Friday, 29 March 2024
INFO

10 อันดับ 'เส้นทางระหว่างประเทศ' ที่มีผู้โดยสารหนาแน่นมากที่สุดในโลก

✈🇹🇭กรุงเทพฯ ติดอันดับ 10 เส้นทางระหว่างประเทศที่หนาแน่นที่สุดในโลก 2 อันดับ

โดย OAG บริษัทให้บริการด้านข้อมูลการบินระดับโลก เปิดเผยเส้นทางระหว่างประเทศที่หนาแน่นที่สุดประจำปีนี้ โดยคิดจากจำนวนที่นั่งของทุกสายการบินรวมกัน (Capacity) มี 10 อันดับดังนี้

1. กัวลาลัมเปอร์ - สิงคโปร์ 4,891,952 ที่นั่ง
2. ไคโร - เจดดาห์ 4,795,712 ที่นั่ง
3. ฮ่องกง - ไทเป 4,568,280 ที่นั่ง
4. โซล - โอซาก้า 4,218,484 ที่นั่ง
5. โซล - โตเกียว 4,155,418 ที่นั่ง
6. ดูไบ - ริยาด 3,990,076 ที่นั่ง
7. จาการ์ตา - สิงคโปร์ 3,910,502 ที่นั่ง
8. นิวยอร์ก - ลอนดอน 3,878,590 ที่นั่ง
9. กรุงเทพ - สิงคโปร์ 3,478,474 ที่นั่ง
10. กรุงเทพ - โซล 3,362,968 ที่นั่ง

ส่อง 23 ประเทศที่มีอิทธิพลด้านมรดกวัฒนธรรมแห่งทวีปเอเชีย

ในทวีปเอเชีย มีหลายประเทศที่เป็นหมุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และหนึ่งในนั้นคือ ‘ประเทศไทย’ เนื่องด้วยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม อาหาร สถาปัตยกรรม และสถานที่ท่องเที่ยว ที่เมื่อต่างชาติได้มาเยือนแล้วก็จะติดใจ 

นอกจากนี้ยังมีหลายสถานที่ในไทยและวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้หลายอย่างที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘มรดกโลก’ ด้วย นั่นจึงทำให้ประเทศไทย ยิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นไปอีก

วันนี้ THE STATES TIMES ขอพาไปดู เปิด 23 ประเทศที่มีอิทธิพลด้านมรดกวัฒนธรรมแห่งทวีปเอเชีย จะมีประเทศใดติดอันดับบ้าง มาดูกัน…

เปิด 6 กลุ่มธุรกิจ ดาวรุ่ง!! พุ่งแรงปี 2567

(23 ธ.ค.66) นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยผลการศึกษาสถานการณ์และแนวโน้มการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอี (SMEs) โดยพิจารณาจากตัวชี้วัดสำคัญคืออัตราการเติบโตของธุรกิจเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา พบว่า ในปี 2567 มีธุรกิจของ SMEs ทั้งกลุ่มที่เป็นดาวรุ่ง และกลุ่มธุรกิจที่ต้องเฝ้าระวัง โดยกลุ่มธุรกิจดาวรุ่ง ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2566 และ 2567 พบว่า มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เป็นดาวรุ่งต่อเนื่องสองปีซ้อน และกลุ่มดาวรุ่งพุ่งแรงสำหรับปี 2567 ซึ่งประกอบด้วย 

>> กลุ่มธุรกิจที่เป็นดาวรุ่งต่อเนื่องสองปีซ้อน

1. ธุรกิจขายของชำ หรือ ร้านโชห่วย ซึ่งเติบโตถึง 940% เนื่องจากร้านค้าเหล่านี้ สามารถซื้อสินค้าครั้งละน้อย ๆ และยังยืดหยุ่นในการชำระเงินได้ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนในชุมชน 
2. ธุรกิจท่องเที่ยวชุมชนสัมผัสวัฒนธรรมชนบท เติบโตถึง 187% หลังสถานการณ์โควิด-19 เทรนด์การท่องเที่ยวของโลกเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติมากขึ้น เนื่องจากเป็นการเยียวยาชีวิตและจิตใจ รวมทั้งได้สัมผัสเรียนรู้วิถีชีวิตของคนในชุมชน ความเรียบง่าย อาหารจากธรรมชาติ บรรยากาศที่เงียบสงบ ความผ่อนคลาย สัมผัสธรรมชาติเพื่อเติมพลัง 
3. ธุรกิจขายของในบ้านมือสอง และซ่อมเฟอร์นิเจอร์ เติบโตกว่า 263% เนื่องจากราคาซ่อมมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการจัดซื้อใหม่ หลายสินค้าราคาสูงจากต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้น อีกทั้งความจำเป็นในการใช้งานตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของคนรุ่นใหม่ กำลังซื้อที่ลดลง ประกอบกับเทรนด์การรักษ์โลก ผู้คนหันกลับมามองสิ่งของรอบตัวที่เรามีในชีวิตประจำวัน 
4. ธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ เช่น การตัดต่อ และการจัดผังรายการ เติบโตที่ 199% เนื่องจากหลังโควิด-19 ธุรกิจเกี่ยวกับสื่อปรับกลยุทธ์ขยายแพลตฟอร์มไปทางกลุ่มสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น รวมทั้งการเข้าสู่อาชีพ Youtuber และการสร้างกระแสในโลก Social ที่ง่ายขึ้น เกิดช่อง Youtube ของคนไทยเป็นจำนวนมาก 
5. ธุรกิจผับ บาร์ และร้านที่ขายแอลกอฮอล์เป็นหลัก เติบโต 125% เนื่องจากหลังโควิด-19 มีการท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติกลับมาใช้ชีวิตยามราตรีได้ตามปกติ สอดคล้องกับการท่องเที่ยวที่ขยายตัว อีกทั้งธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่สร้างอัตรากำไรสูง ผู้ประกอบการสามารถคืนทุนได้อย่างรวดเร็วจึงเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่ยังมีโอกาสเติบโตได้

