Friday, 29 March 2024
NEWSFEED

‘วีวี่ มิสแกรนด์ร้อยเอ็ด’ โร่ขอโทษ ปมแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ หลังร่วมปาร์ตี้วันเกิด ‘อิงฟ้า’ สัญญาจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้

(22 ก.พ. 67) กรณีเฟซบุ๊ก ‘ว่างจัด x นางงาม’ โพสต์ภาพหญิงแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ ถือพัดสีทอง ระบุข้อความว่า “ใส่สบงแล้วทรงพลัง มิสแกรนด์ร้อยเอ็ด ร่วมงานปาร์ตี้ วันเกิดอิงฟ้า วราหะ” ซึ่งภาพดังกล่าว มีบางส่วนที่หัวเราะขบขันกันการแต่งกายเป็นพระสงฆ์ แต่อีกฝ่ายก็ดรามาอยู่ไม่น้อยว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

ซึ่งต่อมามีการลบคลิปภาพต้นฉบับออก ก่อนที่ ‘วีวี่ ฐาสุปางค์ เดชะอัครอนันต์’ มิสแกรนด์ร้อยเอ็ด 2024 ได้ออกมายกมือไหว้ขอโทษ เผยผ่านอมรินทร์ ทีวี รับผิดกับการกระทำ เพราะทำให้เกิดความเสื่อมเสีย สร้างความไม่พอใจให้พี่น้องชาว จ.ร้อยเอ็ด

วีวี่เผยว่าตนขออภัยไว้ ณ ที่นี้อย่างสุดซึ้ง สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว และจะให้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษา เพื่อให้ตนได้ใช้ความคิด ใช้วิจารณญาณในการที่จะทำคอนเทนต์ออกมา ครั้งนี้ตนกราบขออภัย ขอให้ผู้ใหญ่ทุกท่านให้อภัยตักเตือน สั่งสอนตน การประกวดมิสแกรนด์ในครั้งนี้ มีความตั้งใจมากที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับพี่น้องชาว จ.ร้อยเอ็ด ตนสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก

‘ลำไย ไหทองคำ’ ประกาศรับสมัคร ‘แดนเซอร์ชายแท้’ ชาวเน็ตตาลุกวาว!! หลังการันตีรายได้สูงสุดเฉียด ‘แสน’

(21 ก.พ. 67) ทำเอาหลายๆ คนถึงกับตาโต เมื่อได้เห็นประกาศการรับสมัครแดนเซอร์ชายแท้ของ ‘ลำไย ไหทองคำ’ พร้อมรายได้ที่จะได้รับนั้นค่อนข้างสูงมาก ขนาดนักร้องรุ่นใหญ่อย่าง ‘มอส ปฏิภาณ’ ยังสนใจไปขอสมัคร โดยสาวลำไยได้โพสต์ประกาศรับสมัครว่า…  

"ลำไย ไหทองคำ รับสมัคร DANCER ชายแท้ 2 คน

>> คุณสมบัติ
- ชายแท้ อายุระหว่าง 20-35 ปี
- สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นอุปสรรคต่อการเต้น
- ไลน์เต้นดี ชัดเจน แข็งแรง เต้นได้หลายแนว
- นิสัยดี มีวินัย ขยัน อดทน สู้งาน สามารถเดินทางไปงานคอนเสิร์ตได้ทั้งในและต่างประเทศ โดยไม่ติดภารกิจใดๆ
- สามารถอุ้มหรือยกแดนเซอร์หญิงได้ (จะพิจารณาเป็นพิเศษ)

>> วิธีการสมัคร
- แอดไลน์ สแกน QR Code ด้านล่าง
- ส่งรูปถ่ายหน้าตรง (กล้องสด) และคลิปสเต็ปการเต้นของตนเองมาที่ไลน์ เพื่อทำการ
คัดเลือก
- ผู้ที่ผ่านการคัดเลือก ทางค่ายจะนัดมา Audition รอบสุดท้ายเพื่อทำการตัดสิน

(การันตีรายได้ 6x,xXX - 1xX,xXX บาท/เดือน)" 

ทำเอาเหล่าบรรดาแฟนคลับตาลุกวาวกันเป็นแถว และต่างเข้ามาคอมเมนต์ขอสมัครอย่างล้นหลาม

