Monday, 20 January 2025
NEWSFEED

Swap & Go เปลี่ยนแบตฯ ‘ทันใจ-ไม่ต้องชาร์จ’ ตอบโจทย์ไรเดอร์สายพันธุ์ใหม่ หัวใจอีวี

แม้ทุกวันนี้กระแสรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอีวีจะมาแรงแค่ไหน แต่ก็อย่าลืมว่ารูปแบบพาหนะในเมืองไทยที่หลายคนใช้กันในชีวิตประจำวัน ก็ไม่ได้มีเพียงแค่รถยนต์ 4 ล้อ เท่านั้น หากแต่ยังมีสายไรเดอร์ 2 ล้อ ที่หวังอยากจะมีโอกาสสัมผัสอีวีสองล้อที่ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์การขับขี่แบบไม่สะดุดรวมอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม ปัญหาเล็ก ๆ ที่อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในบางเวลาของไรเดอร์ที่หันมาซบสองล้ออีวี คือ ความเร่งรีบที่สวนทางกับความไม่ทันใจในการเติมพลังงานสะอาด 100% นี้ เพราะทุกนาทีในการรอชาร์จ อาจทำให้พวกเขาผิดพลาดหรือหลุดโอกาสจากภารกิจต่างๆ ที่รัดตัวเอาได้ง่ายๆ

ทว่า ปัญหานี้ถูกคลี่คลาย หลังจากไม่นานมานี้ Swap & Go โดย บริษัท สวอพ แอนด์ โก จำกัด บริษัทย่อยของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเครือข่าย Battery Swapping หรือ การสลับแบตเตอรี่ที่ได้มาตรฐานสากลแก่ผู้ใช้งานรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบบไม่ต้องรอชาร์จ ได้กลายคำตอบที่จะช่วยไรเดอร์อีวีได้อย่างชัดเจนขึ้น หลังจาก Swap & Go ได้เปิดให้บริการเหล่าไรเดอร์เปลี่ยนแบตฯ ได้ตลอดวัน 

ส่วนวิธีการใช้งานนั้น ก็ง่ายมากๆ แค่เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Swap & Go และเชื่อมต่อกับ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพื่อตรวจสอบปริมาณแบตเตอรี่ จากนั้นก็ค้นหาตำแหน่งของสถานี (ปตท.) โดยในแอปฯ จะมีระบบนำทางเราไปยังสถานีที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด 

โรงรับชำเราบุรุษและนครโสเภณีสมัยอยุธยา อาชีพเสรี ที่ถูกต้องห้ามในโลกปัจจุบัน

จากละครเรื่อง ‘ลายกินรี’ ที่กำลังออกอากาศทางช่องน้อยสีอยู่ในขณะนี้ ละครอิงอยู่ในช่วงรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่มีฝรั่งมั่งค่าและชาวต่างชาติมาเผ่นผ่านอยู่เต็มพระนครไปหมด มีสถานที่หนึ่งที่ปรากฏและปรากฏอยู่ในละครอิงประวัติศาสตร์แบบนี้อยู่อย่างเนือง ๆ นั่นก็คือ ‘โรงรับชำเราบุรุษ’ และนครโสเภณี...

‘พระไอยการลักษณะผัวเมีย’ ซึ่งตราขึ้นใน พ.ศ.1904 สมัยพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยา มีกล่าวถึงหญิงนครโสเภณี ซึ่งแสดงว่ามีการค้าประเวณีเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นแล้ว ว่ากันว่า คำว่า ‘นครโสเภณี’ นี่เองที่เป็นที่มาของคำว่า ‘หญิงงามเมือง’ เพราะโดยรากศัพท์แล้ว ‘โสเภณี’ แปลว่า ‘หญิงงาม’ ส่วน ‘นคร’ แปลว่า ‘เมือง’ รวมความว่าเป็นหญิงงามเมือง โดยอ้างกันว่ามีที่มาจากอินเดีย แต่หญิงงามเมืองในอยุธยาอาจจะไม่ได้โชคดี มีฐานะสูงส่งอย่างหญิงงามเมืองของอินเดียในอดีต ในสมัยอยุธยานั้นยังไม่มีการใช้คำว่า ‘ซ่อง’ แต่เรียกว่า ‘โรงรับชำเราแก่บุรุษ’

ในช่วงกว่าหนึ่งศตวรรษท้ายของอยุธยา ที่การค้ากับต่างชาติเฟื่องฟู ทั้งกับตะวันออก จีน, ญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์, ตังเกี๋ย และกับตะวันตก ฮอลันดา, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, แขกมัวร์ และกับรัฐใหญ่น้อยโดยรอบทั้งลาว, กัมพูชา, ล้านนา, มอญ, พะโค, อังวะ, มลายู การค้าและความมั่งคั่งเฟื่องฟูนี้ตรงกับในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าทรงธรรม พระเจ้าปราสาททอง และพระนารายณ์ เงินทองที่สะพัด ผู้คนที่มากหน้าหลายตา ธุรกิจเพื่อความสำราญใจก็ขยายตัว อันนี้มีบันทึกไว้ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับ ‘คำให้การชาวกรุงเก่า’ / ‘คำให้การขุนหลวงหาวัด’ ซึ่งพระเจ้าอังวะได้ให้พระเจ้าอุทุมพรและข้าราชการผู้ใหญ่ของไทยที่ถูกจับเป็นเชลยไปเมื่อคราวเสียกรุงใน พ.ศ.2310 ได้ลำดับเรื่องราวของกรุงศรีอยุธยา จดบันทึกไว้ว่า…

