Thursday, 25 April 2024
NEWSFEED

'เปิ้ล ไอริณ' โพสต์ภาพถ่ายคู่ 'ทราย เจริญปุระ' เผย!! ทุกคนบนโลกนี้ ล้วนเคยผิดพลาดมาก่อน

ไม่นานมานี้ คุณเปิ้ล ไอริณ ศรีแกล้ว นักแสดง นักร้อง และพิธีกรชาวไทย ได้โพสต์ข้อความและภาพที่ถ่ายคู่กับ ทราย เจริญปุระ ผ่านเฟซบุ๊ก 'Irin Sriklao (เปิ้ล ไอริณ)' โดยมีเนื้อหา ระบุว่า...

ความรู้สึกนึกคิด ความรักความศรัทธา ของมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ ล้วนอนิจจัง ไม่เสถียร!

อดีตที่ผ่านมา คุณอาจหมดศรัทธาอะไรสักอย่าง แต่ปีถัดไป จิตวิญญาณคุณเติบโตขึ้น จากการได้รับข้อมูลข่าวสาร จากการได้รับบทเรียนหนัก ๆ และแบบทดสอบยาก ๆ นั่นอาจทำให้ ความรักเคารพและศรัทธาในบางสิ่งบางอย่าง อาจเปลี่ยนแปลงไปก็ได้

เช่นเดียวกับผู้คน, เยาวชน และศิลปินบางคน เค้าอาจเคยได้รับข้อมูล ที่ผิดพลาด ทำให้เสื่อมศรัทธาในบางสิ่ง แต่ความศรัทธานั้น ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

ในวันปฐมทัศน์ภาพยนตร์มอร์ริสัน น้องทราย ซึ่งเราเองก็ไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวกับน้องมาก่อน เดินเข้ามาหาเรา แบบตื่นเต้น แล้วบอกว่า "อุ๊ย! พี่เปิ้ล!! ขอถ่ายรูปหน่อยนะ!" แล้วน้องก็ดู ชื่นชมเราและมีความสุขที่ได้เจอเรามาก ๆ รวมทั้งน้อง ๆ ที่มากับทรายก็กล่าวว่า "ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว พี่เปิ้ลคือสุดยอดจริง ๆ ค่ะ!!"

โดยปกติ เราเอง ละอัตตาตัวตนจนแทบไม่รู้สึกยินดียินร้าย กับการชื่นชมสรรเสริญอะไรแล้ว แต่เรารู้สึกว่า "นี่อาจ เป็นนิมิตหมายอันดี" เพราะศิลปินและเด็กรุ่นใหม่ ย่อมรู้ดีว่า ที่ผ่านมา เรามีจุดยืนในความรักและศรัทธาในสถาบันหลักของชาติแค่ไหน นั่นแสดงว่า พวกเค้า อาจมีความคิดเปลี่ยนไป จากข่าวสารและข้อมูลที่อัปเดตเพิ่มขึ้น และอาจเริ่มศรัทธาในสิ่งที่เปิ้ลเองก็รัก และศรัทธาเช่นกันค่ะ

ดู ๆ กันไป และให้โอกาสคนนะคะ ทุกคนบนโลกนี้ เเม้แต่เปิ้ล หรือคุณเอง ก็อาจเคยทำอะไรผิดพลาดเหมือนกันค่ะ

การเกลียดชัง การแบ่งแยก ไม่ได้ทำให้คลื่นพลังงานของโลก และคลื่นพลังงานในร่างกายเราดีขึ้นเลย 

รักกันมาก ๆ นะคะ!!

"จงอย่าเกลียดกัน" เป็นคำพูดฝากไว้ให้คิด ของลุงคนนึง 

ขอบคุณทุก ๆ คนที่ติดตามเสมอค่ะ!❤️

‘ลิซ่า’ ประกาศจับมือกับค่ายยักษ์ใหญ่ ‘RCA Records’ เดินหน้าผลิตผลงานเพลง ในฐานะศิลปินเดี่ยวอย่างเต็มตัว

เมื่อวานนี้ (10 เม.ย. 67) ‘ลิซ่า’ และ Lloud Co. ได้ประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับ RCA Records ภายใต้ข้อตกลงนี้ ‘ลิซ่า’ จะปล่อยเพลงเดี่ยวใหม่กับ RCA Records ที่จะเป็นเจ้าของผลงานเพลงทั้งหมดของเธอโดยสมบูรณ์ตามแถลงการณ์

โดย ลิซ่า บอกในแถลงการณ์ว่า "ตื่นเต้นมากที่ได้เข้าร่วมเป็นครอบครัว RCA และมั่นใจว่าพวกเขาเป็นทีมที่ดีที่สุดที่จะสร้างแรงกระเพื่อม ในการทำเพลงโซโล่ของฉันในครั้งนี้”

ขณะที่ฝั่ง RCA โดย ปีเตอร์ เอ็จ และ จอห์น แฟลคเคนสไตน์ ประธาน/CEO ของบริษัทได้ยืนยันข่าวในแถลงการณ์ว่า "เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับ ลิซ่า และ Lloud Co.! ลิซ่าเป็นผู้มีความสามารถหลากหลาย และทรงอิทธิพลในระดับโลก เราจึงรู้สึกตื่นเต้นจริง ๆ ที่จะได้ต้อนรับเธอ และทีมงานของเธอสู่ครอบครัว RCA Records ของเรา”

ทั้งนี้ RCA Records เป็นค่ายเพลงสัญชาติอเมริกันในเครือของ Sony Music Entertainment ซึ่งช่วยผลิต และจัดจำหน่ายงานเพลงให้กับศิลปินหลากหลายแนว ทั้ง ป๊อป คลาสสิก ร็อค ฮิปฮอป แอโฟรบีต อิเล็กทรอนิกส์ อาร์แอนด์บี บลูส์ แจ๊ส และคันทรี่

ศิลปินระดับโลกที่อยู่ภายใต้สังกัดนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็มีทั้ง เคลลี่ คลาร์กสัน, ไมลีย์ ไซรัส, ชากีรา, เซีย, บริทนีย์ สเปียร์ส, จัสติน ทิมเบอร์เลค, ไชลด์ดิช แกมบิโน, H.E.R., คาลิด, ไคโก้, เทต แม็คเร, มาร์ค รอนสัน, ซาชา สโลน, แจซมิน ร็อกลิแวน, วาซ่า, เซน และอีกมากมาย

สำหรับตัวของ ลิซ่า นอกจากผลงานในฐานะสมาชิกของ Blackpink ก็ยังเคยออกผลงานเดี่ยวที่ใช้ชื่อว่า ‘Lalisa’ ที่มียอดขายเกือบ 750,000 ชุดในสัปดาห์แรกของการเปิดตัวในเกาหลีใต้มาแล้ว