‘โจอี้ ภูวศิษฐ์’ ยินดี!! ให้แฟนคลับหน้าเวทีถ่ายรูป ‘ฟรี’ ย้ำ!! ไม่ต้องแนบเงิน เพราะทุกคนเสียค่าบัตรค่าโต๊ะมาดูแล้ว

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘Joey Pws’ ของ โจอี้ ภูวศิษฐ์ อนันต์พรสิริ นักร้องหนุ่มชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ถึงแฟนคลับหน้าเวที โดยเจ้าตัวยินดีให้ถ่ายรูปได้ฟรีโดยไม่ต้องให้เงิน

‘โจอี้’ ระบุข้อความว่า "ฝากแฟนๆ นะครับ ถ้าจะถ่ายรูปหน้าเวทีกับผมถ้าไม่ได้เล่นกีตาร์หรือพิณ ให้เปิดกล้องไว้แล้วยื่นมาได้เลยครับ ไม่ต้องให้เงินแลกถ่ายรูปเลยนะครับ ผมเต็มใจถ่ายให้ทุกคนแบบไม่รับตังค์ แค่ทุกคนเสียค่าบัตรค่าโต๊ะมาดูผม ผมก็ดีใจและเป็นเกียรติมากๆ แล้วครับ รักทุกคนนะครับ"

อย่างไรก็ตาม มีแฟนคลับแห่คอมเมนต์ชื่นชมศิลปินกันเป็นจำนวนมาก เช่น ศิลปินน่ารักที่สุด, นี่แหละที่ผมเป็นส่วนหนึ่งของแฟนคลับ รักและจะเป็นแฟนคลับตลอดไปครับ, ศิลปินที่ไม่คิดว่าเป็นศิลปินต้องแบบนี้ครับ, น่ารักกับแฟนเพลงที่สุด, คือน่ารักแท้ อยากไปดูคอนเสิร์ตโจอี้ เป็นต้น

‘เอ็ด ชีแรน’ ทำคอนเทนต์รีวิวขนมถุงเมืองไทย ยกให้ ‘ไดโนเสาร์-เยลลี่’ ขึ้นแท่นขนมถูกใจที่สุด

(15 ก.พ.67) กลายเป็นซอฟท์พาวเวอร์อีกหนึ่งอย่างของเมืองไทยไปแล้วสำหรับขนมถุงอบกรอบยี่ห้อต่างๆ ที่นับได้ว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีขนมถุงวางจำหน่ายหลากหลายมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก แม้แต่ ‘เอ็ด ชีแรน’ ศิลปินชื่อดังที่เพิ่งมาเปิดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย ก็ขอทำคอนเทนต์ลองชิมขนมถุงกับเขาบ้าง

โดย เอ็ด ชีแรน ที่ขอลองซอฟท์พาวเวอร์ชื่อดังของไทยทั้งบุกไปกินร้านอาหารสตรีทฟู้ดระดับมิชลินหนึ่งดาวของเจ๊ไฝ หรือแม้กระทั่งไปสักยันต์เมตตามหานิยมกับ อ. เหน่ง เอาไว้ที่ต้นขา ล่าสุดก็ได้โพสต์คลิปลงใน TikTok ขณะยืนอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ เพื่อไปซื้อขนมถุงพร้อมระบุว่า “ผมอยู่ที่เซเว่นฯ ได้ยินมาว่าที่นี่มีขนมน่าสนใจ”

ซึ่งเจ้าตัวก็หยิบขนมมาลองมากมายทั้ง เยลลี่, ขนมไดโนเสาร์, ขนมมะเขือเทศ, สาหร่ายอบกรอบ, ชาข้าว, ขนมรสปลาหมึก ฯลฯ ก่อนจะกลับที่พักเพื่อไปลองขนมดังกล่าว

ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ระบุว่าชอบขนมเยลลี่กับขนมไดโนเสาร์ งานนี้แฟนเพลงชาวต่างชาติหลายคนแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่านักร้องดังจะทำตัวเรียบง่ายและกลายเป็นนักรีวิวในโลกโซเชียลไปเสียแล้ว พร้อมกับขอให้เขาเดินทางไปเที่ยวยังประเทศอื่นๆ และลองขนมหรืออาหารของประเทศนั้นๆ พร้อมกับรีวิวแบบนี้บ้าง