“…มีตลาดบนบกนอกกำแพงพระนครตามชานพระนครบ้าง ตามฝั่งฟากกรุงบ้าง ติดแต่ในรอบบริเวณขนอนใหญ่ทั้ง 4 ทิศ รอบกรุงเข้ามาจนฟากฝั่งแม่น้ำตามกรุง แลชานกำแพงกรุงนั้นด้วย รวมเป็น 30 ตลาดคือ…ตลาดบ้านจีนปากคลองขุนละครไชย มีหญิงนครโสเภณีตั้งโรงอยู่ท้ายตลาด 4 โรง รับจ้างทำชำเราแก่บุรุษ ตลาดนี้เป็นตลาดใหญ่ใกล้ทางเรือแลทางบก มีตึกกว้างร้านจีนมาก ขายของจีนมากกว่าของไทย มีศาลเจ้าจีนศาลหนึ่งอยู่ท้ายตลาด 1”

สรุปคือมี ‘โรงรับชำเราบุรุษ’ ที่ตลาดบ้านจีน ปากคลองขุนละครไชย โดยตั้งอยู่ท้ายตลาด 4 โรง ส่วน ‘คลองขุนละครไชย’ ที่ว่านี้คือ ‘คลองตะเคียน’ อยู่นอกเกาะเมืองทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นบริเวณที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา เพราะอยู่ใกล้ป้อมเพชร อันเป็นป้อมที่ใหญ่ และสำคัญที่สุดของกรุงศรีอยุธยา เป็นอันว่าเราพอจะรู้แหล่งทำกินของบรรดาหญิงงามเมืองว่าอยู่ในตลาด อย่างน้อยที่สุดก็หนึ่งแห่งในอยุธยา

ซิมง เดอ ลา ลูแบร์ อัครราชทูตชาวฝรั่งเศส ผู้เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับราชอาณาจักรอยุธยา ในช่วงรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้บันทึกความทรงจำเกี่ยวกับราชอาณาจักรสยามไว้ใน ‘จดหมายเหตุ ลา ลูแบร์’ ซึ่งเป็นหนึ่งในจำนวนเอกสารไม่กี่ชิ้นที่ทำให้เราทราบถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการค้าประเวณีในราชอาณาจักรอยุธยา โดยมีถ้อยคำที่เกี่ยวข้องเรื่องของหญิงนครโสเภณี ว่า...

“...บรรดาผู้ที่มีบรรดาศักดิ์สูงนั้นหาใช่เจ้าใหญ่นายโตเสมอไปไม่ เช่นเจ้ามนุษย์อัปรีย์ที่ซื้อผู้หญิง และเด็กสาวมาฝึกให้เป็นหญิงนครโสเภณีคนนั้น ก็ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น ‘ออกญา’ เรียกกันว่า ‘ออกญามีน’ เป็นบุคคลที่ได้รับการดูถูกดูแคลนมากที่สุด มีแต่พวกหนุ่มลามกเท่านั้นที่จะไปติดต่อด้วย" 

ความอีกตอนหนึ่ง กล่าวถึงเมื่อชายผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวได้สิ้นชีวิตลงซึ่งมีความน่าสนใจ ความว่า…

“.....มรดกจะตกอยู่แก่ภรรยาหลวงทั้งสิ้น แล้วก็ถึงบุตรภรรยาหลวงเป็นผู้ได้รับมรดกจากบิดามารดาโดยเสมอภาคกัน แต่ผู้เป็นภรรยาน้อย หรือบุตรภรรยาน้อยนั้น ผู้เป็นทายาทอาจขายให้ไปเป็นทาสผู้อื่นเสียก็ได้ ส่วนบุตรีที่เกิดแต่ภรรยาน้อย ก็จะถูกขายส่งไปเป็นภรรยาน้อยเขาตามเหล่ากอต่อไป คนที่มีอำนาจวาสนามาก ก็จะเลือกซื้อแต่ที่มีรูปร่างงดงาม โดยไม่คำนึงถึงว่าหญิงสาวนั้นจะเป็นลูกเต้าเหล่าใคร" และที่มาของหญิงนครโสเภณีความว่า.…

“....ถ้าบุตรีคนใดกระทำชั่ว ขุนนางผู้บิดาก็ขายบุตรีส่งให้แก่ชายผู้หนึ่งซึ่งมีความชอบธรรมที่จะเกณฑ์ให้สตรีที่ตนซื้อมานั้นเป็นหญิงแพศยาหาเงินได้ โดยชายผู้มีชื่อนั้นต้องเสียเงินภาษี กล่าวกันว่า ชายผู้นี้มีหญิงโสเภณีอยู่ในปกครองของตนถึง 600 นาง ล้วนแต่เป็นบุตรีขุนนางที่ขึ้นหน้าขึ้นตาทั้งนั้น อนึ่งบุคคลผู้นี้ยังรับซื้อภรรยาที่สามีขายส่งลงเป็นทาสี ด้วยโทษคบชู้สู่ชายอีกด้วย” 