นอกจากงานเพลง ลิซ่า ยังได้ร่วมแสดงในซีซันที่ 3 ของซีรีส์ยอดนิยมทาง HBO เรื่อง ‘The White Lotus’ ข่าวบอกว่าบทของ ลิซ่า จะเป็น ‘ตัวละครหลัก’ ในซีรีส์ปีนี้ที่กำลังถ่ายทำอยู่ในประเทศไทยในขณะนี้ด้วย

‘สรยุทธ’ เผย ไม่กล้าดู ‘หลานม่า’ เพราะกลัวร้องไห้ ลั่น!! มีประสบการณ์ส่วนตัว ถ้าได้ไปดู คงตายแน่ๆ

(10 เม.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก beartai BUZZ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

จากในรายการ ‘กรรมกรข่าว คุยนอกจอ’ ช่วงเมื่อวานที่ผ่านมา พิธีกรรายการอย่าง สรยุทธ สุทัศนะจินดา และ ไบรท์-พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ ได้พูดถึง ‘หลานม่า’ หนังใหม่ล่าสุดจากค่าย GDH ที่ฉายไปเพียงไม่กี่วันก็สามารถทำรายได้ทะลุ 100 ล้านบาท โดยช่วงหนึ่งของรายการ สรยุทธได้พูดถึง ‘หลานม่า’ พร้อมเผยว่าตนเองจะไม่ไปดูหนังเรื่องนี้

“จริง ๆ พี่ก็ตั้งใจแล้วว่าพี่ไม่ดู ไม่ได้แปลว่าอะไรนะ เข้าใจว่าตอนนี้มีกระแสเพราะเข้าฉายไปเมื่อวันที่ 4 เม.ย. เพราะพี่มีประสบการณ์เป็นหลานม่า กูร้องไห้แน่ คือกลัวจะเก็บอาการไม่ได้ ผมเป็นหลานม่าที่ไม่ได้หวังสมบัตินะ ตอนอาม่าพี่เสียทีแรกก็ปกติตอนจัดงาน แต่พอผ่านไปสักพักหนึ่งร้องไห้จนไม่รู้ตัวเหมือนคลั่ง มันออกมาเองแบบไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นถ้าพี่ไปดูเรื่องนี้พี่ตายแน่ เป็นความรู้สึกส่วนตัว เมื่อก่อนผมก็ไปช่วยอาม่าขายของนะ แต่พอเติบโตขึ้นมาเริ่มทำงานแล้วก็ไม่ได้กลับไป มาคิดได้ในวันที่เขาไม่อยู่แล้ว”

‘อุษา เสมคำ’ วัย 78 ปี ขึ้นแท่น!! นางเอก 100 ล้าน หลังรายได้ ‘หลานม่า' แค่ 5 วัน พุ่งแรงไม่หยุด

(9 เม.ย.67) ​’หลานม่า’ ภาพยนตร์แฟมิลี่ดรามา จากค่าย GDH สร้างปรากฏการณ์โรงหนังฉ่ำน้ำตา ด้วยกระแสบอกต่อกระหึ่ม จนทำให้รายได้ทั่วประเทศทะลุ 100 ล้าน ในเวลาเพียง 5 วัน แถมผู้ชมยังยกให้เป็นหนังที่คน 3 เจเนอเรชัน มาดู มาซึ้ง มาสนุก ร่วมกันได้ พร้อมทั้งแจ้งเกิดนางเอกหน้าใหม่วัย 78 ปี อย่าง อุษา เสมคำ ผู้รับบทอาม่า ผู้เรียกน้ำตาจากผู้ชมอย่างท่วมท้น

ทั้งนี้ ​อุษา เสมคำ ได้เปิดเผยว่า “ดีใจมาก ๆ เลยค่ะ ที่หนังหลานม่า ได้เข้าไปอยู่ในใจผู้ชมหลาย ๆ คน วันที่หนังฉาย มีคนเดินเข้ามาหายาย มาชื่นชมหนัง บางคนเดินเข้ามากอด บ้างก็มาขอจับมือ มันทำให้ยายรู้ว่า ผู้ชมที่เป็นลูกหลานเมื่อได้ดูหนังแล้ว เขาก็รู้สึกคิดถึงญาติผู้ใหญ่ ส่วนผู้ชมที่เป็นผู้ใหญ่ดูแล้วก็คิดถึงลูกหลาน มันเป็นหนังที่ทุกคนในครอบครัว ทั้ง 3 เจเนอเรชัน เมื่อมาดูด้วยกันแล้วต่างก็จะได้มองเห็นมุมมองของกันและกัน หนังเรื่องนี้ทำให้ยายรู้ว่า เวลาที่ลูกหลานทำงานจนอาจไม่มีเวลามาหาเรา ถ้าเราคิดถึงเขา เราก็โทรหา ไม่เห็นต้องรอให้เขาโทรมาเลย ความรัก ความผูกพันของครอบครัว บอกกันให้รู้ในวันที่ยังมีชีวิตอยู่ดีที่สุด ยายว่าหนังเรื่องนี้มันมีค่าสำหรับยายมาก ๆ นะคะ ขอบคุณ GDH, พัฒน์ ผู้กำกับ บิวกิ้น, คุณดู๋ สัญญา, คุณเผือก, คุณเจีย ตู ต้นตะวัน นักแสดงและทีมงานทุกคนที่ให้โอกาสยาย คอยช่วยเหลือยาย จนทำให้ยายสวมบทเป็นอาม่า ที่มีคนรักอยู่ในตอนนี้ สำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปชม อยากให้ไปชมกันนะคะ ไม่ต้องกลัวว่าจะร้องไห้เพราะความเศร้าเสียใจ ยายว่าน้ำตาที่ไหลออกมา มันอาจเป็นน้ำตาของความสุขที่ได้นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตเราก็ได้ค่ะ”

อย่างไรก็ตาม ‘หลานม่า’ กำลังรอทุกคนมาร่วมสร้างความอบอุ่นพร้อมกันในโรงภาพยนตร์

‘ณวัฒน์’ ลั่น เวทีเราต้องหาเงิน ให้มงลงที่ ‘หลิน’ เหมาะสมแล้ว  เพราะมีประโยชน์ สปอนเซอร์จ่ายหนัก แม้หุ่นไม่ปังแต่ภาษาเป๊ะ

(8 เม.ย.67) มีดรามาให้ต้องเคลียร์หลายเรื่องเลยทีเดียว สำหรับบอสใหญ่ของเวทีมิสแกรนด์ ‘ณวัฒน์ อิสรไกรศีล’ เพราะผลการประกวดในปีนี้ มีหลายอย่างที่ค่อนข้างค้านสายตาคนดู อย่างแรกเลยคือเรื่องส่วนสูงของ “หลิน มาลิน ชระอนันต์” มิสแกรนด์ภูเก็ต ผู้คว้าตำแหน่ง ‘มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2024’