‘บอสชาตรีแห่ง ONE’ มุ่งปั้น ‘มวยไทย’ ให้ก้องโลก สำนึกคุณ-สานต่อเจตนารมณ์ ‘ครูยอดธง เสนานันท์’

(14 ก.พ.67) ภาพนายใหญ่ขององค์กรศิลปะการต่อสู้ระดับโลก วัน แชมเปียนชิพ ‘ชาตรี ศิษย์ยอดธง’ หรือที่นักมวยไทยเรียกติดปากว่า ‘บอสชาตรี’ สวมชุดครูมวยไทยร่วมงาน ‘มหัศจรรย์ วันมวยไทย ดังไกลสู่ชาวโลก’ ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันมวยไทย 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ในฐานะตัวแทนครูมวยไทยผู้ทรงคุณวุฒิและปูชนียบุคคลแห่งวงการมวยไทย เป็นภาพที่มีมนต์ขลังสมกับความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีการในวันนั้น

หลังจบงาน ‘ชาตรี’ ได้เขียนโพสต์ซึ่งมีใจความตอนหนึ่งว่า “ผมประหลาดใจที่ท่านนายกฯ มอบรางวัลพิเศษแก่ผมในฐานะผู้มีคุณูปการต่อกีฬามวยไทย และรัฐบาลไทยให้เกียรติผมเป็น 1 ใน 20 ครูมวยผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของวงการมวยไทย ความจริงคือผมเพียงสานต่อสิ่งที่คนรุ่นก่อนปูทางไว้ ผมเป็นหนี้บุญคุณ ครูยอดธง เสนานันท์ และเพื่อนสมัยเด็กในค่ายศิษย์ยอดธงสำหรับความสำเร็จของผม”

ชื่อของ ‘ครูยอดธง เสนานันท์’ มักถูกเอ่ยถึงบ่อยครั้งโดย ‘ชาตรี’ ผู้ฝากตัวเป็นศิษย์ตั้งแต่สมัยเริ่มหัดเรียนวิชามวยไทยใหม่ ๆ ‘ครูยอดธง’ จึงถือเป็นครูมวยไทยคนแรกของ ‘ชาตรี’ และท่านยังเป็นปูชนียบุคคลแห่งวงการมวยไทยผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาแด่นักมวยระดับแชมป์โลกมากมาย ทั้งได้สร้างคุณงามความดีอันเป็นที่ประจักษ์กลายเป็นที่รักและเคารพไปทั่วสารทิศ

จากศิษย์ก้นกุฎิของ ‘ครูยอดธง’ หลายปีผ่านไป ‘ชาตรี’ ได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประกอบกับคุณธรรมที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมา ก่อตั้งยิมศิลปะการต่อสู้ Evolve MMA ที่สิงคโปร์ ซึ่งเปรียบเสมือนสาขาหนึ่งของค่ายมวยศิษย์ยอดธง ครั้งนั้น ‘ครูยอดธง’ ได้กล่าวถึงความสำเร็จของลูกศิษย์ด้วยความชื่นชมยินดี 

“(ครูมวย) เขาบอกว่าเขามีความภูมิใจได้มาอยู่ศิษย์ยอดธงที่สิงคโปร์​ ยิ่งมาเห็นครูเขาก็ดีใจ ครูก็บอกต้องรวมถึง ‘ชาตรี’ ด้วย คือไม่เอาเปรียบนักมวย ครูคิดว่าทั่วโลกไม่มีใครเขาจ้างแบบนี้หรอก ครูก็ฝากขอบคุณ ‘ชาตรี’ ที่เป็นลูกศิษย์ครูคนหนึ่ง แล้วมาสร้างชื่อเสียงศิษย์ยอดธงให้ทั่วโลกได้รู้ได้เรียน และเงินรางวัลมากที่สุดในโลก”

“หลาย ๆ คนเขาก็อยากมาอยู่ ‘ศิษย์ยอดธง’ ทั้งนั้น เอ่ยชื่อมาก็รู้จัก เขาก็อยากมาอยู่ เพราะ ‘ศิษย์ยอดธง’ สิงคโปร์ ทาง​ ‘ชาตรี’ ไม่เคยเอาเปรียบลูกน้อง มีแต่ให้กับให้ ถ้าอยู่ในระเบียบของ ‘ชาตรี’” 