>> กลุ่มธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงในปี 2567 

1. ธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 1,925% ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่จากรูปแบบพฤติกรรมกลุ่มคนเมืองที่เปลี่ยนไปต้องการใช้เวลาในการทำกิจกรรมในชีวิตหรือพักผ่อน พื้นที่ในที่พักมีจำกัด โดยบริการนี้เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญสามารถซักและอบเสร็จได้ในเวลาเพียง 20-40 นาที ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องซัก-อบที่มีราคาสูง คาดจะขยายตัวในเขตชุมชนจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ แต่เริ่มมีการแข่งขันเข้มข้นในธุรกิจนี้ 
2. การผลิตน้ำอัดแก๊สและโซดา มีอัตราการเติบโต 1,109% หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายผลิตภัณฑ์น้ำดื่มได้รับความนิยม มีรสชาติและรูปแบบแปลกใหม่มากขึ้นทั้งในรูปน้ำผลไม้ต่าง ๆ จากแต่ละท้องถิ่นที่นำมาอัดแก๊สในรูปแบบที่ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมดื่ม ผู้บริโภคเองก็มีทางเลือกมากขึ้น 
3. ร้านตัดเย็บและซ่อมเครื่องแต่งกาย เช่นการแก้ทรงเสื้อ การตัดขากางเกง เติบโต 667% จากที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างชะลอตัว หลังโควิดผู้บริโภคยังระมัดระวังการใช้จ่ายนำเสื้อผ้าเก่ามาแก้เพื่อใช้งานหรือการหาซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ที่มีราคาถูกแต่อาจต้องปรับแก้ทรงเนื่องจากไม่ได้ลองก่อนซื้อ 
4. กิจกรรมสันทนาการ เช่น ร้านขายเครื่องดนตรี ร้านเกม มีอัตราการเติบโต 349% เนื่องจากสามารถรวมตัวกันทำกิจกรรมบันเทิง งานแสดงดนตรี หรือร้านเกม เปิดได้ตามปกติทำให้กิจกรรมนี้กลับมาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว 
5. บริการเกี่ยวกับงานศพครบวงจร เติบโต 285% ให้บริการขนย้าย ตกแต่งสถานที่ พิธีกรรม เป็นธุรกิจที่ตอบสนองคนเมือง ครอบครัวขนาดเล็ก ที่ช่วยลดความยุ่งยากและเวลาในการดำเนินการซึ่งมีให้เลือกตามงบประมาณของลูกค้า อีกทั้งประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยธุรกิจนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ต่อเนื่อง 
6.ธุรกิจร้านเสริมสวย เติบโต 193% ผลจากการเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ กิจกรรมบันเทิงและความงามยังคงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจ รวมถึงราคาการให้บริการไม่สูงนักเนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีการให้เลือกใช้บริการจำนวนมากแต่บางธุรกิจที่ได้รับความนิยมผ่านสื่อ Social อาจต้องจองคิวเพื่อเข้าใช้บริการ

ส่วนธุรกิจในกลุ่มเฝ้าระวัง มีทั้งธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มเฝ้าระวัง 2 ปีต่อเนื่อง 2566 และ 2567 คือ ธุรกิจหอพักนักศึกษา เนื่องจากสถานศึกษาในระดับต่าง ๆ มีการเรียนการสอนแบบออนไลน์มากขึ้น รวมทั้งมีทางเลือกของที่พักในรูปแบบอื่น ๆ โดยนักศึกษาส่วนใหญ่เลือกพักห้องเช่าแบบอพาร์ทเม้นท์และคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันมีธุรกิจที่เริ่มต้องเฝ้าระวังในปี 2567 เนื่องจากเคยเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงจากปี 2566 แต่ในปี 2567 กลับมีแนวโน้มชะลอตัวลง มีจำนวน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 

1. ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มือสอง เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หดตัวมากถึง 82% อันเนื่องมาจาก สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีในปัจจุบันมือหนึ่งราคาถูกลงมาก มีหลายระดับให้เลือก ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าหลากหลายมากขึ้น อีกทั้งผู้บริโภคมีการเปรียบเทียบราคาได้ง่าย เพื่อความคุ้มค่าในการจ่ายเงิน สินค้ามือสองกลุ่มนี้จึงได้รับความนิยมน้อยลง 
2. ธุรกิจขายงานฝีมือและของที่ระลึก เช่น เครื่องเงิน เครื่องจักสาน หดตัวถึง 75% เนื่องมาจากการขายสินค้าในออนไลน์เป็นที่นิยม และมีสินค้าเกือบทุกประเภทขายบนออนไลน์ จึงทำให้มีแรงกระตุ้นน้อยลงที่จะทำให้นักท่องเที่ยวต้องซื้อสินค้าจากการไปท่องเที่ยวที่นั้น ๆ 
3. ธุรกิจเกสเฮ้าส์ หดตัวกว่า 65% เนื่องจากมีการเติบโตอย่างมากในปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่อนคลายในช่วงแรก ห้องพักแบบเกสเฮ้าส์เป็นตัวเลือกที่ราคาไม่สูงนักเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่เดินทางคนเดียว กลุ่มวัยรุ่นและเป็นการพักในระยะยาว แต่หลังโควิด-19 ผ่านไป พฤติกรรมการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป  นักท่องเที่ยวนิยมพักระยะสั้น-กลาง หันไปนิยมห้องพักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า หรือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบครอบครัวมากขึ้น 

9 เคล็ด (ไม่) ลับ สอนลูกให้รัก 'คณิตศาสตร์'

ไม่นานมานี้ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกสภาวิศวกร และอดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้เผยเคล็ดไม่ลับในการสอนคณิตศาสตร์ ให้เด็กๆ รุ่นใหม่ ได้ตระหนักถึงคุณค่าที่ควรโฟกัส และไม่มองว่าเป็นเรื่องยากจนไม่อยากจะเรียนรู้ ไว้ว่า...

คณิตศาสตร์ คือ รากฐานของทุกสาขา ทั้งวิทย์ สังคม ภาษา ล้วนมาจากหลักทางคณิตศาสตร์ทั้งสิ้น ชนชาติใดเก่งคณิตศาสตร์ ย่อมได้เปรียบ ย่อมเป็นผู้ชนะ มีความแข็งแกร่ง ทรงพลานุภาพ ทางทหาร เศรษฐกิจ สังคม และอารยธรรม

ดร.เอ้ ได้ยกตัวอย่าง การสอนอิชิบอย ลูกวัย 5 ขวบ ให้รักคณิตศาสตร์ และสามารถถอดสแควรูท คูณเลข ยกกำลัง เข้าใจทศนิยม ได้อย่างมหัศจรรย์ โดยไม่ต้องยัดเยียดหรือบังคับเลยแม้แต่น้อย

แถมลูกยังมีความสุขอย่างมาก ที่ได้คำนวนเลข และยังสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างลูกกับพ่อแม่ได้อย่างแนบแน่น

โดย ดร.เอ้ ได้เผย 9 ข้อ จากประสบการณ์ส่วนตัว ที่คุณพ่อคุณแม่ สามารถลองนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม ดังนี้...

1. เริ่มสอนจาก ‘การนับเลข’ นับนิ้ว นับคน นับของ นับต้นไม้ ธรรมชาติรอบตัว สอนนับเลขให้เร็วที่สุด ไม่ต้องรอให้ลูกพูดได้ทุกคำ นับบ่อยๆ นับทุกวัน เจออะไรให้นับ แม้จะง่าย แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด

2. เริ่ม ‘บวก’ และ ‘ลบ’ ใช้นิ้วมือ ง่ายที่สุด ตามด้วยใช้การ ‘ขีด’ หากมีกระดานดำเล็กๆ ราคาถูก คุ้มค่ามาก มีตั้งแต่ไม่ถึงร้อยบาท ไม่ต้องซื้อของแพง

3. สอนให้ลูก ‘มองเห็นภาพ’ คือ จุดเริ่มต้นของการคิดเลขในใจ เด็กทำได้ทุกคน ขอให้สม่ำเสมอ ทุกวันๆ การมองภาพ พ่อแม่จะวาดเอง หรือ มีสื่อการสอนมากมาย ช่วยพัฒนาทั้งความจำ และตรรกะ

4. อย่ารีบให้ลูกใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ให้เริ่มจากดินสอ-กระดาษ ชอล์ก-กระดานดำ ให้ลูกใช้นิ้ว ให้มือ ให้มากที่สุด ไม่ต้องกังวลเรื่องความสวยงาม 

5. Youtube มีประโยชน์ หากใช้ภายใต้การดูแลของพ่อแม่ ขอยอมรับว่าเนื้อหาสอนคณิตศาสตร์จาก Youtube ดีมาก สนุก ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งภาษา

6. พ่อแม่ต้องมีส่วนร่วม ตั้งแต่การนับเลข คำนวณ พร้อมกับลูกทุกวัน เพราะครูที่ดีที่สุดในโลก คือ ‘พ่อแม่’ ไม่เสียเวลาอะไรมาก ใช้เวลาคิดเลขด้วยกันไม่กี่นาที แต่มันเปลี่ยนอนาคตลูกได้เลย

7. หมั่นสร้างโจทย์ สร้าง ‘ความท้าทาย’ ให้กับลูก เสมือนเกม ที่ต้องเล่น ต้องผ่านไปให้ได้ เริ่มต้นจากง่าย ให้ลูกภูมิใจ จนถึงยาก ให้ต้องคิด ต้องมุ่งมั่น เพื่อแก้โจทย์ให้สำเร็จ