ที่ดูจะตัวเล็กกว่ามาตราฐานนางงามที่คนคาดหวัง ต่อมากับอันดับ Top 5 ที่คนมองว่า ‘เหมย อรทัย พังจันทร์’ มิสแกรนด์มหาสารคาม ไม่สมควรได้เข้า เพราะสาวงามคนอื่น สวย หุ่นดี เหมาะสมกว่ามาก งานนี้หลายคนเลยเอาคำพูด ที่เจ้าตัวเคยพูดไว้มาย้อนถาม ไหนว่าหุ่นของนางงามเป็นเรื่องสำคัญ แล้วทำไมปีนี้ ถึงเลือกคนที่หุ่นไม่ตรงสแตนดาร์ดนางงามเข้ามาถึง 2 คน ล่าสุด บอสณวัฒน์ ไม่รอช้า ขอเคลียร์จบครบทุกประเด็น

“เป็นปีที่ตัดสินค่อนข้างยาก ต้องยอมเลือกช้อยส์ที่คิดว่ามีประโยชน์สูงสุดในการทำงาน มีภาพรวมที่ถูกใจกับคนที่มาสนับสนุนการประกวด เลยกลายเป็นหลินครับ ถามว่าดีไหม ผมก็มั่นใจว่าต้องดีที่สุด เท่าที่เราประเมินออกมาในทุกๆ ด้านที่เรากำหนดแล้ว หลายๆ คนอื่นอาจจะไม่พอใจ เราก็ต้องยอมเคารพในความไม่พอใจ แต่ข้อดีของหลิน ทำไมหลินถึงมง เราปฏิเสธไม่ได้ว่าหลินมีความฟิต และมีสมองค่อนข้างลึก สิ่งนี้เราอาจจะหาจากคนทั่วๆ ไปยาก สามารถสื่อสารแล้วตอบโต้ได้ตลอดเวลา ไม่ต้องมีใครมานั่งบอก ซึ่งหลินมีในจุดนั้น และหลินมีคะแนนเพิ่มในห้องสัมภาษณ์ คือตลอดชีวิตทุกอย่างหาด้วยตัวเอง แต่พอมาประกวดนางงาม เริ่มมีคนเอาของมาให้ มันเลยกลายเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในชีวิตมาก คะแนนห้องทำก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รู้จักตัวตนเขามากขึ้น”

โจทย์ 4B - Beauty Body Brain Business ‘หลิน’ มีแค่ 2B คือธุรกิจกับสมอง
“สำหรับหลิน ถ้า 4B ผมว่าได้ 2B ที่ดีที่สุด คือหนึ่ง Business เพราะหลินเป็นอินฟลูฯ มาก่อน ยอดผู้ติดตามก็เยอะมากเป็นอันดับต้นๆ สามารถทำงานและทำเงินให้ตัวน้องและองค์กร สองคือ Brain มีสมองที่ครีเอทและไว ส่วนเรื่อง Beauty น้องก็ยังมีอยู่ อาจจะไม่สแตนดาร์ดที่หลายคนใฝ่ฝัน บอดี้ก็โดนโจมตีหนัก ผมก็ยอมรับว่าน้องอาจจะไม่มีในจุดนี้ หรือมีแต่อยู่ในคะแนนที่ต่ำ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าไม่เต็มร้อยสำหรับ 4B ทั้งหมด ตัวหลินเองก็ยอมรับ ผมว่านาทีนี้มันไม่มีใครมานั่งปฏิเสธ ในเรื่องของรูปร่าง ผมเองก็ไม่ปฏิเสธว่าเป็นปัญหา พูดกันอยู่ทุกครั้งก่อนตัดสินใจ ว่าแหม ถ้าอีกนิดหนึ่งนะ เราก็จะรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกาไปเยอะ แต่ถ้าเราตัดสินใจเอา เราก็ต้องยอมรับ ซึ่งมันคงแก้เรื่องสรีระไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่แก้ไม่ได้ ใบหน้ายังแก้ได้ แต่จะต่อกระดูกคงเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องยอมรับครับ”

ยอมรับอาจจะเสียเปรียบ ตอนไปประกวดเวที ‘มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล’
“ก็ต้องยอมรับตรงๆ การไปประกวดระดับสากล ส่วนมากเขามองจากรูปลักษณ์ภายนอก เราก็ต้องยอมรับว่าอาจจะเสียเปรียบในจุดนี้ น้องก็อาจจะเอาจุดอื่นมาแก้ไข มาผ่อนปรนให้น้องทำดีที่สุด ก็พูดตรงๆ แกรนด์อินเตอร์ ถ้าน้องยังไม่เก่งพอ ยังไม่พร้อมพอ ยังไงไทยก็มงยากอยู่แล้ว พูดมาหลายปีก็ยืนยันเหมือนเดิม หลินภาษาอังกฤษดี สมองดี เดินทางได้ เข้ากับเพื่อนได้เร็ว หรือถ้าได้ตำแหน่งก็สามารถทำงานได้ เพราะเป็นคนคล่องตัว แต่ส่วนที่ไปเจออินเตอร์แล้วเราต้องยอม ก็ต้องยอมรับว่าอินเตอร์เขาวัดคนจากรูปลักษณ์จริงๆ เพราะหลังประกวดเสร็จ ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนไทยด้วยกัน ที่จะอยู่แบบใกล้ชิด ซึ่งผลลัพธ์จะเป็นยังไงเราก็ต้องยอมรับตามสภาพ”

ยันไม่ใช่แฟนคลับ ‘เหมย’ หลังคนสงสัยทำไมเข้า Top 5 ครั้งแรกที่เจอยังให้ไปลดน้ำหนัก
“หลายคนติดใจกับเหมย ผมไม่รู้เหมือนกันว่าภาวะของเหมยเกิดจากอะไร เพราะตั้งแต่เก็บตัว เหมยจะถูกแอนตี้มาตลอด กลัวว่าเหมยจะได้ตำแหน่งที่ดี ไม่รู้ว่ามันเกิดการชี้นำแบบไหน บางคนมาโทษว่าผมเป็นแฟนคลับเหมยหรือเปล่า (เป็นลูกรักจริงไหม?) ไม่ครับ ก่อนจะเป็นลูกรัก ผมไม่รู้จักใครเลย ผมเจอเหมยครั้งแรกในการประกวดมิสแกรนด์เลย เหมยเดินมาขอถ่ายรูปด้วย เราก็นึกในใจเห็นชื่อมิสแกรนด์และจังหวัด เราก็ตกใจนางงามเราทำไมมีแบบนี้ด้วยเหรอ เดี๋ยวต้องคุยกับทีมงานนิดหนึ่งว่ายังไง ตอนนั้นน้ำหนักดูเยอะกว่านี้มาก ก็คิดว่าเข้ามาแล้วน้องจะมีปัญหาไหม ก็พูดตรงๆ ถ้าเป็นแกะดำ มันก็จะกลายเป็นสร้างความทุกข์ให้กับผู้หญิง มันจะกลายเป็นเรื่องกดดัน ก็เลยบอกทางผู้ช่วยที่ดูพีดี ว่าดูแลด้วย เดี๋ยวมันจะกลายเป็นตลกขบขัน ใครจะมาบูลลี่หรือเปล่า นั้นคือจุดเริ่มต้นที่รู้จักกัน