นอกจากเป็นผู้ก่อตั้ง Evolve MMA ซึ่งปัจจุบันได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแล้ว ‘ชาตรี ศิษย์ยอดธง’ ยังได้ก่อตั้ง ‘วัน แชมเปียนชิพ’ องค์กรศิลปะการต่อสู้ระดับโลก รวมถึง ‘วัน ลุมพินี’ ซึ่งเป็นรายการศิลปะการต่อสู้ที่นักมวยไทยใฝ่ฝันอยากร่วมแข่งขันมากที่สุด ด้วยค่าตัวที่จ่ายสูงสุดในประเทศไทย รวมถึงโบนัส และโอกาสที่จะยกระดับอาชีพไปสู่การเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก 

ทั้งหมดนี้เป็นหนึ่งในจุดประสงค์ของ ‘ชาตรี’ ที่ตั้งใจจะสานต่อเจตนารมณ์ของ ‘ครูยอดธง’ ผู้ล่วงลับ เพื่อที่จะสืบทอด ส่งเสริม และสานต่อให้กีฬาประจำชาติมวยไทย และนักกีฬาไทยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติสืบไป

‘ลิซ่า’ คอนเฟิร์ม!! เตรียมปรากฏตัวใน ‘The White Lotus’ ซีรีส์ชื่อดังของ HBO จ่อบินลัดฟ้ามาถ่ายทำที่เมืองไทย

(13 ก.พ.67) หลังจากปล่อยให้แฟนชาวไทยรอลุ้นอยู่นาน ในที่สุดก็มีการคอนเฟิร์มเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าซีรีส์ตลกร้าย เสียดสีประเด็นสังคมอย่าง The White Lotus ซีรีส์จาก HBO จะมาถ่ายทำที่ประเทศไทย

ล่าสุดวันนี้ก็เซอร์ไพรส์คอซีรีส์และแฟน K-pop อีกครั้ง เพราะมีการยืนยันผ่านทางค่าย LLOUD เผยว่า ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล จะร่วมแสดงในซีรีส์ The White Lotus ในซีซั่น 3 ด้วย

นับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น สาวลิซ่า โลดแล่นในวงการซีรีส์ ท่ามกลางแฟน ๆ ที่ตั้งตารอชมบทบาทใหม่ในอุตสาหกรรมบันเทิงของเธอ

สำหรับซีรีส์ The White Lotus เป็นออริจินัลซีรีส์ของ HBO ฝีมือการเขียนบทและกำกับโดย Mike White ซึ่งกวาดรางวัลมากมาย เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้คนที่เข้าพักในโรงแรมหรู ก่อนจะเจอเหตุการณ์สุดอลเวงที่คาดไม่ถึง

ตัวซีรีส์เต็มเปี่ยมไปด้วยการจิกกัด เสียดสีประเด็นในสังคม ผ่านตัวละครที่มีความหลากหลาย ทั้ง เพศ เชื้อชาติ ชนชั้น และความเชื่อ

โดยในซีซั่น 3 นี้ มีการเปิดเผยรายชื่อนักแสดง มีนักแสดงไทยมาโชว์ฝีมือ ได้แก่ ‘ดอม เหตระกูล’ ‘เมธี ทับทิมทอง’ มีกำหนดเริ่มถ่ายทำในเดือนกุมภาพันธ์ที่กรุงเทพฯ, ภูเก็ต และเกาะสมุย

‘Miami Hotel’ โรงแรมสุดวินเทจกลางกรุง อายุเกือบ 60 ปี หมุดหมายถ่ายทำซีรีส์ดัง ‘The Serpent’ จาก Netflix

เมื่อปลายปี 2022 (พ.ศ. 2565) ศาลสูงเนปาลได้ประกาศปล่อยตัว ‘ชาร์ลส์ โสภราช’ ฆาตกรต่อเนื่อง 30 ศพ เจ้าของฉายา ‘นักล่าอสรพิษ’ และ ‘นักฆ่าบิกินี’ ผู้ถูกคุมขังเกือบ 20 ปี ออกจากเรือนจำเนปาลด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ

การประกาศปล่อยตัวครั้งนี้ทำให้ผู้คนนึกย้อนถึงวีรกรรมสุดเหี้ยมโหดของชายที่ชื่อ ‘ชาร์ลส์ โสภราช’ ที่ครั้งหนึ่งเคยเข้ามาในประเทศไทย และก่อเหตุฆาตกรรม มีเหยื่อเคราะห์ร้ายกว่า 14 ราย เท่านั้นยังไม่พอยังได้ลงมือฆาตกรรมเหยื่อในประเทศอื่น ๆ เช่น เนปาล อินเดีย มาเลเซีย ฝรั่งเศส อัฟกานิสถาน ตุรกี และกรีซ คาดว่ามีเหยื่อทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 30 ราย

เรื่องราวของ ‘ชาร์ลส์ โสภราช’ ถูกนำมาทำละคร นวนิยายหลายครั้ง ในปี 2563 ก็ได้ถูกหยิบยกมาทำเป็นซีรีส์ในชื่อ ‘The Serpent’ หรือ ‘นักฆ่าอสรพิษ’ ออกฉายทาง Netflix มีจำนวน 8 ตอน โดยสถานที่ถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ส่วนใหญ่อยู่ใน ‘ประเทศไทย’

วีรกรรมของ ‘ชาร์ลส์ โสภราช’ ในประเทศไทยเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1970 ทำให้กองถ่าย The Serpent ต้องคัดเลือกโลเคชันถ่ายทำอย่างพิถีพิถัน เพื่อภาพที่ฉายออกมาจะได้ทำหน้าที่พาผู้ชมย้อนเวลาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

หนึ่งในโลเคชันสวย ๆ ในซีรีส์ The Serpent ก็คือโรงแรม ‘Miami Hotel’ โรงแรมยุค Mid Century Vintage ตั้งอยู่ซอยสุขุมวิท 13 ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ ซึ่งมีหลายฉากหลายซีนที่ถ่ายทำกันที่โรงแรมแห่งนี้ ซึ่งต้องขอบอกเลยว่า แต่ละฉากที่ออกมา สวยงาม และสมจริงสุด ๆ ส่วนจะมีฉากไหนบ้าง ต้องตามไปดูใน Netflix กันนะ

ภาพระหว่างถ่ายทำซีรีส์ในปี 2563

สำหรับ ‘Miami Hotel’ ก่อตั้งโดยคุณบัญชา และคุณมาลี แซ่ตั้ง (ตัณศิริชัยยา) เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1965 (พ.ศ. 2508) ส่วนเหตุผลที่ใช้ชื่อว่า ‘Miami Hotel’ ก็เพราะในช่วงนั้นมีชาวต่างชาติเริ่มเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น รวมทั้งทหารอเมริกันที่เดินทางมาพักผ่อนที่ไทยก่อนจะไปปฏิบัติภารกิจในสงครามเวียดนาม (ยุคสงครามเวียดนาม) เจ้าของกิจการโรงแรมในสมัยนั้นจึงนิยมหยิบชื่อเมืองต่าง ๆ ในสหรัฐฯ มาตั้งเป็นชื่อโรงแรม จุดประสงค์ก็เพื่อต้องการต้อนรับลูกค้าต่างชาติ และก็ง่ายต่อการจดจำด้วย

แต่เหตุผลไม่ได้มีเพียงเท่านี้ อีกสาเหตุก็คือ ในปีที่เปิดดำเนินกิจการโรงแรม ได้มีการจัดประกวดนางงามจักรวาลที่หาดไมอามี่ สหรัฐฯ และในปีนั้นนางงามตัวแทนประเทศไทยคือ ‘อภัสรา หงสกุล’ ซึ่งสามารถคว้ามงกุฎนางงามจักรวาลคนแรกของประเทศไทยด้วย ทำให้ชื่อเสียงประเทศไทย และไมอามี่ กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

นอกจากนี้ โลโก้ของโรงแรมยังได้แรงบันดาลใจมาจากมงกุฎนางงามจักรวาลอีกด้วย

แม้ว่า ‘Miami Hotel’ จะเปิดให้บริการมายาวนาน ผ่านยุคสมัยและกาลเวลามาเกือบ 60 ปี แต่ในปัจจุบันก็ยังคงดำเนินกิจการ ต้อนรับลูกค้าอยู่ แต่การตกแต่งภาย วัสดุ สี และบรรยากาศยังใกล้เคียงกับโรงแรมเมื่อแรกสร้าง มีการบำรุงรักษา และต่อเติมอาคาร ให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของอาคารสาธารณะ แต่ก็ไม่ได้ลดทอนคุณค่าทางสถาปัตยกรรม 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ ‘Miami Hotel’ ได้รับเลือกเป็น 1 ในงานอนุรักษ์มรดกทางสถาปัตยกรรมและชุมชน จาก สมาคมสถาปนิกสยาม ปี 2563 ด้วย