8. ‘คำชม’ และ ‘กำลังใจ’ คือ พลังวิเศษ สร้างอนาคตลูก เมื่อลูกทำโจทย์ง่ายๆ สำเร็จ ทั้งส่งเสริมให้ลูกกล้าฝัน และตั้งเป้าหมายชีวิตให้สูง เช่น อยากเป็นนักบินอวกาศ อยากไปดาวพฤหัส อยากเป็นโน่นนี่ แต่พ่อแม่ต้องอย่าขัดคอ ถึงแม้ว่าเราจะรู้ว่า มันยากมาก แต่ใครจะรู้ มันอาจเป็นจริงก็ได้ และอย่าลืมบอกลูกว่า ‘จะไปถึงเป้าหมายได้ อันดับแรก คือ การตั้งใจเรียนรู้’ จากนั้นลูกจะมุ่งมั่น เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องบังคับเลย

9. ให้ลูกคิดว่า ‘ความผิดพลาด’ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่มีใครทำถูกไปทุกเรื่อง เขาจะกล้าคำนวณ ทำโจทย์ยากขึ้นอย่างมหัศจรรย์ ไม่กลัวจะตอบผิด ถือเป็นการเรียนรู้ชีวิตไปด้วย

ดร.เอ้ ยังบอกอีกว่า จากประสบการณ์ส่วนตัว ในฐานะพ่อที่มีลูกเล็ก ไม่มีถูกผิดในทุกๆ การเรียนรู้ แต่ขอให้คุณพ่อคุณแม่ให้ ‘เวลาที่มีคุณภาพ’ บวกกับ ‘ความอบอุ่นจากการกอด’ ให้มากๆ ตรงนี้จะสร้างลูก สร้างบุคลากรที่มีความมหัศจรรย์ ให้แก่สังคมได้ในอนาคตแน่นอน

ชวนเช็กชื่อเก่าจังหวัดในประเทศไทย จังหวัดไหน เคยชื่ออะไรมาก่อน?

ประเทศไทยมีทั้งหมด 77 จังหวัด (รวมกรุงเทพฯ) แต่ละจังหวัดต่างก็มีชื่อเรียกแตกต่างกัน ซึ่งก็เป็นชื่อที่เราคุ้นหูกันดี แต่ก่อนจะกลายมาเป็นชื่อในปัจจุบัน แต่ละจังหวัดก็มี ‘ชื่อเก่า’ ไว้เรียกขานมาก่อน 

วันนี้ THE STATES TIMES ได้รวบรวมมาไว้ให้แล้ว แต่ละจังหวัดเคยชื่อว่าอะไรบ้าง มาดูกัน…

'เพลงชาติ' ในแต่ละประเทศอาเซียน มีความยาวกี่นาที

รู้หรือไม่? ทุกประเทศในอาเซียนต่างก็มี ‘เพลงชาติ’ เป็นของตนเองทั้งนั้น ซึ่งเพลงของแต่ละประเทศก็จะมี ‘ความหมาย’ และ ‘ความยาว’ ของเพลงแตกต่างกันไป 

สำหรับ ‘เพลงชาติไทย’ ที่เราได้ยินทุก ๆ 8 โมงเช้าและ 6 โมงเย็น มีความยาวเพลงเพียงแค่ 44 วินาทีเท่านั้นเอง 

ส่วนของประเทศอื่นจะความยาวเท่าไหร่ วันนี้ THE STATES TIMES รวบรวมมาให้แล้ว มาดูกัน…

ส่อง 10 อันดับสูงสุด!! ยอดจองรถ Motor Expo 2023 (29 พ.ย.-11 ธ.ค.)

(12 ธ.ค. 66) นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน ‘มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40’ หรืองาน MOTOR EXPO 2023 เปิดเผยภายหลังงานได้ปิดฉากลงไปอย่างเป็นทางการ หลังจากจัดงานมาตลอดระยะเวลา 13 วัน (29 พ.ย.-11 ธ.ค.) พบว่า มียอดจองรถยนต์ในงานจำนวน รถยนต์ 53,248 คัน จักรยานยนต์ 7,373 คัน

โดยข้อมูลจาก ผู้ร่วมกิจกรรม ‘ซื้อรถ…ชิงรถ’ พบว่า มีผู้ร่วมกิจกรรมสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว 22.4% โดยเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป 61.6% และเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 38.4%

ขณะที่รถยนต์ที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรมสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ HONDA, TOYOTA, CHANGAN ส่วนรถรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ที่มียอดจองสูงสุด ได้แก่ CHANGAN, BYD, AION

ประเภทรถที่ได้รับความสนใจสูงสุด รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) 57.3 % รถเก๋ง 18.3 % รถท้ายลาด10.4 % รถกระบะ 9.5 % และอื่น ๆ 4.5 %

ด้านรถจักรยานยนต์ที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรม ‘ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์’ สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ YAMAHA, LAMBRETTA, และ EM