หลังจากนั้นก็ไม่เจอน้อง มาเจอตอนเข้ากอง ไม่เคยมีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่จากเส้นเรื่องที่เห็นน้องผ่านติ๊กต็อกตลอด น้องไลฟ์ขายของคนดูหลัก 10 ถ้าเป็นผมคงท้อ แต่น้องเอาจริงเอาจัง ผมก็คิดว่าเออ นี่ก็บ้าเหมือนกันนะ ในที่สุดความพยายามเขาก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงจุดหนึ่ง เขาพยายามปรับตัวทุกอย่าง ผมไปพูดว่าลองติดกิ๊ฟดูสิ เพราะไม่รู้จะขายอะไร เข้ากองคนดูยัง 100-200 เขาก็เป็นเสือปืนไว สั่งแกร๊บไปซื้อกิ๊ฟมาติด แล้วคนดูก็ขึ้นปั๊บ เป็น 3,000-4,000 แล้วก็ขึ้นเรื่อยๆ เป็นคนหนึ่งที่แตะ 1 หมื่นคนดู แล้วยอดขายก็ทะลุทะลวง คราวนี้ขายอะไรก็ขายได้หมดเลย น้องก็มีความมั่นใจมากขึ้น ความรู้จักก็เลยเกิดจากตรงนี้ เส้นเรื่องและสิ่งที่ปรับ มันปรับแล้วมันเหมือนการก่อสร้าง มันเป็นไปตามสเปกที่ปรับได้ เลยเป็นสิ่งที่สัมผัสกันแค่นี้ครับ

เมื่อวานนี้ทั้งสกลนครและเหมย ตอบคำถามแย่ทั้งคู่ ไม่สามารถที่จะผ่านได้ ถ้าสกลนครตอบดีรู้เรื่อง ก็ได้ไป บังว่าเหมยตอบลงทะเลไปแล้ว แล้วสกลนครก็ลงตามไปด้วย เลยต้องกลับมานั่งคิด ว่าอย่างนั้นคำตอบวัดสองคนนี้ไม่ได้แล้ว เราต้องดูภูมิหลัง ดูสิ่งที่เราพบเจอมา ดูการไลฟ์ ในที่สุดก็ได้เป็นเหมยไป เพราะว่าวุฒิภาวะน่าจะดีกว่าครับ”

เตรียมแปลงโฉมเป็น ‘New เหมย’ สั่งลดน้ำหนัก ทำหน้า เปลี่ยนทรงผม
“เบื้องต้นเราก็พูดแล้วว่าต้องอะไรนะ อย่างแรกคือบอกน้องให้ทำจิตใจให้สบาย อะไรไม่สบายก็อย่าไปอ่านมัน แล้วสิ่งที่เราจะเห็นเหมยคือแน่นอน น้ำหนักต้องลงแบบก้าวกระโดด รูปร่างหน้าตาอาจจะต้องมีเปลี่ยนบ้าง ความใหญ่ของใบหน้าก็ต้องลดลง ต้องเป็น New เหมยให้ได้ แต่ก็ไม่รู้จะทันไหม ต้องทันแหละ เพราะมันที่ 18 นี้ T-Pop เริ่มฝึกแล้ว ฝึกที่ไทย 20 กว่าคิว เอาครูเกาหลีมาสอนทั้งร้องทั้งเต้น แล้วก็จะบินไปเกาหลีวันที่ 30 พฤษภาคม กลับมาอีกทีเดือนกรกฎาคมเลย หลายคนบอกเอาเหมยไปทำที่โน่นด้วย ถ้าไปทำก็ไม่ได้เป็น T-Pop จะเป็นคนไข้ เพราะมันจะใช้เวลาเป็นเดือน ต้องเป็น New เหมยที่ไทย มีหลายโรงพยาบาลติดต่อมาขอเหมย บอกอยากทำมาก มันมือมาก ตอนนี้ก็กำลังดูอยู่ อันดับแรกคือต้องเป็นสปอนเซอร์ก่อน ถามว่ามีเรฟฯ ไหม เรฟฯ ผมคืออิงฟ้า เอาเป็นว่าแต่ละคนก็มีบริบทของตัวเอง ถ้าอยากเห็นก็คือให้หน้าลงนิดหนึ่ง เปลี่ยนเป็นผมสั้นบ๊อบน่ารักๆ และผอมลงนิดหนึ่ง ทุกคนต้องถูกแปลงโฉมหมดนะครับ 8 คนจะถูกแปลงโฉมที่เกาหลี เราจะมีการเปลี่ยนบุลคลิกภาพ กลับมาอีกทีจำไม่ได้”

ยินดีคนย้อนคำพูด เคยบอกว่าบอดี้เป็นสิ่งสำคัญ แต่ปีนี้หุ่นไม่ปังตั้ง 2 คน
“ผมเคยพูดไว้ ว่าโอเคบอดี้เป็นสิ่งสำคัญ แต่ผมถามว่า ณ วันนี้ถ้ามีหมดครบทุกอย่าง ผมก็เลือกคนคนนั้น แต่สิ่งที่เรามีในปีนี้ มันไม่ครบสักคน ก็ต้องยอมรับ ถึงจะเอาคำพูดผมมาย้อน ผมก็ยินดี เพราะถูกย้อนมาตั้งแต่ปีอิงฟ้าแล้ว ขอเวลาผมดูแลและปลุกปั่นนิดหนึ่งแล้วจะดีขึ้น”