สำหรับใครที่อยากไปตามรอยซีรีส์ The Serpent หรือกำลังมองหาโรงแรมเก๋ๆ พักผ่อนช่วงวันหยุด ก็สามารถโทรสอบถาม-จองห้องได้ที่เบอร์ 02 253 5611 หรือติดตามรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/thaimiamihotel

การได้เห็นสถานที่ในประเทศไทย กลายเป็นหมุดหมายถ่ายทำภาพยนตร์หรือซีรีส์ต่างชาติ ก็รู้สึกภูมิใจไม่น้อย หนึ่งสิ่งที่ชัดเจนคือดีใจที่ประเทศไทยในมุมต่าง ๆ ได้เผยโฉมสู่สายตาชาวโลก แม้จะถูกดัดแปลง ตกแต่ง เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทถ่ายทำก็ตาม แต่เชื่อหาก เมื่อชาวต่างชาติ หรือแม้แต่คนไทยด้วยกันเห็น ก็คงต้องกลับมาเยือนกันสักครั้งเป็นแน่

‘บอสณวัฒน์’ ประกาศขึ้นค่าตัว ‘อิงฟ้า’ 1 มี.ค.นี้ หลังเปิดตัวเล่นซีรีส์ กระแสตอบรับล้นหลาม

หลังจากที่ อิงฟ้า วราหะ ได้ร่วมเงินเปิดตัวซีรีส์เรื่องใหม่ของ OneD Original 2024 ในเรื่อง ‘บางกอกคณิกา’ ซึ่ง อิงฟ้า วราหะ ได้รับบทเป็น ‘กุหลาบ’ โสเภณีสาวสวยในสมัยรัชกาลที่ 5 เรียกได้ว่ากระแสการเปิดตัวปังมากและมีเสียงชื่นชมในโลกโซเชียลกันอย่างมากมาย มีแฟนคลับที่ไปซัปพอร์ตอย่างล้นหลาม

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (8 ม.ค. 67) ณวัฒน์ อิสรไกรศีล บอสใหญ่แห่งมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ก็ได้ประกาศขอปรับค่าตัว อิงฟ้าวราหะ โดยระบุว่า “ปังมาก MGI ขอปรับขึ้นค่าตัว อิงฟ้า สำหรับงานอีเวนต์และพรีเซนเตอร์ของอิงฟ้า เริ่มตั้งแต่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไปครับ ใครได้เรตปัจจุบันต้องคอนเฟิร์มภายในสิ้นเดือนนี้ครับ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ”

'เพจดัง' แชร์ทัศนคติดีๆ จากรายการ 'มาวินฟินเฟ่อร์' ร้านไหนไม่ดัง ต้องผลักดัน ร้านไหนไม่เจ๋งจริง ก็ไม่ต้องซ้ำเติม

(6 ก.พ.67) จากเพจ 'หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ' ได้โพสต์ข้อความจากบทสัมภาษณ์ของ 'วิน-มาวิน ทวีผล' นักแสดงนายแบบและพระเอกตัวจริงของ 'ตู่ ปิยวดี มาลีนนท์' ผู้จัดคนเก่งแห่งอาณาจักรมาลีนนท์ ซึ่งทั้งคู่ได้มาร่วมทำรายการด้วยกันชื่อ 'มาวินฟินเฟ่อร์' ระบุว่า...

"...ผมคุยกับตู่เสมอว่า ถ้าร้านไหนดัง ๆ เราจะไม่ไปเหยียบถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ อย่างเช่นเค้าเรียนเชิญมา เราถึงจะยอมไป เพราะว่าเค้าดังแล้วเราจะไปทำไม เค้าไม่ต้องมีเรา เค้าก็มีโอกาส...