สำหรับราคาเฉลี่ยของรถที่ขายได้ในงาน 1,323,962 บาท รถจักรยานยนต์เฉลี่ย 198,488 บาท และมีเม็ดเงินหมุนเวียนในงานประมาณ 7.2 หมื่นล้านบาท ผู้เข้าชมงาน 1,503,030 คน ขณะที่ JOIN BOAT PLATFORM ที่เป็นศูนย์รวมธุรกิจเรือ กิจกรรมทางน้ำ และ AVIATION ZONE ที่จัดแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยี สถาบันฝึกอบรมด้านการบิน ธุรกิจเครื่องบินเช่าเหมาลำ ได้รับความสนใจสามารถ สร้างยอดเงินสะพัด 2 โซน รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า สำหรับยอดจองรถยนต์ จักรยานยนต์สูงสุดจากการแจ้งยอดจองภายในงาน MOTOR EXPO 2023 10 อันดับแรก มีดังนี้

1.Toyota จำนวน 7,245 คัน
2.Honda จำนวน 6,149 คัน
3.BYD จำนวน 6,119 คัน
4.GAC Aion จำนวน 4,568 คัน
5.MG จำนวน 3,568 คัน
6.CHANGAN จำนวน 3,549 คัน
7.GWM จำนวน 3,524 คัน
8.ISUZU จำนวน 2,460 คัน
9.NISSAN จำนวน 2,459 คัน
10.MAZDA จำนวน 1,961 คัน

ส่วนรถจักรยานยนต์ ขายดีได้แก่

1.YAMAHA จำนวน 1,204 คัน
2.LAMBRETTA จำนวน 909 คัน
3.FELO จำนวน 613 คัน
4.ROYAL ENFIELD จำนวน 610 คัน
5.EM จำนวน 519 คัน

อาหารไทยสุดยอด!! ติด 1 ใน 5 ประเทศ ที่มี 'อาหารดีต่อสุขภาพที่สุดในโลก' ประจำปี 2566

‘ไทย’ คว้าที่ 5 ประเทศที่มีอาหารดีต่อสุขภาพที่สุดในโลก ปี 2566 จากการจัดอันดับของนิตยสาร Insider Money ภายใต้หลักเกณฑ์ 3 ประการ ประกอบด้วย การวัดคุณค่าอาหารในท้องถิ่นว่ามีสุขอนามัยที่ดีเพียงใด, อัตราโรคอ้วน และเบาหวานโดยรวมในแต่ละประเทศ ซึ่งอ้างข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO)

สำหรับเหตุผลที่จัดให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 5 นั้น เพราะส่วนใหญ่อาหารไทยมีรสชาติเผ็ดร้อน และเครื่องเทศบางชนิดที่โดดเด่นสำหรับการปรุงอาหาร ได้แก่ ขมิ้น, กระเทียม, หัวหอม และตะไคร้ เป็นที่รู้กันว่า มีคุณสมบัติ 'ต้านการอักเสบ' และ 'ต้านมะเร็ง' 

นอกจากนี้ ไทยยังขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ด้วยผักสีเขียว และอาหารทะเล อีกด้วย

'สุริยะ' มอบหมายทุกหน่วยงานรองรับการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมแนะ 15 สถานที่ท่องเที่ยวให้เช็กอิน ✨🇹🇭

(7 ธ.ค.66) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามนโยบายคมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน จึงให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมในทุกมิติ เพื่อรองรับการท่องเที่ยว สนับสนุนและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย พร้อมแนะนำ 15 สถานที่ท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยกรมทางหลวง (ทล.) และ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้เตรียมความพร้อมในทุกมิติ พร้อมขานรับตามนโยบายดังกล่าว ดำเนินการเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจและมีความทรงจำที่ดีกลับไปในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 จึงขอเชิญชวนนักเดินทางท่องเที่ยวสัมผัสเส้นทางสายธรรมชาติสูดอากาศบริสุทธิ์ในการเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายบนทางหลวงหมายเลข 1009 (ทล.1009)

โดย ทล. และ ทช. ได้ดำเนินการพัฒนาพื้นที่โดยรอบโครงสร้างพื้นฐานให้มีทัศนียภาพสวยงาม พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ และกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น ปัจจุบันมีถนนและสะพานหลายเส้นทางทั่วทุกภูมิภาคและพร้อมเปิดให้บริการพี่น้องประชาชนได้มาท่องเที่ยวผ่านถนนและสะพานสวย ๆ ใน 5 ภูมิภาค โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่จะถึงนี้ มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน จึงคาดการณ์ว่าจะมีพี่น้องประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก 

โดย 15 แหล่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และจุดเด่นการท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค ได้แก่

1.ยอดดอยอินทนนท์ จุดสูงสุดแดนสยาม ตั้งอยู่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,565 เมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ประชาชนสามารถสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ชมวิวธรรมชาติภูเขาและทะเลหมอก ปัจจุบันบริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งสถานีเรดาร์และสถานีทำการของทหารอากาศ ประชาชนสามารถเยี่ยมและกราบพระพุทธศาสดาประชานาถ หอพระพุทธศาสดาประชานาถ นับเป็นพระพุทธรูปบูชาที่กองทัพอากาศจัดสร้างในโอกาสครบรอบ 100 ปี การทิวงคต จอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ ‘พระบิดาแห่งกองทัพอากาศ’ จากนั้นไปสักการะพระสถูปของพระเจ้าอินทรวิชยานนท์ เพื่อขอพรเพิ่มสิริมงคลเสริมดวงให้กับตัวเองต้อนรับปีใหม่ 2567