ลั่นเวทีเราหาเงิน หลังเจอเปรียบเทียบ Top 5 ต่างกับอีกเวทีหนึ่งมาก ถูกใจแต่เจ็บและจนผมไม่ทำ
“เวทีเราหาเงินอะครับ เวลาเราไม่ได้เน้นอยู่เฉยๆ เพราะฉะนั้นเราต้องดู ว่าเอามาแล้วต้องวิ่งไปทำงานและหาเงินได้ ถ้าเราจะหาคนสวยหาไม่ยากครับ ทำไมเราลงทุนเป็นเดือนๆ บางคนบอกหาเป็นเดือนๆ ได้มาสภาพแค่นี้เหรอ เออ เดี๋ยวมันจะรวยมากขึ้น เพราะเราต้องหาคนที่มันสร้างเงินครับ ผมยืนยันนะครับ ถ้ามันค้านสายตา เดี๋ยวมันก็เสื่อมไปเอง จะมีกลุ่มที่ไม่ใช่โปรไฟล์จริงๆ อาจจะไม่ชอบสไตล์นี้ ผมก็ยินดีน้อมรับใยความไม่ชอบ แต่ผมอธิบายใหัฟัง สิ่งสำคัญคือเราต้องเข้าใจว่าคนหมู่มาก ไม่ได้หมายความว่าคนหมู่เขา ถ้าเราต้องตามใจเขา บริษัทเราจะเล็กลง ปีหน้าเราจะหาสปอนเซอร์ยาก ถูกใจแต่เจ็บและจนผมก็ไม่ทำ ขอรวยดีกว่าครับ”

เคลียร์ปมทำไม สระบุรี และ กรุงเทพฯ ชนะแคมเปญ แต่ไม่ได้เข้ารอบลึกๆ
“เรื่องการชนะแคมเปญ ผมว่าทุกคนต้องเล่นทุกแคมเปญอยู่แล้ว เช่น สระบุรีและกรุงเทพฯ ก็เล่นเกือบทุกแคมเปญ คนที่ได้มาทั้งหมดเล่นหมด ยกเว้นคนที่เล่นแล้วอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ภาคเหนือเป็นภาคที่หาได้ง่าย ใครไปอยู่ภาคเหนือ ล้านเปอร์เซ็นต์ยังไงก็เข้า สมมติสระบุรีไปอยู่ภาคเหนือก็เข้า มันบังเอิญว่ายังอยู่ไม่ถูกที่ถูกเวลา ซึ่งตัวเต็ง 3 คนในภาคกลาง กรุงเทพฯ สระบุรี ปทุมธานี มันต้องเหลือแค่คนเดียว เราไม่ปฏิเสธความสวยว่าไล่กันหมด ถ้าความสวยบวกความมั่น ปทุมธานีมั่นมาก ส่วนสระบุรีก็มีบางช่วงที่หายไป ต้องยอมรับนะ ว่าช่วงภูเก็ตอยู่ๆ นางก็หายไป ก็ต้องเรียกขวัญและกำลังใจกลับมา เพราะฉะนั้น 3 คนนี้ คนที่มีคอนเทนต์ครีเอทเตอร์ที่สุดคือปทุมธานี ครีเอทีฟสำหรับต่อการประกวดแกรนด์มากๆ ถ้ากองทัพไม่ฮึกเหิม ก็เหมือนกำลังจะอ่อนล้า”

ตำนานบอสช้อยต์ สร้างคนมง 4 ปีซ้อน เลือก ‘หลิน’ เพราะสปอนเซอร์ซื้อหนัก
“หลินขึ้นไลฟ์ก็ไม่เคยผิดหวัง คนดูแน่น ขายของแน่น แล้วที่สำคัญ 88 ล้านที่ได้มาจากสปอนเซอร์ทุกคน เซอร์เวย์ตำแหน่งพิเศษไป เห็นที่เขาส่งมาแล้วก็ตกใจ ไปบอกเขาว่าเปลี่ยนคนอื่นบ้างได้ไหม เราเลยรู้สึกว่าสปอนเซอร์เลือกขนาดนี้ เราจะทำยังไง ถ้าซื้อหนักขนาดนี้แล้วเราไม่เอามาเป็นบอสช้อยส์ ก็รู้สึกว่าสปอนเซอร์เขาจะอยู่กับเราไหมหนอปีหน้า มันมาเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ก็เลยต้องเลือกบอสช้อยส์เป็นหลินครับ ตอนนี้มีคนติดต่องานมาเยอะ ราคาไลฟ์ของหลิน 250,000 บาท ต่อ 1 ชั่วโมงครับ มีคนจองอยู่ แล้วก็ลดลั่นกันมาจนถึง 100,000 บาท ส่วนพรีเซ็นเตอร์ก็มีแล้ว 2,500,000 บาท ต่อ 1 ปี นี่คือขายถูกแล้ว เดี๋ยวค่อยขึ้นราคา”

ดีใจกับ ‘ไผ่หลิว กมลวลัย ประจักษ์รัตนกุล’ รองอันดับ 5 Miss Grand Thailand 2023 ได้เดบิวต์เป็นไอดอลที่จีน“ดีใจด้วย เพิ่งไปเซ็นสัญญามา กี่ปีขออนุญาตไม่บอก แล้วน้องก็ยังอยู่กับเรา ในสังกัดแกรนด์ (เสียตังค์โหวตให้น้องไหม?) โอ๊ย นอกจากโหวตแล้วบังคับคนด้วย (หัวเราะ) ลามไปถึงนางงามรุ่นเก่ารุ่นใหม่เละเทะกันไปหมด วันแรกที่เราไปด้วยกัน ผมก็ทำตัวปกติ ขับรถไปด้วยกัน ไม่เคยเข้าไปก้าวล่วงทีมงานเลย ถามว่ามั่นใจไหม ตั้งแต่ไปเคยบอกกับแฟนคลับ อย่าโวยวายเยอะ ยังไงไผ่หลิวก็ต้องอยู่สิ ดูจากศักยภาพแล้ว ทุกอย่างมันต้องบอกได้ว่าเปอร์เซ็นต์ดีมากกว่าไม่ดี แล้วผมก็มีวิธีเช็กฟีดแบ็กภายในของผมว่ามันเป็นยังไง เพราะฉะนั้นโมเมนต์มันดีมาเสมอ ขอบคุณไผ่หลิวที่พูดถึงแกรนด์ตลอดเลย น่าจะเป็นดวงเขาที่เรามาเจอกัน”

‘เท่ง เถิดเทิง’ เดือดใส่โจร ‘คุณเอาความบันเทิงของผมไป’  ฝากให้รีบเอามาคืนภายใน 15 วัน จะแถมเงินให้ 2,000 บาท  

(7 เม.ย.67) ตลกคนดัง เท่ง เถิดเทิง เผยเรื่องราวหลังถูกโจรปีนเข้าร้านขนมจีนแม่มาลา โดยในช่อง GangBad ของ โหงวเฮ้ง ลูกชาย ได้เผยคลิปที่ พ่อเท่ง เปิดใจพูดถึงเรื่องดังกล่าวระบุให้โอกาส 15 วันในการนำกลับมาคืน จะไม่แจ้งความ พร้อมกับจะให้เงินอีกด้วย 