"แต่คนที่เค้าไม่มีโอกาสคือ คนที่อยู่ข้างทางครับ บางทีเราขับรถผ่าน เห็นรถเข็นตายายขายกันสองคนก็จะแบบลงไปชิมซิว่าอร่อยไหม ถ้าอร่อยเราก็ถ่ายเลย พอถ่ายเสร็จผมก็จะบอกตายายว่า ตายายไม่รู้จักผมไม่เป็นไร แต่ตั้งตัวและเตรียมตัวไว้นะครับ พรุ่งนี้มันจะเกิดบางอย่างเกิดขึ้นกับเค้า...

"และเวลาที่ผมไปร้านไหน ถ้าเค้าไม่มีโอกาส ผมไม่เคยไปครั้งเดียว ผมไปหลายครั้ง เอาจนกว่าเค้าจะมีตัวตนให้ได้ เราต้องสร้างเค้าให้ได้ การสร้างคือสร้างให้เค้ามีอาชีพ ให้เค้ายั่งยืน ถ้าเมื่อไหร่เค้ายั่งยืนได้ ผมจะมีความสุขมาก..."

#หัวใจและทัศนคติดีมาก ♥️

ศาลเจ้ากวนอู หลักสอง!! ศาลเจ้าดังคู่เมืองตรัง  'คนจีน-สิงคโปร์' ต่างนิยมมาทำพิธีแก้ชงประจำปี

'ศาลเจ้ากวนอู หลักสอง' ตั้งอยู่ที่ถนนห้วยยอด ตรงข้ามโชว์รูมโตโยต้าเมืองตรัง จ.ตรัง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 นาที ซึ่งคนตรังจะคุ้นกันในชื่อ 'โรงพระ หลักสอง' เนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงหลักกิโลเมตรที่ 2 ก่อนเข้าตัวเมืองตรังพอดิบพอดี

ที่มาของศาลเจ้าแห่งนี้ เริ่มจากชาวจีนกวางตุ้งนามว่า นายจุงหว่าซัน ซึ่งมาอาศัยอยู่ในเมืองตรังเกิดล้มป่วยเรื้อรังอยู่นาน ต่อเมื่อขอพรจากเทพกวนอูก็สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยจนหายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยความศรัทธานับถืออย่างมาก นายจุงหว่าซัน พี่ชายของนายพาก วัฒนะจันทร์ (ตระกูลวัฒนะจันทร์ในปัจจุบัน) จึงบริจาคที่ดินสวนมะพร้าวริมถนนห้วยยอดของตนเอง เพื่อสร้างเป็นศาลเทพเจ้ากวนอู และได้อัญเชิญเทพกวนอูเข้าประทับในปี พ.ศ.2515 จากนั้นมาศาลเจ้าพ่อกวนอูหลักสอง ก็กลายเป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวบ้านในท้องถิ่นมาจนถึงทุกวันนี้

ในอดีต ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยและเดินทางมาให้เทพกวนอูได้รักษา จะพำนักค้างแรมที่เรือนคุณธรรม ซึ่งเป็นอาคารอเนกประสงค์ 1 ชั้น ที่ทางศาลเจ้าสร้างไว้บริการประชาชนที่เดินทางมาจากสถานที่ไกลๆ เพื่อมาขอพรและเคารพสักการะ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย  60 ปีผ่านไป ปัจจุบันเรือนคุณธรรมได้ถูกบูรณะปรับปรุงใหม่ด้วยเงินบริจาคของลูกหลานและผู้มีจิตศรัทธา เพื่อรองรับการช่วยเหลือประชาชนในรูปแบบต่างๆ 

จากประตูทางเข้าศาลเจ้ากวนอูหลักสอง เมื่อเดินเข้ามาจากประตูหน้าทางเข้าศาลเจ้า เราจะเห็นต้นงิ้วสูงใหญ่โดดเด่นเป็นสง่า ซึ่งขึ้นเองตามธรรมชาติเด่นตระหง่านอยู่ทางขวามือทางเข้า และเนื่องจากองค์เทพเจ้ากวนอู หรือ กวน ยฺหวี่ (關羽) ผู้มีใบหน้าสีแดงนั้นเป็นเทพแห่งความซื่อสัตย์ ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่าต้นงิ้วใหญ่ต้นนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้ทุกคนมีความซื่อสัตย์สุจริตในการดำรงชีวิต