2.เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา เป็นเส้นทางเดินสบาย ๆ ลัดเลาะเข้าไปในผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์และชมความสวยงามจากพันธุ์ไม้หายาก เช่น ต้นกุหลาบพันปี สถานที่แห่งนี้มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดมาสัมผัสโอโซนบริสุทธิ์

3.กิ่วแม่ปาน จุดชมวิวทะเลหมอกสุดฮิตที่บรรดานักท่องเที่ยวต้องไม่พลาด มีลักษณะเป็นป่าธรรมชาติสลับทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ นักท่องเที่ยวสามารถชมบรรยากาศ สัมผัสทะเลหมอก และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าได้อย่างน่าประทับใจ

4.พระมหาธาตุนภเมทนีดล - นภพลภูมิสิริ ‘มหาธาตุคู่’ ซึ่งกองทัพอากาศสร้างขึ้นน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อเป็นมิ่งมงคลแก่ประชาชนในแผ่นดินไทยร่มเย็นเป็นสุขชั่วนิรันดร์ บริเวณโดยรอบของพระมหาธาตุทั้งสอง ตกแต่งด้วยสวนดอกไม้เมืองหนาว และการจัดสวนดอกไม้ประดับที่เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศที่มีความสวยเด่นและสง่างาม

5.อุทยานแห่งชาติดอยผาตั้ง เป็นจุดชมทัศนียภาพไทย - สปป.ลาว อากาศเย็นสบายและชมทะเลหมอกได้ตลอดปี โดยเฉพาะเดือนธันวาคม - มกราคม จะมีดอกพญาเสือโคร่งบานสะพรั่งรอรับนักท่องเที่ยว ระหว่างทางเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวจีนฮ่อ ม้ง และเย้า ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านอีกด้วย

6.กาดม้ง จุดจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์จากชาวเขาเผ่าต่าง ๆ รวมทั้งผัก ผลไม้ อาหารถิ่นพื้นเมือง

7.จุดพักนักเดินทาง โดยแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 1 สถานที่ให้บริการข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว ห้องน้ำ และลานกางเต็นท์ฟรี ตั้งอยู่บน ทล.1009 ที่ กม. 30+700

8.โครงการหลวงดอยอินทนนท์ นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดจุดนี้ ชอป ชม ชิม ผลิตภัณฑ์โครงการหลวงจบในที่เดียว

9.สถานีวิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) เดินทางบน ทล.1009 ที่ กม. 30+300 เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงชนบทหมายเลข 1284 ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร ถึงแหล่งชมวิวอุโมงค์พญาเสือโคร่งที่สวยงามและโรแมนติก ภายในพื้นที่ศูนย์วิจัยสามารถชมแปลงไม้พืชและผลเมืองหนาว

10.เส้นทางศึกษาธรรมชาติผาดอกเสี้ยว มีไฮไลต์สำคัญ คือ น้ำตกผาดอกเสี้ยว เป็นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ บรรยากาศสดชื่น ชุ่มฉ่ำกับธารน้ำตกใสไหลเย็น

11.ภาคเหนือ ถนนสาย มส.4009 ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีจุดชมวิวและศาลาชมวิวที่นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทุ่งดอกบัวตองได้ 360 องศา ถือเป็นหนึ่งใน Amazing Thailand ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตควรหาโอกาสไปชมให้ได้ โดยดอกบัวตองจะบานเพียงปีละครั้งเท่านั้น สำหรับการเดินทางมายังทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร ใช้เส้นทางไปยังอำเภอขุนยวม ทล.108 (แม่ฮ่องสอน - ขุนยวม) แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ทล.1263 ที่สามแยกขุนยวม และเข้าสู่ถนนสาย มส.4009 ตามป้ายแนะนำเส้นทางแหล่งท่องเที่ยว

12.ภาคกลาง สะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2538 เพื่อเป็นโครงข่ายถนนรองรับการขนถ่ายลำเลียงสินค้าจากท่าเรือกรุงเทพต่อเนื่องไปจนถึงพื้นที่อุตสาหกรรมในจังหวัดสมุทรปราการ และภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศ เพื่อไม่ให้รถบรรทุกสัญจรเข้าไปในตัวเมืองหรือทิศทางอื่น อันจะเป็นสาเหตุของการจราจรติดขัดโดยรอบ ซึ่งไม่เพียงแต่การกระจายการจราจรไปยังทิศทางต่าง ๆ แต่ยังเชื่อมระหว่างเขตราษฎร์บูรณะและเขตยานนาวา กับอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ทำให้ประชาชนชาวพระประแดงและสมุทรปราการ สามารถเข้าสู่กรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกสบาย ประชาชนสามารถชมความสวยงามของสะพานดังกล่าวได้ อีกทั้งในช่วงเทศกาลและวันสำคัญจะมีการเปิดไฟประดับสะพานยามค่ำคืนที่ตระการตาเป็นอย่างมาก