‘มิลลิ’ เปิดตัวอัลบั้ม ‘BABB BUM BUM’ พร้อมประกาศชื่อแฟนด้อม ‘berble’

‘มิลลิ’ เปิดตัวอัลบั้มแรกในชีวิต ขนศิลปินมา feat.แน่น แต่ไม่มี ‘แจ็คสัน’ เพราะทำไว้เป็นปีแล้ว ประกาศชื่อด้อม ‘berble’ ขอบคุณทุกคนเอ็นดู ถ้าผิดพลาดตักเตือนได้ เตรียมเดบิวต์ ‘MINUS’ สานฝันอยากเป็นเกิร์ลกรุ๊ป โอดงานหนักแถมเรียนเยอะ เคยอยากลาออกแต่แม่ไม่ให้ กรี๊ดหนักได้อยู่ในสตอรี่ ‘RM’ ลั่นชีวิตติ่งจะคอมพลีต ถ้า ‘BTS’ ได้รู้ว่าคือแรงบันดาลใจ

ซุ่มทำผลงานมาเป็นปี ล่าสุดวันนี้ (9 พ.ย.) แรปเปอร์สาววัย 19 ปี ‘MILLI’ หรือ ‘มิลลิ ดนุภา คณาธีรกุล’ ก็ได้เปิดตัวอัลบั้มแรกในชีวิต ที่มีชื่อว่า BABB BUM BUM (แบบ เบิ้ม เบิ้ม) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมยังประกาศชื่อด้อมอย่างเป็นทางการ ‘berble’ มาจากคำว่า people ที่หนูเบิฟบู

ทั้งนี้ สาวมิลลิได้พูดเปิดใจ แสดงความรู้สึกไว้ดังนี้

“อัลบั้มแรกในชีวิตหนู อัลบั้ม BABB BUM BUM (แบบ เบิ้ม เบิ้ม) ค่ะ ด้วยความที่เป็นอัลบั้มแรก หนูก็เลยใส่ความเป็นตัวเองให้มากที่สุด มีทั้งหมด 10 เพลง แต่ละเพลงก็จะมีเรื่องราว มีสตอรี่ของมัน หวังว่าทุกคนจะชอบกัน อัลบั้มนี้หนูเป็นคนแต่งเช่นเคย ทำกับพี่ SpatChies โปรดิวเซอร์คู่ใจของหนู แล้วก็ฟีเจอร์ริ่งกับศิลปินมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โบกี้ ไลอ้อน, ตั้ง แบดวอยซ์, mints เยอะมากเลยค่ะ ก็ตามชื่อเลย แบบ เบิ้ม เบิ้ม ทำใหญ่เลยค่ะ”

>> ให้ความสำคัญกับอัลบั้ม เพราะมันทำให้ได้อรรถรสมากขึ้น << 
“จริง ๆ ด้วยหนูเป็นคนที่ฟังเพลงแบบอัลบั้มด้วยแหละ เลยยังให้ความสำคัญกับอัลบั้มอยู่ เรารู้สึกว่าบางทีการที่เราฟังเรียงเพลงมาเนี่ย มันได้เห็นอีกแง่มุมหนึ่ง จากการที่เราฟังเพลงเดียว การเห็นคอนเซ็ปต์ในอัลบั้มทั้งหมด มันจะทำให้ได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ”

>> อัลบั้มนี้ไม่มีเพลงฟีเจอร์ริ่งกับ ‘แจ็คสัน หวัง’ เพราะเป็นอัลบั้มที่ทำมาเป็นปีแล้ว <<
“พี่แจ็คสันเหรอคะ ก็ทำเพลงด้วยกันไปแล้ว ด้วยความที่อัลบั้มมันทำมาประมาณปีกว่าแล้วค่ะ เลยเป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้วที่ประเทศไทยมากกว่าค่ะ อัลบั้มที่สองใครเอ็นดูหนูก็ติดต่อเข้ามาได้นะคะ หรือยังไงเดี๋ยวหนูจะติดต่อไปค่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้ยังไม่ได้แอบทาบทามใครเพิ่ม ก็มีแอบดูไว้ แต่ยังบอกไม่ได้เดี๋ยวมีคนแย่งไปก่อน”

>> ประกาศชื่อด้อมอย่างเป็นทางการ ชื่อว่า berble <<
“หนูก็มีเรื่องจะประกาศด้วยค่ะ เนื่องจากมีคนถามเข้ามาเยอะมาก ว่าชื่อด้อมของมิลลิชื่ออะไร ในที่สุดหนูก็มีแล้วค่ะทุกคน คือชื่อว่า berble คือหนูชอบให้คำว่า เบิฟบู ก็คือ เลิฟยูทุกคนกับแฟน ก็เลยเหมือน people ที่หนูเบิฟบู ก็เลยเป็น berble นั่นเองค่ะ ก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ในที่สุดเราก็มีชื่อด้อม เราจะได้เรียกกันถูกนะคะทุกคน เบิฟบูเหมือนเดิมค่า”