แม้ในจังหวัดตรังจะมีศาลเทพกวนอูอยู่ด้วยกันหลายแห่ง แต่ศาลเจ้าพ่อกวนอูหลัก 2 ก็ถือเป็นศาลเก่าแก่ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งก่อสร้างตามสถาปัตยกรรมแบบจีนตอนใต้ ภายในศาลนั้นเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าและพระโพธิสัตว์หลายพระองค์ ซึ่งได้แก่เทพกวนอู ที่อยู่ในปางสำเร็จเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ รายล้อมด้วยบริวาร คือ 'กวนเป๋ง' ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรม (ขวา) และ 'จิวฉอง หรือ จิวชัง' ซึ่งเป็นขุนศึกคู่ใจ (ซ้าย) ประทับอยู่ในศาลองค์ประธาน ตามด้วยศาลรองประธานซึ่งเป็นที่ประทับของเทพไฉ่สิ่งเอี๊ย หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ และเทพฮั่วท้อเซียงซือ หรือหมอฮูโต๋ อีกทั้งบริเวณรอบๆ ยังมีจุดไหว้พระและองค์เทพอื่นๆ อีก เช่น พระม้าเช็กเทา ศาลเจ้าแม่กวนอิม และพระสังกัจจายน์ เป็นต้น

ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวจีน เทพกวนอูได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ ความกตัญญูรู้คุณ ความกล้าหาญ และคุณธรรม โดย กวนอู เป็นหนึ่งในยอดขุนพลในวรรณกรรมเรื่องสามก๊กที่มีชีวิตอยู่เมื่อราว 1,800 ปีก่อน ตามประวัติเล่าว่า องค์กวนอูเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคัมภีร์พิชัยสงคราม ต่อมาได้ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับเล่าปี่ และร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาจนสร้างวีรกรรมมากมาย 

ภายหลังกวนอูพลาดท่าโดนฝ่ายซุนกวนจับตัวได้ ซุนกวนพยายามหว่านล้อมให้ท่านยอมสวามิภักดิ์ แต่ด้วยความซื่อสัตย์และภักดีต่อเล่าปี่ทำให้ท่านปฏิเสธ ท่านจึงถูกประหารพร้อมกับกวนเป๋งผู้เป็นบุตรบุญธรรม

ด้วยคุณธรรมตามตำนานที่กล่าวมา ชาวจีนจึงยกย่ององค์กวนอูขึ้นเป็นเทพแห่งความซื่อสัตย์และจงรักภักดี โดยมักทำพิธีบูชาก่อนออกทะเลไปค้าขายต่างบ้านต่างเมืองเสมอ เพราะเชื่อกันว่าการยึดถือความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ รักเพื่อนพ้อง และยึดมั่นในคุณความดี จะช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัยและทำการค้าขายสำเร็จดังหวัง 

นอกจากความศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้ากวนอูอันเป็นที่เลื่องชื่อลือชาให้คนมากราบไหว้แล้ว ศาลเจ้ากวนอูแห่งนี้ ยังโด่งดังในเรื่องการทำพิธีแก้ชง เพื่อสะเดาะเคราะห์ประจำปี ตามแบบฉบับจีนโบราณ ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ชาวจีนและชาวสิงคโปร์เป็นอย่างมาก ซึ่งชาวสิงคโปร์บางคณะได้เดินทางมาเพื่อสักการะศาลเจ้าแห่งนี้เป็นประจำทุกปีอีกด้วย

ศาลเจ้ากวนอูหลักสองแห่งนี้ จึงถึงเป็นอีกหนึ่งมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่ลูกหลานชาวตรังได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ปัจจุบัน ได้มีการบูรณะหอเทวดาและการวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังที่หอเทวดา ด้วยศิลปะแบบจีนโบราณ โดยจิตรกรมือหนึ่งของ จ.ตรัง อายุ  80 ปี เพื่อสืบทอดศิลปะและมรดกทางวัฒนธรรมนี้ไว้จนชั่วลูกชั่วหลาน

ท่านใดที่อยากแวะมาไหว้เทพเจ้ากวนอูเพื่อขอพรเพื่อเสริมสิริมงคล หรือสนใจมาเที่ยวชมศิลปะและวัฒนธรรมแบบจีน สามารถมาได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00 น. จนถึง 17.00 น. 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top