Friday, 11 July 2025
INFO

การลดลงของประชากรไทย : วิกฤตหนักที่กำลังมา

(17 ก.พ. 68) ปีนี้เราจะได้ยินคนพูดกันว่าสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอ่ยุกันมากขึ้น เพราะประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางประชากรครั้งใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อ เศรษฐกิจ สังคม และโครงสร้างแรงงาน การลดลงของอัตราการเกิด และจำนวนประชากรที่เติบโตช้าลง ส่งสัญญาณถึง แรงงานขาดแคลน ค่าใช้จ่ายสวัสดิการเพิ่มขึ้น และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโดยรวม และข้อมูลจากธนาคารโลกยังมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2573 ผู้สูงอายุจะมีสัดส่วนกว่า 30% ของประชากรทั้งหมดของไทยด้วย

ทางออกที่ประเทศไทยต้องเร่งดำเนินการก็มีได้ทั้งการสนับสนุนการเกิด การขยายอายุการเกษียณ การเพิ่มแรงงานต่างชาติ และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเอาชดชเยแรงงานที่ขาดแคลนค่ะ เพราะหากไม่มีมาตรการแก้ไขที่เหมาะสมและดีพอ ประเทศไทยอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปีค่ะ

แล้วทำไมเราถึงควรต้องกังวลเรื่องนี้ เราไปดูตัวเลขทางสถิติที่สำคัญกันค่ะ?

วันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักที่กลายเป็นปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจ

วันแห่งความรัก หรือ วันวาเลนไทน์ได้พัฒนามาเรื่อยๆจนกลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยเอง และวันแห่งความรักนี้ยังเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มีการใช้จ่ายสูงสุดของปีในประเทศไทย การบริโภคที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ส่งผลโดยตรงต่อภาคธุรกิจหลัก ๆ เช่น ค้าปลีก ร้านดอกไม้ อาหารและเครื่องดื่ม โรงแรม การท่องเที่ยว และความบันเทิง

ข้อมูลจาก มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่าในปี 2567การใช้จ่ายในวันวาเลนไทน์ของไทยแตะระดับ 2.5 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5.4% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สะท้อนถึง พฤติกรรมผู้บริโภคที่ยังคงให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวก็ตาม และสำหรับปี 2568 ก็มีการคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นไปที่ 2.7 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.2% จากปีก่อนหน้า

โดยผลกระทบเชิงบวกจากวาเลนไทน์จะสามารถแบ่งเป็นหัวข้อที่น่าสนใจแบบไหนบ้าง วันนี้จะพาไปดูกันค่ะ

เปิด 10 อันดับ มหาวิทยาลัยเอกชน ที่มีผู้จบการศึกษามากที่สุดในปี 2567

เปิดตัวเลขสถิติ ‘มหาวิทยาลัยเอกชน’ ที่มีผู้จบการศึกษามากที่สุดในปี 2567

อันดับ 1 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 5,717 คน

อันดับ 2 มหาวิทยาลัยศรีปทุม ทุกวิทยาเขต มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 4,784 คน

อันดับ 3 มหาวิทยาลัยเกริก มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 4,583 คน

อันดับ 4 มหาวิทยาลัยรังสิต มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 4,295 คน

อันดับ 5 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 3,399 คน

อันดับ 6 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 2,567 คน

อันดับ 7 มหาวิทยาลัยธนบุรี มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 2,178 คน

อันดับ 8 มหาวิทยาลัยปทุมธานี มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 2,177 คน

อันดับ 9 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 2,162 คน

อันดับ 10 มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 2,081 คน

อันดับ 11 มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 2,035 คน

อันดับ 12 มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 1,504 คน

อันดับ 13 มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 1,438 คน

อันดับ 14 มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 1,307 คน

อันดับ 15 มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 1,297 คน

มีสถาบันที่ไม่ส่งข้อมูล ดังนี้ มหาวิทยาลัยกรุงเทพสุวรรณภูมิ, มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น, มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา, มหาวิทยาลัยตาปี, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์, มหาวิทยาลัยพิษณุโลก, มหาวิทยาลัยฟาฏอนี, มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยราชธานี, มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์, มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น, มหาวิทยาลัยหาดใหญ่, วิทยาลัยเทคโนโลยีพนมวันท์, วิทยาลัยนอร์ทเทิร์น, วิทยาลัยนานาชาติราฟเฟิลส์, วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย, สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน, สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ และสถาบันรัชต์ภาคย์

ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ข้อมูลผู้สำเร็จการศึกษาภาพรวมทั้งหมด คือ ปวช., ปวส. ระดับอนุปริญญา, ปริญญาตรี, ป.บัณฑิต, ปริญญาโท, ป.บัณฑิตขั้นสูง และ ปริญญาเอก

อาณาจักรธุรกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ : จากเจ้าพ่ออสังหาฯ สู่เวทีการเมือง

หากพูดถึงบุคคลที่ทรงอิทธิพลทั้งในแวดวงธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ สื่อบันเทิง และการเมือง โดนัลด์ ทรัมป์ คือชื่อที่ไม่มีใครไม่รู้จัก จากการเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างตึกระฟ้าในนิวยอร์ก สู่การเป็นพิธีกรเรียลลิตี้ชื่อดัง และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 และ 47 

อาณาจักรธุรกิจของทรัมป์ไม่ได้มีเพียงแค่ตึกหรูและโรงแรมระดับโลก แต่ยังขยายไปถึงคาสิโน สนามกอล์ฟ โซเชียลมีเดีย และแม้กระทั่งแบรนด์สินค้าต่าง ๆ แม้จะประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่เส้นทางของเขาก็เต็มไปด้วย วิกฤติทางการเงิน การล้มละลาย และคดีความมากมาย และวันนี้เราจะพาไปเจาะลึกเส้นทางธุรกิจของเขากันค่ะ

ระวัง!! ‘มนต์รักออนไลน์’ ในช่วงวันวาเลนไทน์ รวม 8 ข้อยอดฮิต จากมิจฉาชีพ

(9 ก.พ. 68) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงเดือนแห่งความรักและช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ รัฐบาลห่วงใยประชาชนถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้รัก และหลอกลวงให้สูญเสียเงิน ผ่านสื่อออนไลน์ และแอปพลิเคชันต่าง ๆ รวมทั้งจากข้อความผ่านSMS  เป็นต้น  โดยขอให้ประชาชนระมัดระวัง อย่าหลงกล ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวกับคนแปลกหน้า หากมีการเชิญชวนให้โหลดแอปพลิเคชัน เล่นเกมผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึงหากต้องการซื้อช่อดอกไม้จากร้านค้าออนไลน์ช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ ขอให้ตรวจสอบแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และร้านดอกไม้ที่น่าเชื่อถือ ก่อนจะชำระเงินหรือโอนเงินไปยังปลายทาง เพื่อป้องกันความเสียหายในการชำระเงินไปยังบัญชีของมิจฉาชีพ

นายอนุกูล กล่าวว่า ปัจจุบันการกระทำผิดบนสื่อออนไลน์ของมิจฉาชีพมีหลากหลายรูปแบบ ถึงแม้รัฐบาลได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการเฝ้าระวัง ติดตาม และป้องกันการกระทำผิดของมิจฉาชีพผ่านสื่อออนไลน์อย่างเข้มงวด รวมถึงเฝ้าระวังและติดตามกลโกงของสื่อรักผ่านออนไลน์ หรือ Romance Scam ซึ่งเป็นการหลอกให้รัก เพื่อหวังแสวงหาผลประโยชน์จากความเชื่อใจของเหยื่อ สำหรับกลอุบายของมิจฉาชีพที่เข้ามาหลอกลวงมักจะมาด้วยกลอุบาย ดังต่อไปนี้ 

