ได้มีการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่ 2 ขึ้น เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2416 โดยได้รับการเฉลิมพระปรมาภิไธยในครั้งนี้ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ภายใต้การปกครอง พระองค์ได้ทรงปฏิรูปการปกครองบ้านเมืองให้ทันสมัยขึ้น ทรงผนึกแผ่นดินล้านนา ทรงออกพระราชบัญญัติให้เลิกทาส ในยุคนั้นประเทศตะวันตกเริ่มเข้ามาล่าอาณานิคม พระองค์ได้เสด็จไปต่างประเทศเพื่อทอดพระเนตรความเจริญในประเทศตะวันตก แล้วนำกลับมาพัฒนาบ้านเมือง ขณะเดียวกันก็เสด็จประพาสต้น เพื่อศึกษาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริงของราษฎร

รัฐประหารในประเทศไทย 19 กันยายน พ.ศ. 2549 คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศจากรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

19 กันยายน พ.ศ. 2549 คณะทหารในนาม “คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” (คปค.) ซึ่งมี พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้า ได้ทำการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา 

โดยในการรัฐประหารครั้งนี้ คปค. ได้ให้เหตุผลที่ต้องยึดอำนาจว่าการปกครองภายใต้รัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก่อให้เกิดความขัดแย้งแบ่งฝ่าย สลายความรู้รักสามัคคีของคนในชาติ ต่างฝ่ายต่างมุ่งหวังเอาชนะ ด้วยวิธีการหลากหลายรูปแบบ และมีแนวโน้มนับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น 

โดยประชาชนส่วนใหญ่เคลือบแคลงสงสัยว่า การบริหารราชการแผ่นดิน ส่อไปในทางทุจริต ประพฤติมิชอบ อย่างกว้างขวาง หน่วยงานอิสระ ถูกการเมืองครอบงำ ทำให้การดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เกิดปัญหา และอุปสรรคหลายประการ ตลอดจนหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นที่เคารพ เทิดทูน ของปวงชนชาวไทย อยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าหลายภาคส่วนของสังคมจะได้พยายามประนีประนอม คลี่คลายสถานการณ์ มาโดยต่อเนื่องแล้ว ก็ไม่สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองได้

59 ปี “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย ได้รับสมญาว่าเป็น 'อุทยานมรดกของอาเซียน' อีกทั้งได้รับการประกาศเป็น 'มรดกโลก' จากยูเนสโก ในปี 2548

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย มีอาณาเขตครอบคลุม 4 จังหวัด คือ จังหวัดสระบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี และนครนายก ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำนครนายก แม่น้ำปราจีน ลำตะคอง ลำพระเพลิง และห้วยมวกเหล็ก อุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานานาชนิด เช่น ช้างป่า กวางป่า เก้ง กระทิง เสือ ตลอดจนมีลักษณะทางธรรมชาติที่สวยงาม มีเนื้อที่ 1,353471.53 ไร่ หรือ 2,165.55 ตารางกิโลเมตร  

อีกทั้ง เขาใหญ่ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2505 และได้รับสมญาว่าเป็นอุทยานมรดกของอาเซียน อีกทั้งได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ในปี 2548

ลักษณะภูมิประเทศ สภาพทั่วไปเป็นพื้นที่ด้านตะวันตกของเทือกเขาพนมดงรัก สูงโดดเด่นขึ้นมาจากที่ราบภาคกลาง แล้วก่อตัวเป็นแนวเขตของที่ราบสูงโคราช มีเขาร่มเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด 1,351 เมตร เขาสามยอดสูง 1,142 เมตร เขาฟ้าผ่าสูง 1,078 เมตร โดยวัดความสูงจากระดับน้ำทะเลเป็นเกณฑ์และยังประกอบด้วยทุ่งกว้างสลับกับป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ด้านตะวันออก พื้นที่จะลาดลงไปทางทิศใต้ ส่วนด้านตะวันตกพื้นที่จะเป็นภูเขาสูงชัน

สยามประกาศใช้ ‘เงินเหรียญบาท’ ในวันนี้เมื่อปี พ.ศ. 2403 โดย ‘พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว’ รัชกาลที่ 4 ให้มีการผลิตโดยเครื่องจักรออกใช้แทนเงินพดด้วง นับเป็นการปฏิวัติระบบเงินตราครั้งสำคัญของไทย

ก่อนที่จะมีธนบัตรและเหรียญมาใช้ในระบบเงินตราในวันนี้ ไทยเราได้ใช้หอยเบี้ย ประกับ คือดินเผาที่มีตราประทับ เงินพดด้วง และปี้จากบ่อนการพนัน มาใช้ในการแลกเปลี่ยนมาก่อน