>> อัลบั้มนี้หนูชอบแล้ว หวังว่าทุกคนจะชอบเหมือนหนู <<
“จริงๆ ไม่ได้คาดหวังอะไรขนาดนั้นนะคะ แค่หวังว่าทุกคนจะชอบ เพราะตัวหนูเองชอบแล้ว ชอบเลย ถ้าไม่ชอบหนูต้องแก้ใหม่แน่ ๆ แต่ชอบแล้วก็เลยกล้าปล่อยออกไป ก็หวังว่าทุกคนจะมีความชอบคล้าย ๆ กับหนูแล้วกันค่ะ”

>> ขอบคุณคนเอ็นดู ไม่กล้าคิดว่าตัวเองฮอต ถ้าทำอะไรผิดพลาด ก็ตักเตือนได้เช่นเคย <<
“ขอบคุณมากค่ะ ที่ทุกคนคิดอย่างนั้น จะพยายาม keep going อย่างนี้ต่อไปค่ะ แล้วปลายปีนี้ด้วยความที่มันมีเฟสติวัลเยอะ ก็สามารถเจอกันได้ตามงานแบบนั้นได้เลยค่ะ แล้วก็จะมีไปต่างประเทศด้วย แต่มันไม่ใช่คอนเสิร์ตของหนูคนเดียวค่ะ มันเป็นเฟสติวัล ก็เลยมีค่อนข้างเยอะเหมือนกันค่ะปลายปี ไม่กล้าคิดว่าตัวเองฮอตค่ะ คิดว่าขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูหนูมากกว่าค่ะ แล้วถ้าหนูทำอะไรผิดพลาดประการใด ก็ตักเตือนได้เช่นเคยนะคะ”

>> งานเยอะแถมเรียนหนัก เคยอยากลาออกแต่แม่ไม่ให้ <<
“งานเยอะเรียนด้วยแต่ไหวค่ะ ต้องแบ่งเวลานอนให้มากกว่านี้ค่ะ จะได้มีพลัง วันนี้นอน 4 ชั่วโมง ไปแอบงีบเอา หนูดีที่มีเพื่อน ๆ น่ารัก เพื่อนสนิทหนูก็จะคอยช่วยหนูตลอด ว่ามีการบ้านอันนี้ ต้องทำอันนี้ส่งนะ เรียนไปด้วยกันกับเพื่อนก็สนุกค่ะ มันอาจจะเครียดบ้าง แต่ได้เรียนในสิ่งที่อยากเรียน มันก็อยากจะทำให้มันดีที่สุด”

“มีท้อบ้างก็เลยแต่งออกมาเป็นเพลงเพลงหนึ่งในอัลบั้มด้วย ชื่อเพลง Homework นั่นคือความรู้ของหนูทั้งหมด เกี่ยวกับการเรียน อยากลาออกแต่แม่ไม่ให้ค่ะ (หัวเราะ) อยู่ในเพลงเลยค่ะ พูดจริง ๆ แม่ไม่ให้ออกจริง ๆ ค่ะ แม่บอกว่าอีกปีเดียว ให้เรียนไป แม่ไม่เชียร์ให้ลาออก เพลงนี้แต่งตอนอยู่ปี 2 ตอนนั้นแม่ไม่ให้ลาออกแน่นอน ตอนนี้ก็ปี 3 แล้ว ใกล้แล้วอีกปีเดียว สู้เต็มที่ จบแน่ ๆ ปริญญา เกียรตินิยมไม่สนใจค่ะ เพราะไม่ได้แน่ ๆ เอาให้มันผ่านค่ะ ครอบครัวไม่ได้กดดันขนาดนั้นแล้ว มีแต่เราที่กดดันตัวเองบางที ก็พยายามภูมิใจกับตัวเองมากขึ้นค่ะ เราต้องให้กำลังใจตัวเองมากขึ้น”

>> เตรียมเดบิวต์วง ‘MINUS’ สานฝันอยากเป็นเกิร์ลกรุ๊ป แอบกลัวคนไม่ชอบ ขอขายความไม่เพอร์เฟกต์ << 
“อยากทำเกิร์ลกรุ๊ปมานานแล้วค่ะ รู้สึกว่ามันเป็นความฝันของเรา ก็เอามันกลับมาในตอนที่เรามีโอกาส แล้วก็ทำรวมกันขึ้นมา หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ หนูอยากเป็นเกิร์ลกรุ๊ปบ้าง ไปออดิชั่นมาหลายที่แล้วค่ะ แต่มันไม่ผ่าน จนวันนี้เราได้เป็นศิลปินเดี่ยวแล้ว เราก็ยังอยากเป็นอยู่ ก็เลยเอาโปรเจกต์นี้กลับมา เรียกว่าสานฝันตัวเองค่ะ ก็สนุกดีแล้วก็เครียดด้วย” 

“พอมันต้องทำเป็นเกิร์ลกรุ๊ปมันก็มีหลายองค์ประกอบที่ยาก ไม่คาดหวังอะไรเลย หนูกลัวทุกคนไม่ชอบจังเลย เป็นอย่างนั้นมากกว่า คือแอบกังวลแทน ไม่ได้คาดหวังเลย MINUS ไม่ได้เก่งอะไรมาก ไม่ได้มีความสามารถอะไรมากมาย มีแค่สองอย่างคือความตั้งใจและความพยายามค่ะ ขายอะไรได้ก็ขายค่ะ ขายถูกๆ ขายความไม่เพอร์เฟกต์แล้วกันค่ะ ขอให้ปังแน่ ๆ ค่ะ”