"ส่วนตัวผมไม่ค่อยจะดราม่าสักเท่าไหร่ มีแต่ความบันเทิงตลอด แต่มาครั้งนี้จะดราม่าก็ดราม่าเถอะคือขโมยเข้าร้านขนมจีน คือคุณอ่ะอาจจะทางตันหรือเปล่าสิ้นไร้ไม้ตอกใช่ไหมถึงปีนเข้าร้านผมและมาขโมยของในร้านผม ซึ่งมันไม่มีอะไรเลยในร้านนี้ แต่วันนั้นผมลืมวางแท็บเล็ตทิ้งไว้ ซึ่งแท็บเล็ตนี้ลูกสาวผมซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด เพราะเห็นว่าผมชอบฟังเพลง ผมชอบเอามาเปิดฟังเพลงที่ร้านขนมจีน บังเอิญว่าวันนั้นลืม คุณเอาความบันเทิงของผมไป และคุณก็มืออาชีพด้วย" 

"คุณมืออาชีพนะ มาบิดกล้อง แล้วโผล่หน้ามา แต่คุณไม่รู้หรอกว่าผมมีกล้องซ่อนเอาไว้อีก ผมเห็นคุณหมด แต่ถามว่าวันนี้ผมแจ้งความไหม ผมยังไม่ได้แจ้งความหรอก เพราะผมยังไม่อยากเอาคุณไปประจาน ผมขอให้คุณเอาแท็บเล็ตมาคืนผม ไปขายก็ได้เกินสองพันหรอก ผมให้เวลาคุณ 15 วันเอามาคืนผม แล้วผมจะให้ตังคุณสองพัน มันเป็นความบันเทิงของผมส่วนตัว คุณมาลักของที่ลูกสาวผมซื้อให้ ถ้าผมซื้อเองนะไม่เสียดายหรอก แต่นี่มันมาจากลูกสาวผม เพราะผมเป็นคนชอบฟังเพลง เอามาคืนผมเถอะ" 

"ขอแท็บเล็ตคืนเถอะ ผมให้เวลา 15 นะทำไมต้อง 15 วันเผื่อคุณเอาไปขาย ร้านรับซื้อของโจรมันจะพากันผิดหมด"

"ถ้าพ้น 15 วัน ผมแจ้งความ ไม่มีจะกินมาบอก แนะนำให้ แต่อย่ามาทำแบบนี้"

เปิดประวัติ ‘หลิน มาลิน’ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2024 แซ่บไม่ธรรมดา ดีกรี CEO โปรไฟล์ อินฟลูเอนเซอร์ ด้านความงาม-แฟชั่น

(7 เม.ย.67) สิ้นสุดการรอคอยสำหรับค่ำคืนรอบไฟนอล เวทีการประกวด มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2024 (Miss Grand Thailand 2024) พร้อมกับสาวงามผู้ครองมงกุฏคนใหม่ มิสแกรนด์ภูเก็ต “หลิน มาลิน ชระอนันต์” เจ้าของตำนาน สวย เผ็ด แซ่บ สยบครหานางงามตัวเล็ก ก็มงได้!

วันนี้ THE STATES TIMES จะขอพาทุกท่านไปรู้จัก ‘หลิน มาลิน’ นางงามครบเครื่อง สวยเก่งรอบด้าน โปรไฟล์ไม่ธรรมดา ระดับ CEO สาว

ชื่อ-นามสกุล : มาลิน ชระอนันต์
ชื่อเล่น : หลิน
วันเกิด : 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2539

เชื้อชาติ : ลูกครึ่งไทย-สิงคโปร์
อายุ : 27 ปี
ส่วนสูง : 165 ซม.
สัดส่วน : 32-24-35
การศึกษา : ปริญญาตรี การสื่อสารและสื่อมวลชน ภาคอินเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

IG : malinmln

ก่อนจะก้าวเข้าสู่วงการนางงาม ‘หลิน มาลิน’ เป็นที่รู้จักในโลกโซเชียลอยู่บ้างแล้ว เนื่องจากเธอเป็น อินฟลูเอนเซอร์ เกี่ยวกับความงามและแฟชั่น มักจะรีวิวเครื่องสำอาง เสื้อผ้าอยู่บ่อย ๆ ที่สำคัญยังมีธุรกิจส่วนตัว มีดีกรีเป็นถึง CEO ของแบรนด์ Skinboss Thailand

กระทั่งเริ่มต้นประกวดนางงามบนเวทีมิสแกรนด์ภูเก็ต 2024 เป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งเธอยังครองตำแหน่ง ขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชนบนเวทีนี้อีกด้วยนับว่าเป็นหนึ่งในผู้เข้าประกวดที่น่าจับตามองบนเวที มิสแกรนด์ 2024 เลยทีเดียว

ทั้งนี้เมื่อลงสนามใหญ่ สาวหลิน มาลิน ก็ไม่เคยกลัวใคร ไม่สนดราม่า จัดเต็มความแซ่บ สร้างความฮือฮาตั้งแต่เข้ากองวันแรก ในชุดบาบ๋าย่าหยา ชูป้ายทวงคืนความยุติธรรมให้หมอภูเก็ตถูกฝรั่งสวิสฯทำร้ายร่างกาย

และอีกชุดที่เป็นกระแสวิจารณ์สนั่นในโลกโซเชียล คือ ชุดเว้าสูงระดับตำนาน ซึ่งเธอก็สามารถฝ่ากระแสวิพากษ์วิจารณ์จากโลกโซเชียล และพิสูจน์ตัวเองด้วยความสามารถ และศักยภาพที่มี จนได้เป็นสาวงามที่เข้ารอบ 5 คนสุดท้ายด้วย Boss’s Choice

ทั้งนี้ หลิน มาลิน มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2024 จะเป็นตัวแทนสาวงามจากประเทศไทยเข้าร่วมประกวด มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล 2024 ณ ประเทศเมียนมาร์ ในเดือนตุลาคมนี้

ขับ ‘Mitsubishi Xpander Cross HEV’ ลุย ‘บางแสนโทชิน’ สัมผัสบรรยากาศ ‘แดนอาทิตย์อุทัย’ ที่อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

(6 เม.ย.67) วันหยุดสุดสัปดาห์ ในบรรยากาศ ที่แสนจะร้อนระอุแบบนี้ หลาย ๆ ท่านก็คงจะนึกถึง การไปพักผ่อนท่องเที่ยวที่ต่างจังหวัด และหน้าร้อนเดือนเมษายน แบบนี้ สถานที่สุดฮิตก็คงจะหนีไม่พ้น การไปเล่นน้ำที่ทะเล

ทรายสวย น้ำทะเลใส อยู่ไม่ไกลจาก กรุงเทพฯ ‘หาดบางแสน’ ก็คงจะตอบโจทย์นี้ได้ดี!!