13.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สะพานเทพสุดา จังหวัดกาฬสินธุ์ สะพานข้ามน้ำจืดข้ามอ่างเก็บน้ำลำปาว ประชาชนสามารถชมพระอาทิตย์ตกดินในยามเย็นบนสะพานโดยมีภูเขาเป็นฉากหลังเสริมให้ทัศนียภาพงดงาม รวมทั้งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้ คือ รูปปั้นไดโนเสาร์ ที่ตั้งอยู่บริเวณปลายสะพานทั้งสองฟากสะพานเทพสุดา และชมวิถีชีวิตการทำประมงของชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนของการเดินทางจากตัวเมืองกาฬสินธุ์ ใช้ ทล.227 มุ่งหน้าไปอำเภอสหัสขันธ์ ประมาณ 32 กิโลเมตร และเลี้ยวซ้ายบริเวณสี่แยกเข้าสู่ถนนสาย กส.3056 ขับตรงไปตามเส้นทางประมาณ 6.6 กิโลเมตร จนถึงสะพานเทพสุดา

14.ภาคใต้ ถนนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดพัทลุง เป็นสะพานยกระดับที่ยาวที่สุดในประเทศไทยตามแนวทะเลน้อยกับทะเลหลวงของทะเลสาบสงขลา เชื่อมระหว่างจังหวัดพัทลุงและสงขลา รวมระยะทาง 5.450 กิโลเมตร โดยในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคมของทุกปี เป็นช่วงที่ดอกบัวแดงบานเหมาะกับการล่องเรือชมวิวและเป็นจุดชมนกน้ำนานาพันธุ์ สำหรับการเดินทางมายังถนนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ (พท.5050) สามารถเดินทางโดยเริ่มจากสี่แยกเอเชียพัทลุงวิ่งไปบน ทล.41 จนถึงสี่แยกโพธิ์ทอง อำเภอควนขนุน จากนั้นให้เลี้ยวขวาเข้า ทล.4187 ระยะทาง 17 กิโลเมตร และเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสาย พท.4007 ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ

15.ภาคตะวันออก ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต หรือถนนเลียบชายฝั่งทะเลตะวันออกของอ่าวไทย มีแลนด์มาร์กอย่างจุดชมวิวเนินนางพญาที่สามารถมองเห็นวิวทะเลกับถนนที่คดเคี้ยวสวยงาม รวมทั้งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง โดยสามารถขับรถชมวิวทะเล หรือปั่นจักรยานจากปากน้ำประแส จังหวัดระยอง มาจรดเนินนางพญาที่มีอ่าวคุ้งกระเบนของจังหวัดจันทบุรีได้เช่นกัน การเดินทางมาถนนเฉลิมบูรพาชลทิตนั้น จากตัวเมืองจังหวัดชลบุรี ใช้ ทล.344 และ ทล.3 มุ่งหน้าไปยังจังหวัดจันทบุรี ถึงสามแยกประแสร์ เลี้ยวขวาเข้า ทล.3162 เมื่อถึงแยกคลองปูน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ขับไปตามทางเรื่อย ๆ เลยอ่าวคุ้งวิมาน ไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร จะถึงเนินนางพญา

นอกจากนี้ ถนนและสะพานยังเป็นเส้นทางเชื่อมต่อที่สำคัญต่อวิถีชีวิต เศรษฐกิจ การคมนาคมภายในประเทศ ซึ่งสามารถช่วยยกระดับความเจริญให้กับประชาชนในพื้นที่ และยังเป็นจุดเด่นในการนำนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในชุมชนได้อีกทางหนึ่ง ส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในท้องถิ่นทั้ง 5 ภูมิภาคของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ขอส่งความห่วงใยไปถึงประชาชน ตรวจเช็กสภาพรถก่อนออกเดินทาง และระมัดระวังการใช้รถใช้ถนน ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งคัด เพื่อความสะดวกปลอดภัยในการเดินทาง และไปสู่จุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ

ด้วยความห่วงใยทางกระทรวงคมนาคม ขอให้ผู้ขับขี่พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ฝืนร่างกาย หากอาการเหนื่อยล้าให้จอดพักในจุดท่องเที่ยวหรือจุดพักรถตามสายทาง รวมทั้งตรวจสอบสภาพรถให้มีความพร้อมสำหรับเส้นทางภูเขา ที่สำคัญขอให้ใช้เกียร์ต่ำในช่วงทางลงเขา และหากพบว่าระบบเบรกมีปัญหาหรือได้กลิ่นไหม้ ขอให้จอดพักบริเวณจุดจอดรถฉุกเฉิน อาทิ กม. ที่ 40+142 หรือ 39+142 บริเวณด่านตรวจอุทยาน จุดที่ 2 จุดพักรถหมวดทางหลวงจอมทอง กม. ที่ 30+700 และบริเวณทางเข้าน้ำตกต่าง ๆ ตลอดสายทาง

แยกให้ออก!! ‘สิทธิบัตรทอง VS สิทธิประกันสังคม’ ต่างกันอย่างไร?