1. หลอกให้รักแล้วชวนลงทุน (Hybrid scam) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ปลอมด้วยการโอนเงินหรือลงทุนในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัล  
2. หลอกให้รักแล้วกดลิงก์/ดาวน์โหลดแอปรีโมท (Remote access scam) ควบคุมสมาร์ตโฟนและทำการดูดเงินในบัญชี 
3. หลอกให้รัก ให้ถ่ายรูปลับส่วนตัว แล้วแบล็กเมล์ (Sextortion) ขู่กรรโชกทางเพศ ด้วยการชวนทำกิจกรรมทางเพศผ่านทางออนไลน์ แล้วนำภาพหรือวิดีโอมาขู่เรียกค่าไถ่ หรือบีบบังคับให้กระทำการอื่นๆ 
4. มิจฉาชีพที่เป็นชาวต่างชาติจะทำทีมาจีบและให้ความหวังว่าอยากจะมาแต่งงานที่เมืองไทย และส่งทรัพย์สินให้ แต่ต้องชำระเงินค่าภาษีก่อน และขอให้ท่านช่วยชำระภาษีให้ก่อน  
5. มิจฉาชีพแสดงตัวว่าได้รับมรดกเป็นเงินมหาศาล แต่ต้องชำระภาษีมรดก ขอให้ท่านช่วยชำระภาษี 
6. ป่วยหนัก แต่ประกันยังเบิกจ่ายไม่ได้ 
7. ส่งของรางวัลราคาแพงมาให้ แต่ติดอยู่ที่ด่านตรวจ ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมก่อน ขอให้ท่านโอนเงินเพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมรางวัลก่อน และ 
8. เป็นนักธุรกิจชาวต่างชาติที่จะมาลงทุน แต่ต้องการให้ร่วมทุนด้วย 

“รัฐบาลย้ำเตือนให้ประชาชนตระหนักรู้เท่าทัน ภัยออนไลน์จากมิจฉาชีพ อย่าหลงเชื่อ หากท่านใดได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งค์มิจฉาชีพ หรือถูกหลอกลวงออนไลน์ต่าง ๆ หรือพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ทางสายด่วนโทร 1212 ตลอด 24 ชั่วโมง หากโดนหลอกออนไลน์ โทรแจ้งดำเนินการ ระงับ อายัดบัญชี AOC 1441 และสามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)” นายอนุกูล กล่าวทิ้งท้าย

10 อันดับ ประเทศในอาเซียนที่เป็นผู้นำด้านระบบจ่ายเงินดิจิทัล

เข้าใกล้สังคมไร้เงินสด!!

ส่อง 10 อันดับ ประเทศในอาเซียนที่เป็นผู้นำด้านระบบจ่ายเงินดิจิทัล มีประเทศไหนบ้าง และประเทศไทยอยู่อันดับที่เท่าไหร่ ไปติดตามได้เลย

ส่อง 10 อันดับ ประเทศผลิตกาแฟมากที่สุดในโลก

จากผลพวงของสภาพภูมิอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างหนักในรอบปีที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่ปลูกกาแฟหลัก ๆ ของโลกเผชิญกับภาวะแห้งแล้งส่งผลให้ผลผลิตที่ออกมามีจำนวนลดลงอย่างมาก และทำให้ราคาของเมล็ดกาแฟพุ่งสูงสุดในรอบ 47 ปี

และหากย้อนกลับไปในอดีต ผลผลิตกาแฟส่วนใหญ่นั้นเติบโตในเอธิโอเปียและซูดาน แต่ในปัจจุบันได้กระจายพื้นที่เพาะปลูกกว่า 70 ประเทศ และมีกว่า 50 ประเทศที่มีการส่งออกกาแฟไปทั่วโลก ส่วนประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ ที่ผลิตกาแฟมากที่สุด 10 อันดับแรกของโลก อัปเดตล่าสุดมีประเทศใดบ้างไปดูกันเลย

เจาะธุรกิจ 10 มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกปี 2025

(6 ก.พ. 68) เปิดปี 2025 มาพร้อมกับการแข่งขันด้านความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีระดับโลก ที่ยังคงกอบโกยทรัพย์สินกันแบบไม่มีหยุด ใครที่เคยคิดว่าเศรษฐีเหล่านี้รวยแล้ว แต่ขอบอกเลยว่าปี 2025นี้คนเหล่านี้ยังรวยขึ้นอีก เรามาดูกันว่า 10 คนที่รวยที่สุดในปีนี้ มีใครบ้าง และพวกเขาทำเงินจากธุรกิจอะไรกัน

อันดับ 1. Elon Musk – 437,000 ล้านดอลลาร์
เจ้าพ่อ Tesla และ SpaceX ยังครองบัลลังก์มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ด้วยการที่ Tesla ยังขายดี SpaceX ก็กำลังบุกอวกาศเต็มตัว และ AI ของเขายังทำเงินได้ต่อเนื่อง มัสก์จึงเป็นคนที่มีทรัพย์สินสูงสุดแบบขาดลอยคู่เเข่งคนอื่น