วันนี้ THE STATES TIMES จะขอพาทุกท่าน ขับรถ  Mitsubishi Xpander Cross HEV รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ MPVรุ่นใหม่ล่าสุดจากค่าย มิตซูบิชิ ไปเที่ยวที่บางแสน โดยจะขอนำเสนอ ไอเทมลับ กับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในบางแสน ที่คุณอาจจะยังไม่รู้

‘บางแสนโทชิน’ ที่นี่เป็นแหล่งร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่งจะเปิดใหม่ไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วนี่เอง ภายในเต็มไปด้วยร้านอาหารทั้งคาว-หวาน คาเฟ่ ขนม และเครื่องดื่มให้เลือกเพียบ และที่สำคัญ มีมุมสวย ๆ เอาไว้ถ่ายรูปเล่นอีกเพียบ ยิ่งถ้าแต่งตัวมาให้เข้ากับธีมสถานที่ด้วยแล้ว รูปที่ได้ขอบอกเลยว่า สวยมาก ๆ

อีกหนึ่งเมนูเด็ด ดับร้อน ที่ตอนนี้มีจำหน่ายที่นี่ นั่นก็คือ ‘น้ำมะยงชิดปั่น’ ซึ่งจะมีขายในเฉพาะช่วงนี้เท่านั้น เพราะมะยงชิดนั้น เป็นผลไม้หายาก ซึ่งจะออกลูกออกผลตามฤดูกาลเท่านั้น และมันก็ออกมาได้จังหวะพอดี ตรงกับช่วงนี้ ที่ประเทศไทยร้อนถึงร้อนมาก การมาที่นี่แล้วได้ ดูดน้ำมะยงชิดปั่น เรียกได้ว่า คุ้มค่าการมาเที่ยวจริง ๆ ท่านใดที่อยากจะมาลองชิม สามารถมาได้ทุกวัน  ตั้งแต่เวลา 10.00-24.00 น.

จากการที่ได้ มาเที่ยวที่นี่ บอกได้เลยว่าใกล้มาก ระยะทางจากกรุงเทพฯ ก็ประมาณ 100 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาก็ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ขับรถในระยะทางที่ใกล้ แต่ได้สัมผัสกับบรรยากาศกลิ่นอายแบบญี่ปุ่น คือถ้าเผลองีบหลับไปในรถ ตื่นมาอีกที อาจจะคิดว่า นั่งรถมาถึงประเทศญี่ปุ่นเลยก็ได้

และด้วยฟีลลิ่งในการขับรถ Mitsubishi Xpander Cross HEV ที่มีสมรรถนะดี ทำให้ขับได้อย่างสบายไม่เหนื่อย ไม่เมื่อยล้า ภายในห้องโดยสารนั้น ก็มีการเก็บเสียงที่ดีมาก ทำให้ได้สัมผัสกับความเงียบสงบ เป็นส่วนตัว ในขณะที่ขับรถอยู่บนท้องถนน และรถคันนี้ ก็มีโหมดการขับขี่มาให้ทั้งหมด 7 รูปแบบ ซึ่งทั้ง 7 โหมดนี้ ผ่านการออกแบบ และทดสอบมากมาย หลายขั้นตอน เพื่อจะปรับจูนให้เหมาะสมกับถนนในประเทศไทยโดยเฉพาะ ซึ่งการเปลี่ยนโหมดนั้น ก็สามารถทำได้ทันทีโดยไม่ต้องจอดรถเพื่อเปลี่ยนโหมด ไม่มีความยุ่งยากใด ๆ ทั้งสิ้น แต่โดยความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว คิดว่าโหมด normal ซึ่งจะขึ้นมาให้อัตโนมัติในทุกครั้งที่สตาร์ตเครื่อง ก็เป็นโหมดที่ดีที่สุดอยู่แล้ว โดยที่เราไม่ต้องปรับเปลี่ยนใด ๆ เลย เจ้ารถคันนี้มันฉลาดมาก เรามีหน้าที่แค่เพียงขับให้ปลอดภัยเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ๆ ระบบคอมพิวเตอร์ไฟฟ้าของรถ มันจะคิดให้เราเอง ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับการขับรถได้อย่างสบายใจ และถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย

‘เจ้านาย-เจ้าขุน’ ยื่นเอกสารผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร เหตุเป็นโรคกระดูกสันหลังเคลื่อน ขอเลื่อนไปปีหน้า

(5 เม.ย.67) ที่วัดพระยาสุเรนท์ ซึ่งเป็นสถานที่ตรวจเลือกทหารกองเกินเข้าประจำการ เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร เพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2567 ได้มีชายไทยที่รายชื่อและอายุครบเกณฑ์ เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้าประจำการเป็นจำนวนมาก และมีรายชื่อบุคคลบันเทิงคือ เจ้านาย จินเจษฎ์ อายุ 22 ปี และ เจ้าขุน จักรภัทร อายุ 20 ปี ลูกชายคนโตและคนรองของ นักร้องตัวพ่อ เจ เจตริน และนักแสดงมากมือ ปิ่น เก็จมณี โดยปีนี้ เจ้าขุน ที่ต้องเข้ารับตรวจเลือกทหารกองเกินในปีนี้เป็นปีแรก เดินทางมาถึงหน่วยคัดเลือกในเวลา 07:30 น. พร้อมยื่นเอกสารผ่อนผันต่อเจ้าหน้าที่ เป็นเอกสารทางการแพทย์ที่ระบุว่าเจ้าตัวเป็นโรคกระดูกสันหลังเคลื่อนที่ต้องกายภาพบำบัดในอีก 3 เดือน

ต่อมา นพ.ศรุต พึ่งปรีดา แพทย์ประจำจุดตรวจเลือก เผยกับทีมข่าวว่า เจ้าขุนได้ยื่นเอกสารทางการแพทย์ โดยระบุว่าเป็นโรคกระดูกสันหลังเคลื่อนที่ต้องกายภาพบำบัดในอีก 3 เดือน เข้าข่ายเป็นคนจำพวกที่ 3 คนซึ่งมีร่างกายยังไม่แข็งแรงพอที่จะรับราชการทหารในขณะนั้นได้เพราะป่วยซึ่งจะบำบัดให้หายภายในกำหนด 30 วันไม่ได้ ดังนั้นต้องเข้ากระบวนการตรวจเลือกทหารอีกครั้งในปีถัดไป ขณะที่ เจ้าขุน เปิดใจว่า “เข้ามาเกณฑ์ทหารครั้งแรก ไม่ได้ตื่นเต้นแต่เป็นตื่นเช้า ทำใจสบาย ๆ ไม่ได้กังวลอะไร ครั้งนี้มายื่นเอกสารทางการแพทย์เพราะป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูก รักษาไม่ทันภายใน 1 เดือน จึงจำเป็นได้มาอีกทีในปีหน้า มองว่าการเกณฑ์ทหารมันคือหน้าที่ของผู้ชายทุกคน”