ฟังจากปาก ‘ต่างชาติตัวจริง’ ที่ได้มาเยือนไทย ‘ทุกอย่างที่เป็นไทย’ ดึงดูดให้อยากกลับมา

หากใครตามข่าวหรือเข้าโซเชียลบ่อย ๆ ก็คงได้เห็นข่าวที่หลาย ๆ องค์กรทั่วโลกได้จัดอันดับให้ ‘ประเทศไทย’ อยู่ในระดับสูงหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการท่องเที่ยว, อาหาร, เมืองน่าอยู่, สายการบิน หรือแม้กระทั้งระบบสาธารณะสุข 

แต่หากใครคิดไม่ออก หรือไม่คุ้น แล้วยังมีความแอบเอ๊ะ!! ไม่แน่ใจว่าเคยมีการจัดอันดับให้ไทยด้วยหรือไม่? ก็ไม่เป็นไร เพราะเดี๋ยวจะยกตัวอย่างมาให้ดูกัน

ตัวอย่างล่าสุดสด ๆ ร้อน ๆ ก็คือนิตยสารธุรกิจและท่องเที่ยวอย่าง ‘Business traveller’ จัดอันดับให้ ‘กรุงเทพมหานคร’ เป็นอันดับ 1 ‘เมืองที่น่าพักผ่อนหย่อนใจมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก’ (Best Leisure time city in Asia-Pacific) ต่อเนื่อง 6 ปีซ้อน!! การจัดอันดับครั้งนี้สะท้อนว่าไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกชื่นชอบ

นอกจากนี้ ในการจัดอันดับจากที่เดียวกัน ไทยยังคว้าอันดับ 3 เมืองสำหรับธุรกิจที่ดีที่สุด (Best Business Cities in Asia) ส่วนสายการบินแห่งชาติอย่าง ‘การบินไทย’ ก็ไม่น้อยหน้า ติด Top 3 ประเภทสายการบินที่ดีที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้อีกสักหน่อย นิตยสาร ‘Time Out’ ก็เคยจัดให้ ‘เยาวราช’ ติดอันดับที่ 8 ในหมวดถนนสุดเจ๋งของโลก ที่รายล้อมไปด้วยวัฒนธรรมและสตรีตฟู้ดที่ถูกใจต่างชาติ

เท่านั้นยังไม่พอ ข้อมูลจากเว็บไซต์ ‘Travel Daily News’ ระบุว่า ประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้านสถานบริการเพื่อสุขภาพ (Wellness Retreats) และยังได้รับขนานนามว่าเป็น ‘เมืองหลวงของสปาแห่งทวีปเอเชีย’ อีกด้วย

ข้ามมาทางฝั่งของสถานที่ท่องเที่ยว!! หนังสือพิมพ์ ‘Daily Star’ ของประเทศอังกฤษ ได้เปิดเผยว่า หาดซันไรส์ เกาะหลีเป๊ะ ติดอันดับ 6 และ อ่าวมาหยา เกาะพีพี ติดอันดับ 12 จาก 20 อันดับของชายหาดที่สวยที่สุดในโลก

นอกจากนี้ เว็บไซต์ ‘William Russell’ ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการประกันสุขภาพ ชีวิต และรายได้ ก็จัดอันดับให้เกาะพะงัน เป็นที่ 1 ของโลกในด้านปลายทางเพื่อการ Workation 

มาดูด้านอาหารบ้าง ‘ข้าวซอย’ ก็เป็นหนึ่งในซุปที่อร่อยที่สุดในโลก หรือกระทั่งไส้กรอกอีสาน ไข่เจียวปู ก็อร่อยถูกใจ จนต่างชาติยกให้เป็นสุดยอดสตรีตฟู้ดแห่งเอเชีย

ร่ายมาขนาดนี้ อ่านมาถึงตรงนี้ ก็คงคิดว่า…อวยเกินไปหรือเปล่า!! 

แน่นอนว่า คนไทยอาจจะเฉย ๆ เพราะเราคงคุ้นชินและไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร แต่หากเป็น ‘ชาวต่างชาติ’ ที่อยู่ในไทย ที่ไม่ว่าจะมาท่องเที่ยว พักผ่อนระยะสั้น หรืออยู่ยาว ๆ เขาตื่นเต้นกับสิ่งเหล่านี้ ‘อย่างมาก!!’