อันดับ 2. Jeff Bezos – 243,000 ล้านดอลลาร์
แม้จะลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ Amazon แต่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและ AWS (Cloud Service) ของเขาก็ยังคงทำเงินไม่หยุด เรียกได้ว่าหายใจทิ้งก็ยังรวยขึ้นในทุกนาที

อันดับ 3. Mark Zuckerberg – 214,000 ล้านดอลลาร์
CEO แห่ง Meta ยังคงทำเงินได้อย่างมหาศาลจาก Facebook, Instagram, WhatsApp และ Metaverse นอกจากนี้ AI และแพลตฟอร์ม VR ของเขายังช่วยผลักดันทรัพย์สินให้พุ่งขึ้นไปอีกด้วย

อันดับ 4. Larry Ellison – 192,000 ล้านดอลลาร์
เจ้าพ่อ Oracle ยังคงเป็นมหาเศรษฐีระดับแนวหน้าของโลก ในยุคที่ Cloud Computing และ AI กำลังมาแรง Oracle ก็ยังเป็นบริษัทที่ช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้ขับเคลื่อนแบบไร้ขีดจำกัด

อันดับ 5. Larry Page – 170,000 ล้านดอลลาร์
หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Google ยังคงได้รับผลประโยชน์จากธุรกิจ Search Engine และ AI รวมถึง Cloud Computing ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

อันดับ 6. Bernard Arnault – 169,000 ล้านดอลลาร์
เศรษฐีสายแฟชั่นและเจ้าพ่อแบรนด์หรู LVMH ก็ตามมาในอันดับที่ 6 เพราะแบรนด์ Louis Vuitton, Dior, Givenchy และสินค้าหรูอื่น ๆ ยังคงขายดีไม่มีตก เทรนด์ของใช้แบรนด์เนมยังคงมาแรง คนพร้อมจ่ายเพื่อความหรูหรา ทำให้เขายังเป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลกได้

อันดับ 7. Sergey Brin – 160,000 ล้านดอลลาร์
ผู้ร่วมก่อตั้ง Google อีกรายที่ยังคงครองตำแหน่งเศรษฐีระดับโลก ด้วยการเติบโตของ AI, Search Engine และ Cloud Services เขาจึงยังมีทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อันดับ 8. Bill Gates – 158,000 ล้านดอลลาร์
แม้จะลดบทบาทใน Microsoft แต่ทรัพย์สินของ Bill Gates ก็ยังเพิ่มขึ้นจากการลงทุนใน AI, พลังงานสะอาด และโครงการการกุศล เขายังคงเป็นหนึ่งในคนที่ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจของโลกด้วย

อันดับ 9. Steve Ballmer – 147,000 ล้านดอลลาร์
อดีต CEO ของ Microsoft ยังคงทำเงินได้อย่างต่อเนื่องจาก หุ้น Microsoft และธุรกิจกีฬา (L.A. Clippers) นอกจากนี้ การเติบโตของ Cloud Services และ AI ยังช่วยเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของเขาด้วย

อันดับ 10. Warren Buffett – 142,000 ล้านดอลลาร์
เจ้าพ่อการลงทุนยังคงอยู่ใน Top 10 และแม้จะอายุเกือบ 100 ปี แต่พอร์ตการลงทุนของเขายังคงสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่องจาก Apple, Coca-Cola, และธุรกิจประกัน

ส่วนการจัดอันดับคนที่รวยสุดในบ้านเราจากการจัดลำดับล่าสุด คงหนีไม่พ้นคุณเฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว เจ้าของร่วมแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull ได้ก้าวขึ้นเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.32 ล้านล้านบาทค่ะ

ตัด 5 จุด ส่งไฟขายเมียนมา ตัดตอนความเสียหาย 'แก๊งคอลเซ็นเตอร์'

เมื่อรัฐบาลไทยเอาจริง!! ส่องพื้นที่สำคัญ 5 จุดชายแดนไทย - เมียนมา ที่ สมช. มีคำสั่งให้ตัดไฟฟ้า หวังตัดตอนความเสียหาย ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ มีจุดใดบ้างไปส่องกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top