‘การรักษาพยาบาล’ เป็นเรื่องน่ากังวลลำดับด้น ๆ ของคนไทย เนื่องจากมีภาพจำว่าจะต้องเสียเงินจำนวนมากต่อการเจ็บป่วยในแต่ละครั้ง และหากต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลก็จะทำให้ขาดรายได้ สูญเสียโอกาสทำมาหากิน และส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพเป็นทอดๆ

แต่สิ่งที่เข้ามาช่วยเหลือ ช่วยบรรเทาทุกข์ให้เบาลงก็คือ ‘สิทธิบัตรทอง’ และ ‘สิทธิประกันสังคม’ ซึ่งทั้ง 2 สิทธินี้มีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน วันนี้ THE STATES TIMES ได้รวบรวมเงื่อนไขการใช้สิทธิมาให้แล้ว จะแตกต่างกันอย่างไร มาดูกันค่ะ…

👉บัตรทองหรือบัตร 30 บาท (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ)
 📌ไม่มีค่าใช้จ่าย ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และไม่มีวงเงิน เพียงลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการหรือสถานพยาบาลประจำตัวแล้วใช้สิทธิได้ทันทีโดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว
 📌ใช้กับสถานพยาบาลประจำที่ลงทะเบียนไว้ หรือเจ็บป่วยต่างพื้นที่เข้าสถานพยาบาลปฐมภูมิที่ไหนก็ได้
 📌เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติถึงแก่ชีวิต (สีแดง) เข้าสถานพยาบาลรัฐและเอกชนที่อยู่ใกล้ (สิทธิ UCEP เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิทุกที่)

 📌มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย/เบื้องต้น ไม่ว่าสิทธิบัตรทองจะอยู่ที่สถานพยาบาลใด ก็เข้ารับบริการตามรายการนี้ได้
✅️เจ็บป่วยเล็กน้อย 16 กลุ่มโรค/อาการ ปรึกษาเภสัชกรและรับยาที่ร้านยากว่า 1,000 แห่งที่เข้าร่วมได้ทั่วประเทศ
✅️เจ็บป่วยเล็กน้อย 32 กลุ่มโรค/อาการ รับบริการที่คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่นกว่า 600 แห่งที่เข้าร่วมได้ทั่วประเทศ
✅️เจ็บป่วยเบื้องต้น 42 กลุ่มโรค/อาการ พบหมอออนไลน์ รอรับยาจัดส่งถึงบ้านได้ในพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร

 📌การย้ายหรือเปลี่ยนสถานพยาบาลประจำตัวทำได้ 4 ครั้งต่อปีงบประมาณ ใช้สิทธิได้ทันทีเมื่อเปลี่ยนแล้ว
 📌ครอบคลุมการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข สร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ตรวจวินิจฉัยโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็น
 📌ครอบคลุมค่าอาหารและค่าห้องสามัญเมื่อต้องแอดมิทที่โรงพยาบาล
 📌ได้เพียงสิทธิรักษาฟรี (บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข) ไม่มีเงินชดเชยว่างงาน เกษียณ เสียชีวิต เหมือนประกันสังคม

--------------

👉ประกันสังคม (ผู้ประกันตน)
 📌ต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนทุกเดือน ตามเงื่อนไขจึงจะสามารถใช้สิทธิได้
 📌ใช้กับโรงพยาบาลที่เลือกสิทธิไว้ กรณีฉุกเฉินเข้าที่ไหนก่อนก็ได้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย
 📌เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติเข้าสถานพยาบาลรัฐและเอกชนที่อยู่ใกล้ (สิทธิ UCEP เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่)
 📌ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ไม่มีวงเงิน และไม่เสียค่าใช้จ่ายครอบคลุมการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข สร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ตรวจวินิจฉัยโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็น
 📌การย้ายสถานพยาบาลประจำตัวย้ายได้ปีละ 1 ครั้ง
 📌ถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน ไม่เกิน 900 บาท/ปี
 📌ค่าห้องและค่าอาหาร ไม่เกิน 700 บาท/วัน
 📌ได้รับเงินชดเชย กรณีว่างงาน เกษียณ เสียชีวิต

💢หมายเหตุ:
1. บัตรทองหรือบัตร 30 บาทมีได้ทุกคน หากไม่มีสวัสดิการรักษาพยาบาลอื่นของรัฐ (ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการและครอบครัว เป็นต้น)
2. พนักงานบริษัทได้สิทธิประกันสังคมอัตโนมัติ
3. กรณีลาออกจากงาน และไม่อยากส่งประกันสังคมต่อ (มาตรา 39 ) สามารถใช้สิทธิบัตรทองหรือบัตร 30 บาทได้ แต่ต้องลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการประจำก่อน

4. ผู้ประกันตนมาตรา 40 ใช้สิทธิ ‘บัตรทองหรือบัตร 30 บาท’ รักษาพยาบาล หรือหากได้รับสิทธิเบิกจ่ายตรงจากกรมบัญชีกลาง ก็ยังคงได้รับสิทธิได้ตามปกติ (มาตรา 40 ไม่ได้ให้ความคุ้มครองในเรื่องค่ารักษาพยาบาล แต่ให้เป็นเงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีประสบอันตราย/เจ็บป่วย และกรณีทุพพลภาพ รวมถึงได้รับเงินค่าทำศพ กรณีตาย ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด)

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 0 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง (โทรฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย)


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top