ต่อมาเวลา 08.15 เจ้านาย ที่ต้องเข้ารับตรวจเลือกทหารกองเกินเป็นครั้งที่ 3 หลังจากผ่อนผันเนื่องจากติดเรียนไปแล้ว 2 ครั้ง เดินทางมายื่นเอกสารผ่อนผันต่อเจ้าหน้าที่ ด้วยเอกสารทางการแพทย์ระบุว่าเป็นโรคกระดูกสันหลังเคลื่อน เช่นเดียวกันกับ ‘เจ้าขุน’ ที่ต้องกายภาพบำบัดมากกว่า 1 เดือน เช่นเดียวกับน้องชาย ซึ่งเป็นการยื่นเอกสารทางการแพทย์เป็นครั้งแรกของ เจ้านาย หลังเสร็จสิ้นการยื่นเอกสาร เจ้าตัวไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ใด ๆ บอกกับทีมข่าวเพียงสั้น ๆ ว่าเดี๋ยวปีหน้ามาใหม่

ขณะที่ นพ.ศรุต พึ่งปรีดา แพทย์ประจำจุดตรวจ เผยกับทีมข่าวว่า เจ้านายได้ยื่นเอกสารทางการแพทย์ซึ่งคาดว่าจะยื่นเป็นครั้งแรก โดยระบุว่าเป็นโรคกระดูกสันหลังเคลื่อน เช่นเดียวกันกับ ‘เจ้าขุน’ ที่ต้องกายภาพบำบัดมากกว่า 1 เดือน เข้าข่ายเป็นคนจำพวกที่ 3 คนซึ่งมีร่างกายยังไม่แข็งแรงพอที่จะรับราชการทหารในขณะนั้นได้เพราะป่วยซึ่งจะบำบัดให้หายภายในกำหนด 30 วันไม่ได้ ดังนั้นต้องเข้ากระบวนการตรวจเลือกทหารอีกครั้งในปีถัดไป ก่อนจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าหากมีอาการป่วยเช่นนี้ และผ่อนผันด้วยปัญหาสุขภาพต่อเนื่องกัน 3 ปี บุคคลนั้นจะเข้าข่าย คนจำพวกที่ 4 ผู้ซึ่งเป็นคนพิการทุพพลภาพ หรือมีโรคซึ่งไม่สามารถจะรับราชการได้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 74 (พ.ศ.2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497

‘โดนัท’ นักแสดงวัยรุ่น ขอทำหน้าที่ลูกผู้ชายรับใช้ชาติ ยืดอก!! ‘สมัครทหาร’ พร้อมลั่น!! รู้สึกภูมิใจมาก

(5 เม.ย.67) ที่หอประชุมอำเภอหางดง จ.เชียงใหม่ นายภัทรพลฒ์ เดชพงษ์วรานนท์ หรือ โดนัท อายุ 25 ปี นักแสดงช่อง 7 สมัครเข้ารับราชการทหาร โดยติดหมายเลขที่ข้อมือซ้าย 286 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติ สภาพร่างกาย วัดความสูง และหน้าอก ก่อนผ่านการคัดเลือก ซึ่งมี นางวาสนา เดชพงษ์วรานนท์ มารดา มาให้กำลังใจ

ทั้งนี้ นายภัทรพลฒ์ จะเข้ารับราชการทหาร ผลัดที่ 1 ปี 2567 ณ มณฑลทหารบกที่ 33 วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 โดยใช้เวลาสมัครทหารกว่า 1 ชั่วโมง

โดย โดนัท ภัทรพลฒ์ เผยหลังสมัครเข้ารับราชการทหาร ว่า ขอทำหน้าที่ลูกผู้ชาย เพราะทำภารกิจครบทุกอย่างแล้ว ทั้งบวช และรับใช้ชาติ ซึ่งเข้าประจำการผลัดที่ 1/2567 มณฑลทหารบกที่ 33 วันที่ 1 พฤษภาคมนี้

แต่ยังไม่รู้ว่าอยู่ค่ายไหน ต้องรอคำสั่งก่อน ส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลอะไร เพราะเป็นคนปรับตัวง่าย ทำงานตั้งแต่เด็กและทำหลายที่มาก ดังนั้นการเป็นทหาร ถือเป็นการรับใช้ชาติ รู้สึกภาคภูมิใจมาก

ก่อนสมัครทหาร ได้เคลียร์งานหมดแล้ว ส่วนงานละครได้ปิดกล้องถ่ายทำ 2 เรื่อง ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จึงไม่ห่วงอะไร การเป็นทหารคาดหวังได้ระเบียบวินัยและความรับผิดชอบมากขึ้น ส่วนแฟนละครหรือแฟนคลับฝากผลงานแสดงที่จะออกอากาศหรือออนแอร์ในเร็ว ๆ นี้ ไม่ได้หายจากหน้าจอไปไหน แป๊บเดียวก็ออกมาแล้ว

ด้าน นางวาสนา กล่าวว่า ลูกได้เป็นทหารสมความตั้งใจ อยากให้เป็นทหารอยู่แล้ว ตอนนั้นลูกขอเรียน ร.ด. แต่บอกลูกไม่ต้องเรียน เพราะกระทบอาชีพนักแสดง มาเป็นทหารทีเดียวเลย ส่วนตัวไม่ห่วงกังวลอะไรและมั่นใจในตัวลูก เลี้ยงลูกไม่ได้ประคบประหงม รู้จักปรับตัว อ่อนน้อมถ่อมตน อยู่ที่ไหนก็ได้ ลูกเป็นทหาร คาดหวังเรื่องความเป็นระเบียบวินัย และการรับใช้ชาติมากที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเกณฑ์ทหารที่อำเภอหางดง ประกอบด้วย 109 หมู่บ้าน 11 ตำบล คือ ต.หางดง ต.หนองแก๋ว ต.หารแก้ว ต.ขุนคง ต.หนองตอง ต.สบแม่ข่า ต.บ้านแหวนต.สันผักหวาน ต.หนองควาย ต.บ้านปง และ ต.น้ำแพร่ ตามลำดับ

เบื้องต้นมีผู้เข้ารับเกณฑ์ทหารกว่า 200 คน โดยคัดเลือกเป็นทหาร 56 คนและมีผู้สมัครใจเป็นทหารกว่า 20 คนแล้ว ที่เหลือต้องจับใบดำใบแดงต่อไป 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top