จากช่อง YouTube ‘YakcuteTV’ ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาว 8.06 นาที โดยเป็นคลิปสัมภาษณ์ความรู้สึกของชาวต่างชาติจากทั่วโลก ที่ได้เข้ามาใช้ชีวิตในประเทศไทย ซึ่งได้ถามหลายคำถาม และได้รับคำตอบหลากมุมที่เมื่อฟังแล้วก็ต้องยิ้มตาม พร้อมยืดอกด้วยความภาคภูมิใจเลยล่ะ

โดยคำถามแรกได้มีการถามถึงความรู้สึกที่อยู่ในประเทศไทยในช่วงล็อกดาวน์ ซึ่งนักท่องเที่ยวหญิงจากประเทศอังกฤษระบุว่า…คนไทยหลายคนที่ได้เจอน่ารักมากจริง ๆ คอยถามตลอดว่าอยากได้อะไรเพิ่มไหม น่ารักมาก นิสัยดีมาก นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่า “บอกตรง ๆ ว่า อยู่ที่นี่ เราได้รับความช่วยเหลือมากกว่าตอนอยู่อังกฤษอีก”

ส่วนชาวต่างชาติผู้ชาย จากประเทศเยอรมนี กล่าวทั้งรอยยิ้มว่า เขาอยู่เมืองไทยตั้งแต่ช่วงต้นปี มีแผนจะไปกัมพูชาและเวียดนาม แต่ดันมาติดอยู่ที่เกาะพะงันช่วงล็อกดาวน์ ถึงแม้ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา แต่ที่ไทยก็ชิลกว่าที่เยอรมนีหลายเท่า “ดีใจมากที่ได้มาอยู่ประเทศไทย”

ขณะที่นักท่องเที่ยวหญิงชาวอังกฤษ บอกเล่าความประทับใจว่า เธอโชคดีมากที่อยู่เมืองไทย คนไทยให้ความร่วมมือเรื่องโควิด-19 ดีมาก “ทุกคนยอมรับว่ามันแย่ แต่ก็ร่วมมือกันดี การ์ดไม่ตก” 

เมื่อถามว่าชอบที่ไหนมากที่สุดในประเทศไทย นักท่องเที่ยวชายชาวอังกฤษ ตอบคำถามอย่างกระตือรือร้นว่า เขาชอบหลายที่ในประเทศไทย เช่น บางลำพู, สวนรถไฟ, ภูเขาทอง, วัดสระเกศ (เคยพาครอบครัวไป) เขาเที่ยวในเมืองไทยเยอะมาก เช่น กาญจนบุรี, เชียงใหม่, หนองคาย, อุดรธานี, โคราช, เกาะเต่า, เกาะสมุย, เกาะพะงัน, ภูเก็ต ตรัง, ฉะเชิงเทรา พร้อมระบุด้วยว่า “ขอพูดในฐานะคนอังกฤษละกัน อย่างแรกเลย คือ เมืองไทยอากาศดีมากครับ ขณะที่การใช้ชีวิตคนลอนดอนจะยุ่งตลอดเวลา แต่จังหวะชีวิตในเมืองไทยยืดหยุ่นกว่า มีความเป็นมิตร ดูสบายๆ ส่วนธรรมชาติของเมืองไทยนั้นงดงาม เหมาะอย่างยิ่งกับชาวตะวันตกอย่างเรา ๆ ครับ” 

นักท่องเที่ยวหญิงชาวสเปน บอกเล่าว่า ถึงแม้ว่าเธอยังไม่ได้ไปเที่ยวทั่วประเทศไทย แต่ว่าที่ชอบมากๆ คือ เกาะพะงัน, เกาะหลีเป๊ะ เพราะบรรยากาศดี ทะเลสวย น้ำใสราวกับกระจก นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า “ผู้คนที่นั่น น่ารักมาก ต้อนรับขับสู้อบอุ่นดีมากค่ะ”

ขณะที่นักท่องเที่ยวชายชาวฝรั่งเศส บอกว่า เขาชื่นชอบหลายเกาะในประเทศไทยมากๆ เช่น เกาะพีพี เกาะเต่า เกาะพะงัน ช่วงที่ล็อกดาวน์ ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตได้พักหายใจ ซึ่งดีมาก ๆ 

เมื่อถามว่า ชาวต่างชาติชอบอะไรในเมืองไทย นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ พูดพร้อมรอยยิ้ม ว่า เธอชอบคนไทย เพราะคนไทยเป็นมิตรมาก ๆ ต้อนรับขับสู้ดีมากด้วย อีกทั้งคนไทยไม่เคยตัดสินฉัน และแน่นอนว่า อาหารไทยอร่อยมากค่ะ 

ส่วนนักท่องเที่ยวหนุ่มชาวสหรัฐอเมริกา กล่าวพร้อมกับยิ้มว่า วงการสเก็ตบอร์ดในไทยกำลังเติบโต และเขาชอบเล่นสเก็ตบอร์ดมากๆ อีกทั้งชอบทุกอย่างในประเทศไทย เพราะที่นี่ชิลมาก ๆ และมีคนหลากหลายเชื้อชาติ “ตอนที่อยู่เท็กซัส ไม่ค่อยได้เจอใครใหม่ ๆ เลย แต่พอมาอยู่เมืองไทยได้เจอคนหลากหลายเชื้อชาติเลย”

‘ลิซ่า’ โค่น ‘อะเดล’ พา ‘LALISA’ ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต ‘iTunes Top Songs’ ใน 103 ประเทศทั่วโลก

เดินหน้าสร้างสถิติไม่หยุดเลยทีเดียวสำหรับ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ สาวไทยหนึ่งเดียวของวง BLACKPINK ที่ล่าสุดเพลงจากงานโซโลเดี่ยว ‘LALISA’ ก็สร้างสถิติให้ตนเองอีกครั้งแม้จะปล่อยออกมานานนับปีแล้ว

โดยสถิติคราวนี้คือการที่เพลง LALISA ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ต iTunes Top Songs ใน คีร์กีซสถาน ซึ่งเป็นผลงานเพลงที่ปล่อยมานานข้ามปีแล้ว ส่งให้เพลง LALISA กลายเป็นเพลงของศิลปินหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ขึ้นอันดับ 1 ชาร์ต iTunes Top Songs ใน 103 ภูมิภาคจากทั่วโลก

เบี้ยประกันภัย 'รถ EV' VS 'รถใช้น้ำมัน' ราคาที่ต้องจ่าย 'แตกต่าง' กัน แบบนี้แฟร์ไหม?