ในสมัยกรุงสุโขทัย ที่มีการค้าขายกว้างขวางกับอาณาจักรในลุ่มแม่น้ำเพระยาแล้ว ทางด้านเหนือยังไปถึงล้านช้าง ยูนนาน และน่านเจ้า ส่วนทางทะเลไปถึงจีน อินเดีย เปอร์เซีย และอาหรับ โดยผลิตเงินตราขึ้นมาใช้ในระบบเศรษฐกิจ คือ เงินพดด้วง และใช้หอยเบี้ยเป็นเงินปลีกสำหรับซื้อขายสินค้าราคาต่ำ

เงินพดด้วง ทำจากแท่งเงินทุบปลายให้งอเข้าหากัน แล้วตอกประทับตราประจำแผ่นดิน เนื่องจากมีรูปร่างกลมคล้ายตัวด้วง จึงเรียกกันว่าเงินพดด้วง เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนเงินตราสกุลใดในโลก ซึ่งใช้กันในย่านนี้มาก่อนกรุงสุโขทัยแล้ว และใช้ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
เงินพดด้วงในสมัยกรุงสุโขทัย มีตราประทับอย่างน้อย 2 ดวง เป็นรูปสัตว์ชั้นสูง เช่น วัว ควาย กระต่าย หอยสังข์ และราชสีห์ เป็นต้น

เงินพดด้วงในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีลักษณะคล้ายของกรุงสุโขทัย แต่ตรงปลายที่งอจดกันไม่แหลมเหมือนของกรุงสุโขทัย ตราที่ประทับส่วนใหญ่จะเป็นตราจักรและตราประจำรัชกาล เช่น ครุฑ ช้าง ราชวัตร พุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นต้น ส่วนในกรุงธนบุรี ยังคงใช้เงินพดด้วงของกรุงศรีอยุธยา และผลิตขึ้นใช้เอง 2 ชนิด คือประทับตราตรีศูล และตราทวีวุธ 

สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ยังคงใช้เงินพดด้วงต่อมา โดยประทับตราจักร ซึ่งเป็นตราประจำแผ่นดิน พร้อมกับตราประจำรัชกาล คือรัชกาลที่ 1 เป็นตราบัวอุณาโลม รัชกาลที่ 2 เป็นตราครุฑ รัชกาลที่ 3 เป็นตราปราสาท รัชกาลที่ 4 เป็นตรามงกุฎ รัชกาลที่ 5 เป็นตราพระเกี้ยว

ในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อมีการเปิดประเทศด้วยสนธิสัญญาเบาริ่ง ทำให้การค้าขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พ่อค้าต่างประเทศได้นำเงินเหรียญของตนมาแลกเงินพดด้วงกับรัฐบาล เพื่อเอาไปซื้อสินค้าจากประชาชน จนเงินพดด้วงซึ่งต้องผลิตด้วยมือไม่พอใช้ เกิดความไม่สะดวกในการค้าขึ้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงมีพระราชดำริที่จะทำเงินเหรียญขึ้นมาใช้แทนเงินพดด้วง

ใน พ.ศ.2400 โปรดเกล้าฯให้คณะทูตไทยไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักอังกฤษ สมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรียได้จัดเครื่องทำเหรียญเงินขนาดเล็กเข้ามาถวายเป็นราชบรรณาการ จึงโปรดเกล้าฯให้ทำเหรียญกษาปณ์จากเครื่องนี้ขึ้นเป็นครั้งแรก เรียกว่า “เหรียญเงินบรรณาการ” ขณะเดียวกันคณะทูตก็ได้สั่งซื้อเครื่องจักรทำเหรียญเงินจากบริษัทในอังกฤษเข้ามาในปลายปี 2401 จึงโปรดฯให้ตั้งโรงงานผลิตเหรียญกษาปณ์ขึ้นที่หน้าพระคลังมหาสมบัติ ในพระบรมมหาราชวัง พระราชทานนามว่า “โรงกระสาปน์สิทธิการ” จึงถือว่ามีการใช้เงินเหรียญแบบสากลขึ้นป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้ประกาศเลิกใช้เงินพดด้วง เพียงแต่ไม่ทำเพิ่มขึ้นอีก

เหรียญกษาปณ์ที่ผลิตเป็นครั้งแรกนี้ ผลิตโดยเครื่องจักรที่สั่งจากประเทศอังกฤษ ออกใช้แทน เงินพดด้วง ด้านหน้าเป็นรูปพระมหามงกุฎ มีฉัตรกระหนาบทั้ง 2 ข้าง ด้านหลังเป็นรูปช้าง อยู่กลางพระแสงจักร เหรียญเนื้อเงินแท้ ราคา 1 บาท น้ำหนัก 15.33 กรัม เส้นผ่าศูนย์กลางเหรียญ 31 มิลลิเมตร และเหรียญชนิดต่าง ๆ ประกอบด้วยเหรียญเงินราคา 1 บาท กึ่งบาท สลึง เฟื้อง กึ่งเฟื้อง และเหรียทองพัดดึงส์อีกจำนวนหนึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ.2403


ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000010739


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top