แน่นอนว่าเจ้าของรถทุกคน ย่อมจะรักรถของตนเองอยู่แล้ว และเมื่อรักแล้วก็จะซื้อกรมธรรม์ประกันภัยไว้ เพราะมันช่วยให้อุ่นใจได้ในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นกรณีรถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม หรืออุบัติเหตุอื่น ๆ ที่เราไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น 

ฉะนั้น...การมีกรมธรรม์ประกันภัยไว้ มันทำให้สบายใจมากจริง ๆ

แต่ว่า...เบี้ยประกันภัยที่ต้องจ่ายนั้นก็สูงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะกับ 'รถไฟฟ้า' หรือ 'รถ EV'

ล่าสุด นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ก็ได้ประชุมหารือกับภาคธุรกิจประกันภัยที่มีการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (รถ EV) รวมทั้งผู้แทนจากคณะกรรมการยานยนต์และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อแก้ไขปัญหาค่าเบี้ยประกันภัย หลังจากรถ EV ได้รับความนิยมมากขึ้น

ซึ่งบริษัทประกันภัย นั้นก็ได้กำหนดเบี้ยประกันรถ EV สูงกว่ารถยนต์ทั่วไป ซึ่งผลการประชุมก็ได้ข้อสรุปว่า บริษัทประกันภัยจะยังไม่มีการขึ้นเบี้ยประกันภัยในช่วงนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน  

แต่ถ้าเรามองกันให้ดี จริง ๆ แล้ว การคิดคำนวณเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ระหว่าง 'รถอีวี' และ 'รถใช้น้ำมัน' ก็ควรใช้หลักการเดิมคือ เบี้ยประกันภัยรถยนต์และทุนประกันภัย จะขึ้นอยู่กับอายุรถยนต์เป็นสำคัญ 

หากรถยนต์มีอายุมากขึ้นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ และทุนประกันภัยก็จะค่อย ๆ ลดลง แต่ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับประวัติการเคลมประกันภัยด้วยเช่นกัน

ฉะนั้นการที่รถ EV จะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัย 'แพง' กว่ารถปกติ เพราะว่ามันเป็นรถ EV นั้น จึงไม่น่าจะถูกต้องเสียทั้งหมด  

นอกจากนี้ แนวโน้มตลาดรถ EV ในบ้านเรากำลังเติบโตไปได้สวย มีประชากรรถ EV ป้ายแดงออกมาใหม่กันทุกวัน ล่าสุดที่ค่าย BYD เปิดจอง 'วันเดียว' ก็ขายไปกว่า 2,500 คันแล้ว

‘Takano TTE500’ รถกระบะไฟฟ้าไซซ์มินิ ดีไซน์สวยน่ารัก - รับน้ำหนักมากถึง 300 กก.

ช่วงนี้กระแสรถ EV กำลังมาแรง อย่างที่เราได้เห็นได้ฟังอ่านหูผ่านมาตาบ้างแล้ว ว่ามีรถยนต์ไฟฟ้าเปิดตัวมากมาย วันนี้ THE STATES TIMES เลยจะพามารู้จัก ‘รถกระบะไฟฟ้า’ ขนาดมินิ เชื่อว่าใครที่เป็นสายมินิมอลจะต้องชอบและหลงรักแน่ๆ

รถกระบะไฟฟ้า Takano (ทากาโน่) TTE500 เป็นรถกระบะไฟฟ้า ‘ขนาดจิ๋ว’ รุ่นเดียวในไทย ไม่ว่าคุณจะแบกสัมภาระเยอะ จะย้ายบ้าน หรือเปิดท้ายขายของ บอกเลยว่า ‘Takano TTE500’ ตอบโจทย์สุดๆ

‘นักร้องไต้หวัน’ ปล่อยเพลงฮิตติดหูภาษาจีน แต่ฟังเป็นไทยได้ว่า “ไม่มี ไม่ใช่ ไม่ต้องกลัว”

(2 พ.ย. 65) เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘ลุยจีน’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ วิดีโอซิงเกิลเพลงใหม่ของ โชว์ หลัว (Show Lo) หรือที่รู้จักในชื่อ ‘เสี่ยวจู’ นักร้อง-นักแสดงชื่อดัง ชาวไต้หวัน ที่สร้างสรรค์เพลงที่มีเนื้อร้องเป็นภาษาจีน แต่สามารถฟังและร้องออกมาพ้องเสียงกับภาษาไทยอย่างแยบยลไว้ว่า…

🇹🇭 ภาษาไทย Go Inter ละครับ หยั่งชอบเลย 5555555 
ไม่ต้องกลัวๆๆๆๆๆๆๆ
อัพแอนด์ดาวน์ อัพ อัพ แอนด์ดาวน์....
ช่วยด้วยหยุดร้องตามไม่ได้ โคตร Earworm🤣🤣🤣

เข้าไปฟังเพลงเต็มและเต้นตามอย่างเมามันส์ได้เลยครับ 5555 https://www.youtube.com/watch?v=g-l7aY0_vUQ 
Creative มากๆ👍

ตัวเนื้อเพลงเล่นกับภาษาไทยหลายคำที่ออกเสียงคล้ายภาษาจีน แล้วคนจีนชอบเอามาล้อว่าเวลาไปไทยให้ฝึกพูดคำไทยง่ายๆ เหล่านี้ไว้

ไม่มี (ม่าย หมี่) 买米 - ซื้อข้าว
ไม่ใช่ (ม่าย ไช่) 买菜 - ซื้อผัก
ไม่ต้องกลัว (ม่าย ตง กัว) 买冬瓜 - ซื้อฟัก
ไม่ต้องกลัวผี (ม่าย ตง กัว ผี) 买冬瓜皮 - ซื้อเปลือกฟัก
สวัสดีค่ะ (ซวา หว่อ ตี ข่า) 刷我的卡 - รูดการ์ดของฉัน

ผมล่ะอยากเห็นทีมที่มาสอนเต้นเลยครับ อารมณ์จริตอะไรคือได้มากกก 55555😆 So Thai ห่าว ไท่ กั๋วววว

โดย เพลงนี้มีชื่อว่า ‘買冬瓜’ แปลว่า ‘ซื้อฟักเขียว’ ซึ่งออกเสียงว่า ม่ายตงกัว พ้องกับภาษาไทยว่า “ไม่ต้องกลัว”

อีกทั้งในมิวสิกวิดีโอเพลงยังได้ทำโลเคชั่นล้อไปกับตลาดนัดของประเทศไทย โดยมีคำว่า ‘Thailand’ ประกอบอยู่ด้วย พร้อมมีซับไตเติลภาษาไทยประกอบไว้ด้วย 

เกินคาด!! ปรากฏการณ์แห่จอง BYD ATTO 3 วันแรกแน่นโชว์รูม หลังมีรถพร้อม 5,000 คัน

เปิดจองวันแรก ATTO 3 คนล้นโชว์รูมบีวายดี ทั่วประเทศ หลังเปิดราคา 1.199 ล้าน ด้าน เรเว่ฯ ลั่นมีรถพร้อม 5,000 คันสำหรับปีนี้

(1 พ.ย. 65) กลายเป็นอีกปรากฏการณ์น่าทึ่งสำหรับบรรยากาศการเปิดรับจองรถยนต์ไฟฟ้าบีวายดี ATTO 3 รุ่นแรกที่เข้ามาทำตลาดภายในประเทศไทย ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าที่ให้ความสนใจมาเข้าคิวจอง ATTO 3 ที่โชว์รูม BYD ทั่วประเทศกันแบบก่อนคืนวันเปิดจองจริง (1 พ.ย.)

สำหรับ BYD ATTO 3 มาพร้อมแนวคิด ENERGY AWAKEN ปลุกพลังใหม่ปลุกชีวิตที่ดีกว่า คือ แนวคิดของ BYD รถยนต์สัญชาติจีน ที่สร้างกระแสคนแห่จองกันถล่มทลาย ในราคาขาย ที่ 1,199,900 บาท (หักเงินสนับสนุนจากภาครัฐมูลค่า 150,000 บาท) พร้อมทั้งมอบเรเว่แคร์ มูลค่า 180,000 บาท 

ว่าแต่ ค่าตัวขนาดนี้ มันจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย!!

BYD ATTO 3 รถยนต์ไฟฟ้า 100% ประเภท B-SUV ที่มากับจุดเด่นมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Sycnchronous Motor กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร เร่งความเร็ว 0 – 100 กม. / ชม. ในเวลาแค่ 7.3 วินาที และแบตเตอรีที่ใช้เทคโนโลยี BYD Blade Battery Lithium-ion phosphate (LFP) ขนาด 60.4 kWh ให้ระยะทางในการขับขี่ได้ไกลสูงสุดถึง 480 กม. ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง 

ระบบชาร์จแบตเตอรี่ผ่านหัว Type 2 รองรับกำลังไฟสูงสุด 7 kW สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ในเวลาราว ๆ 8 ชั่วโมงครึ่ง นอกจากนี้ ATTO 3 ยังมากับระบบจ่ายไฟฟ้าจากตัวรถ VTOL Mobile Power Supply Function 2.2 kW ให้สามารถเอาเครื่องใช้ไฟฟ้ามาเสียบใช้งานกับตัวรถได้เลย เหมาะมากกับสายลุยเข้าป่า ยิ่งถ้าหน้าหนาวอากาศดีดี ไปกางเต็นท์ตั้งแคมป์ในวันหยุดยาวแล้วละก็ ขอบอกว่า ฟินสุดสุด !


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top